หลี่หยางหงติดอยู่ในร่างของหลี่หลานซินเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว นางรู้สึกถอดใจเรื่องหาหนทางกลับไปยังโลกของตน ดูเหมือนมิติอีกด้านคงผลักนางเข้ามาเพื่อให้เนื้อเรื่องในบทสุดท้ายของนิยายได้ดำเนินต่อไปจนถึงตอนจบ หลังจากนี้ควรทำเช่นไรดีเล่าในเมื่อนางเข้ามาเปลี่ยนชะตาตั้งแต่วันที่เกิดเพลิงไหม้แล้ว เช่นนั้นมิสู้ใช้ชีวิต ณ ที่แห่งนี้ไปตามครรลองของมันด้วยจิตใจอันนึกปลดปลงเสียเลยดีกว่า
เดิมทีหลี่หลานซินต้องถูกจับได้ ทว่าด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด หลี่หยางหงที่อยู่ในร่างของนางร้ายกลับพลิกสถานการณ์ให้หลี่หลานซินรอดพ้นจากง้าวปีศาจห่าธนูไปอย่างหวุดหวิด
"ตอนจบ ไม่ให้นางร้ายมีอันเป็นไป ถ้าแบบนี้จะทำยังไงดีนะ เข้ามาแล้วก็เหมือนเขียนตอนจบใหม่ ทว่าหมากกระดานนี้มันยากเกินไปแล้ว พระเอกกับนางเอกรักกันหรือยัง ทำไมที่ผ่านมาความสัมพันธ์มันเชื่องช้านักล่ะ"
หลี่หลานซินกอดอก มืออีกด้านเกาคางครุ่นคิด หัวคิ้วเริ่มเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม ขาเรียวเยื้องย่างเดินวนไปมา ตระหนักอย่างไรก็นึกไม่ตก นางอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ทว่ากลับรู้สึกว่าตนกำลังมุ่งสู่ทางตันอีกตามเคย
ก๊อก ก๊อก
"คุณหนู เรียบร้อยหรือยังเจ้าคะ"
หลี่หลานซินสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงสาวใช้ของตนร้องเรียก
"อะ...อ้อ เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว"
นางรีบยกกระโปรงสาวเท้าไปที่หน้าบานประตู แล้วจึงเปิดออกเดี๋ยวนั้น
"คุณชายเจียงมารอท่านนานแล้วเจ้าค่ะ"
"อืม" หลี่หลานซินพยักหน้าเข้าใจ
วันนี้คือเทศกาลหยวนเซียว ในที่สุดหลี่หลานซินจะได้เที่ยวชมงานเทศกาลโคมไฟของยุคจีนโบราณตามที่ตนใฝ่ฝันเสียที นางอยากสัมผัสบรรยากาศแปลกใหม่เช่นนี้จนเนื้อเต้น ไม่รู้ด้านนอกนั้นงดงามสมกับจินตนาการของตนหรือไม่
หลายเดือนมานี้ความสัมพันธ์ของหลี่หลานซินและเจียงห่ายกวงเป็นไปในทิศทางอันดี นางคิดว่าตนแอบมีใจให้คุณชายเจียงหน่อย ๆ เสียแล้ว ทว่ากลับยังไม่มั่นใจเท่าใด เอาเป็นว่าคบหาเป็นสหายกันไปพลาง ๆ ก่อนก็แล้วกัน
