Share

บทที่ 1 ไสหัวไป

last update Last Updated: 2025-10-28 12:39:43

บทที่ 1

ไสหัวไป

หลังจากกลับมาที่เรือนของตน เจียงเม่ยก็หยิบพัดทั้งสามขึ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด พบว่าพัดทั้งสามล้วนเป็นพัดที่ทำจากกระดาษเนื้อดีอันขึ้นชื่อของเมืองหลวงทั้งสิ้น นางพยายามขุดคุ้ยความทรงจำของนางเอก จึงได้พบว่าเจียงซูฉีต้องการนำพัดพวกนี้ไปอวดในงานเลี้ยงน้ำชาชมดอกโบตั๋น โดยงานเลี้ยงนี้จัดขึ้นที่จวนท่านเสนาบดีกรมคลัง ซึ่งนางไม่ได้รับอนุญาตให้ไปด้วย

'อืม... ไม่เคยวาดภาพซะด้วยสิ จะทำยังไงต่อดีล่ะเนี่ย'

เจียงเม่ยหยิบพู่กันขึ้นมาแตะแต้มสีที่สาวใช้จัดเตรียมไว้ให้ ทว่าทันทีที่นางจับพู่กัน จู่ ๆ มือของนางก็ตวัดวาดลวดลายบนพัดอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็บังเกิดภาพวาดดอกโบตั๋นสีแดงที่งดงามจับใจ เจียงเม่ยวางพู่กันในมือลงด้วยความตกตะลึง ก่อนจะผุดยิ้มกว้างด้วยความยินดี

'อ่า... สวรรค์ไม่ได้ใจร้ายเกินไปสินะ ยังให้สกิลนางเอกติดตัวมาด้วย หึ ๆ อย่างนี้ก็ยิ่งน่าสนุกน่ะสิ'

เจียงเม่ยเหยียดยิ้มกว้างด้วยความยินดี นางจัดการวาดภาพดอกโบตั๋นบนพัดนั้นจนแล้วเสร็จ หยิบผลงานของตนเองขึ้นมาดูด้วยความถูกใจ แม้จะไม่มีความรู้เรื่องการวาดภาพ แต่ฝีพู่กันและการลงสีของนางถือว่าลายเส้นมั่นคง รูปวาดมีมิติราวกับมีชีวิตอย่างนั้นเลย

'สงสัยต้องตั้งใจวาดภาพที่งดงามที่สุดให้กับน้องรองเสียแล้วสิ'

รอยยิ้มร้ายพลันปรากฏที่ใบหน้าหวานของเจียงเม่ย นางเก็บพู่กันและพัดทั้งหมดไปไว้ที่โต๊ะของตน ก่อนจะรื้อค้นผ้าคลุมหน้าสีขาวบางขึ้นมาสวม จากนั้นก็หยิบถุงเงินที่มีเงินเพียงไม่กี่ตำลึงเงิน แล้วจึงลอบออกไปจากจวนในยามเย็น โดยลอบออกไปทางช่องทางลับที่นางจดจำได้ว่า นี่คือช่องทางที่พระเอกในนิยายเคยใช้เพื่อลอบมาหานางเอก ทว่าตอนนี้นางจะใช้เส้นทางนี้เพื่อออกไปสำรวจโลกภายนอก 

เนื่องจากจวนตระกูลเจียงตั้งอยู่ที่หัวมุมถนน ซึ่งอยู่ใจกลางของเมืองหลวงทำให้นางเดินไม่กี่อึดใจก็มาถึงตลาดในยามค่ำคืนแล้ว แสงโคมไฟที่แขวนหน้าโรงเตี๊ยม และร้านค้าอาบย้อมให้ถนนสว่างไสวดุจดั่งกลางวัน ผู้คนต่างเดินออกมาท่องเที่ยวกันอย่างเนืองแน่น บ้างก็มากับสหาย ครอบครัว หรือคนรัก ทว่ามีแค่นางที่เดินเพียงผู้เดียว และเพราะเช่นนี้เจียงเม่ยจึงได้ตกเป็นจุดสนใจของกลุ่มอันธพาลที่ชอบระรานผู้อื่น

"แม่นางน้อย เจ้าจะไปที่ใดหรือ ไปเที่ยวเล่นกับพวกข้าดีหรือไม่ ฮ่าฮ่าฮ่า" 

