คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ท่านอ๋องนอนไม่หลับ เขาไม่เคยต้องคิดมากเรื่องสตรีเช่นนี้มาก่อนเลย เขานอนพลิกไปมาบนเตียงกว้างของเขาจนสุดท้ายก็มิอาจข่มตาให้หลับได้ เขาจึงเดินจากห้องไปยังห้องตรงข้ามที่เป็นของหยงว่านชิง แต่เมื่อจะผลักประตูเข้าไปกลับเปิดไม่ออก
“นี่อะไรกัน อยู่ในจวนข้ายังกล้าลงกลอนงั้นหรือ ว่านชิง เจ้ามันร้ายกาจนัก”
เขาเดินกลับเข้าไปยังห้องนอนและหยิบเสื้อคลุมออกมาพร้อมกับเดินอ้อมออกทางด้านหน้าและพบเข้ากับองครักษ์หน้าประตู
“ท่านอ๋อง จะเสด็จที่ใดพ่ะย่ะค่ะ”
“เอ่อ…เปล่า ข้า…นอนไม่หลับ จะออกมาเดินเล่น”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องรีบเดินออกมาก่อนที่ทหารองครักษ์นั่นจะสงสัย เขาเดินเลาะไปตามพื้นหินที่สวนไปยังด้านข้างตรงที่เป็นหน้าต่างของห้องหยงว่านชิง เมื่อเดินมาถึงและกำลังจะเดินไปยังหน้าต่าง
“นั่นผู้ใดกัน ดึกดื่นป่านนี้มาทำสิ่งใดตรงนี้ แสดงตัวมา!!”
เย่หานค่อยๆหันไปมองหน้าผู้ที่ถามเขา ทหารรักษาการณ์รอบจวนของเขาแน่นหนาถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด ไม่ว่าจะไปที่ใดก็เจอพวกเขาเต็มไปหมด"
“ข้าเอง!!”
“ท่านอ๋อง ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดพระองค์..”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น พวกเจ้าไปเดินทางอื่นเถอะ ข้ามาเดินเล่นเท่านั้น และเห็นว่าตรงนี้น่าสนใจจึงหยุดมอง”
“ตรงนั้น นั่นมัน….”
“เจ้าอยากไปเป็นขันทีในวังหลวงหรือไม่”
“กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”
เขารู้สึกหงุดหงิดที่ต้องทำอะไรบ้าๆเช่นนี้ซึ่งตัวเขาไม่เคยทำมาก่อนเลยสักครั้ง มันดูเป็นเรื่องน่าขำยิ่งนักเมื่อต้องเดินมาที่หน้าต่างของห้องผู้อื่นและต้องปีนเข้าไปเช่นนี้
“ข้าเป็นถึงชิงอ๋องแห่งต้าเฉินเชียวนะ เป็นพระโอรสของฮ่องเต้เหตุใดต้องทำเรื่องเช่นนี้ด้วยเล่านี่”
แต่ก็ทำไปแล้ว สุดท้ายเขาก็ปีนเข้าไปจนถึงด้านในห้องของว่านชิงจนได้ เขาค่อยๆเดินไปที่เตียงของนางช้าๆ และนั่งมองหน้านางที่หลับสนิทอยู่ที่เตียง
ดูเหมือนว่านางจะหลับสนิทไปแล้ว เหตุใดเขาจึงรู้สึกโล่งอกเช่นนี้เมื่อเห็นว่านางยังคงนอนหลับสนิทอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ออกไปที่ใด หรือเขาจะเริ่มขาดนางไม่ได้แล้วงั้นหรือ ไม่จริงปกติสตรีที่มาปรนนิบัติเขา ไม่เคยมีผู้ใดที่เขาเรียกให้นางมารับใช้เกินสองครั้งเลยด้วยซ้ำไป
“เป็นไปไม่ได้ นางก็แค่สตรีคนหนึ่งเท่านั้น..ข้าจะ…”
เขาตกใจเมื่อเห็นว่านางขยับตัวจนทำให้ผ้าห่มหลุดลงมาที่พื้น เขารีบวิ่งเข้าไปพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้นางเช่นเดิม
“นอนดิ้นอะไรขนาดนี้ เห็นทีต้องย้ายห้องให้แล้ว อีกไม่นานก็ย้ายกลับไปที่ตำหนักอ๋อง เอาไว้ตอนนั้นค่อยจัดห้องให้เจ้าใหม่ ไม่สิ ต้องหาเตียงที่ใหญ่กว่านี้”
เขาก้มลงเพื่อหอมพวงแก้มนางและเดินออกจากห้องไปเพื่อกลับห้องของตนเอง เมื่อล้มตัวลงนอนก็พบว่าตนเองหลับไปอย่างง่ายดายผิดกับก่อนหน้าที่จะเข้าไปหานาง