ถึงแม้นางถูกคุณชายโม่ซึ่งหลี่หลานซินคนเดิมพร่ำเพ้อว่าชอบนักชอบหนารังเกียจเข้าให้ ทว่าหลี่หลานซินคนใหม่มีหรือจะใส่ใจ นักเขียนผู้หนึ่งจับพลัดจับผลูมาอยู่ในร่างนางร้ายล้วนเป็นลิขิตสวรรค์ กระนั้นกลับได้พระเอกส่วนตัวอย่างถูกอกถูกใจนัก ซ้ำยังแสนดีที่หนึ่งอีกด้วย เคยได้ยินหรือไม่ พระเอกเป็นของนางเอก ส่วนพระรองเป็นของทุกคน ทว่าสำนวนในวันนี้คงต้องเปลี่ยนเป็น พระรองเป็นของนางร้ายเช่นนางเสียแล้ว
สตรีเพรียวบางในอาภรณ์สีแดงงดงาม ผิวขาวราวงาช้างสาดสะท้อนเข้าดวงตาชายหนุ่มส่งผลให้ต้องยืนตะลึงอึ้งงั้นไปชั่วขณะ หลี่หลานซินกระโดดโหยงไปเบื้องหน้าคุณชายเจียงราวม้าดีดกะโหลก ช่างดูขัดต่อภาพลักษณ์เสียนี่ปะไร
"คุณชายเจียง" ริมฝีปากสีกุหลาบฉีกยิ้มกว้าง ปัดมือผ่านหน้าหล่อเหลาไปมา
เจียงห่ายกวงกระแอมเบาเมื่อหลุดจากภวังค์ เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อเป็นการให้เกียรติอีกฝ่าย
"ไอหยา หลานซิน เจ้าเป็นสตรีทำตัวราวม้าดีดกะโหลกเช่นนั้นได้อย่างไร คุณชายตกใจหมดแล้ว"
หลี่จิ้งตงกล่าวปราม หน้านิ่วคิ้วขมวดส่ายศีรษะเป็นพัลวัน
"ท่านพ่อ ม้าดีดกะโหลกอะไรกันเจ้าคะ ข้าเพียงแค่ตื่นเต้นนิดหน่อย"
"ตื่นเต้นอะไรของเจ้า ใช่ว่าไม่เคยออกไปเที่ยวเทศกาลหยวนเซียวเสียหน่อย พ่อก็พาเจ้าไปทุกปี"
"ไม่เหมือนกันนี่เจ้าคะ"
"ไม่เหมือนอย่างไร...อ้อ...ไม่เหมือน เพราะวันนี้ไม่ได้ไปกับพ่อ ทว่าไปกับบุรุษรูปงามเช่นนั้นหรือ"
หลี่หลานซินเบิกตากว้าง ส่วนเจียงห่ายกวงกลับยืนเก้ ๆ กัง ๆ หูแดงหน้าแดงไปเสียหมด
"ท่านพ่อ พูดจาขายหน้าใดเจ้าคะ นี่ลูกสาวท่านนะเจ้าคะ"
"เจ้ายังรู้ตัวหรือว่าเป็นลูกสาวของข้า คิดว่าลืมไปแล้วเสียอีกว่าตัวเองเป็นสตรี" หลี่จิ้งตงจิ๊ปาก
หลี่หลานซินสาวเท้าเข้าใกล้บิดาตน นางเกาะท่อนแขนอวบอ้วนอย่างนึกออดอ้อน "โถ ท่านพ่อของข้าแสนดีที่หนึ่งหาใครเทียมเทียบ อีกอย่างเราก็ทานถังหยวนด้วยกันแล้วนะเจ้าคะ ซ้ำวันนี้ท่านบอกว่าไม่ว่าง เช่นนั้นข้าก็มีเพียงคุณชายเจียงเป็นสหาย หากไม่ไปกับเขา ท่านจะให้ข้าไปกับสหายสตรีนางใดเล่า ข้ามีสักคนหรือไม่"
หลี่จิ้งตงพ่นลมหายใจอ่อน หลี่หลานซินไร้มิตรสหายเช่นนี้ควรโทษผู้ใดกันเล่า คงต้องโทษตัวเขาเองที่เลี้ยงลูกอย่างตามใจ ไม่ว่าใครล้วนเปรียบนางดั่งคุณหนูขี้วีน ขี้อิจฉา ไม่มีผู้ใดชอบใจ หรืออยากเข้าใกล้นางสักราย เพียงเห็นหน้าของหลี่หลานซิน สตรีเหล่านั้นพลันเข็ดขยาด เกรงว่าภัยร้ายจะมาจวนตัว จึงพากันปลีกกายให้พ้นทางคุณหนูผู้นี้อยู่ร่ำไป
