ชั้นสองของโรงเตี๊ยมยู๋อี้มีห้องรับรองพิเศษสำหรับลูกค้าต้องการดื่มกินแบบส่วนตัว
“หา! แม่นางชุดแดงผู้นั้นที่แท้คืออดีตภรรยาของเจ้า” ไป๋ซั่วแทบสำลักเหล้าที่เพิ่งกรอกเข้าปาก เขาเริ่มมีอาการเมามาย โวยวายต่อเนื่องว่า “เหตุใดไม่บอกข้าแต่แรกเล่า”
เซียวหงเย่เองก็เริ่มมึนเมาเช่นกัน เหล้ายุคนี้รสชาติดี แต่ร้อนแรงเป็นบ้า “ข้ากำลังจะบอกตอนงานเลี้ยงวันนั้น ทว่าเจ้ากลับเดินไปอีกทางไม่ตามข้ามา พอหันหลังไปอีกที เจ้าหายไปไหนล่ะ เหตุใดไม่อยู่ฟัง”
“อ้อ...” ไป๋ซั่วพยักหน้าหงึกหงักรินเหล้าลงจอก วันนั้นเขาเห็นแม่นางชุดสีครามลายบุปผา งดงามบาดตา นางยืนอยู่กับฮูหยินเกา เขาจึงเข้าไปทักทาย แล้วก็ได้คุยกัน ตอนนี้ยังได้สานสัมพันธ์กันเรียบร้อย หลังจากสกุลไป๋ยกเลิกการเจรจาเกี่ยวดองกับสกุลเว่ยนั่นแล ชายหนุ่มยกจอกเหล้ากระดกน้ำเมาเข้าปาก แล้วว่าต่อ “นี่คือเหตุผลที่เจ้าถีบข้ากระมัง? หวงก้างยิ่งนัก! หย่าร้างเลิกรากันไปแล้วแท้ๆ”
ซักพักไป๋ซั่วพลันตระหนัก
“อ่า...ไม่สิ ไม่ถูกต้อง ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่ชอบนาง ออกจะรังเกียจด้วยซ้ำ ยังบอกว่านางชั่วร้าย ท้ายที่สุด นางยังวางยาเจ้า ต่อมาจึงถูกนายท่านผู้เฒ่าเซียวขับไล่ ไฉนสิ่งที่ข้าเห็นกลับตรงกันข้าม”
ไป๋ซั่วเอียงหน้ามุ่นคิ้วพินิจพิเคราะห์อย่างแน่วแน่ แต่เพราะเมาเหล้าจึงนั่งตัวเอียง หัวแทบโขกโต๊ะ
เขาผงกหัวขึ้น แล้วว่าต่อ “นางที่เห็นดูสุขุมสง่างาม เป็นกุลสตรีเพียบพร้อม ที่สำคัญ สะสวยหยาดเยิ้มปานนั้น”
พูดไปพูดมาไป๋ซั่วยกมือชี้หน้าสหายอย่างงุ่มง่าม
“อา...เมื่อก่อนเจ้าโกหกข้าว่าเกลียดนางสินะ เฮอะๆ ข้ารู้ทันเจ้าแล้วหงเย่ เก็บนางไว้หลังเรือนไม่พาออกมาให้ผู้ใดยลโฉมเลยสักครา ต่อมาถูกที่บ้านบังคับให้หย่าเพราะเจ้ามัวแต่ลุ่มหลงนาง จนไม่เป็นอันทำการค้ากระมัง ฮะๆ”
คนฟังรินเหล้าใส่จอก ยกดื่มอึกๆ วางจอกที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะดังปึก เมาเหล้าเช่นกัน เขาเถียงเสียงทุ้มพร่า “หากข้ามาเร็วกว่านี้ รับรอง ไม่มีทางหย่า”