เจ็ดวันถัดมา
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านอ๋องสั่งเอาไว้”
“ข้ารู้แล้ว ว่าแต่อาลี่ พวกเขาพากันออกไปจนหมดเลยงั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ แต่พวกเราเองก็ต้องเตรียมย้ายกลับไปที่จวนอ๋องแล้วนะเจ้าคะคุณหนู”
“ไปจวนอ๋องงั้นหรือ เราไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดไปหรอกหรือ ข้าคิดว่ามีเพียงท่านอ๋องที่จะกลับไปที่ตำหนัก”
“คุณหนู ท่านคิดว่าท่านอ๋องจะปล่อยท่านเอาไว้ที่นี่เพียงลำพังได้งั้นหรือเพคะ”
“ข้าก็ไม่รู้ ข้ามิใช่เขานี่ที่จะทำอะไรตามแต่ใจได้ เขาจะให้ข้าไปที่ใดข้าก็ต้องทำตามสั่งเท่านั้น”
“คุณหนู อย่าพูดเช่นนั้นสิเจ้าคะ ข้าไม่เคยเห็นท่านอ๋องปฏิบัติกับสตรีคนไหนเช่นคุณหนูมาก่อนเลยนะเพคะ”
“เจ้าหมายถึง…ก่อนหน้านี้ ...ท่านอ๋องก็มีสตรีอื่นที่มาคอยปรนนิบัติงั้นหรือ”
อาลี่รู้ว่าพลาดไปแล้วที่พูดออกมาเช่นนี้ แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีตของท่านอ๋องนางมิอาจก้าวก่ายได้
“คุณหนู อย่าได้ถามเรื่องนี้เลยเจ้าค่ะ หากคุณหนูอยากทราบจริงๆ เพียงแค่ถามท่านอ๋องก็ได้นี่เจ้าคะ”
“ไม่ละ ข้าไม่ได้อยากรู้หรอก เป็นปกติของราชวงศ์ที่จะต้องมีเรื่องเช่นนี้อยู่แล้ว อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะมีทั้งพระชายา พระสนมที่ต้องคอยดูแลอีกมาก ข้าเองก็ต้องคอยดูแลพวกนางด้วยกระมัง”
“คุณหนู เหตุใดท่านจึงดูถูกตัวเองเช่นนั้นเจ้าคะ ข้าไม่เคยเห็นท่านอ๋องเอาใจใส่ผู้ใดเท่าท่านมาก่อน เรือนพักนี่ท่านอ๋องไม่เคยพาสตรีอื่นนอกจากท่านมานะเจ้าคะ ข้าว่าคุณหนูอย่าพึ่งเข้าใจท่านอ๋องผิดเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าหรือเข้าใจท่านอ๋องผิด ไม่หรอก เขาจะทำสิ่งใด หรือมีผู้ใดก็ไม่เกี่ยวกับข้า ไปกันเถอะข้าหิวแล้ว”
“เช่นนั้นข้าจะสั่งให้ตั้งสำรับให้เลยนะเจ้าคะ”
“ขอบใจเจ้ามากนะอาลี่”
คืนนั้น
“เร็วเข้า รีบไปเรียกท่านหมอมาดูอาการให้ท่านอ๋องก่อน”
“เกิดอะไรขึ้นอาลี่ เหตุใดจวนจึงดูวุ่นวายเช่นนี้ ท่านอ๋องกลับมาแล้วงั้นหรือ”
“กลับมาแล้วเจ้าค่ะ ดูเหมือนจะบาดเจ็บมาด้วยนะเจ้าคะคุณหนูอย่าพึ่งไปเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าจะไปดูท่านอ๋องหน่อย”
“คุณหนูแต่ว่าที่นั่น…มีแต่เลือด”
ว่านชิงวิ่งไปยังห้องรับรองด้านนอกที่มีท่านอ๋องนอนอยู่ เขาถูกแทงเข้าที่ชายโครงด้านขวาจนเลือดไหลอาบและตอนนี้ยังมีมีดที่ปักคาอยู่
“เกิดอะไรขึ้น จงหมิงท่านอ๋องบาดเจ็บงั้นหรือ”
“คุณหนูหยง คือว่า…”
“เจ้า…เหตุใดมาอยู่นี่”
“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงบาดเจ็บถึงเพียงนี้เพคะ”
“อาลี่ เหตุใดไม่พาคุณหนูไปพักผ่อน พานางไปเร็วเข้า”
“องครักษ์จง ท่านหมอคงใช้เวลาอีกนานระหว่างนี้เราควรทำสิ่งใดหรือไม่”
“จะทำสิ่งใดได้เล่า ข้ามิใช่หมอ พวกเจ้าน่ะรีบเปลี่ยนชุดท่านอ๋องก่อน”
“อย่านะ!! ตอนนี้ยังเปลี่ยนไม่ได้ พวกเจ้า เช็ดเลือดนั่นออกก่อน จงหมิง อาลี่ เจ้าไปเตรียมน้ำอุ่นและผ้าสะอาดมาหลายๆผืน เร็วเข้า!!”
