กระนั้นคำสั่งผู้เป็นนายสายตรงย่อมถือเป็นที่สุด นางจึงรีบวิ่งไปสั่งบ่าวชายที่อยู่ตรงมุมระเบียงอีกฝั่งทันที
“เร็วเข้า ไปช่วยนายหญิง ไล่นายท่านเซียวออกไป”
“ขอรับ/ขอรับ/ขอรับ”
บ่าวชายร่างใหญ่สามคนที่กวาดใบไม้ตรงลานอยู่รีบรับคำพร้อมเพรียง อันที่จริงพวกเขาเห็นแล้ว แต่ทว่าไม่กล้าเข้าไปยุ่งเรื่องของเจ้านาย
เพราะบุรุษด้วยกันดูออก ฝ่ายชายมิได้มาร้าย แค่ตามมาง้อฝ่ายหญิงเท่านั้น
ครั้นได้ยินคำสั่งจากเจียวมิ่งจึงรีบเขวี้ยงไม้กวาดทิ้ง กรูกันเข้าไปหาเซียวหงเย่และยื้อยุดฉุดกระชากเขาทันที
สามรุมหนึ่งมีหรือจะไม่เป็นผล แค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น ร่างสูงของเซียวหงเย่ก็ถูกผลักถูกดันจนร่นถอยหลังออกไปจากประตูด้านหลัง ตามด้วยเสียงปิดประตูดังปัง
เมื่อเป็นเช่นนั้น หลังจากผ่านพ้นภาวะอึ้งงั้นชั่วขณะ เซียวหงเย่จึงได้แต่ใช้วิธีปีนข้ามกำแพงแล้ว
นับว่าโชคดีที่มันเตี้ยพอสมควร
ชายหนุ่มไม่มีวิชาตัวเบาอย่างคนเป็นจอมยุทธ์ก็จริง แต่ขาของเขาค่อนข้างยาว ใกล้กันยังมีลังไม้ใส่ผักวางกองอยู่
ใช้เวลาเรียงลังไม้เหยียบขึ้นไป ไม่นานก็ปีนขึ้นมาได้
ครั้นโผล่หน้าหล่อเหลาขึ้นเหนือขอบกำแพงนั้น น้ำถังหนึ่งพลันสาดใส่ดังซ่า
“...”
สตรีบางคนช่างรู้เท่าทัน มีไหวพริบฉลาดเหลือเกิน เซียวหงเย่เห็นติงยวี่ถิงสาดน้ำเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปหลบอยู่ตรงหลังประตู ยื่นใบหน้าเล็กๆ ออกมาถลึงตาโตอยู่อีกฝั่ง
ไม่รู้จะกลัวอะไรหนักหนา
เซียวหงเย่หรี่ตา “ยวี่ถิง เราต้องคุยกัน”
หญิงสาวส่ายหน้า หันไปสั่งบ่าวของตน “พวกเจ้าช่วยกันไล่เซียวหงเย่ไปเดี๋ยวนี้ หาไม่ ข้าจะตัดเบี้ยหวัด” จบคำพลันปิดประตูดังปังลั่นดาลแน่นหนา
บ่าวชายหญิงจึงทำได้เพียงรับคำอยู่หลังบานประตู “เจ้าค่ะ/ขอรับ”
ทั้งที่เห็นชัดๆ ว่านายท่านเซียวกำลังตามง้องอนแท้ๆ แต่คนเป็นบ่าวจะทัดทานอันใดได้ พวกเขามองหน้ากันไปมา เป็นเจี่ยวมิ่งที่ยอมพลีชีพแบบคนกล้าตาย วิ่งเข้ามาเงยหน้าเอ่ยปากอ้อนวอน “นายท่านเซียวได้โปรดกลับไปก่อนเจ้าค่ะ รอให้นายหญิงอารมณ์ดีก่อนค่อยมาใหม่นะเจ้าคะ”
นี่คือการไล่อย่างแน่นอน สาวใช้ต้อยต่ำกล้าทำกับนายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ไม่เคยมีหรอกนะ เจียวมิ่งอยากร่ำไห้นัก
เห็นแววตาของสาวใช้มีประกายวอนขอและสื่อนัยออกมาว่า ดีใจเหลือเกินและยินดีต้อนรับ แต่จงกลับไปก่อน บ่าวไม่อยากตาย...