ไป๋ซั่วมิรู้ความนัยที่ซ่อนเร้นของสหาย เขาหัวเราะชอบใจ “ฮ่าๆ หากข้าเป็นเจ้าจะตามง้อขอคืนดี ไม่มีทางปล่อยไป” ชายหนุ่มว่าพลางพร่ำเพ้อพรรณนาตามประสา “เพราะนางคือหญิงงามพิลาสสะคราญตา รูปโฉมยวนใจ ชวนใฝ่ฝันหา” ไป๋ซั่วยกมือขึ้นเบื้องหน้าทำท่าประกอบการเวิ่นเว้อเพ้อหา เหมือนบัณฑิตคงแก่เรียนที่จำต้องทิ้งตำรา เพราะบังเกิดรักแรกพบสตรีผู้พรากความหมั่นเพียรจนมิอาจมีใจร่ำเรียนอ่านเขียนได้อีกต่อไป
“ข้าจะรักนาง ร่วมเตียงอย่างบุรุษผู้คลุ้มคลั่งทุกคืน” ไป๋ซั่วเป็นชายหนุ่มนักรักจึงมีจิตนาการล้ำเลิศเตลิดหนัก
“ใช่! สาวงามหาง่ายแต่แม่ของลูกนั้นหายากกว่ามาก ข้าไม่มีทางปล่อยนางไปแน่” เซียวหงเย่หรี่ตาเพ้อพกยิ่งกว่า ใบหน้างามสง่าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา “ข้าไม่มีทางปล่อย แต่อย่างน้อยนางก็น่าจะยอมเปิดอกคุยดีๆ ยอมรับตรงๆ” ชายหนุ่มถอนหายใจ “แต่ช่างเถอะ! ไม่เป็นไร นางไม่ยอมรับก็ย่อมได้ ข้ารู้แก่ใจก็พอกระมังว่าพวกเรามาจากที่เดียวกัน ความรู้สึกว่าได้พบเจอผู้หญิงที่ใช่ ในโลกที่ผิดแผกแตกต่าง ช่วยลบความรู้สึกอ้างว้างเดียวดายเพราะทำตัวแปลกแยก เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ มีเพียงสองเราที่เข้าใจกันและกันอย่างถ่องแท้เท่านั้น”
วาจาอันแปลกประหลาดยาวเหยียดของเซียวหงเย่ ทำเอาสหายร่วมวงสุรานั่งปรือตาฟังอย่างงุนงง
“พูดบ้าอะไรน่ะ?”
ร่างสูงเจ้าของนามนั้นพลิกตัวเข้ามาจึงเซเล็กน้อย กระนั้นกลับมิได้ล้มลงไป ครั้นพยายามหยัดยืนได้อย่างมั่นคง รีบมองหานางเจ้าของห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นแล้ว เรียวขาแข็งแรงภายใต้เสื้อคลุมผ้าไหมสีเขียวครามคู่นั้นพลันขยับก้าวยาวๆ เพียงสองสามทีก็รั้งตัวนางเข้าสู่อ้อมแขน“คิดถึง...”“หา!”กระแสเสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ทว่าแหบพร่าผิดปกติกระซิบชิดริมหูหญิงสาวอีกครา“ยวี่ถิง ข้าคิดถึงเจ้าแทบบ้า” ไม่พูดเปล่ายังขบติ่งหูนางไปหนึ่งที“...” ตอนแรกคิดว่าหูฝาดแต่พอเขาขบย้ำเท่านั้นแหละ ชัดเลย! ติงยวี่ถิงพลันแก้มแดงซ่าน พบคนหื่นหนึ่งอัตรา นางรีบยกมือดันแผงอกหน้าอุ่นร้อนให้ออกห่าง“ทำบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยนะ!”นอกจากไม่ปล่อย วงแขนแกร่งยังรัดแน่นกว่าเดิม ซุกซบใบหน้าหล่อเหลาลงซอกคอขาว สูดดมอย่างโหยหา เหมือนรักใคร่ปานจะขาดใจตายเสียเดี๋ยวนี้“หงเย่!” ติงยวี่ถิงรู้สึกจักจี้นัก แม้ตกใจแต่เพราะเคยถูกกระทำมากกว่านี้มาแล้วไงจึงรู้สึกคุ้นเคยรสสัมผัสอยู่บ้าง อาการรังเกียจจึงไม่มี “อ๊ะ! อื้อ...” เสียวนะ!ภาพนั้นเสี่ยวจิงกับเจียวมิงให้รู้สึกตกใจอย่างมาก ทั้งสองพากันอ้าปากตาค้าง รีบก้มหน้างุด ทว่าพอใคร่ครวญให้ถ้วนถ