จงหมิงมองหน้าท่านอ๋องที่แทบจะสั่งการไม่ได้แล้วตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อที่หยงว่านชิงพูดซึ่งนั่นก็น่าจะดีที่สุด เมื่อของทุกอย่างมาจนครบ
“อาลี่ เจ้าไปเอาเข็มที่ข้าพบที่ห้องยามาให้ที”
“เจ้าค่ะ”
“คุณหนูหยง ท่านจะทำสิ่งใดขอรับ”
“พวกเจ้าจับท่านอ๋องเอาไว้ จับให้แน่น จงหมิง เจ้าเอาผ้าอุดปากท่านอ๋องเอาไว้ ข้าจะดึงมีดนั่นออก”
“แต่ว่า!! คุณหนู เรื่องนี้ให้ท่านหมอทำจะดีกว่านะขอรับ”
“หากยังรอท่านหมออยู่ เลือดท่านอ๋องคงหมดตัวแน่เจ้าเลือกเอา ข้าจะได้ห้ามเลือดก่อนที่ท่านหมอจะมา”
“เช่นนั้น….”
“ให้….ให้นาง…ทำเถอะ”
ว่านชิงไม่ได้มองหน้าเขา แม้นางจะไม่พอใจที่เขาไม่ยอมให้นางไปแต่เมื่อเขาบาดเจ็บมานางก็ต้องช่วยเหลือ นี่เป็นวิชาที่นางร่ำเรียนมา อาลี่วิ่งมาพร้อมกับแผงเข็มที่นางพบเมื่อวานตอนที่จะหาชุดเย็บปัก ชุดเข็มนี้อยู่ที่ห้องยานางจึงนำมาเก็บเอาไว้เพราะยังไม่มีเวลาไปหาซื่อของตนเองมาเก็บไว้
“พวกเจ้าพร้อมนะ”
""ขอรับ""
“ข้าจะนับถึงสาม จงหมิง เจ้ามาเตรียมผ้าชุบน้ำด้วย”
“ขอรับคุณหนู”
จงหมิงเอาผ้าอุดปากท่านอ๋องเอาไว้และเดินมาเตรียมพร้อมด้านหลัง ว่านชิงถกแขนเสื้อขึ้นและเตรียมตัวเพื่อจะทำการดึงมีดสั้นนั้นออก
“พร้อมนะ หนึ่ง….สอง….สาม!!”
เสียงหายใจถี่ๆของท่านอ๋องและคนที่จับเขาเอาไว้เกร็งจนเงียบ เลือดที่สาดกระจายเข้าหน้าว่านชิงแต่นางไม่ได้สนใจ ท่านอ๋องที่กัดผ้าเอาไว้มิได้ดิ้นรนเท่าใดนักเมื่อมีดสั้นนั้นถูกดึงออกมาและวางลงในถาดข้างๆ
“จงหมิงส่งผ้ามา!!”
