LOGINบทที่ 5
โฉมงามร่ำไห้ เจียงซูฉีรู้สึกอับจนหนทางเหลือเกิน นางไม่เคยคาดคิดว่าตนเองจะมาเสียรู้ให้กับเจียงเม่ยเช่นนี้ได้ ต้องเป็นเพราะนังเจียงเม่ยต้องการกลั่นแกล้งนางเป็นแน่ ถึงได้วาดนกยวนยางเช่นนี้ ช่างน่าเจ็บใจนัก! "เจ้าไม่ต้องกลัวนะฉีเอ๋อร์ หากเจ้าบอกว่าไม่ได้ทำก็แสดงว่าเจ้าไม่ได้ทำ แต่ว่า... ภาพวาดบนพัดนั้นเจ้าไม่ได้เป็นคนวาดเองหรอกหรือ เช่นนั้นแล้วเป็นผู้ใดวาดเล่า" เสิ่นเยว่สือเข้ามาปลอบสหายด้วยความเห็นใจ ทว่าคำพูดของนางราวกับกำลังจะประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าเจียงซูฉีเป็นสตรีโกหก ชื่อเสียงอันดีงามที่สั่งสมมานาน เห็นทีจะต้องมัวหมองในวันนี้เสียแล้ว "ข้า ข้า ฮือ ๆ หม่อมฉันไม่รู้จริง ๆ เพคะว่ารูปนกยวนยางนั้นเป็นฝีมือของผู้ใด ด้วยตอนหม่อมฉันวาดรูปก็มีเพียงสาวใช้ และ และพี่หญิงใหญ่เท่านั้นเพคะ" เจียงซูฉีจะไม่ยอมรับเป็นอันขาดว่านางนั้นไม่ได้เป็นคนวาดรูปเอง มิเช่นนั้นคงได้ถูกผู้คนหัวเราะเยาะเป็นแน่ มีเพียงแค่ทางเดียวคือการโยนความผิดทั้งหมดให้กับเจียงเม่ย เสิ่นเยว่สือเอ่ยถาม "เช่นนั้นนี่ก็เป็นฝีมือของคุณหนูใหญ่เจียงหรือ" "ข้าไม่แน่ใจ บางทีอาจจะเป็นคนอื่นก็ได้" เจียงซูฉีหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาของตนเอง ไหล่เล็กที่ลู่ลงทำให้คนมองรู้สึกเห็นใจยิ่งนัก หรงป๋อไฉ่เองก็เกือบจะเชื่อไปแล้วว่านี่คือการกลั่นแกล้งในหมู่พี่สาวน้องสาว ทว่าเมื่อเขาหยิบพัดในมือของเสิ่นฮูหยินกลับมาแล้วพิจารณาอีกครั้ง กลับรู้สึกว่าน้ำหนักการลงสีที่มีทั้งหนักและเบาของนกยวนยางนั้น ช่างเหมือนกับต้นหลิวลู่ลมยิ่งนัก "อืม... ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็ต้องขออภัยคุณหนูรองเจียงด้วย" "หามิได้เพคะ ทั้งหมดเป็นความสะเพร่าของหม่อมฉันเองที่ไม่ได้ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ทำให้องค์รัชทายาทต้องรู้สึกไม่ดีไปด้วย หม่อมฉันต้องขออภัยจริง ๆ เพคะ" ใบหน้าที่เคยซีดขาวพลันคลี่ยิ้มบางด้วยความโล่งใจ หัวใจที่เคยเต้นระรัวด้วยความตื่นกลัวพลันกลับมาเต้นปกติดังเดิม "ช่างเรื่องนั้นเถิด แต่ว่า... ข้าเองชอบฝีพู่กันของคุณหนูรองเจียงมาก และข้าเองก็มีพัดที่ไม่ได้วาดลวดลายใดเลย หากข้าจะขอให้คุณหนูรองเจียงช่วยวาดต้นหลิวลู่ลมบนพัดของข้าตอนนี้เลยได้หรือไม่" เจียงซูฉีที่คลี่ยิ้มหวานพลันชะงักงันด้วยความตกใจ นางตกใจจนแทบจะกักเก็บสีหน้าอันสุขุมของตนไม่ได้เลย หรงป๋อไฉ่ที่เห็นเช่นนั้นลอบยิ้มในใจ สตรีผู้นี้ช่างร้ายกาจไม่เบาเลย โยนความผิดให้กับพี่สาวของตนเองอย่างหน้าตาเฉย เขาที่ชมชอบเรื่องสนุกแทบจะอดใจรอไม่ไหวเลย "มะ หม่อมฉันเกรงว่า..." "อ่า... ข้าคงจะขอมากเกินไปสินะ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้วสิ" "มะ ไม่ใช่เช่นนั้นนะเพคะ คะ คือว่า..." "ช่างเถอะ! ในเมื่อเจ้าไม่สะดวกใจที่จะวาดรูปให้กับข้า ข้าก็จะไม่บังคับฝืนใจเจ้า เช่นนั้นข้าขอตัวกลับตำหนักบูรพาเลยก็แล้วกัน" หรงป๋อไฉ่คร้านจะอดทนฟังคำแก้ตัวของเจียงซูฉีแล้ว เพียงแค่นี้เขาก็รู้แล้วว่านางโกหก "อะ องค์รัชทายาท!" เจียงซูฉียืนนิ่งด้วยความตกตะลึง ด้วยหรงป๋อไฉ่ได้กล่าวอำลาเสิ่นฮูหยินแล้วลุกจากไปทันที ตัวเขาที่เดินผ่านร่างของเจียงซูฉีนั้นมีแต่ความเย็นชา ใบหน้าอันหล่อเหลาไม่แม้แต่จะชายตาแลนางเลย สร้างความปวดใจให้กับเจียงซูฉีเป็นอย่างมาก "ฮึก ๆ" เมื่อหรงป๋อไฉ่จากไปแล้ว เจียงซูฉีก็มิอาจมีหน้าอยู่ต่อได้อีกแล้ว นางทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้กังขาในฝีมือการวาดภาพเสียแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นมีแต่จะต้องรีบกลับจวนแล้วไประบายโทสะใส่เจียงเม่ย ผู้ที่ทำให้นางต้องอับอายขายหน้าทุกคน โดยเฉพาะองค์รัชทายาทผู้เป็นบุรุษในดวงใจของนาง!! จวนตระกูลเจียง เจียงเม่ยถูกตามตัวให้มาที่เรือนหลักเป็นการด่วน นางก็พอจะคาดเดาได้แล้วล่ะว่าเรื่องอะไร เพราะในนิยายมีเขียนไว้ว่าเจียงซูฉีจะนำพัดที่นางเอกวาดไปมอบให้กับองค์รัชทายาท ทว่าในนิยายไม่มีใครสงสัยแต่กลับชื่นชมในฝีมือของเจียงซูฉี กว่าทุกอย่างจะเปิดเผยว่าที่ผ่านมาการวาดภาพของเจียงซูฉีคือฝีมือของเจียงเม่ย ก็เป็นตอนที่ทั้งสองเข้ารับการคัดเลือกพระชายาขององค์รัชทายาท ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า แต่นางได้วาดภาพนกยวนยางเพื่อสร้างสถานการณ์ยากลำบากให้กับเจียงซูฉี คนฉลาดเช่นองค์รัชทายาทจะต้องจับสังเกตได้เป็นแน่ "เจียงเม่ยคารวะฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ" เพล้ง! ถ้วยชาในมือของหลี่หลินถงพลันถูกเขวี้ยงใส่หน้าของเจียงเม่ย ทว่าตัวนางกลับเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ทำให้ถ้วยน้ำชาที่ถูกเขวี้ยงมานั้นหล่นตรงแทบเท้าของนาง น้ำชาบางส่วนยังกระเด็นเปื้อนชายอาภรณ์ของนางด้วย "บังอาจหลบอย่างนั้นหรือ เจ้าคงปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาแล้วสินะเจียงเม่ย!" หลี่หลินถงชี้หน้าเจียงเม่ยอย่างมีโทสะ เจียงเม่ยพลันแสยะยิ้มมุมปาก "ท่านเป็นถึงฮูหยินใหญ่แต่กลับกระทำกิริยาเช่นนี้ข้ารู้สึกตกใจยิ่งนัก มิทราบว่าข้าทำผิดอันใดร้ายแรง จนฮูหยินใหญ่แสดงกิริยาที่ไร้การศึกษาเช่นนี้กันเจ้าคะ" "จะ เจ้า!!" เพียะ! เจียงซูฉีที่ยืนอยู่ด้านข้างมิอาจทนได้ นางตรงดิ่งเข้ามาตบหน้าของนังพี่สาวตัวดีเต็มแรง ใบหน้านวลพลันขึ้นสีแดงก่ำ รอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏชัดบนใบหน้าของเจียงเม่ยอย่างชัดเจน ริมฝีเล็กพลันปริแตกจนมีเลือดไหลซึมออกมา ทว่าเจียงเม่ยหาได้รู้สึกเจ็บปวดไม่ นางเพียงเช็ดคราบเลือดของตนออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าน้องสาวตัวดีด้วยรอยยิ้มที่อ่านไม่ออก "ทำร้ายข้าที่เป็นพี่สาวถึงเพียงนี้ เจ้าคงรอรับผลที่จะตามมาแล้วสินะเจียงซูฉี" "หึ! ขยะไร้ค่าอย่างเจ้าจะทำอะไรข้าได้ ต่อให้วันนี้ข้าตีเจ้าให้ตายก็ไม่มีผู้ใดกล้ากล่าวโทษข้า" เจียงซูฉีเชิดหน้าตอบอย่างไม่กลัวเกรง นางมองเจียงเม่ยผู้นี้เป็นเพียงก้อนกรวดที่ขวางหูขวางตานางเท่านั้นเอง "เช่นนั้นข้าก็จะเป็นขยะไร้ค่าที่คนเช่นเจ้ามิอาจมาเทียบเคียงได้" เจียงเม่ยประกาศกร้าวออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เจียงซูฉีได้ยินเช่นนั้นก็มิอาจกักเก็บความโกรธได้อีกต่อไป นางตรงเข้ามาทุบตีเจียงเม่ยด้วยความโกรธแค้น โดยมีหลี่หลินถงจิบน้ำชามองดูการกระทำของบุตรสาวด้วยสายตาเรียบเฉย เจียงเม่ยเองก็ทำเพียงปัดป้องเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้เวลานี้ใบหน้าของนางมีรอยแดงจากฝ่ามือของเจียงซูฉีทั้งสองข้าง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงราวกับภูตผีอย่างไรอย่างนั้น "ฮูหยินเจ้าคะ คนจากจวนตระกูลเหอมาขอพบคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ" สาวใช้เข้ามารายงานด้วยสีหน้าย่ำแย่ "เม่ยเอ๋อร์ไม่สบาย ตอนนี้ไม่สะดวกให้ผู้ใดเข้าพบ" หลี่หลินถงพลันขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ เหตุใดคนตระกูลเหอจะต้องมาที่นี่วันนี้ด้วย นางคิดว่าพวกเขาตัดขาดจากเจียงเม่ยไปแล้วเสียอีก แล้วเพราะเหตุใดกันเล่าคนพวกนี้ถึงยังมาหาเจียงเม่ยอีกเล่า สายตาของหลี่หลินถงที่ใช้มองเจียงเม่ยเต็มไปด้วยความกังขา ดูท่าว่าเจียงเม่ยจะไม่ได้ว่าง่ายดั่งเช่นกาลก่อนเสียแล้ว... "บะ บ่าวแจ้งแล้วเจ้าค่ะ แต่พวกเขาก็ยังยืนกรานว่าจะพบคุณหนูใหญ่ให้ได้เลยเจ้าค่ะ ละ และตอนนี้ก็มีชาวบ้านมิน้อยเลยที่เริ่มมามุงดูหน้าประตูจวนเจ้าค่ะ" "เฮ้อ... เช่นนั้นเจ้าก็ไป..." "นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดเม่ยเอ๋อร์ถึงมีสภาพเช่นนี้กันเล่า" น้ำเสียงแหบต่ำของ 'จางหยุนผิง' ฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลเหอดังขึ้นตรงหน้าประตูห้องโถง โดยด้านหน้าของพวกเขามีเจียงลู่ที่เดินนำหน้ามา พวกเขาทั้งหมดล้วนติดตามท่านประมุขตระกูลเจียงเพื่อเข้ามาเยี่ยมหลานสาวที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน ทว่าภาพที่พวกเขาเห็นนั้น กลับทำให้สีหน้าของสองผู้เฒ่าตระกูลเหอหม่นคล้ำลงทันที "เห็นทีท่านเสนาบดีคงต้องอธิบายเรื่องนี้ให้คนแก่อย่างข้าแล้วล่ะ ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน! เหตุใดหลานสาวของข้าที่เป็นถึงคุณหนูใหญ่ถึงได้มีสภาพน่าอนาถถึงเพียงนี้!!" 