โรงยาเจี้ยนคังหลังจากปิดร้าน ติงยวี่ถิงจึงมีเวลาเป็นของตนเอง หญิงสาวนั่งจิบชาพักผ่อนคลายอารมณ์อยู่ในห้องส่วนตัว โดยมีเสี่ยวจิงกับเจียวมิ่งคอยปรนนิบัติรับใช้ไม่ห่างกาย“นายหญิง ข้าพูดจริงๆ เจ้าค่ะ นายท่านเซียวมิได้มากล่าวหาหรือว่าร้ายท่านแน่นอน เขาต้องการง้องอนต่างหาก ขอนายหญิงเปิดใจด้วยเถิดเจ้าค่ะ” เจียวมิ่งยังคงทำหน้าที่ผสานรอยร้าวอดีตสามีภรรยาอย่างดีและเต็มที่ทุกคราที่เอ่ยปากเสี่ยวจิงก็เช่นกัน “ใช่เจ้าค่ะนายหญิง บุรุษก็เช่นนี้ เพิ่งรู้ตัวว่ารักก็ต่อเมื่อมีเหตุให้ต้องพลัดพรากแยกจากอย่างกะทันหัน พวกท่านสองคนย่อมเป็นเช่นนั้น นายท่านเซียวกำลังกระจ่างในข้อนี้ เพิ่งรู้ใจตัวเองเจ้าค่ะ”น้ำชาร้อนหอมกรุ่นมีฤทธิ์สงบใจถูกชงและรินใส่จอกส่งให้ถึงมือ ติงยวี่ถิงยื่นมือรับจากเจียวมิ่งนิ่งๆ นั่งรับฟังสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวต่ออีกว่า “บ่าวว่า นายหญิงสมควรให้โอกาสนายท่านเซียวได้เข้าหา รับฟังปรับความเข้าใจกันเจ้าค่ะ”เจียวมิ่งเงียบชั่วครู่ แล้วตัดสินใจโน้มน้าวโดยเอ่ยถึงเรื่องวันก่อนอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น“นายหญิง เหตุการณ์ปีนกำแพงล้วนชัดแจ้งเจ้าค่ะ นายท่านเซียวผู้สุภาพสง่างามแลดูสูงส่งภูมิฐาน
นางเป็นใครกัน งดงามดุจภาพฝัน ภายใต้แสงเทียนสีนวลอ่อนจาง ส่องเพียงแสงสลัว บนเตียงนอนที่ควรว่างเปล่า บัดนี้มีเงาร่างของสตรีร่างระหงนอนทอดกายพริ้มตาด้วยท่วงท่าระทดระทวยเชิญชวนอารมณ์กำหนัดของเซียวหงเย่กำลังพุ่งขึ้นสูง ความรู้สึกปรารถนา อยากมีสัมพันธ์สวาทเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆหากได้อุ่นเตียงคงจะดีไม่น้อย...เซียวหงเย่ส่ายหน้าเบาๆเพียรระงับอารมณ์บางอย่างให้เข้าที่เข้าทางทว่าช่างยากเย็น ท้ายที่สุดเขานึกสงสัยว่าภาพตรงหน้าลวงตาหรือไม่ยามนี้ชายหนุ่มกำลังยืนมองสาวงามบนเตียงนอน พลางทอดถอนใจ พึมพำเสียงทุ้มต่ำแผ่วพร่า “หรือว่าอาจจะเป็นเพียงภาพมายา ข้ากำลังคิดถึงนางมากเกินไป...”