ผ้าชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกส่งต่อให้นางเพื่อซับเลือดสีดำออกจากร่างท่านอ๋อง เมื่อนางซับจนมีเลือดสีแดงจึงได้เริ่มเย็บแผลให้ท่านอ๋อง
“อาลี่ เอาเข็มไปลนไฟและส่งให้ข้า”
ว่านชิงใช้เวลาอยู่สักพักกว่าจะเย็บแผลให้ท่านอ๋องเสร็จ
“ไม่ต้องห่วง แผลไม่ได้กว้างเท่าใดนัก อีกไม่นานก็หายเพคะ”
“ว่านชิง เจ้า….ยังโกรธ…ข้าอยู่งั้นหรือ”
สามวันก่อนวันอภิเษก“หย่งผิง เหตุใดครั้งนี้เจ้าพากู้เซียงหยีมากับเจ้าด้วยเล่า”“ข้ามิได้พานางมา นางมาของนางเองโดยทูลขอเสด็จพ่อข้า”“ท่านอ๋องฟ่านไม่น่าจะยอมโดยง่ายเช่นนี้”“หึ นางให้พ่อนางมาขอน่ะ บอกว่าอยากหาประสบการณ์ใหม่นอกเมือง เห็นว่าข้าจะเดินทางมาที่ต้าเฉินเลยถือโอกาสขอให้พานางมาด้วย แต่ข้าปฏิเสธ นางบอกว่ายินยอมตามมาและจะดูแลตัวเอง”“แต่ที่ข้าเห็น นางแทบจะตัวติดกับเจ้า”“ข้าหาได้สนใจไม่ ว่าแต่เรื่องของเจ้ากับหลินเนี่ยเฟย…เหตุใดจึง…”“นี่เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ นางไม่ได้ชอบข้าตั้งแต่แรก นางไม่รู้ใจตัวเอง นางยังเด็กแยกแยะความรักระหว่างชายหญิงไม่เป็น นางพึ่งรู้ตัวว่าข้าน่ารำคาญก็ตอนนางได้ว่านชิงเป็นพี่สาวนางนั่นแหละ ตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้าคอยหวงพี่สาวตลอด”“เป็นเช่นนี้ได้เช่นไร ข้าจำได้ว่าตอนเรียนด้วยกันที่นั่น พวกเจ้า…..”“เจ้าลองนึกดูให้ดีๆ ว่าที่นางทำเรื่องนี้เพราะอะไร ข้าเองก็รู้แต่ก็ต้องยอมอยู่กับนางเพราะนางเหมือนน้องสาวข้า นางไม่มีญาติที่นั่นมีเพียงข้าที่ไปกับนาง ย่อมต้องดูแลกันเป็นธรรมดา จากนั้นนางเลยยึดติดว่าสิ่งที่ทำกับข้าคือความรัก แต่แท้จริงแล้วมันคือรักแบบพี่น้องเท่านั้น ข
จวนเสนาบดีหลิน“พี่ใหญ่ท่านคุ้นชินกับเมืองหลวงแล้วหรือยังเจ้าคะ”“ข้าอยู่ที่ใดก็ได้ ว่าแต่วันนี้เจ้ากินยาแล้วหรือยัง”“กินแล้วสิเจ้าคะ นี่พี่ใหญ่อีกไม่กี่วันท่านก็ต้องแต่งเข้าตำหนักท่านอ๋องแล้ว ตลอดสิบวันที่ย้ายมาจากเฉินตูเราก็อยู่ด้วยกันตลอด ท่านแต่งออกไปแล้วข้าต้องเหงาแน่เลยเจ้าค่ะ”“เจ้าน่ะเป็นลูกคนเดียวมาตลอดมิใช่หรือ”“ก็ใช่น่ะสิ เพราะมีท่านมาเป็นพี่สาวข้าจึงมีคนให้อ้อนได้บ้าง ใครจะรู้ว่าพอมีก็จะถูกแย่งไปกันเล่า”“อีกหน่อยเจ้าเองก็จะมีคนมาแย่งไปเช่นกัน เจ้าน่ะไม่ได้ถูกใจผู้ใดเลยงั้นหรือ”“ท่านพี่อย่าล้อข้าเล่น ในชีวิตของข้าพบเจอบุรุษมาไม่กี่คนหรอกเจ้าค่ะ”“เนี่ยเฟย อาการของเจ้าตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว อาการแพ้ก็ไม่มีแล้ว ต่อไปก็ทำตามใจได้แล้วล่ะ เจ้าอยากไปไหนหรือไม่ ข้าจะได้ชวนท่านอ๋องพาเจ้าไปเที่ยว”“ไม่เอาหรอกเจ้าค่ะ ไปกับพี่เย่หานที่เอาแต่ตามท่านตลอดเวลา ข้าเห็นแล้วอึดอัดแทนจริงๆ เขาไม่คิดอยากให้ท่านได้พักหายใจบ้างเลยหรืออย่างไรกันนะ เอาแต่ตาม ท่านหายไปเพียงแค่ครึ่งก้านธูปก็ตามหาเสียทั่วตำหนัก ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าข้าไม่เหมาะกับคนเช่นนี้จริงๆ ขืนมาเดินหาข้าจนทั่วเช่นนี้ ข้าคงเป็
