บทที่ 3
เงียบหาย
ร่างบางสั่นคลอนไปตามจังหวะของคนที่อยู่ข้างบนพร้อมส่งเสียงครางไม่ได้ศัพท์ จรัสรักพยายามกลั้นเสียงอย่างสุดความสามารถ หากความรู้สึกที่เธอเพิ่งพานค้นพบทำให้เธออดกลั้นได้อย่างยากลำบาก
หลังจากร่างกายเธอปรับตัวรับกับขนาดใหญ่โตของเขาได้ เจ้าของแท่งร้อนก็สอบสะโพกเข้าหาอย่างดุดัน โหมกระหน่ำราวกับคลื่นทะเลสาดซัด นิ้วมือร้ายกาจยังคงขยี้ติ่งเสียวเร่งให้เธอผลิตน้ำหวานออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอไม่รู้สึกเจ็บราวกับถูกฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ เหมือนตอนแรก
กลับกันมีเพียงแค่ความเสียดเสียวซึ่งเธอไม่เคยรู้จักมาก่อนพุ่งโจมตีไม่พัก ยิ่งเขาสอดส่งเข้ามาลึกมากเท่าไร เธอก็เหมือนจะเข้าใกล้เส้นชัยมากขึ้นเท่านั้น
“อา...” ชายหนุ่มส่งเสียงครางอย่างไม่อาจอดกลั้น เขาตวัดลิ้นร้อนเลียรอบยอดถันสีหวาน แล้วดูดทิ้งท้ายหนัก ๆ พลางใช้มือขยำอีกข้าง ก่อนจะยันกายลุกขึ้นมานั่ง
จิณณ์จับขาทั้งสองข้างของหญิงสาวแยกออกจากกันกว้างขึ้น ก้มมองความเป็นชายซึ่งยังวิ่งเข้าออกกลีบดอกไม้สีหวานซึ่งเกือบเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยฝีมือเขา ชายหนุ่มขมกรามอย่างข่มอารมณ์ เลื่อนมือลงไปขยี้ติ่งเนื้อเพื่อเร่งให้เธอไปถึงจุดหมายเดียวกัน
ข้างในของเธอคับแน่นจนเขาทนไม่ไหว
“จะ...อื้อ จะเสร็จ แล้วค่ะ” หญิงสาวครางบอกเสียงกระท่อนกระแท่น หลังจากสุขสมนำหน้าไปแล้วหลายรอบ จึงทำให้จรัสรักรู้ว่ามวลสารที่วิ่งวนโหมกระหน่ำในช่องท้องน้อยตอนนี้มันคืออะไร
เธอกำลังจะไขว่คว้าปลายทางแห่งความสุขได้อีกรอบ
ซึ่งไม่ต่างจากคนที่กำลังเคลื่อนกายอยู่เหนือร่าง จิณณ์ขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน มือหนาบีบเคล้นทรวงอกนุ่มระบายความเสียวซ่าน พลางเร่งจังหวะตอกตรึงอย่างหนักหน่วง
ไม่นานร่างบางก็กระตุกเกร็งพร้อมส่งเสียงหวีดร้อง ภายในตอดรัดตัวตนของเขาถี่รัว ชายหนุ่มสาวสะโพกเร็วขึ้นอีก เขาอัดกระแทกเข้าไปแบบหนักเน้นอยู่หลายครั้ง และสอดเข้าไปให้ลึกที่สุดในจังหวะสุดท้าย ทำเอาร่างบางที่เพิ่งเสร็จสมไปไม่นานดิ้นพล่าน เอวเล็กยกลอย
ทว่าเพียงแค่อึดใจเดียวจิณณ์ก็รีบดึงแก่นกายออกมา ถอดเครื่องป้องกันทิ้งไปให้พ้นทาง ก่อนจะใช้มือสาวรัวเร็ว ไม่นานความปรารถนาที่อัดแน่นก็พุ่งกระฉูดลงบนหน้าท้องแบนราบ และมีส่วนหนึ่งกระเด็นไปถึงหน้าอกเต่งตึงซึ่งยังกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจหอบ
จิณณ์เลื่อนสายตาขึ้นไปมองหน้าหญิงสาวที่นอนมองเขาทุกการกระทำอย่างไม่วางตา หากเป็นก่อนหน้านี้ชายหนุ่มคงคิดว่าแววตาใสซื่อคู่นี้เป็นเพียงจริตหรือมารยาของสาวบริการ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเป็นแววตาที่ส่งความรู้สึกออกมาจากข้างในจริง ๆ