"เอาเถอะ ๆ วันนี้พ่อไม่ได้ไปด้วยก็ดูแลตัวเองดี ๆ เล่า" หลี่จิ้งตงลูบศีรษะบุตรสาวด้วยความรักใคร่ เขาผินหน้ามองบุรุษผู้เป็นสหายเพียงหนึ่งเดียวของหลี่หลานซิน
"คุณชายเจียง ข้าฝากหลานซินไม่กี่ชั่วยาม หวังว่าคงไม่ทำให้ท่านลำบากใจ หากนางดื้อรั้นท่านก็ตำหนินางได้เต็มที่ ขอเพียงอย่างเดียวอย่าได้คลาดสายตาจากนางเป็นพอ"
เจียงห่ายกวงระบายรอยยิ้มอบอุ่น "เถ้าแก่หลี่ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะดูแลนางอย่างดีขอรับ"
หลี่หลานซินยู่หน้า "ท่านพ่อ สั่งเสียราวจะยกลูกสาวให้คนอื่น จะบ้าหรืออย่างไร ข้าโตแล้วไม่คลาดสายตาอะไรกัน"
"บ๊ะ! เจ้านี่พูดจาไม่อายหรือไร หากคลาดสายตาแล้วเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นวันนั้นข้าคงได้ขาดใจเป็นแน่ ไปได้แล้วคุณชายเจียงมารอนานมากแล้ว"
เจียงห่ายกวงยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ หากเป็นไปได้เขาแทบอยากให้เถ้าแก่หลี่ผู้นี้ยกบุตรสาวของตนให้เขาจริง ๆ เจียงห่ายกวงชมชอบหลี่หลานซินมาเนิ่นนานมากแล้ว เพียงแต่นางไม่เคยชายตามองเขาสักครา ผู้ที่อยู่ในสายตาของนางกลับมีเพียงคุณชายโม่เท่านั้น
บางคราเจียงห่ายกวงเคยแอบถอดใจยอมลดสถานะเป็นสหายกับนาง ทว่าหลังจากเหตุการณ์วันนั้น ดูเหมือนหลี่หลานซินมีท่าทีต่อเขาดีขึ้น ซ้ำยังไม่เคยปริปากถึงโม่จ้าวหยวนให้ได้ยินสักคำ ไม่รู้ผีสางตนใดกำลังดลใจนางกันแน่ หากไม่แล้วหลี่หลานซินอาจคิดได้ว่าการรักคนที่เขาไม่รักมันช่างน่าสมเพชเพียงใด เฉกเช่นที่เขากำลังพบเจออย่างไรเล่า เป็นเช่นนี้หัวใจของเขาก็พลอยรู้สึกดีใจเป็นหนักหนา เจียงห่ายกวงจึงคิดว่าตนยังพอมีหวัง แม้อาจดูริบหรี่ก็ตามที
"ไปกันเถอะคุณชายเจียง" หลี่หลานซินส่งยิ้มละไมให้เขา
"อะ...อ้อ...ได้ ไปกันเถิด"
เจียงห่ายกวงหลุดจากภวังค์ เขาเร่งสาวเท้าตามสตรีเบื้องหน้าไปอย่างหน้าชื่นตาบาน ถิงถิงพลันสับเท้าเป็นระวิงตามหลังไปพร้อมกับผู้ติดตามของเจียงห่ายกวงเช่นเดียวกัน