บุรุษหนุ่มทั้งสามคนก้าวเข้ามาประชิดร่างของเจียงเม่ยด้วยท่าทางคุกคาม พวกเขาสังเกตเจียงเม่ยมาสักพักแล้ว แม้จะไม่เห็นใบหน้าที่ซ่อนไว้ใต้ผ้าคลุม แต่ดูจากท่าทางและดวงตากลมใสคู่นั้น นางจะต้องงดงามไม่น้อยเป็นแน่

"ข้าไม่รู้จักพวกเจ้า เหตุใดต้องบอกพวกเจ้าด้วยเล่า อีกอย่างข้าไม่ชอบไปเที่ยวกับคนแปลกหน้า" เจียงเอ่ยเอ่ยตอบเสียงเรียบ 

"ฮ่าฮ่า แต่ว่าพวกข้าอยากรู้จักเจ้า"

หนึ่งในนั้นเอื้อมมือจะมาจับข้อมือเล็กของเจียงเม่ย ทว่ากลับถูกเจียงเม่ยปัดทิ้งอย่างแรง เขาที่ถูกหักหน้าเช่นนี้จึงรู้สึกไม่พอใจมาก

"ไสหัวไปซะ!" 

เจียงเม่ยดวงตาลุกวาวด้วยความไม่พอใจ หากคนพวกนี้ยังคิดจะระรานนางไม่เลิก ก็อย่ามาหาว่านางใจร้ายก็แล้วกัน

"ฮ่าฮ่า อาลู่เจ้าถูกนางรังเกียจเสียแล้วสิ" 

คนที่ถูกเรียกว่าอาลู่หันมองสหายด้วยความโกรธ ก่อนที่สายตาคู่นั้นจะจับจ้องมองเจียงเม่ยด้วยความไม่พอใจ กล้าทำให้เขาเสียหน้าก็อย่าคิดว่าเขาจะปล่อยไปง่าย ๆ เลย วันนี้เขาจะทำให้รู้สำนึกว่าอย่าได้คิดมาทำให้เขาไม่พอใจ

"หึ! นางก็แค่อยากเล่นตัวเท่านั้นเอง มีสตรีดี ๆ ที่ไหนกันที่ออกมาเที่ยวเล่นในยามค่ำคืนเพียงผู้เดียว ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการใช้เรือนร่างแลกกับเงินเล่า!" 

อาลู่กวาดตามองเจียงเม่ยด้วยสายตาหื่นกระหาย สตรีผู้นี้มีกลิ่นกายที่หอมละมุนยิ่งนัก สามารถทำให้เลือดลมในกายของเขาเดือดพล่านได้ดีนัก หากได้นางมานอนร้องครางใต้ร่างจะดีแค่ไหนกัน

"อ่า... เป็นพวกสวะจริง ๆ ด้วยสินะ" เจียงเม่ยพูดกับตนเอง ทว่าอาลู่กลับได้ยินอย่างชัดเจน 

"นังแพศยานี่ ข้าอุตส่าห์ใจดีด้วยแท้ ๆ แต่กลับพูดกับข้าเช่นนี้หรือ"

อาลู่ตรงเข้ามาจับข้อมือของเจียงเม่ยทันที ทว่าเพียงแค่เขาแตะต้องตัวนาง ร่างของเขาพลันลอยหวือขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะกระแทกกับพื้นดังอั๊ก  

โครม!!

"...!?" สหายอีกสองคนตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง

"อ๊ากกก ละ หลังข้า" 

อาลู่รู้สึกเหมือนหลังจะหักเลย เขาปวดร้าวตั้งแต่หลังจรดไปถึงเอว ทั้งยังได้ยินเสียงกระดูกหักดังกร๊อบ ใบหน้าของอาลู่บิดเบี้ยวอย่างไม่น่ามอง

"ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ"

เจียงเม่ยหักนิ้วมือของตนด้วยความเมื่อยขบ เมื่อครู่นี้นางใช้ท่าทุ่มของยูโดเพื่อเล่นงานอีกฝ่ายโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้นางสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่เพราะร่างกายนี้ได้รับสารอาหารน้อยและอ่อนแอ ทำให้รู้สึกว่าหากเป็นคนที่ตัวใหญ่และแข็งแกร่งกว่านี้ นางคงมิอาจจัดการได้โดยง่าย

"จะ เจ้าเป็นชาวยุทธ์สินะ"

สหายอีกสองคนหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจกลัว

"ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร หรือว่าพวกเจ้าอยากจะหลังหักเหมือนสหายของพวกเจ้ากันเล่า" เจียงเม่ยข่มขู่อีกสองคนตาไม่กะพริบ 

"ขะ ข้าน้อยขออภัยขอรับ"

สหายอีกสองคนรีบก้มศีรษะขออภัยเจียงเม่ยด้วยความขลาดกลัว ก่อนจะรีบแบกอาลู่ที่เจ็บจนลุกไม่ขึ้นจากไปทันที พวกเขาเกือบรนหาที่ตายแล้ว ถ้าแม้นว่าไปยุ่งกับพวกชาวยุทธ์เข้า มีหวังได้ถูกแก้แค้นเป็นแน่ ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าพวกชาวยุทธ์นั้นรักใคร่สามัคคีกันยิ่งนัก พวกเขาช่างมีตาหามีแววไม่!

เจียงเม่ยมองดูอันธพาลที่จากไปด้วยความโล่งใจ โชคดีที่อีกสองคนปอดแหกมากกว่าที่คิด ทำให้นางไม่ต้องเปลืองแรงอีก เมื่อไม่มีคนมาขวางทางแล้ว เจียงเม่ยก็ได้เดินหายเข้าไปยังโรงเตี๊ยมที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งหากนางสังเกตให้ดีจะพบว่าได้มีสายตาสองคู่จับจ้องมองนางอยู่ก่อนแล้ว...

"ข้าไม่เคยเห็นกระบวนท่าเช่นนั้นมาก่อนเลย ท่านอาเคยเห็นหรือไม่" 

ชายหนุ่มในอาภรณ์สีเขียวอ่อน ถือพัดที่วาดลวดลายไผ่ลู่ลมหันมองผู้เป็นอาด้วยความฉงน แม้เขาจะไม่ใช่ชาวยุทธ์ ทว่าเขาก็เคยเห็นตำราของกระบวนท่าต่าง ๆ ในใต้หล้ามาไม่น้อย แต่เขาไม่เคยเห็นกระบวนท่าที่จับคนทุ่มลงพื้นเช่นนี้มาก่อนเลย 

"ข้าก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน น่าสนใจมิน้อยเลย"

ผู้ที่ถูกเรียกว่าท่านอยากจอกสุราขึ้นมาดื่มด้วยสายตาลุ่มลึก เขายังคงมองตามแผ่นหลังเล็กที่ก้าวเดินอย่างมั่นคงนั้นไม่วางตา ก่อนที่สายตาคู่คมดั่งกระบี่จะตวัดมองคนข้างกาย ทันทีที่สบตากับผู้เป็นนายก้รู้ได้ทันทีว่าเจ้านายต้องการสิ่งใด อีกฝ่ายรีบโค้งศีรษะแล้วจากไปทันที

"ท่านอาสนใจถึงขนาดให้ลู่คงตามไปสืบนางเลยหรือ" 

มือขวาของท่านอาที่เพิ่งปลีกตัวไปนั้นมีนามว่าลู่คง เป็นทหารกล้าฝีมือดีที่มาจากตระกูลขุนนางเก่าที่ล่มสลายไปแล้ว ตัวเขาจึงได้ผันตัวมาเป็นทหาร ก่อนจะไต่เต้าจนได้เป็นถึงหัวหน้าหน่วยกิเลนทมิฬ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหน่วยทหารที่มีฝีมือแกร่งกล้ามากที่สุดในแคว้นฉิน 

"ก็แค่นึกสงสัยที่มาของนางก็เท่านั้นเอง หากเป็นสายลับจากต่างแคว้นจะได้จัดการทันที" 

"ข้านึกสงสารสตรีผู้นั้นเสียแล้วสิ หึ ๆ"

ผู้เป็นหลานชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ เขาลอบมองท่านอาผู้นี้อย่างนึกสนุก ดูท่าท่านอาที่ไม่เคยชายตาแลสตรีนางใดมาก่อนจะสนใจสตรีผู้นี้เสียแล้ว ซึ่งตัวเขาเองก็นึกสนใจนางเช่นกัน อยากรู้นักว่านางเป็นคนแคว้นฉินหรือว่าเป็นคนต่างแคว้นกัน หากแม้นว่าเป็นคนแคว้นฉินเขาคงต้องลองพบปะกับนางสักคราเสียแล้วสิ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้าไม่ขอรับบทเป็นนางเอกที่อ่อนแอ   บทที่ 3 เรื่องเหลวไหล

