LOGINซูเหยาสวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อนเรียบง่ายที่ไม่ได้ปักลวดลายวิจิตรบรรจง นางก้าวออกจากเรือนอย่างสงบเงียบผิดวิสัย ซูเหยาคนเก่า นั้น หากตื่นขึ้นมาในยามนี้ มักจะเร่งเร้าให้สาวใช้เตรียมชุดที่สวยที่สุดเพื่อหวังจะไปพบองค์ชายหานเย่ว์ หรืออย่างน้อยก็ต้องเฝ้ามองไปทางประตูจวนเพื่อรอคอยเทียบเชิญที่ไม่มีวันมาถึง
แต่ ซูเหยาคนใหม่ เดินตรงไปยังเรือนกลางอย่างใจเย็นและมั่นคง สายตานางสงบราวผิวน้ำในยามราตรี ไม่มีความกระวนกระวายหรือความใคร่หลงใด ๆ เหลืออยู่เลย
เมื่อนางเดินไปถึงห้องโถงหลัก มารดาของนาง ฮูหยินซู กำลังนั่งจิบชาอยู่ นางเป็นสตรีที่รักบุตรสาวมากที่สุด แต่ก็หนักใจที่สุดกับอาการ 'คลั่งรัก' ของซูเหยา
"เหยาเอ๋อร์ เจ้าตื่นเช้าจังวันนี้..." ฮูหยินซูเงยหน้าขึ้นทักทายด้วยสีหน้าอ่อนโยน แต่เมื่อเห็นท่าทางของบุตรสาวก็ชะงักไปเล็กน้อย
"คารวะท่านแม่" ซูเหยาโค้งคำนับอย่างนุ่มนวล แต่ท่วงท่าสง่างามและเป็นธรรมชาติจนน่าประหลาดใจ นางเลือกที่นั่งที่ใกล้แสงสว่างที่สุด จากนั้นก็รินชาให้มารดาอย่างประณีต
ฮูหยินซูสังเกตบุตรสาวอย่างถี่ถ้วน นี่ไม่ใช่ 'ซูเหยาผู้เป็นเหมือนกระต่ายน้อย' ที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำเพราะฝันว่าองค์ชายเมินเฉยอีกแล้ว ดวงตาของบุตรสาวนางเต็มไปด้วยแววฉลาดเฉลียวและเฉยชาอย่างประหลาด
"เหยาเอ๋อร์... วันนี้เจ้าดู... สงบนัก" ฮูหยินซูวางถ้วยชาลงอย่างแผ่วเบา "ปกติแล้ว ยามนี้เจ้าควรจะกำลังเร่งสาวใช้ให้เตรียมพู่กันเพื่อเขียนกลอนรักส่งไปที่วังองค์ชายมิใช่หรือ? หรือว่า... เจ้ากำลังไม่สบาย?"
ซูเหยาเพียงยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นงดงามแต่ไม่เผยความรู้สึกใด ๆ ออกมา เป็นรอยยิ้มที่แสดงถึงความควบคุมที่สมบูรณ์
"ท่านแม่กล่าวเกินไปแล้วเพคะ ลูกสบายดี" นางตอบเสียงเรียบ "ลูกเพียงตระหนักได้ว่า... การเพ้อฝันถึงเรื่องรักใคร่ที่ยังมาไม่ถึงนั้น ไม่ได้ทำให้กิจการของตระกูลเราดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย"
คำตอบของนางทำเอาสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างมองหน้ากัน
เพื่อยืนยันช่วงเวลาที่ย้อนกลับมาและรวบรวมข้อมูลเพื่อวางแผน นางจึงใช้คำถามที่ดูเหมือนไร้เดียงสาแต่แฝงไว้ด้วยความเฉลียวฉลาด
"ท่านแม่ ลูกอยากทราบว่า... ผ้าไหมฉื่อเยว่ ที่ส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการให้ราชสำนักเมื่อสามปีก่อนนั้น ได้มีการปรับปรุงกระบวนการย้อมสีตามที่ท่านพ่อเคยคิดไว้หรือไม่เพคะ?" นางเอ่ยถามถึงรายละเอียดที่คนปกติไม่ควรจำได้ และเป็นรายละเอียดทางธุรกิจที่สำคัญ
ฮูหยินซูยิ่งประหลาดใจ "เหยาเอ๋อร์... เจ้าไปสนใจเรื่องนั้นตั้งแต่เมื่อใด? เจ้าไม่เคยถามถึงกิจการค้าของตระกูลเลยสักครั้ง"