'เหอจื้อหลิน' นายท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลเหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เขารีบรุดเข้าไปพยุงร่างของหลานสาวที่บวมช้ำไปทั้งตัวให้ลุกขึ้นยืน สายตาแห่งความไม่พอใจพลันตวัดมองเจียงซูฉีด้วยความโกรธเคือง สมควรตายนัก!!ตอนพิเศษ 5ภรรยาข้าใครกล้าแตะเพิ่งผ่านพ้นไปแค่วันเดียว สองฝาแฝดแห่งจวนชินอ๋องก็ได้สร้างวีรกรรมมากมายนัก ทำให้คนในวังหลวงหัวหมุนกันไปตาม ๆ เลย ทว่ากลับมีคนผู้หนึ่งที่กำลังรู้สึกขอบคุณกับการมาเยือนของเด็กน้อย ความสัมพันธ์ที่มีเพียงผลประโยชน์ร่วมกันของสองสามีภรรยาคู่นี้ ในที่สุดก็ได้พัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นไปอีกขั้น หลังจากโจวไป๋จวี๋กลับตำหนักบูรพา นางก็พบว่าหรงป๋อไฉ่ได้รอนางอยู่ก่อนแล้ว และจากนั้นทั้งสองก็ได้เปิดใจและใช้ค่ำคืนร่วมกันอย่างเร่าร้อนทะเลสาบชงชิงหรงหมิงฮ่าวพาเจียงเม่ยมาเที่ยวชมทะเลสาบชงชิงแห่งแดนทักษิณ แม้จะต้องใช้เวลาเดินทางถึงสิบวัน ทว่าเมื่อได้มาถึงแล้วกลับรู้สึกว่าดียิ่งนัก ทะเลสาบชงชิงล้อมรอบไปด้วยต้นเหมยฮวาที่ออกดอกบานสะพรั่งไปทั่ว ทะเลสาบมีน้ำใสแวววาวที่ใสกระจ่างดั่งกับส่องกระจก เห็นตัวปลาน้อยใหญ่ที่แหวกว่ายไปมา บรรยากาศโดยรอบก็สดชื่นบริสุทธิ์ยิ่งนัก สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดแห่งแคว้นฉิน"ชอบหรือไม่"หรงหมิงฮ่าวสวมกอดภรรยาจากทางด้านหลัง ปลายคางสากวางลงบนบ่าเล็กของนาง จมูกโด่งคมสันพลันสัมผัสกับแก้มขาวเนียนละเอียด"ไม่คิดเลยว่าจะมีทะเลสาบที่สวยงามมากถึง
ตอนพิเศษ 4เพื่อนเล่นของเจ้าก้อนแป้งน้อยฮองเฮาตามไปสนทนากับฮ่องเต้ยังห้องหนังสือ พระนางนั่งบนเก้าอี้ที่ปูด้วยพรมชั้นดูเพื่อรอฟังว่าพระสวามีมีสิ่งใดจะตรัสกับพระนาง "ชินอ๋องพาพระชายาออกท่องเที่ยวประมาณหนึ่งเดือน เช่นนั้นข้าจะขอฝากฝังให้ฮองเฮาช่วยดูแลเด็กน้อยทั้งสองได้หรือไม่ แม้ว่าเสด็จแม่จะทรงรับปากชินอ๋องไปแล้ว แต่หากมีฮองเฮาเข้ามาช่วยแบ่งเบาก็ถือว่าดียิ่ง""ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้เอง ฝ่าบาททรงวางพระทัยหม่อมฉันจะดูแลท่านหญิงน้อยและท่านชายน้อยเป็นอย่างดีเลยเพคะ และจะให้จวี๋เอ๋อร์มาช่วยด้วยอีกแรง มิแน่ว่าหากนางได้คลุกคลีกับเด็กน้อยทั้งสองแล้ว นางอาจจะมีข่าวดีในเร็ววันก็ได้นะเพคะ""เช่นนั้นก็ดี ข้าขอฝากฮองเฮาด้วยนะ""เพคะ"ไป๋อิงฮวาแย้มยิ้มหวาน หลังจากพระนางพูดคุยกับฝ่าบาทจบแล้วจึงได้กลับไปหาหรงจินหยางและหรงจินเยว่ "กรี๊ดด! ท่านชายนี่ไม่ได้นะเพคะ อย่า ๆ เพคะ""ท่านหญิงอย่าทรงวิ่งไปทางนู้นเพคะ"ฮองเฮาที่กำลังก้าวเดินไปข้างหน้าพลันหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงโวยวาย พระนางทรงหยุดยืนอยู่กับที่ก่อนจะเห็นร่างเล็กป้อมวิ่งมาทางพระนาง ผมแกละทั้งสองข้างที่มีผมอยู่น้อยนิดพลิ้วไหวอย่างน่าเอ็นดูเสียจริ