    บทที่ 3เรื่องเหลวไหลหลังจากพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบจนอาหารที่สั่งไว้มาวางบนโต๊ะ เหอต้าเจิงก็ยังคงทานอาหารเย็นร่วมกับหลานสาว ทั้งสองพูดคุยกันอย่างถูกคอยิ่งนัก ด้วยเจียงเม่ยมีพรสวรรค์ด้านการค้ามิน้อยเลย เมื่อเขาลองหยั่งเชิงนางก็สามารถเสนอความคิดเห็นได้อย่างชาญฉลาด นี่สิถึงจะเหมือนกับสายเลือดของคนตระกูลเหอ "วันนี้ข้าสนุกมากเลยเจ้าค่ะ แต่คงต้องรีบกลับจวนแล้ว ไว้คราวหน้าข้าจะหาทางไปคารวะท่านตาและท่านยายนะเจ้าคะ ส่วนเรื่องนั้น..." ประโยคท้ายนางมีความลังเลไม่แน่ใจ"เจ้าวางใจได้ ข้าจะทำตามที่เจ้าขออย่างไม่มีตกหล่นเลยล่ะ""ขอบคุณท่านลุงมากเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ""อืม... ไว้พบกันใหม่ วันนี้ข้าเองก็สนุกมากเหมือนกัน"เหอต้าเจิงยกมือขึ้นลูบเรือนผมสีดำขลับของเจียงเม่ยด้วยความเอ็นดู การได้พบหลานสาวอีกครั้งถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุด หากว่าเขานำเรื่องนี้ไปเรียนท่านพ่อกับท่านแม่ พวกท่านทั้งสองคงจะดีใจยิ่งนักจวนชินอ๋องภายในห้องหนังสือของจวนชินอ๋อง บุรุษผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ผู้มีดวงตาคมกริบดั่งกระบี่ คิ้วเรียวยาวพาดเหนือดวงตาคู่คม จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางเฉียบที่ใ

  • ข้าไม่ขอรับบทเป็นนางเอกที่อ่อนแอ   บทที่ 2 คำเตือนจากหลานสาว

    บทที่ 2คำเตือนจากหลานสาวเจียงเม่ยเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมซึ่งเป็นกิจการของตระกูลเหอ ตระกูลฝั่งมารดาของนางนั่นเอง ในนิยายคนตระกูลเหอล้วนดีกับนางทุกคน โดยเฉพาะท่านตากับท่านยายที่รักใคร่หลานสาวที่ต้องสูญเสียมารดาไปตั้งแต่ยังเด็ก ทว่าเพราะถูกฮูหยินใหญ่ข่มขู่และหวาดกลัวตระกูลหลี่ ทำให้ไม่กล้าแพร่งพรายความทุกข์ระทมที่อยู่ในจวนตระกูลเจียงเลย กว่าตระกูลเหอจะล่วงรู้ชะตาชีวิตอันน่าสงสารของเจียงเม่ยก็เป็นช่วงท้ายเรื่องแล้ว "เชิญขอรับ มิทราบว่าต้องการเป็นห้องรับรองส่วนตัวหรือไม่ขอรับ"ผู้ดูแลร้านรีบเข้ามาต้อนรับเจียงเม่ยด้วยท่าทางนอบน้อม "ช่วยไปเรียนท่านลุงว่าข้าเจียงเม่ยต้องการพบหน้าท่านลุงสักครา"หลงจู๊พลันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคุณหนูใหญ่เจียง ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นสตรีร้ายกาจ ชอบรังแกบ่าวไพร่ในเรือน และเป็นสตรีที่เกียจคร้านการเล่าเรียน แม้แต่สำนักศึกษาก็ยังไม่ไป น้อยคนนักที่จะเคยได้พบนาง"ขออภัยขอรับ ข้าน้อยต้องไปเรียนนายท่านเสียก่อน มิรู้ว่านายท่านจะว่างมาพบคุณหนูใหญ่เจียงหรือไม่นะขอรับ" สายตาที่หลงจู๊ใช้มองเจียงเม่ยมีความกังขา ไม่รู้ว่าการมาของเจียงเม่ยนั้