"เรื่องนั้นเป็นอดีตไปแล้วเพคะ ลูกเพียงแต่คิดว่า... หากเรายังคงผลิตผ้าไหมสีเดิม ลายเดิม ก็ยากที่จะต่อสู้กับคู่แข่งที่นำเข้าไหมจากดินแดนทางใต้"
"ท่านแม่ โปรดบอกลูกตามตรงเถิดว่า ตอนนี้กิจการผ้าไหมของเรา... ซบเซาจนถึงขั้นใดแล้วเพคะ"
ฮูหยินซูเห็นถึงความตั้งใจจริงในแววตาของบุตรสาว จึงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน นางเล่าถึงสถานการณ์ทางธุรกิจที่ตระกูลกำลังเผชิญ กำไรที่ลดลง การแข่งขันที่รุนแรง และการถูกขุนนางบางกลุ่มเข้ามากีดกันทางการค้า
ซูเหยานั่งฟังอย่างสงบ แม้ข้อมูลจะดูเลวร้าย แต่ในห้วงความคิดของนางกลับเต็มไปด้วย โอกาสทางธุรกิจ ที่รออยู่
‘การขาดทุนคือการขาดนวัตกรรม การถูกกีดกันคือการขาดอำนาจ... และนี่คือช่องว่างที่ซูเหยาคนใหม่สามารถแทรกเข้าไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ’
นางลุกขึ้นยืนด้วยท่วงท่าที่สง่างาม "ขอบคุณท่านแม่ที่บอกความจริง"
นางเดินไปยังโต๊ะเขียนหนังสือ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่ตรงนั้น นี่คือร่างจดหมายที่นางตั้งใจจะส่งไปอวยพรองค์ชายหานเย่ว์ในวันเกิดที่กำลังจะมาถึง
ฮูหยินซูมองตามด้วยความหวังว่าบุตรสาวจะตั้งใจเขียนจดหมายให้งดงามที่สุด
ทว่า... ซูเหยาไม่ได้หยิบพู่กัน
นางเพียงฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างไม่ไยดี แล้วทิ้งลงในถังไม้ข้างโต๊ะ
"เหยาเอ๋อร์! เจ้าทำอะไร! นั่นเป็นจดหมายที่เจ้าตั้งใจจะ..." ฮูหยินซูเกือบจะร้องเสียงหลง
ซูเหยาหันกลับมาด้วยรอยยิ้มที่จริงใจเป็นครั้งแรกในเช้าวันนั้น "ความรักที่ต้องวิ่งตามจนเสียศักดิ์ศรีนั้น... ไม่สมควรได้รับการจดจำแม้แต่น้อย"
ฮูหยินซูถึงกับพูดไม่ออก นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุตรสาวคนนี้จะมีมุมมองที่เด็ดขาดและหนักแน่นได้ถึงเพียงนี้
ซูเหยานั่งลงอย่างสง่างามอีกครั้ง นางรวบรวมแผนการในใจอย่างรวดเร็ว
หนึ่ง: ใช้ข้ออ้างทางธุรกิจของตระกูล เพื่อปลีกตัวออกจากเมืองหลวงโดยสมบูรณ์
สอง: ไปยังเมืองรองที่กิจการเก่าของตระกูลซบเซา ที่นั่นจะมีคู่แข่งน้อยกว่าและมีช่องทางให้ใช้ความรู้สมัยใหม่ได้ง่ายกว่า
สาม: สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสร้าง ฐานะทางการเงินและอำนาจของตนเอง ให้เข้มแข็งพอที่จะยืนหยัดได้ด้วยขาของตัวเอง เพื่อใช้เป็นข้ออ้างที่ไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้เมื่อองค์ชายหานเย่ว์เริ่มเข้ามาวุ่นวายในภายหลัง
"ท่านแม่" ซูเหยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับแม่ทัพสั่งการ "ลูกมีความคิด... ลูกต้องการเดินทางไปยัง เมืองตงไห่ เพื่อฟื้นฟูกิจการผ้าไหมที่นั่น"