“ไม่ได้เพคะ!! หม่อมฉันนัดท่านพ่อกับเนี่ยเฟยเอาไว้แล้วว่าจะเอายาไปให้พวกเขา”“แต่ข้าส่งจงหมิงไปยกเลิกแล้ว ส่วนยาที่เจ้าเตรียมเดี๋ยวข้าให้คนเอาไปให้เนี่ยเฟยเอง มาเถอะ ไปกับข้า”“เดี๋ยวก่อนเพคะ พระองค์จะพาหม่อมฉันไปที่ใด รถม้ายังรออยู่ข้างนอก”“ข้าเอาม้ามา เจ้าไปกับข้า”“ไปที่ใดเพคะ”“ไปถึงก็รู้เอง มาเถอะ”“เย่หาน เดี๋ยวก่อนสิ”ท่านอ๋องอุ้มนางเดินออกจากจวนสกุลหยงและขึ้นหลังม้าพร้อมกับพานางขี่ออกไปทางด้านหลังเขาเมืองเฉินตู ระยะทางเริ่มห่างจากตัวเมืองเฉินตูและเป็นเนินเขาสูงที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม เบื้องหน้าเป็นแม่น้ำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ด้านหลังเป็นภูเขาเซียงชีของเฉินตู“ที่นี่ งดงามยิ่งนักเพคะ”“ลงมาสิ”ชิงเย่หานพานางเดินเข้าไปในทุ่งดอกไม้กว้างสุดลูกหูลูกตาพร้อมกับผ้าที่เขาเตรียมเอาไว้บนหลังม้า เนินเขาสูงในทุ่งดอกไม้ ด้านล่างเป็นลำธารเขาเลือกปูผ้าตรงนี้พร้อมกับพาว่านชิงมานั่งพิงเขาพร้อมกับมองไปยังทิวทัศน์ด้านล่างที่เป็นป่าเขาสุดลูกหูลูกตา“เจ้าเห็นนั่นหรือไม่ นั่นคือเส้นทางไปเมืองหลวง”“ข้าไม่เคยออกจากเมืองเฉินตูมาก่อนเลยเพคะ”“เจ้าอยากไปเมืองหลวงกับข้าหรือไม่ว่านชิง”“พระองค์
จงหมิงมองหน้าท่านอ๋องราวกับว่าตนเองกำลังทำผิดอย่างร้ายแรงที่บังอาจรู้ว่าหยงว่านชิงไปที่ใดในเวลานี้“พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูหยง เอ้ย คุณหนูหลินบอกกระหม่อมให้เตรียมรถม้าเพื่อจะไปจวนท่านเสนาบดีพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเหตุใดอาลี่จึงไม่รู้เล่า!!”“กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเจ้ามัวรออะไรอยู่ตรงนี้ ยังไม่รีบไปเอาม้ามาให้ข้าอีก ข้าไม่นั่งรถม้า ข้าจะเอาม้า!!”“พ่ะย่ะค่ะ”จงหมิงรีบไปนำม้าของท่านอ๋องออกมาให้โดยเร็วด้วยเกรงว่าจะถูกลงโทษอีกเพราะความใจร้อนของท่านอ๋องในตอนนี้คงไม่ต้องบอกว่าเขาโมโหและร้อนใจเพียงใดที่ตื่นมาแล้วไม่พบว่านชิงจวนเสนาบดีหลิน“ว่านชิง …..ว่านชิง”“พี่เขย ท่านมาหาพี่ว่านชิงงั้นหรือ”“เนี่ยเฟย ว่านชิงเล่า เห็นบอกว่านางมาที่นี่”“ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”“ใต้เท้าหลินขออภัยที่มากะทันหัน แต่ว่าว่านชิงได้มาที่นี่หรือไม่”เนี่ยเฟยและเสนาบดีหลินหันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจและสงสัยพร้อมกับหันไปตอบกับคนที่ดูร้อนใจที่สุดตรงหน้าในตอนนี้“พี่ว่านชิงบอกว่าจะมาหาข้าในวันนี้จริงเพคะ แต่ว่านางยังมาไม่ถึง ไม่คิดว่านางจะออกมาจากตำหนักท่านแล้ว”“นั่นสิ กระหม่อมเองก็รอนางอยู่เช่นกันเพราะวันนี้นางน