นางในที่นี้ของเซียวหงเย่ย่อมเป็นติงยวี่ถิง สตรีผู้เป็นหัวข้อสนทนาตลอดการร่ำสุรากับไป๋ซั่วชายหนุ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้าพยายามเพ่งสายตาพร่ามัวมองสาวงามบนเตียงนอนอีกครั้งเห็นนางนอนเอนกายตะแคงข้างเผยส่วนเว้าส่วนโค้งคล้ายตั้งใจยั่วยวน ดวงตานางยังหลับพริ้มเหมือนรอคอยอย่างกระสันกระนั้นเขาเพียงคิดว่าตนเองแค่ตาฝาดไปเท่านั้นร่างสูงหันถามบุรุษอีกคนที่เดินตามเข้าห้องมาทีหลังแล้วยืนโงนเงนข้างกาย“เจ้าเห็นหรือไม่?”คนถูกถามคือไป๋ซั่ว ท
ห้องพักชั้นสามของโรงเตี๊ยมยู๋อี้ค่อนข้างใหญ่และกว้างขวาง มีเครื่องเรือนอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้องชั้นนอกชั้นในและมีฉากกั้นเป็นสัดส่วน เรียกว่าสมราคาที่แพงลิบลิ่ว หากลูกค้าไม่ร่ำรวยมั่งคั่งอย่างแท้จริง ย่อมมิอาจเอื้อมคว้า เข้ามาพักห้องระดับนี้ได้เหวินฟางกวาดสายตามองอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง นี่คือห้องที่เซียวหงเย่ใช้พำนักชั่วคราวเท่านั้น แต่เป็นชั่วคราวราวสามปีเลยทีเดียว คิดดูเถิดว่าเขารวยปานใดแม้เขามาเพื่อทำงานหนักสะสางปัญหาทางการค้า ทว่ามูลค่าเงินที่สกุลเซียวให้เขาใช้จ่ายนั้นเรียกได้ว่ามหาศาล นี่ขนาดกินนอนตอนกิจการของสกุลมีปัญหานะ หากไม่มีปัญหาจะสุขสบายปานใด หญิงสาวได้ข่าวว่าเซียวหงเย่จัดการเจรจาต่อรองกับคู่ค้าเก่งกาจมากทีเดียว ตอนนี้พวกเขาหันมาร่วมลงทุนแล้ว คาดการณ์ว่าปีหน้าผลกำไรจะเพิ่มมากขึ้นอีกหลายเท่าตัวอา...แค่คิดว่าจะได้เป็นฮูหยินเอกของบุรุษที่รูปงามปานเทพเซียน ทั้งยังร่ำรวยมีอำนาจเทียบเคียงขุนนางใหญ่แห่งราชสำนักแล้ว เหวินฟางก็แทบเก็บรอยยิ้มเอาไว้มิได้นางรู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจรวบรัดเขาคืนนี้ และเมื่อคิดถึงใบหน้าคมคายหล่อเหลาเหนือคำบรรยาย ความสง่าง