บ่ายวันนั้น ขณะที่ซูเหยากำลังหารือกับบิดาเรื่องแผนการเดินทางไปเมืองตงไห่อย่างละเอียดถี่ถ้วน ทันใดนั้น สาวใช้คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยท่าทางตื่นเต้น
"คุณหนูเจ้าคะ! ท่านอ๋อง... องค์ชายหานเย่ว์! ท่านส่งคนมาที่จวนเจ้าค่ะ!" เสียงของสาวใช้นาม 'ชิงหลิง' สั่นเล็กน้อยด้วยความดีใจและตื่นเต้น
ในอดีต... หากมีคนขององค์ชายมาถึงจวน แม้จะเป็นเพียงทหารยามที่มาส่งสาส์นธรรมดา ซูเหยาคนเก่า จะต้องดีใจจนหน้าแดงก่ำ รีบจัดแจงเสื้อผ้าและเครื่องประดับราวกับจะไปเข้าเฝ้าด้วยตนเอง
เขาเริ่มเห็น 'เสน่ห์' ที่มาจากอำนาจและความสามารถของนาง เป็นเสน่ห์ที่แข็งแกร่งและดึงดูดใจอย่างร้ายกาจ มันแตกต่างจากความงามที่อ่อนหวานอย่างสิ้นเชิงหลังจากจัดการกับพ่อค้าเฉินได้แล้ว ซูเหยาเดินกลับไปที่เรือนรับรองของโรงงานทันที นางนัดหมายประชุมกับ ท่านหลิว พ่อค้าส่งรายใหญ่ที่ได้สั่งซื้อผ้าไหมของฉื่อเยว่ไปในปริมาณมหาศาล เพื่อหารือเรื่องการขยายตลาดไปยังแคว้นทางใต้องค์ชายหานเย่ว์ ในนามพ่อค้าแซ่หาน ไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ จึงพยายามหาช่องทางเข้าถึงและแสดงความสามารถ เขารีบตามเข้าไปในห้องประชุมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จางซื่อจะทันขวางไว้"เรียนนายหญิงซู ในฐานะพ่อค้าที่สนใจลงทุนในธุรกิจผ้าไหม ข้าขออนุญาตเข้าร่วมรับฟังการประชุมเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมงานได้หรือไม่" องค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและเป็นมืออาชีพที่สุดซูเหยาปรายตามองเขาเล็กน้อย นางรู้ว่าพ่อค้าแซ่หานผู้นี้ไม่ได้มาเพื่อลงทุน แต่มาเพื่อตามติดนาง นางไม่ได้ปฏิเสธอย่างโจ่งแจ้ง "เชิญท่านพ่อค้าแซ่หาน" นางจัดให้เขานั่งที่มุมห้องในฐานะผู้สังเกตการณ์เท่านั้นซูเหยาเริ่มนำเสนอแผนการขยายตลาดอย่างเป็นระบบ นางกางแผนที่ขนาดใหญ่ออกมา และชี้ไปยั
"พ่อค้าแซ่หาน ทางเรามีห้องพักที่สะอาดและปลอดภัยที่สุดรอท่านอยู่เจ้าค่ะ กรุณาชำระค่าห้องพักเป็นรายสัปดาห์ ท่านจะได้รับกุญแจสำหรับล็อคห้องพักและตู้นิรภัยส่วนตัวทันที" ชิงหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรตามที่ถูกฝึกฝนมา"อืม ข้าเป็นพ่อค้าที่เดินทางมาไกล ข้าหวังว่าการมาเยือนตงไห่ครั้งนี้จะได้พบปะกับพ่อค้าท้องถิ่นที่น่าสนใจ" เขาพยายามพูดให้ดูเหมือนพ่อค้าทั่วไปชิงหลิงเพียงโค้งคำนับ "แน่นอนเจ้าค่ะ ที่โรงเตี๊ยมซูแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของพ่อค้าจากหลายแคว้น หวังว่าท่านจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์นะเจ้าคะ" นางไม่แสดงความสนใจในตัวเขาเกินความจำเป็นองค์ชายเดินตามชิงหลิงไปยังห้องพัก เขาสำรวจทุกตารางนิ้วด้วยสายตาที่เฉียบคม ห้องพักที่ไม่หรูหรานั้นเต็มไปด้วยความใส่ใจในรายละเอียด เตียงนอนสะอาดสะอ้าน ผ้าห่มอบอุ่น ไม่มีกลิ่นอับชื้น และมีตู้เก็บของที่มีกุญแจโลหะแข็งแรงติดอยู่จริงเขาต้องยอมรับอย่างเงียบ ๆ ว่า โรงเตี๊ยมซู แห่งนี้ มีระบบจัดการที่เฉลียวฉลาดอย่างน่าตกตะลึงองค์ชายหานเย่ว์ไม่ได้พักผ่อน แต่รีบลงมายังห้องโถงหลักอย่างรวดเร็ว เขาสั่งชาสมุนไพรมาจิบ แล้วเลือกโต๊ะที่อยู่ใกล้กับโต๊ะทำงานของซูเหยามากที