ใบหน้างามสง่าฉ่ำไปด้วยน้ำขนาดนี้ มือใหญ่ที่กำลังเกาะกำแพงอยู่ไหนเลยจะว่างพอปาดมันออก ดวงตาคมจึงกะพริบขึ้นลงเพื่อไล่น้ำที่หยาดหยดตรงขนตา ช่างลำบากยากเข็ญ เขากัดฟันตอบ “ได้ ข้ากลับ แต่จะมาอีก”
เจียวมิ่งพยักหน้ารับ แน่นอนนางรู้ดี นายหญิงรักนายท่านเซียวมาก ทว่าตอนนี้คงกำลังโกรธและคาดโทษเพราะถูกขับไล่ออกมาปะไร หากเป็นนางก็คงน้อยเนื้อต่ำใจจนมิอาจใจอ่อนง่ายๆ เช่นกัน แต่ก็ไม่ใช่ไม่ให้อภัยหรอกนะ
ดังนั้น นายหญิงย่อมคาดหวังการงอนง้ออยู่เป็นแน่ ขอเพียงนายท่านเซียวแสดงความจริงใจออกมามากหน่อย โดยมีนางคอยมอบโอกาสนั้น พวกเขาสมควรเจอกันบ่อยๆ
สาวใช้ครุ่นคิดลึกซึ้ง ค่อยๆ กล่าวรับคำอย่างจริงใจ “เจ้าค่ะๆ บ่าวจะช่วยนายท่านอีกแรง รีบมานะเจ้าคะ อย่าปล่อยให้นายหญิงของบ่าวต้องรอนานเกินไป”
เซียวหงเย่ไม่รู้หรอกว่าเจียวมิ่งกำลังคิดการอันใด แต่เขาจะกลับมาแน่ ขอไปตั้งหลักก่อน
ร่างสูงเจ้าของนามนั้นพลิกตัวเข้ามาจึงเซเล็กน้อย กระนั้นกลับมิได้ล้มลงไป ครั้นพยายามหยัดยืนได้อย่างมั่นคง รีบมองหานางเจ้าของห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นแล้ว เรียวขาแข็งแรงภายใต้เสื้อคลุมผ้าไหมสีเขียวครามคู่นั้นพลันขยับก้าวยาวๆ เพียงสองสามทีก็รั้งตัวนางเข้าสู่อ้อมแขน“คิดถึง...”“หา!”กระแสเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ทว่าแหบพร่าผิดปกติกระซิบชิดริมหูหญิงสาวอีกครา“ยวี่ถิง ข้าคิดถึงเจ้าแทบบ้า” ไม่พูดเปล่ายังขบติ่งหูนางไปหนึ่งที“...” ตอนแรกคิดว่าหูฝาดแต่พอเขาขบย้ำเท่านั้นแหละ ชัดเลย! ติงยวี่ถิงพลันแก้มแดงซ่าน พบคนหื่นหนึ่งอัตรา นางรีบยกมือดันแผงอกหน้าอุ่นร้อนให้ออกห่าง“ทำบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยนะ!”นอกจากไม่ปล่อย วงแขนแกร่งยังรัดแน่นกว่าเดิม ซุกซบใบหน้าหล่อเหลาลงซอกคอขาว สูดดมอย่างโหยหา เหมือนรักใคร่ปานจะขาดใจตายเสียเดี๋ยวนี้“หงเย่!” ติงยวี่ถิงรู้สึกจักจี้นัก แม้ตกใจแต่เพราะเคยถูกกระทำมากกว่านี้มาแล้วไงจึงรู้สึกคุ้นเคยรสสัมผัสอยู่บ้าง อาการรังเกียจจึงไม่มี “อ๊ะ! อื้อ...” เสียวนะ!ภาพนั้นเสี่ยวจิงกับเจียวมิงให้รู้สึกตกใจอย่างมาก ทั้งสองพากันอ้าปากตาค้าง รีบก้มหน้างุด ทว่าพอใคร่ครวญให้ถ้วนถ
โรงยาเจี้ยนคังหลังจากปิดร้าน ติงยวี่ถิงจึงมีเวลาเป็นของตนเอง หญิงสาวนั่งจิบชาพักผ่อนคลายอารมณ์อยู่ในห้องส่วนตัว โดยมีเสี่ยวจิงกับเจียวมิ่งคอยปรนนิบัติรับใช้ไม่ห่างกาย“นายหญิง ข้าพูดจริงๆ เจ้าค่ะ นายท่านเซียวมิได้มากล่าวหาหรือว่าร้ายท่านแน่นอน เขาต้องการง้องอนต่างหาก ขอนายหญิงเปิดใจด้วยเถิดเจ้าค่ะ” เจียวมิ่งยังคงทำหน้าที่ผสานรอยร้าวอดีตสามีภรรยาอย่างดีและเต็มที่ทุกคราที่เอ่ยปากเสี่ยวจิงก็เช่นกัน “ใช่เจ้าค่ะนายหญิง บุรุษก็เช่นนี้ เพิ่งรู้ตัวว่ารักก็ต่อเมื่อมีเหตุให้ต้องพลัดพรากแยกจากอย่างกะทันหัน พวกท่านสองคนย่อมเป็นเช่นนั้น