"หยวนเอ๋อร์ วันนี้เจ้าทั้งสองไม่ต้องไปช่วยงานหรอกนะ" ฮูหยินโม่กล่าวขณะกำลังคีบอาหารส่งให้บุตรชายและหลี่หลานซินโม่จ้าวหยวนงุนงง "ทำไมเล่าขอรับ"หลี่หลานซินก็อยากรู้เช่นกัน ตะเกียบซึ่งกำลังส่งเข้าปากจึงหยุดชะงักลง เจ้าของใบหน้าสะสวยตามวัยแย้มยิ้ม กวาดสายตามองทั้งสอง "พวกเจ้าแต่งงานกันมากี่เดือนแล้ว"โม่จ้าวหยวน "ท่านแม่ นี่ท่านจำไม่ได้เชียวหรือขอรับ น่าจะหกเดือนแล้วกระมัง""นั่นปะไร ตั้งหกเดือน เรื่องที่แม่และพ่อของเจ้าขอเอาไว้ เมื่อใดกันเล่า"โม่จ้าวหยวนและหลี่หลานซินเหลียวมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างขมวดคิ้วด้วยความงุนงง "เรื่องใดหรือขอรับ""นี่น่ะ เจ้าทั้งสองมัวแต่ยุ่งกับงานที่บ้าน แทบไม่ได้พักผ่อน ร่างกายเลยไม่แข็งแรง เช่นนั้นก็หยุดหลาย ๆ วัน แม่ซื้อบ้านและที่ดินใกล้ธารน้ำตกเอาไว้ เจ้าพาน้องไปเที่ยวด้วยกันเถิด"โม่จ้าวหยวนคลี่ยิ้ม หลี่หลานซินก็เช่นกัน "โธ่ ท่านแม่ ข้าก็คิดว่าเรื่องใด ไปเที่ยวหรอกหรือ แต่ตอนนี้ที่ร้านยุ่งนัก""ยุ่งแล้วอย่างไร ตั้งแต่มีเมียก็กลายเป็นคนขยันขันแข็งเลยหรือ" เสียงทุ้มโพล่งตัดบท&
หลี่หลานซินสังเกตเห็นสีหน้าสตรีฝั่งตรงข้ามเศร้าหมองลง จึงทราบได้ทันทีว่าเปาลี่หม่านรู้สึกเช่นไร"ลี่หม่าน""...""ลี่หมาน""จะ...เจ้าคะ" เปาลี่หม่านสะดุ้งโหยง"เด็กในท้องของเจ้า วางแผนอนาคตเขาไว้เช่นไรหรือ" หลี่หลานซินเอ่ยถามเปาลี่หม่านส่ายศีรษะ "ข้าเองก็ยังไม่รู้เช่นเดียวกันเจ้าค่ะ""เช่นนั้นเอาอย่างนี้หรือไม่ ข้ายินดีรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม และส่งเสียให้เขาได้เรียนสูง ๆ" หลี่หลานซินเอ่ยจบจึงเหลียวมองโม่จ้าวหยวน "ดีหรือไม่เจ้าคะท่านพี่"โม่จ้าวหยวนมิได้คัดค้าน เขายิ้มตอบ "ดีจ๊ะ"ฮูหยินบอกซ้ายสามีเช่นเขาก็ต้องไปทางซ้าย จะหักหลบเลี้ยวผิดทางได้เช่นไร มีหวังแม่แมวน้อยได้อาละวาดบ้านแตกเป็นแน่แล้วทว่าเปาลี่หม่านกลับลุกพรวดขึ้น นางยอบกายลงคุกเข่าทันควัน อาการบาดเจ็บที่มีมลายหายไปสิ้น "ฮูหยินน้อย คุณชายโม่ ข้ารู้สึกละอายยิ่งนักที่คิดทำลายความรักของท่านทั้งสอง ข้าจะมีหน้าให้บุตรของตนสร้างความลำบากแก่พวกท่านอีกได้อย่างไร"หลี่หลานซินดีดกายยืนขึ้น นางรีบสาวเท้าตรงไปยังสตรีที่โขกศีรษะบนพื้นด้วยความเร่งร้อน พลางโอบประค