เขาเรียกประชุมเจ้ากรมที่เกี่ยวข้องกับการค้าชายแดน"ช่วงนี้มีรายงานเรื่องเส้นทางการค้าบริเวณเมืองตงไห่ล่าช้าและมีการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายมากนัก" องค์ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาตามปกติ "ข้าจะเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่ด้วยตนเอง เพื่อจัดระเบียบการค้าและหาช่องทางในการจัดหาวัตถุดิบคุณภาพดีเข้าสู่โรงงานหลวง"ทุกคนยอมรับคำสั่งขององค์ชายอย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะดูสมเหตุสมผลและเหมาะสมกับตำแหน่งของเขา แต่ในใจขององค์ชาย เขารู้ดีว่า เขาไปเพื่อดูซูเหยา ไปดูว่าสตรีที่เคยหลงรักเขาจนโง่เง่าผู้นั้น ได้เปลี่ยนไปเป็นคนใหม่ที่เฉลียวฉลาดได้อย่างไรองค์ชายตัดสินใจที่จะไม่เดินทางไปในฐานะรัชทายาทผู้สูงศักดิ์"หลี่กงกง เตรียมชุดเดินทางให้ข้า ข้าต้องการชุดผ้าฝ้ายธรรมดาที่ดูเหมือนพ่อค้าหรือนักเดินทาง ไม่ใช่ชุดปักไหมทองของวัง"หลี่กงกงชะงักไปเล็กน้อย "ทูลองค์ชาย ท่านจะปลอมตัวไปในฐานะพ่อค้าหรือพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่า... ออร่าและรูปโฉมของท่านอาจจะทำให้การปลอมตัวไม่สำเร็จนะพ่ะย่ะค่ะ"องค์ชายปรายตามองอย่างเย็นชา ทำให้หลี่กงกงรีบโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว องค์ชายเลือกชุดที่เรียบง่ายที่สุด แต่แม้จะเรียบง่ายเพียงใด ผ้าที่ทอก็ย
ตำหนักบูรพาของ องค์ชายหานเย่ว์ ในเมืองหลวงยังคงโอ่อ่าสง่างามตามปกติ องค์ชายผู้เป็นรัชทายาทในอนาคตกำลังนั่งพิจารณาฎีกาการเก็บภาษีฤดูใบไม้ผลิด้วยท่าทีเย็นชา โต๊ะทำงานของเขาเต็มไปด้วยเอกสารสำคัญ ไม่มีสิ่งของไร้สาระใด ๆ วางอยู่เขาใช้ชีวิตอย่างปกติ... ทว่าความปกติที่แสนจะสมบูรณ์แบบนี้กลับมี ความรู้สึก 'ขาดอะไรบางอย่าง' ไปอย่างประหลาด ปกติแล้ว ไม่ว่าจะเช้าหรือเย็น โต๊ะทำงานของเขาจะต้องมีจดหมายรักที่เขียนด้วยลายมือบรรจง หรือของว่างที่ถูกส่งมาจาก ซูเหยา ‘ไร้สาระ’ องค์ชายคิดอย่างหงุดหงิด เขามักจะคิดว่าคำอ้อนวอนและของขวัญเหล่านั้นเป็นเรื่องไร้แก่นสารที่รบกวนสมาธิ แต่ตอนนี้... เมื่อความวุ่นวายนั้นหายไป ความสงบที่ได้รับกลับไม่เป็นที่พึงพอใจเลยแม้แต่น้อยองค์ชายหานเย่ว์ตระหนักว่าเขาไม่ได้เห็นหรือได้ยินเรื่องของซูเหยามาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่ที่นางปฏิเสธคำเชิญร่วมงานเลี้ยงบุปผา"หลี่กงกง" องค์ชายเรียกขันทีคนสนิทด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแต่แฝงความหงุดหงิดที่ไม่สามารถซ่อนได้ "เหตุใดเจ้ากรมซูจึงยังไม่กลับจากเมืองตงไห่ และเหตุใด... ข้าถึงไม่ได้รับรายงานการเตรียมตัวอภิเษกของสตรีผู้นั้นเลย"
