ห้องพักชั้นสามของโรงเตี๊ยมยู๋อี้ค่อนข้างใหญ่และกว้างขวาง มีเครื่องเรือนอำนวยความสะดวกครบครัน
มีห้องชั้นนอกชั้นในและมีฉากกั้นเป็นสัดส่วน เรียกว่าสมราคาที่แพงลิบลิ่ว
หากลูกค้าไม่ร่ำรวยมั่งคั่งอย่างแท้จริง ย่อมมิอาจเอื้อมคว้า เข้ามาพักห้องระดับนี้ได้
เหวินฟางกวาดสายตามองอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง นี่คือห้องที่เซียวหงเย่ใช้พำนักชั่วคราวเท่านั้น แต่เป็นชั่วคราวราวสามปีเลยทีเดียว คิดดูเถิดว่าเขารวยปานใด
แม้เขามาเพื่อทำงานหนักสะสางปัญหาทางการค้า ทว่ามูลค่าเงินที่สกุลเซียวให้เขาใช้จ่ายนั้นเรียกได้ว่ามหาศาล
นี่ขนาดกินนอนตอนกิจการของสกุลมีปัญหานะ หากไม่มีปัญหาจะสุขสบายปานใด
หญิงสาวได้ข่าวว่าเซียวหงเย่จัดการเจรจาต่อรองกับคู่ค้าเก่งกาจมากทีเดียว ตอนนี้พวกเขาหันมาร่วมลงทุนแล้ว คาดการณ์ว่าปีหน้าผลกำไรจะเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
อา...แค่คิดว่าจะได้เป็นฮูหยินเอกของบุรุษที่รูปงามปานเทพเซียน ทั้งยังร่ำรวยมีอำนาจเทียบเคียงขุนนางใหญ่แห่งราชสำนักแล้ว เหวินฟางก็แทบเก็บรอยยิ้มเอาไว้มิได้
นางรู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจรวบรัดเขาคืนนี้ และเมื่อคิดถึงใบหน้าคมคายหล่อเหลาเหนือคำบรรยาย ความสง่างามเป็นเอกของเซียวหงเย่ที่จะได้ชิดใกล้ลึกซึ้ง หญิงสาวก็ยิ่งหมายมาด
วันนี้ต้องไม่มีคำว่าพลาด!
ร่างระหงที่ถูกบำรุงด้วยยาชั้นเลิศ แต่งแต้มใบหน้าสะสวยเฉิดฉาย ประเทืองผิวพรรณด้วยน้ำมันชั้นดีจนงดงามอร่ามตา ส่งกลิ่นหอมอันรัญจวนล่อลวงออกมารอบทิศทาง ค่อยๆ เดินนวยนาดเพื่อสำรวจห้องของชายในดวงใจ ก่อนเข้าไปยังห้องชั้นใน แล้วกรีดกรายขึ้นนั่งบนเตียงนอน หมายรอคอยช่วงเวลาดีๆ อย่างอดทนตามแผนการที่วางไว้
ควันกำยานถูกปรุงด้วยยาปลุกกำหนัดโดยผู้มีวรยุทธ์จากจวนอู่หยางโหวหมดทั้งสองห่อใหญ่อย่างไม่ตระหนี่ มันถูกวางทั่วห้องแต่เร้นสายตา ตัวยาอันเข้มข้นนั้นค่อยๆ ออกฤทธิ์อย่างได้ผล
คนผู้หนึ่งเริ่มรู้สึกร้อนรุ่มจากทรวงอกหยุ่นนุ่มลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ เหวินฟางเริ่มมีอาการบางอย่าง นางค่อยๆ เคลื่อนฝ่ามือของตัวเองลงเบื้องล่างกลางกายสาว ลูบไล้ท้องน้อยเรียบเนียนของตนเบาๆ
ใต้แสงเทียนสีนวลตาที่พาให้สตรีนางน้อยผู้หนึ่งแลดูสะคราญโฉมลวงตามากเป็นพิเศษ
บนเตียงนอนที่มีฟูกรองรับสำหรับศึกหนักแห่งรักร้อน สาวน้อยงามพิลาสที่ร่างกายสะพรั่งกำลังพรักพร้อม กับยาปลุกเร้าที่มีฤทธิ์เกินมาตรฐาน ชายใดจะไม่หลงกลเล่า