ยามเช้าวันรุ่งขึ้นเปาลี่หม่านไปพบโม่จ้าวหยวนที่จวนสกุลโม่จริงดังที่รับปากเจียฮ่าวซึ่งรอนางอยู่ก่อนแล้วจึงพานางตรงไปยังจวนสกุลหลี่ตามที่นายของตนฝากฝังเอาไว้ณ จวนสกุลหลี่"คุณชายโม่ ฮูหยินน้อยโม่ เถ้าแก่หลี่"เปาลี่หม่านค้อมศรีษะลงเพื่อเป็นการทักทายหลี่หลานซินเอ่ย "เจ้านั่งลงเถิด กำลังท้องกำลังไส้ เดินเหินต้องระวังหน่อยเล่า"เปาลี่หม่านได้ยินวาจาเป็นห่วงเป็นใยจากปากของหลี่หลานซิน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีพลันย้อนขึ้นเสียจนจุกอก ริมฝีปากพลอยหนักอึ้งราวถูกถ่วงดุล "ขะ...ขอบคุณท่าน ฮูหยินน้อยโม่"ท่อนขาเรียวก้าวย่างกะโผลกกะเผลกไปยังเก้าอี้หลี่หลานซินนิ่วหน้า "ลี่หม่าน ขาเจ้า..."เปาลี่หม่านชะงักฝีเท้าลง นางเหลียวหน้ามองหลี่หลานซิน ใบหน้างดงามระบายรอยยิ้มอ่อน "ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"เท้าอันบาดเจ็บค่อย ๆ ออกเดินต่อหลี่หลานซินรู้สึกเวทนานางนัก จึงพยักหน้าให้ถิงถิงช่วยพยุงอีกฝ่ายจนถึงที่หมาย ทุกคนล้วนจับจ้องเปาลี่หม่านเป็นตาเดียวทำให้นางรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง"คุณชายโม่ ฮูหยินน
เวลาล่วงเลยจนถึงยามโฉ่ว [1] มีเพียงความเงียบสงบท่ามกลางราตรีกาลอันหนาวเหน็บคอยปลอบประโลม หลี่หลานซินรู้สึกอ่อนเพลียจนม่อยหลับไปเมื่อใดก็สุดจะรู้ผ่านไปราวครึ่งชั่วยามหลี่หลานซินพลันสะดุ้งตื่น นางดีดกายลุกขึ้นทันควันนัยน์ตาคู่งามลอบมองผ่านช่องบานประตู กวาดสายตาเหลือบซ้ายแลขวาทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่าหลี่หลานซินยิ้มเยาะ "เหอะ! นี่หรือที่บอกจะไม่ยอมจากไป คำพูดของบุรุษเชื่อถือไม่ได้เลยสินะ"หลี่หลานซินตัดสินใจเปิดประตูเพื่อมองดูว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้วจริงหรือไม่ ขาเรียวสาวเท้าออกมาด้านนอก สอดส่ายสายตามองผ่านความมืดมิด แววตาของนางเต็มไปด้วยความผิดหวังระคนน้อยใจ พลันรู้สึกว่าตนเองช่างงี่เง่านัก บนโลกใบนี้จะมีผู้ใดโง่งมไปกว่านางอีกกันเล่า วาจาบุรุษดั่งผายลม ยังกล้าเชื่อถือคนลิ้นสองแฉกหลี่หลานซินหมุนกายเตรียมย้อนกลับไปด้านใน จังหวะนั้นเองนางจึงพบอีกฝ่ายยืนตัวสูงโปร่งอยู่ขนาบข้าง ในมือถือดอกไม้ช่อหนึ่ง เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มพราย"ยังไม่นอนอีกหรือ""ทะ...ท่