ตอนพิเศษ 3ซุกซนเหลือเกินวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก นับตั้งแต่เจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งสองถือกำเนิด พวกเขาก็อายุได้ 1 ขวบปีแล้ว และวันนี้เองที่เจียงเม่ยกับหรงหมิงฮ่าวจะต้องจากลูก ๆ ไปไกล"ท่านพี่... เราจะไปกันจริง ๆ หรือเพคะ" เจียงเม่ยที่ไม่เคยห่างลูกไปไหนพลันน้ำตาเอ่อคลออย่างใจหาย หรงหมิงฮ่าวที่มีหัวใจหนักแน่นดั่งหินผาจำต้องเอ่ยเสียงเคร่งขรึมกับภรรยาของตน"ใช่แล้ว น้องหญิงไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก เสด็จแม่จะต้องทรงดูแลอาหยางกับเยว่เอ๋อร์เป็นอย่างดีแน่นอน" "แต่หม่อมฉันก็ยังเป็นห่วงทั้งสองอยู่ดีนะเพคะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พวกเราต้องห่างพวกเขามากถึงเพียงนี้" น้ำเสียงของเจียงเม่ยเจือไปด้วยความกังวล"วางใจเถิด... ลูก ๆ ของเราอยู่ที่วังหลวงจะต้องปลอดภัยและสนุกมากเป็นแน่ แทนที่น้องหญิงจะกังวลเรื่องพวกเขา มิสู้เป็นกังวลผู้คนในวังหลวงไม่ดีกว่าหรือ" หรงหมิงฮ่าวพลันหลุดหัวเราะเมื่อนึกถึงวีรกรรมของเจ้าก้อนแป้งน้อย พวกเขาเพิ่งจะอายุแค่เพียง 1 ขวบปี แต่กลับทำให้คนในจวนหัวหมุนกันไปตาม ๆ กันเลย แม้แต่มู่กงกงเองยังขอยอมแพ้กับความซุกซนของพวกเขา นับตั้งแต่เด็กทั้งสองเดินได้ผู้คนในจวนชินอ๋องก็ไม่มีวันได้สุ
ตอนพิเศษ 2รสชาติเป็นเช่นไรวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก ไม่นานเจียงเม่ยก็ได้ให้กำเนิดเจ้าก้อนแป้งน้อยออกมาถึงสองคน โดยคนแรกคือทารกเพศชายผู้มีร่างกายอ้วนท้วมสมบูรณ์ดี ส่วนคนที่สองคือทารกเพศหญิงที่ร้องไห้เสียงดังลั่นห้อง ทั้งสองมีใบหน้าละม้ายคล้ายบิดาและมารดาอย่างละนิดละหน่อย"เหนื่อยหรือไม่น้องหญิง" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยดังออกมาจากปากของหรงหมิงฮ่าว เขามองดูภรรยารักที่เพิ่งผ่านพ้นการคลอดบุตรที่แสนยากลำบากด้วยความหนักอึ้งในหัวใจ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการคลอดลูกจะหนักหนาสำหรับสตรีมากถึงเพียงนี้"เจ็บแต่ก็มีความสุขมากเพคะ ท่านพี่ไม่ต้องคิดมากนะเพคะ ขอเพียงหม่อมฉันพักผ่อนเยอะ ๆ ทานของบำรุงมิให้ขาดร่างกายก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิมแล้วเพคะ" ใบหน้าที่ซีดเผือดคลี่ยิ้มหวานส่งมาให้ผู้เป็นพระสวามี แม้การคลอดเจ้าก้อนแป้งน้อยทั้งสองจะทุกข์ทรมานจนมิอาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ทว่าตัวนางกลับรู้สึกยินดีที่จะน้อมรับความเจ็บปวดนี้เอาไว้ทั้งหมดหรงหมิงฮ่าวได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งบังเกิดความรู้สึกรักใคร่ต่อภรรยายิ่งนัก นางช่างแสนดีเหลือเกิน ทั้งที่เขาได้ยินเสียงนางกรีดร้องอย่างทรมานถึงเพียงนั้น แต่น