ชั้นสองของโรงเตี๊ยมยู๋อี้มีห้องรับรองพิเศษสำหรับลูกค้าต้องการดื่มกินแบบส่วนตัว“หา! แม่นางชุดแดงผู้นั้นที่แท้คืออดีตภรรยาของเจ้า” ไป๋ซั่วแทบสำลักเหล้าที่เพิ่งกรอกเข้าปาก เขาเริ่มมีอาการเมามาย โวยวายต่อเนื่องว่า “เหตุใดไม่บอกข้าแต่แรกเล่า”เซียวหงเย่เองก็เริ่มมึนเมาเช่นกัน เหล้ายุคนี้รสชาติดี แต่ร้อนแรงเป็นบ้า “ข้ากำลังจะบอกตอนงานเลี้ยงวันนั้น ทว่าเจ้ากลับเดินไปอีกทางไม่ตามข้ามา พอหันหลังไปอีกที เจ้าหายไปไหนล่ะ เหตุใดไม่อยู่ฟัง”“อ้อ...” ไป๋ซั่วพยักหน้าหงึกหงักรินเหล้าลงจอก วันนั้นเขาเห็นแม่นางชุดสีครามลายบุปผา งดงามบาดตา นางยืนอยู่กับฮูหยินเกา เขาจึงเข้าไปทักทาย แล้วก็ได้คุยกัน ตอนนี้ยังได้สานสัมพันธ์กันเรียบร้อย หลังจากสกุลไป๋ยกเลิกการเจรจาเกี่ยวดองกับสกุลเว่ยนั่นแล ชายหนุ่มยกจอกเหล้ากระดกน้ำเมาเข้าปาก แล้วว่าต่อ “นี่คือเหตุผลที่เจ้าถีบข้ากระมัง? หวงก้างยิ่งนัก! หย่าร้างเลิกรากันไปแล้วแท้ๆ” ซักพักไป๋ซั่วพลันตระหนัก“อ่า...ไม่สิ ไม่ถูกต้อง ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่ชอบนาง ออกจะรังเกียจด้วยซ้ำ ยังบอกว่านางชั่วร้าย ท้ายที่สุด นางยังวางยาเจ้า ต่อมาจึงถูกนายท่านผู้เฒ่าเซียวขับไล่ ไ
นางเคยอยู่กับเขาสองต่อสองในโรงเตี๊ยมบ่อยครั้ง ทั้งยังปล่อยข่าวแพร่กระจายแต่ก็ยังมิได้หมั้น เพราะตอนนั้นเขายังไม่ได้หย่า แต่ตอนนี้เขาเป็นอิสระแล้วอีกทั้งยังอยู่ไกลหูไกลตานายท่านใหญ่เซียว ไม่มีผู้อาวุโสคอยควบคุมความประพฤติ นับเป็นโอกาสอันดีเหวินฟางตัดสินใจได้ทันที “มิสู้ ใช้ยาปลุกกำหนัดเผด็จศึกพี่หงเย่ไปเลยเจ้าค่ะ ช่วงนี้ เขาเย็นชากับข้ายิ่งนัก เกรงว่าแค่ทำตัวเองให้งามจะไม่พอ ขอแค่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง สุภาพชนเช่นนั้น ย่อมเห็นข้าเป็นดั่งไข่มุกล้ำค่า ทะนุถนอมในอุ้งมือทุกวันเป็นแน่เจ้าค่ะ”ได้ยินเช่นนั้นซูหลินให้รู้สึกตื่นตะลึงอย่างคาดไม่ถึง ตัวนางเองไหนเลยจะเคยใช้ยาปลุกเร้าถึงขั้นนั้น แค่ใช้ยาดีและแต่งหน้าตามนังติงยวี่ถิงก็สามารถดึงความงามเฉิดฉันออกมาประดับใบหน้าจนเพริดพริ้งเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนแล้ว ทำเอาท่านพี่หานจงซานรักนางแทบคลั่งทุกวันซูหลินตัดสินใจถามเหวินฟาง “น้องพี่ คุณชายเซียวเปลี่ยนไปถึงเพียงใดกัน? มิใชว่า หมดรักเจ้าแล้วกระมัง?”“พี่หญิง!”เห็นญาติผู้น้องกระทืบเท้าเตรียมโวยวาย ซูหลินรีบยกมือห้าม “ก็ได้ๆ ข้าจะส่งคนไปหามาให้”เหวินฟางจึงกลับมาสงบ “เดี๋ยวนี้เลยได้หรือไม่?”ซูหลินเลิก