ถึงแม้จะงุนงง แต่คนเมาย่อมเข้าใจไปเองได้อย่างไม่ยากเย็น ไป๋ซั่วจึงช่วยปลอบและแนะนำวิธีตามตื้อสตรีให้แก่เซียวหงเย่อย่างไม่ตระหนี่
หลังจากได้รับการชี้แนะ รวมถึงวิธีชั่วร้ายต่างๆ นานา เพื่อผูกมัดหญิงงามที่พึงใจจากสหายเจ้าสำราญอย่างไป๋ซั่ว เซียวหงเย่จึงกลับเข้าห้องพักที่ตนเปิดพำนักชั่วคราวนั้น
ครั้นเปิดประตูเข้าห้องมา พลันพบว่าในห้องของตนมีกลิ่นอายไม่คุ้นจมูก
ทว่าหอมหวนละมุนละไมเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มหรี่ตาที่ยามนี้มีน้ำคลอจนเย้ายวนของตนเพราะฤทธิ์สุราลงเล็กน้อย ค่อยๆ สูดดมกลิ่นนั้นอย่างสำรวจ เขารับรู้ถึงกลิ่นประหลาดชวนลุ่มหลงนี้ตั้งแต่ห้องชั้นนอก
พอเดินเข้ามาถึงห้องชั้นใน กลิ่นนั้นก็ยิ่งชัดเจน เหมือนไม่มีวันเจือจางหรือเลือนลางหายไป เนื่องจากยิ่งเดินเข้าใกล้ยิ่งรู้สึกเด่นชัดถึงความเข้มข้นของกลิ่นในห้องแห่งนี้
ความรู้สึกบางอย่างก็เช่นกัน…
เซียวหงเย่ค่อยๆ หลับตาลงอย่างเชื่องช้า มิรู้ว่าเพราะเมาหรือไม่ ถึงทำให้รู้สึกรุ่มร้อนขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เหมือนเกิดอารมณ์กำหนัด อยากร่วมรักกับสตรีเพศ
อา...นี่เขาไม่ได้มีเรื่องอย่างว่ามานานเท่าไรแล้วหนอ ตั้งแต่ตายแล้วข้ามภพมา ไม่สิ! ตั้งแต่หย่าร้างกับอดีตภรรยาในชาตินี้ต่างหาก
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกคราอย่างเนิบช้าเฉกเดิม สายตาของเขายังคงเปล่งประกายคมกล้าเช่นเดิม แต่กลับเพิ่มเติมความร้อนแรงในแววตา
เขาเดินเข้ามาด้วยอาการปวดหนึบตรงกลางลำตัวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ กายแกร่งเริ่มแข็งขึงตึงเด่น กระทั่งแทบผยองออกมา ดีที่มันเพียงผงาดอยู่ใต้กางเกง ความรู้สึกหนักอึ้งกำลังเกิดขึ้นที่กลางลำตัวของเขาอย่างรวดเร็ว
หลังฉากกั้นที่สูงแค่หน้าอกบุรุษ ใต้ผ้าม่านคลุมเตียงที่คลี่ลงและพริ้วไหว สตรีร่างระหงผู้หนึ่งกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนเอนกายอยู่บนเตียงของเขา
นางงดงามสะคราญโฉมแลดูหยาดเยิ้มเป็นอย่างมาก ยิ่งมองยิ่งยั่วยวนชวนหลงใหล น่าจับกดลงบนเตียงเหลือเกิน
นางเป็นใครกัน งดงามดุจภาพฝัน
อารมณ์กำหนัดของเซียวหงเย่กำลังพุ่งขึ้นสูง และกำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
หากได้อุ่นเตียงกับสตรีผู้นี้ก็คงจะดีอยู่ไม่น้อย...