นายท่านเซียวกำลังกระจ่างในข้อนี้ เพิ่งรู้ใจตัวเองเจ้าค่ะ”น้ำชาร้อนหอมกรุ่นมีฤทธิ์สงบใจถูกชงและรินใส่จอกส่งให้ถึงมือ ติงยวี่ถิงยื่นมือรับจากเจียวมิ่งนิ่งๆ นั่งรับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวต่ออีกว่า “บ่าวว่า นายหญิงสมควรให้โอกาสนายท่านเซียวได้เข้าหา รับฟังปรับความเข้าใจกันเจ้าค่ะ”เจียวมิ่งเงียบชั่วครู่ แล้วตัดสินใจโน้มน้าวโดยเอ่ยถึงเรื่องวันก่อนอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น“นายหญิง เหตุการณ์ปีนกำแพงล้วนชัดแจ้งเจ้าค่ะ นายท่านเซียวผู้สุภาพสง่างามแลดูสูงส่งภูมิฐาน
นางเป็นใครกัน งดงามดุจภาพฝัน ภายใต้แสงเทียนสีนวลอ่อนจาง ส่องเพียงแสงสลัว บนเตียงนอนที่ควรว่างเปล่า บัดนี้มีเงาร่างของสตรีร่างระหงนอนทอดกายพริ้มตาด้วยท่วงท่าระทดระทวยเชิญชวนอารมณ์กำหนัดของเซียวหงเย่กำลังพุ่งขึ้นสูง ความรู้สึกปรารถนา อยากมีสัมพันธ์สวาทเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆหากได้อุ่นเตียงคงจะดีไม่น้อย...เซียวหงเย่ส่ายหน้าเบาๆเพียรระงับอารมณ์บางอย่างให้เข้าที่เข้าทางทว่าช่างยากเย็น ท้ายที่สุดเขานึกสงสัยว่าภาพตรงหน้าลวงตาหรือไม่ยามนี้ชายหนุ่มกำลังยืนมองสาวงามบนเตียงนอน พลางทอดถอนใจ พึมพำเสียงทุ้มต่ำแผ่วพร่า “หรือว่าอาจจะเป็นเพียงภาพมายา ข้ากำลังคิดถึงนางมากเกินไป...”นางในที่นี้ของเซียวหงเย่ย่อมเป็นติงยวี่ถิง สตรีผู้เป็นหัวข้อสนทนาตลอดการร่ำสุรากับไป๋ซั่วชายหนุ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้าพยายามเพ่งสายตาพร่ามัวมองสาวงามบนเตียงนอนอีกครั้งเห็นนางนอนเอนกายตะแคงข้างเผยส่วนเว้าส่วนโค้งคล้ายตั้งใจยั่วยวน ดวงตานางยังหลับพริ้มเหมือนรอคอยอย่างกระสันกระนั้นเขาเพียงคิดว่าตนเองแค่ตาฝาดไปเท่านั้นร่างสูงหันถามบุรุษอีกคนที่เดินตามเข้าห้องมาทีหลังแล้วยืนโงนเงนข้างกาย“เจ้าเห็นหรือไม่?”คนถูกถามคือไป๋ซั่ว ท
ห้องพักชั้นสามของโรงเตี๊ยมยู๋อี้ค่อนข้างใหญ่และกว้างขวาง มีเครื่องเรือนอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้องชั้นนอกชั้นในและมีฉากกั้นเป็นสัดส่วน เรียกว่าสมราคาที่แพงลิบลิ่ว หากลูกค้าไม่ร่ำรวยมั่งคั่งอย่างแท้จริง ย่อมมิอาจเอื้อมคว้า เข้ามาพักห้องระดับนี้ได้เหวินฟางกวาดสายตามองอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง นี่คือห้องที่เซียวหงเย่ใช้พำนักชั่วคราวเท่านั้น แต่เป็นชั่วคราวราวสามปีเลยทีเดียว คิดดูเถิดว่าเขารวยปานใดแม้เขามาเพื่อทำงานหนักสะสางปัญหาทางการค้า ทว่ามูลค่าเงินที่สกุลเซียวให้เขาใช้จ่ายนั้นเรียกได้ว่ามหาศาล นี่ขนาดกินนอนตอนกิจการของสกุลมีปัญหานะ หากไม่มีปัญหาจะสุขสบายปานใด หญิงสาวได้ข่าวว่าเซียวหงเย่จัดการเจรจาต่อรองกับคู่ค้าเก่งกาจมากทีเดียว ตอนนี้พวกเขาหันมาร่วมลงทุนแล้ว คาดการณ์ว่าปีหน้าผลกำไรจะเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัวอา...แค่คิดว่าจะได้เป็นฮูหยินเอกของบุรุษที่รูปงามปานเทพเซียน ทั้งยังร่ำรวยมีอำนาจเทียบเคียงขุนนางใหญ่แห่งราชสำนักแล้ว เหวินฟางก็แทบเก็บรอยยิ้มเอาไว้มิได้นางรู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจรวบรัดเขาคืนนี้ และเมื่อคิดถึงใบหน้าคมคายหล่อเหลาเหนือคำบรรยาย ความสง่าง