ตอนพิเศษ 1สุขสมหลังจากทุกคนในจวนชินอ๋องรู้ข่าวการตั้งครรภ์ของเจียงเม่ย ทุกคนล้วนปลื้มปีติกับข่าวอันน่ายินดีนี้เป็นอย่างมาก มู่กงกงผู้ชราแล้วถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ ในที่สุดคนแก่เช่นเขาก็มีบุญวาสนาที่จะได้เลี้ยงดูท่านหญิงน้อยท่านชายน้อยแล้ว และแน่นอนว่าเมื่อฮ่องเต้และไทเฮาทรงทราบ ทั้งสองพระองค์ก็ได้ส่งของบำรุงร่างกายมายังจวนชินอ๋องมิได้ขาด ทั้งยังทรงเสด็จมาเยือนถึงจวนชินอ๋องด้วยสีพระพักตร์ของจ้าวจิงอี้เต็มไปด้วยความยินดี พระนางทรงลูบท้องที่ยังคงแบนราบของเจียงเม่ยอย่างอ่อนโยน "อาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง มีอาหารที่อยากทานหรือไม่""หม่อมฉันมีอาการอาเจียนบ้างเป็นบางครั้งเพคะ ส่วนมากก็จะง่วงนอนเสียมากกว่า ส่วนอาหารที่ชอบนั้น..." สายตาของเจียงเม่ยพลันหันไปสบตากับสามีโดยพลัน ด้วยไม่ว่าสิ่งใดที่นางอยากจะทาน เพียงเอ่ยปากร้องขอคำเดียวนางก็จะได้ทานในทันที เพราะพระสวามีของนางผู้นี้ได้ให้ลู่จงและลู่จิงไปหามาให้ในทันที โดยมีคำสั่งเด็ดขาดว่าจะต้องนำอาหารที่นางอยากจะทานมามอบให้ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งเค่อ มิเช่นนั้นจะโดนทำโทษสถานหนัก เรื่องนี้สร้างความลำบากใจให้กับเจียงเม่ยเป็นอย่างมากฮ่
บทส่งท้ายหลายวันผ่านไปหลังจากสืบสวนคนทั้งหมดจึงได้ข้อสรุปว่า ซ่งหยางคือผู้บงการเรื่องทุกอย่าง เขากับใต้เท้าจั่วร่วมมือกันค้าเกลือเถื่อนตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อน แต่เหอชิวเหยากลับล่วงรู้ความลับนั้น ซ่งหยางจึงให้นางเลือกว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หรือเลือกจะเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป แต่เพราะความหวาดระแวงทำให้ซ่งหยางวางแผนสังหารนาง โดยใช้หลี่หลินถงเป็นเครื่องมือ ซึ่งเจียงลู่คือผู้รู้เห็นทุกการกระทำของภรรยาแต่ก็ทำเป็นเมินเฉย ภายหลังจากที่เหอชิวเหยาตาย ซ่งหยางกับใต้เท้าจั่วก็ได้หยุดการค้าเกลือเถื่อน ก่อนจะกลับมาค้าขายอีกครั้งเมื่อ 1 ปีก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาสามารถหลบหูหลบตาจากทางการได้ อันเนื่องมาจากใต้เท้าจั่วได้ปล่อยเงินกู้กับเหล่าขุนนางทั้งหลาย ทำให้พวกเขาใช้จุดนี้ในการหลบเลี่ยงสายตาจากทางการ แต่หลังจากที่รู้ตัวว่าชินอ๋องสืบสาวเรื่องนี้จนพบหลักฐาน พวกเขาก็ได้ส่งจั่วเฉิงให้มายุแยงเจียงซูเหวินให้จ้างนักฆ่าไปสังหารเจียงเม่ย เพื่อเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจในการหลบหนี แต่เพราะองค์รัชทายาทจึงสามารถจับกุมตัวพวกเขาเอาไว้ได้ทันในตอนที่กำลังหลบหนี ฮ่องเต้ที่ได้อ่านคำสารภาพผิดทั้งหมดจึงได้สั่งตัดสินโทษป