โรงยาเจี้ยนคังหลังจากปิดร้าน ติงยวี่ถิงจึงมีเวลาเป็นของตนเอง หญิงสาวนั่งจิบชาพักผ่อนคลายอารมณ์อยู่ในห้องส่วนตัว โดยมีเสี่ยวจิงกับเจียวมิ่งคอยปรนนิบัติรับใช้ไม่ห่างกาย“นายหญิง ข้าพูดจริงๆ เจ้าค่ะ นายท่านเซียวมิได้มากล่าวหาหรือว่าร้ายท่านแน่นอน เขาต้องการง้องอนต่างหาก ขอนายหญิงเปิดใจด้วยเถิดเจ้าค่ะ” เจียวมิ่งยังคงทำหน้าที่ผสานรอยร้าวอดีตสามีภรรยาอย่างดีและเต็มที่ทุกคราที่เอ่ยปากเสี่ยวจิงก็เช่นกัน “ใช่เจ้าค่ะนายหญิง บุรุษก็เช่นนี้ เพิ่งรู้ตัวว่ารักก็ต่อเมื่อมีเหตุให้ต้องพลัดพรากแยกจากอย่างกะทันหัน พวกท่านสองคนย่อมเป็นเช่นนั้น นายท่านเซียวกำลังกระจ่างในข้อนี้ เพิ่งรู้ใจตัวเองเจ้าค่ะ”น้ำชาร้อนหอมกรุ่นมีฤทธิ์สงบใจถูกชงและรินใส่จอกส่งให้ถึงมือ ติงยวี่ถิงยื่นมือรับจากเจียวมิ่งนิ่งๆ นั่งรับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวต่ออีกว่า “บ่าวว่า นายหญิงสมควรให้โอกาสนายท่านเซียวได้เข้าหา รับฟังปรับความเข้าใจกันเจ้าค่ะ”เจียวมิ่งเงียบชั่วครู่ แล้วตัดสินใจโน้มน้าวโดยเอ่ยถึงเรื่องวันก่อนอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น“นายหญิง เหตุการณ์ปีนกำแพงล้วนชัดแจ้งเจ้าค่ะ นายท่านเซียวผู้สุภาพสง่างามแลดูสูงส่งภูมิฐาน
นางเป็นใครกัน งดงามดุจภาพฝัน ภายใต้แสงเทียนสีนวลอ่อนจาง ส่องเพียงแสงสลัว บนเตียงนอนที่ควรว่างเปล่า บัดนี้มีเงาร่างของสตรีร่างระหงนอนทอดกายพริ้มตาด้วยท่วงท่าระทดระทวยเชิญชวนอารมณ์กำหนัดของเซียวหงเย่กำลังพุ่งขึ้นสูง ความรู้สึกปรารถนา อยากมีสัมพันธ์สวาทเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆหากได้อุ่นเตียงคงจะดีไม่น้อย...เซียวหงเย่ส่ายหน้าเบาๆเพียรระงับอารมณ์บางอย่างให้เข้าที่เข้าทางทว่าช่างยากเย็น ท้ายที่สุดเขานึกสงสัยว่าภาพตรงหน้าลวงตาหรือไม่ยามนี้ชายหนุ่มกำลังยืนมองสาวงามบนเตียงนอน พลางทอดถอนใจ พึมพำเสียงทุ้มต่ำแผ่วพร่า “หรือว่าอาจจะเป็นเพียงภาพมายา ข้ากำลังคิดถึงนางมากเกินไป...”นางในที่นี้ของเซียวหงเย่ย่อมเป็นติงยวี่ถิง สตรีผู้เป็นหัวข้อสนทนาตลอดการร่ำสุรากับไป๋ซั่วชายหนุ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้าพยายามเพ่งสายตาพร่ามัวมองสาวงามบนเตียงนอนอีกครั้งเห็นนางนอนเอนกายตะแคงข้างเผยส่วนเว้าส่วนโค้งคล้ายตั้งใจยั่วยวน ดวงตานางยังหลับพริ้มเหมือนรอคอยอย่างกระสันกระนั้นเขาเพียงคิดว่าตนเองแค่ตาฝาดไปเท่านั้นร่างสูงหันถามบุรุษอีกคนที่เดินตามเข้าห้องมาทีหลังแล้วยืนโงนเงนข้างกาย“เจ้าเห็นหรือไม่?”คนถูกถามคือไป๋ซั่ว ท