  • ข้าไม่ขอรับบทเป็นนางเอกที่อ่อนแอ   บทที่ 1 ไสหัวไป

    บทที่ 1ไสหัวไปหลังจากกลับมาที่เรือนของตน เจียงเม่ยก็หยิบพัดทั้งสามขึ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด พบว่าพัดทั้งสามล้วนเป็นพัดที่ทำจากกระดาษเนื้อดีอันขึ้นชื่อของเมืองหลวงทั้งสิ้น นางพยายามขุดคุ้ยความทรงจำของนางเอก จึงได้พบว่าเจียงซูฉีต้องการนำพัดพวกนี้ไปอวดในงานเลี้ยงน้ำชาชมดอกโบตั๋น โดยงานเลี้ยงนี้จัดขึ้นที่จวนท่านเสนาบดีกรมคลัง ซึ่งนางไม่ได้รับอนุญาตให้ไปด้วย'อืม... ไม่เคยวาดภาพซะด้วยสิ จะทำยังไงต่อดีล่ะเนี่ย'เจียงเม่ยหยิบพู่กันขึ้นมาแตะแต้มสีที่สาวใช้จัดเตรียมไว้ให้ ทว่าทันทีที่นางจับพู่กัน จู่ ๆ มือของนางก็ตวัดวาดลวดลายบนพัดอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็บังเกิดภาพวาดดอกโบตั๋นสีแดงที่งดงามจับใจ เจียงเม่ยวางพู่กันในมือลงด้วยความตกตะลึง ก่อนจะผุดยิ้มกว้างด้วยความยินดี'อ่า... สวรรค์ไม่ได้ใจร้ายเกินไปสินะ ยังให้สกิลนางเอกติดตัวมาด้วย หึ ๆ อย่างนี้ก็ยิ่งน่าสนุกน่ะสิ'เจียงเม่ยเหยียดยิ้มกว้างด้วยความยินดี นางจัดการวาดภาพดอกโบตั๋นบนพัดนั้นจนแล้วเสร็จ หยิบผลงานของตนเองขึ้นมาดูด้วยความถูกใจ แม้จะไม่มีความรู้เรื่องการวาดภาพ แต่ฝีพู่กันและการลงสีของนางถือว่าลายเส้นมั่นคง รูปวาดมีมิติราวกับมีชีวิตอย่า

  • ข้าไม่ขอรับบทเป็นนางเอกที่อ่อนแอ   บทนำ

    บทนำ"เอาล่ะเด็ก ๆ วันนี้ก็ทำให้เต็มที่เลยนะ ครูเป็นกำลังใจให้ ถ้าการแข่งครั้งนี้คว้าที่ 1 มาได้ ครูจะพาไปเลี้ยงไอศกรีมเลย""เย้! ครูดาวใจดีที่สุดเลยครับ"เด็กชายกลุ่มใหญ่ในชุดกีฬาสีเสื้อสีแดงโห่ร้องเสียงดังก้องด้วยความยินดี วันนี้คือการแข่งขันฟุตบอลในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4- 6 ซึ่งการแข่งรอบนี้คือการแข่งรอบชิงชนะเลิศ โดยมีครูดาวผู้เป็นนักศึกษาครูฝึกสอนปีสุดท้ายเป็นผู้ฝึกซ้อมพวกเขาด้วยตนเอง ครูดาวคือคุณครูพละแสนสวยขวัญใจของนักเรียน"ไป ๆ ทำให้เต็มที่เลยนะ"ครูดาวปรบมือให้สัญญาณเด็ก ๆ วิ่งเข้าสู่สนาม พวกเด็ก ๆ ต่างหันมาโบกมือยิ้มร่า ก่อนจะรีบวิ่งลงไปยังสนามด้วยหัวใจอันตื่นเต้นการแข่งขันล่วงเข้าสู่นาทีสุดท้ายแล้วซึ่งเด็ก ๆ ต่างทำหน้าที่ของตนเองได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ผลคะแนนอยู่ที่ 1-1 ในช่วงสุดท้ายของเกมกัปตันทีมของสีแดงกำลังเลี้ยงบอลเพื่อยิงเข้าประตูของฝ่ายตรงข้าม ครูดาวลุ้นระทึกด้วยความตื่นเต้น เธอยืนอยู่ข้างสนามท่ามกลางแสงแดดอันเจิดจ้าอย่างไม่นึกร้อนทว่าในตอนที่ลูกบอลพุ่งตรงเข้าประตูของทีมสีเหลืองนั้น ครูดาวกลับรู้สึกว่าร่างของเธอผิดปกติ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง ในตอน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status