เจ้าเมืองเหมินหันไปทางท่านอ๋อง ตัวสั่นทั้งตัว เขาเองก็รู้ตัวดีว่าทำสิ่งใดลงไป แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อมู่เสียนอี่ถูกเปิดโปงแล้วเขาจะโดนด้วย“ไม่จริงพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมเพียงแค่….แค่…มอบเป็นสินน้ำใจ หาใช่ซื้อตำแหน่งไม่ เรื่องย้ายมาที่เมืองเฉินตูนี้ เป็น…เรื่องนี้ท่านมหาเสนบดีหลินเป็นผู้แนะนำกระหม่อมต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทด้วยตนเองนะพ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีหลินเดินเข้ามายังเหมินสั่วถังที่นั่งคุกเข่าพร้อมกับขอความเมตตาต่อท่านอ๋องอยู่จึงพูดเพื่อให้เขาได้รับรู้ความจริง“ใต้เท้าเหมิน ที่ข้าเสนอชื่อท่านต่อฝ่าบาท นั่นเป็นส่วนหนึ่งในแผนการกำจัดขุนนางชั่วมู่เสียนอี่ เพราะเขารับสินบนจากท่านเพื่อเสนอชื่อเป็นเจ้าเมืองเฉินตูทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ท่านเป็นเพียงขุนนางในกรมวังที่แทบจะไม่มีผลงานใดๆมาก่อน ฝ่าบาทเรียกข้าเข้าไปหารือหลายรอบ และเพื่อจะล้อมจับพวกขุนนางชั่วทั้งหมดจึงได้เสนอชื่อเจ้าเพื่อมาเป็นเจ้าเมืองที่นี่”เหมินสั่วถังหมดแรงล้มไปกับพื้น ที่แท้เรื่องที่เขาจะมาเป็นเจ้าเมืองที่นี่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว เสนาบดีหลิน ชิงอ๋องและฝ่าบาทวางแผนล่อพวกเขามาติดกับนี้“นำตัวเขาไป ขังที่คุกรอการตัดสินโทษ”“พ่ะย่ะค่ะ”ต
“ใต้เท้ามู่ไม่ต้องรีบร้อน ว่านชิง เจ้าว่ามา เจ้ามาที่นี่เพราะเรื่องที่ข้ายักยอกเงินคลังหลวงงั้นหรือ”“หม่อมฉันยังไม่ทันได้พูดสักคำว่าที่มาวันนี้เป็นเรื่องที่ท่านอ๋องยักยอกเงินพระคลังหลวง”มู่เสียนอี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจพร้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างรวดเร็ว คนในห้องโถงต่างก็ตกใจเช่นเดียวกันกับมู่เสียนอี่ นั่นสิ นางเพียงแค่ยกสมุดบัญชีออกมาและบอกว่าท่านอ๋องทราบดีว่าที่นางมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด แต่…..“เจ้า….ว่านชิง นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร!!”ว่านชิงหันมามองหน้ามู่เสียนอี่พร้อมกับยิ้มให้เล็กน้อยเมื่อเขาทำท่าตกใจและมือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข“ใต้เท้ามู่ ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าที่ข้ามาวันนี้เพื่อจะมาส่งรายงานของผู้ใด เหตุใดท่านจึงรีบร้อนด่วนตัดสินว่าข้าจะใส่ร้ายท่านอ๋อง ดูท่านมั่นใจเหลือเกินว่ารายงานบัญชีที่ข้าถืออยู่นี่เกี่ยวกับท่านอ๋องแล้วยังมีรายงานแก้ต่างเตรียมมาด้วย เรื่องนี้ ข้าคิดว่าท่านควรจะมีคำอธิบายหน่อยหรือไม่”“ใต้เท้ามู่ ว่าอย่างไร ที่ว่านชิงพูดมาท่านมีสิ่งใดจะแก้ต่างหรือไม่”“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ นาง…เรื่องนี้นาง….”มู่เสียนอี่ทำตัวไม่ถูก เขาติดกับแล้ว เขาพลาดเองที่พูดออกไปโพล่งๆโดยไม่