ห้องพักชั้นสามของโรงเตี๊ยมยู๋อี้ค่อนข้างใหญ่และกว้างขวาง มีเครื่องเรือนอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้องชั้นนอกชั้นในและมีฉากกั้นเป็นสัดส่วน เรียกว่าสมราคาที่แพงลิบลิ่ว หากลูกค้าไม่ร่ำรวยมั่งคั่งอย่างแท้จริง ย่อมมิอาจเอื้อมคว้า เข้ามาพักห้องระดับนี้ได้เหวินฟางกวาดสายตามองอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง นี่คือห้องที่เซียวหงเย่ใช้พำนักชั่วคราวเท่านั้น แต่เป็นชั่วคราวราวสามปีเลยทีเดียว คิดดูเถิดว่าเขารวยปานใดแม้เขามาเพื่อทำงานหนักสะสางปัญหาทางการค้า ทว่ามูลค่าเงินที่สกุลเซียวให้เขาใช้จ่ายนั้นเรียกได้ว่ามหาศาล นี่ขนาดกินนอนตอนกิจการของสกุลมีปัญหานะ หากไม่มีปัญหาจะสุขสบายปานใด หญิงสาวได้ข่าวว่าเซียวหงเย่จัดการเจรจาต่อรองกับคู่ค้าเก่งกาจมากทีเดียว ตอนนี้พวกเขาหันมาร่วมลงทุนแล้ว คาดการณ์ว่าปีหน้าผลกำไรจะเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัวอา...แค่คิดว่าจะได้เป็นฮูหยินเอกของบุรุษที่รูปงามปานเทพเซียน ทั้งยังร่ำรวยมีอำนาจเทียบเคียงขุนนางใหญ่แห่งราชสำนักแล้ว เหวินฟางก็แทบเก็บรอยยิ้มเอาไว้มิได้นางรู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจรวบรัดเขาคืนนี้ และเมื่อคิดถึงใบหน้าคมคายหล่อเหลาเหนือคำบรรยาย ความสง่าง
ชั้นสองของโรงเตี๊ยมยู๋อี้มีห้องรับรองพิเศษสำหรับลูกค้าต้องการดื่มกินแบบส่วนตัว“หา! แม่นางชุดแดงผู้นั้นที่แท้คืออดีตภรรยาของเจ้า” ไป๋ซั่วแทบสำลักเหล้าที่เพิ่งกรอกเข้าปาก เขาเริ่มมีอาการเมามาย โวยวายต่อเนื่องว่า “เหตุใดไม่บอกข้าแต่แรกเล่า”เซียวหงเย่เองก็เริ่มมึนเมาเช่นกัน เหล้ายุคนี้รสชาติดี แต่ร้อนแรงเป็นบ้า “ข้ากำลังจะบอกตอนงานเลี้ยงวันนั้น ทว่าเจ้ากลับเดินไปอีกทางไม่ตามข้ามา พอหันหลังไปอีกที เจ้าหายไปไหนล่ะ เหตุใดไม่อยู่ฟัง”“อ้อ...” ไป๋ซั่วพยักหน้าหงึกหงักรินเหล้าลงจอก วันนั้นเขาเห็นแม่นางชุดสีครามลายบุปผา งดงามบาดตา นางยืนอยู่กับฮูหยินเกา เขาจึงเข้าไปทักทาย แล้วก็ได้คุยกัน ตอนนี้ยังได้สานสัมพันธ์กันเรียบร้อย หลังจากสกุลไป๋ยกเลิกการเจรจาเกี่ยวดองกับสกุลเว่ยนั่นแล ชายหนุ่มยกจอกเหล้ากระดกน้ำเมาเข้าปาก แล้วว่าต่อ “นี่คือเหตุผลที่เจ้าถีบข้ากระมัง? หวงก้างยิ่งนัก! หย่าร้างเลิกรากันไปแล้วแท้ๆ” ซักพักไป๋ซั่วพลันตระหนัก“อ่า...ไม่สิ ไม่ถูกต้อง ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่ชอบนาง ออกจะรังเกียจด้วยซ้ำ ยังบอกว่านางชั่วร้าย ท้ายที่สุด นางยังวางยาเจ้า ต่อมาจึงถูกนายท่านผู้เฒ่าเซียวขับไล่ ไ