คิ้วเข้มขมวดมุ่น "ท่านแม่ นี่ท่านใจเย็นได้อีกหรือขอรับ ลูกสะใภ้สุดหวงของท่านหายไป ท่านไม่ร้อนใจ แต่ข้าร้อนใจนะขอรับ"ฮูหยินโม่ระบายรอยยิ้มบาง "เจ้านี่นา เหมือนพ่อไม่มีผิด นางขออนุญาตกลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้นเอง""กลับไปเยี่ยมบ้าน ไปโดยไม่มีข้าได้อย่างไร""แล้วเจ้าก่อเรื่องใดไว้ เป็นลูกผู้ชายเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอาเอง เอาล่ะ แม่ว่าเจ้าปล่อยให้นางสงบใจก่อนเถิด เจ้าเองคงเหนื่อยมาทั้งวัน ดูเอาเถิดไปมีเรื่องกับใครมาเล่า ไฉนเนื้อตัวมอมแมมเพียงนี้" ผู้เป็นมารดาจับใบหน้าบุตรชาย กวาดมองเรือนกายกำยำซึ่งสูงกว่าตนมากโขด้วยสีหน้าเป็นห่วง"ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรขอรับ ข้าจะไปตามหลานซิน""ดึกแล้ว นางคงนอนไปแล้วกระมัง อย่าใจร้อน วันพรุ่งไปก็ยังไม่สาย""แต่สำหรับข้าแค่ไม่กี่ชั่วยามก็สายแล้วขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" โม่จ้าวหยวนเบนหน้ามองเจียฮ่าว "เจียฮ่าว คืนนี้เจ้าไม่ต้องตามข้าไป พรุ่งนี้สตรีนางนั้นจะมาพบข้า หากมาแล้วให้เจ้าพานางไปที่จวนสกุลหลี่""ขอรับ"กล่าวจบโม่จ้าวหยวนจึงผละกาย กระโดดขึ้นหลังม้าอย่างร้อนรนพลางควบออกไปราวพายุหอบหนึ่ง ผู้เป็นมารด
โม่จ้าวหยวนโยนถุงเงินให้นาง พลันหมุนกายกระโดดขึ้นหลังอาชาด้วยความชำนาญ"บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน""อยู่ไม่ไกลนักเจ้าค่ะ""ดี! เช่นนั้นคงกลับเองได้กระมัง"นางพยักหน้าหงึกหงัก "ขะ...ข้าไม่รบกวนคุณชายแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมาก วันพรุ่งข้าจะรีบไปที่จวนตระกูลโม่เพื่ออธิบายต่อฮูหยินของท่าน""แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ไป ข้าจะตามมาลากคอของเจ้า ไม่ว่าเจ้าหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็จะพลิกแผ่นดินหาเจ้าให้เจอ หรือหากเจ้ากล้าชิงหนีลงปรโลกข้าก็จะลงไปกระชากวิญญาณของเจ้ากลับมาอธิบายกับนางให้ได้"เปาลี่หม่านพยักหน้าระรัว นางหวาดหวั่นจนต้องหลบดวงตาของเขา ยิ่งเกรงกลัวเท่าใด วาจาที่เปล่งออกมาก็ยิ่งติดขัดมากขึ้นเท่านั้น"ขะ...ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ วันพรุ่งท่านจะเห็นข้าอย่างแน่นอน""หึ!"โม่จ้าวหยวนแค่นยิ้มชายหนุ่มควบม้าจากไปเดี๋ยวนั้น เปาลี่หม่านค่อย ๆ ประคองกายตนลุกขึ้น เท้าของนางได้รับบาดเจ็บ ร่างบางพยายามหอบสังขารกะโผลกกะเผลกเดินไปอีกด้านด้วยใบหน้าเปื้อนคราบฝุ่นปนรอยน้ำตาโชคดียิ่งที่จวนของนางอยู่ไม่ไกลมาก