"หากทรัพย์สินของท่านหายไปในขณะที่พักอยู่ในโรงเตี๊ยมซู ทางเราจะรับผิดชอบชดใช้เต็มจำนวน" ข้อเสนอนี้ดึงดูดพ่อค้าที่ต้องเดินทางพร้อมเงินจำนวนมากได้ทันทีหนึ่งเดือนถัดมา โรงเตี๊ยมซู ก็กลายเป็นชื่อที่ถูกกล่าวถึงอย่างหนาหูในหมู่พ่อค้าและนักเดินทางที่ผ่านเข้าออกเมืองตงไห่ ทุกเย็น ซูเหยาจะมานั่งในห้องโถงโรงเตี๊ยมเพื่อตรวจบัญชี และสิ่งที่นางได้รับไม่ได้มีเพียงเงินทอง แต่คือ ข้อมูลข่าวสารที่มีค่า นางได้ยินเรื่องเส้นทางการค้าใหม่ ๆ การเก็บภาษีที่เข้มงวดของแคว้นใกล้เคียง และแม้กระทั่งข่าวลือเกี่ยวกับความไม่สงบทางการเมืองที่อาจกระทบต่อกิจการของนางกิจการผ้าไหม ฉื่อเยว่ และ โรงเตี๊ยมซู ต่างทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง รายได้รวมของกิจการทะลุเป้าหมายที่นางวางไว้ในช่วงสามเดือนแรก ความมั่นคงทางการเงินนี้มอบอิสรภาพที่นางปรารถนาซูเหยานั่งคำนวณตัวเลข ทรัพย์สินที่นางสร้างขึ้นด้วยตนเองในเมืองตงไห่ มีมูลค่าเกินกว่าสินเดิมที่นางเคยมีเมื่อครั้งอยู่ในเมืองหลวง ทว่า ความสงบสุขก็ไม่ได้อยู่ยืนยาวตลอดไปจดหมายที่ส่งมาจากมารดาของนางที่เมืองหลวง เริ่มมีน้ำเสียงที่แสดงความกังวลมากขึ้น"เหยาเอ๋อร์... เจ้าควรกลับมาเยี่ยมพ่
ท่านผู้เฒ่าหลิวมองซูเหยาด้วยความแปลกใจ นางเป็นสตรีที่งดงามเกินกว่าจะเป็นพ่อค้าทั่วไป และท่วงท่าก็สง่างามเกินกว่าจะมาขายของในตลาด"นายหญิงซู... ท่านมาถึงที่นี่มีธุระอันใดกับหลิวผู้เฒ่าหรือ"ซูเหยาไม่ได้กล่าวคำทักทายที่ยืดยาว นางเปิดหีบผ้าไหมออกอย่างช้า ๆ ผ้าไหมย้อมเย็นสีแดงมงคลสะท้อนแสงไฟในห้องอย่างสวยงาม สีสันที่สดใสและเนื้อผ้าที่นุ่มนวลอย่างประหลาด ทำให้ท่านผู้เฒ่าหลิวต้องลูบผ้าอย่างพิถีพิถัน"ท่านหลิว ข้าทราบว่าสินค้าผ้าไหมในตลาดตอนนี้ไม่ได้สร้างความแตกต่างให้แก่ท่านเลยแม้แต่น้อย แต่ผ้าไหม ฉื่อเยว่ ชุดใหม่นี้แตกต่างกัน" ซูเหยาเริ่มการเจรจา"ผ้าไหมทั่วไปมีสีที่ซีดจางง่ายและไม่ทนทานต่อความชื้น แต่ผ้าไหมย้อมเย็นของข้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ข้ากล้าให้ 'การรับประกัน' แก่ท่าน หากผ้าไหมของข้ามีปัญหาเรื่องสีตกหรือความคงทนภายในหนึ่งปี ข้าจะยินดีรับคืนสินค้าทั้งหมดและชดเชยค่าเสียหายเต็มจำนวน"ข้อเสนอการรับประกัน ในธุรกิจผ้าไหมยุคโบราณเป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล้าทำ "คุณภาพดีเยี่ยมจริง ๆ นายหญิงซู แต่... ราคาขายส่งของท่านสูงกว่าราคาตลาดถึงหนึ่งในสิบส่วน""ราคาที่สูงกว่าของข้า แต่แลกกับการที