ชั้นสองของโรงเตี๊ยมยู๋อี้มีห้องรับรองพิเศษสำหรับลูกค้าต้องการดื่มกินแบบส่วนตัว“หา! แม่นางชุดแดงผู้นั้นที่แท้คืออดีตภรรยาของเจ้า” ไป๋ซั่วแทบสำลักเหล้าที่เพิ่งกรอกเข้าปาก เขาเริ่มมีอาการเมามาย โวยวายต่อเนื่องว่า “เหตุใดไม่บอกข้าแต่แรกเล่า”เซียวหงเย่เองก็เริ่มมึนเมาเช่นกัน เหล้ายุคนี้รสชาติดี แต่ร้อนแรงเป็นบ้า “ข้ากำลังจะบอกตอนงานเลี้ยงวันนั้น ทว่าเจ้ากลับเดินไปอีกทางไม่ตามข้ามา พอหันหลังไปอีกที เจ้าหายไปไหนล่ะ เหตุใดไม่อยู่ฟัง”“อ้อ...” ไป๋ซั่วพยักหน้าหงึกหงักรินเหล้าลงจอก วันนั้นเขาเห็นแม่นางชุดสีครามลายบุปผา งดงามบาดตา นางยืนอยู่กับฮูหยินเกา เขาจึงเข้าไปทักทาย แล้วก็ได้คุยกัน ตอนนี้ยังได้สานสัมพันธ์กันเรียบร้อย หลังจากสกุลไป๋ยกเลิกการเจรจาเกี่ยวดองกับสกุลเว่ยนั่นแล ชายหนุ่มยกจอกเหล้ากระดกน้ำเมาเข้าปาก แล้วว่าต่อ “นี่คือเหตุผลที่เจ้าถีบข้ากระมัง? หวงก้างยิ่งนัก! หย่าร้างเลิกรากันไปแล้วแท้ๆ” ซักพักไป๋ซั่วพลันตระหนัก“อ่า...ไม่สิ ไม่ถูกต้อง ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่ชอบนาง ออกจะรังเกียจด้วยซ้ำ ยังบอกว่านางชั่วร้าย ท้ายที่สุด นางยังวางยาเจ้า ต่อมาจึงถูกนายท่านผู้เฒ่าเซียวขับไล่ ไ
นางเคยอยู่กับเขาสองต่อสองในโรงเตี๊ยมบ่อยครั้ง ทั้งยังปล่อยข่าวแพร่กระจายแต่ก็ยังมิได้หมั้น เพราะตอนนั้นเขายังไม่ได้หย่า แต่ตอนนี้เขาเป็นอิสระแล้วอีกทั้งยังอยู่ไกลหูไกลตานายท่านใหญ่เซียว ไม่มีผู้อาวุโสคอยควบคุมความประพฤติ นับเป็นโอกาสอันดีเหวินฟางตัดสินใจได้ทันที “มิสู้ ใช้ยาปลุกกำหนัดเผด็จศึกพี่หงเย่ไปเลยเจ้าค่ะ ช่วงนี้ เขาเย็นชากับข้ายิ่งนัก เกรงว่าแค่ทำตัวเองให้งามจะไม่พอ ขอแค่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง สุภาพชนเช่นนั้น ย่อมเห็นข้าเป็นดั่งไข่มุกล้ำค่า ทะนุถนอมในอุ้งมือทุกวันเป็นแน่เจ้าค่ะ”ได้ยินเช่นนั้นซูหลินให้รู้สึกตื่นตะลึงอย่างคาดไม่ถึง ตัวนางเองไหนเลยจะเคยใช้ยาปลุกเร้าถึงขั้นนั้น แค่ใช้ยาดีและแต่งหน้าตามนังติงยวี่ถิงก็สามารถดึงความงามเฉิดฉันออกมาประดับใบหน้าจนเพริดพริ้งเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนแล้ว ทำเอาท่านพี่หานจงซานรักนางแทบคลั่งทุกวันซูหลินตัดสินใจถามเหวินฟาง “น้องพี่ คุณชายเซียวเปลี่ยนไปถึงเพียงใดกัน? มิใชว่า หมดรักเจ้าแล้วกระมัง?”“พี่หญิง!”เห็นญาติผู้น้องกระทืบเท้าเตรียมโวยวาย ซูหลินรีบยกมือห้าม “ก็ได้ๆ ข้าจะส่งคนไปหามาให้”เหวินฟางจึงกลับมาสงบ “เดี๋ยวนี้เลยได้หรือไม่?”ซูหลินเลิก