นางเคยอยู่กับเขาสองต่อสองในโรงเตี๊ยมบ่อยครั้ง ทั้งยังปล่อยข่าวแพร่กระจายแต่ก็ยังมิได้หมั้น เพราะตอนนั้นเขายังไม่ได้หย่า แต่ตอนนี้เขาเป็นอิสระแล้วอีกทั้งยังอยู่ไกลหูไกลตานายท่านใหญ่เซียว ไม่มีผู้อาวุโสคอยควบคุมความประพฤติ นับเป็นโอกาสอันดีเหวินฟางตัดสินใจได้ทันที “มิสู้ ใช้ยาปลุกกำหนัดเผด็จศึกพี่หงเย่ไปเลยเจ้าค่ะ ช่วงนี้ เขาเย็นชากับข้ายิ่งนัก เกรงว่าแค่ทำตัวเองให้งามจะไม่พอ ขอแค่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง สุภาพชนเช่นนั้น ย่อมเห็นข้าเป็นดั่งไข่มุกล้ำค่า ทะนุถนอมในอุ้งมือทุกวันเป็นแน่เจ้าค่ะ”ได้ยินเช่นนั้นซูหลินให้รู้สึกตื่นตะลึงอย่างคาดไม่ถึง ตัวนางเองไหนเลยจะเคยใช้ยาปลุกเร้าถึงขั้นนั้น แค่ใช้ยาดีและแต่งหน้าตามนังติงยวี่ถิงก็สามารถดึงความงามเฉิดฉันออกมาประดับใบหน้าจนเพริดพริ้งเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนแล้ว ทำเอาท่านพี่หานจงซานรักนางแทบคลั่งทุกวันซูหลินตัดสินใจถามเหวินฟาง “น้องพี่ คุณชายเซียวเปลี่ยนไปถึงเพียงใดกัน? มิใชว่า หมดรักเจ้าแล้วกระมัง?”“พี่หญิง!”เห็นญาติผู้น้องกระทืบเท้าเตรียมโวยวาย ซูหลินรีบยกมือห้าม “ก็ได้ๆ ข้าจะส่งคนไปหามาให้”เหวินฟางจึงกลับมาสงบ “เดี๋ยวนี้เลยได้หรือไม่?”ซูหลินเลิก
“จริง! ข้าจะบอกให้ บุรุษน่ะชอบเรื่องแบบนี้ที่สุด ดูข้าสิ จะได้แต่งเดือนหน้าแล้วปะไร เพราะเหตุใดกันเล่า?”เรื่องของซูหลิน เหวินฟางย่อมล่วงรู้ อีกฝ่ายหมั้นกับคุณชายหานมานานมิได้ฤกษ์งามเสียที ครั้นมีค่ำคืนวสันต์ กระทั่งติดอกติดใจกันและกัน วันมงคลพลันถูกกำหนดขึ้นอย่างรวดเร็วปานฟ้าผ่าเหวินฟางพึมพำ “จะดีหรือพี่หญิง”“ดีสิ ย่อมดีแน่นอน” ใบหน้าซูหลินฉาบรอยยิ้ม “หากถูกจับแต่งงานโดยไม่เคยพบพานว่าที่สามีก็แล้วไปเถิด แต่เมื่อชายหญิงคบหาจนรู้ใจปานนั้น การที่เรายอมทำตามความปรารถนาในส่วนลึกของหัวใจ ย่อมมิใช่เรื่องผิด เจ้าเองคบหากับเขาตั้งนาน ก่อนนังติงยวี่ถิงถูกขับไล่มิใช่หรือไร?”หญิงสาวหน้าม้าน “ข้าก็มีความปรารถนาอยู่หรอก แต่ไม่กล้านี่นา มันผิดประเพณีนะเจ้าคะ อีกอย่าง ครั้งก่อน ข้าก็เคยเสนอตัวแล้ว แต่ไม่เป็นผล ยังถูกไล่ด้วย”แววตาซูหลินแฝงความเอือมระอา“โธ่เอ๋ย! น้องพี่ ครั้งนั้นเจ้าเข้าหาตอนเขามีโทสะ บุรุษผู้หนึ่งเนื้อตัวสกปรกเกรอะกรังจากเลือดไก่ ไหนเลยจะมีอารมณ์หวานชื่น” เหตุที่รู้เพราะอีกฝ่ายเอามาเล่าให้ฟัง ร้องห่มร้องไห้เสียยกใหญ่ นางจำได้ดีเชียวล่ะ เหวินฟางเงียบ ครั้งก่อนเป็นเช่นนั้น แต่ครั