น่าแปลกที่ความต้องการมันควรจะลดลงหลังจากได้ปลดปล่อย ทว่าความเป็นชายของเขากลับไม่มีทีท่าว่าจะลดขนาดลงเลยสักนิด หนำซ้ำยังแข็งขึงราวกับที่เสียแรงไปเมื่อครู่ไม่มีความหมาย
ชายหนุ่มประสานกับแววตาคู่สวย ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกไป
“อีกรอบได้ไหม”
ครั้นหญิงสาวพยักหน้าตอบรับ จิณณ์จึงลุกไปเปิดกระเป๋าพกขนาดเล็กแล้วหยิบถุงยางอนามัยมาเพิ่ม ตอนแรกเขาตั้งใจจะทำแค่รอบเดียวแล้วรีบกลับไปนอน ทว่าความปรารถนาที่ยังต้องการปลดปล่อยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เขาเลือกที่จะยอมอดนอน
หลังบทรักรอบที่สามสิ้นสุดลง จิณณ์หักห้ามใจตัวเองด้วยการไม่มองบั้นท้ายขาวเนียนนุ่มนิ่มซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำรักสีขาวขุ่นฝีมือเขา ชายหนุ่มรีบลุกออกไปชำระร่างกายในห้องน้ำ ทิ้งให้หญิงสาวจัดการตัวเองอยู่บนเตียง
ราวสิบนาทีเจ้าของร่างสูงที่แต่งตัวเรียบร้อยก็เดินออกมา เขาเปิดกระเป๋าสตางค์และหยิบธนบัตรสีเทาห้าใบออกมาวางบนโต๊ะปลายเตียง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่า...
“ทิปของคุณ”
จรัสรักซึ่งยังนั่งคลุมผ้าห่มถึงอกอยู่บนเตียงยกมือไหว้ขอบคุณ เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างไม่มั่นใจ ด้วยไม่รู้ว่าควรเริ่มพูดอย่างไร
ทว่าในจังหวะที่เขากำลังจะหมุนตัวเดินออกไป เธอก็ตัดสินใจโพล่งขึ้น
“คุณดูแลลีฟได้ไหมคะ”
เจ้าของนัยน์ตาคมกริบตวัดกลับมามองแทบจะทันทีที่ได้ยิน จิณณ์คิดว่าตนเองได้ยินชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะถามซ้ำ “คุณพูดว่ายังไงนะ”
“ลีฟขอให้คุณ...เอ่อ...ดูแลลีฟได้ไหมคะ”
“หมายถึง ?”
“ให้ลีฟเป็นเด็กของคุณ” พูดจบจรัสรักก็หลบดวงตาคมซึ่งเอาแต่จ้องเขม็งมาที่เธออีกครั้ง
“ไหนคุณบอกว่าจะไม่มีปัญหาทีหลังไง”
ทั้งสีหน้าและแววตาของเขาเรียบนิ่ง คาดเดาไม่ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไร หรือกำลังรู้สึกอย่างไรกับคำขอของหญิงสาว
จิณณ์ยอมรับว่าพอใจในร่างกายของคนตรงหน้า เธอทำให้เขาสุขสมได้มากกว่าใครที่เคยผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงที่เพื่อนของเขาซื้อมาให้ ถือเป็นการซื้อขายบริการชนิดหนึ่ง พอจ่ายเงินก็คือจบ นั่นหมายความว่าเขาและเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กันอีก
แล้วเธอจะมาเรียกร้องอะไร
“ลีฟก็แค่ถามดูเฉย ๆ ค่ะ เผื่อคุณจะสนใจ แต่ถ้าไม่สนใจก็ไม่เป็นไรค่ะ” จรัสรักรีบอธิบายเพราะกลัวเขาจะเข้าใจผิด หากในใจก็อดรู้สึกเศร้าไม่น้อยที่เขาไม่สนใจ แต่คงโทษใครไม่ได้ คงเป็นเพราะเธอบริการเขาไม่ดีเอง “ไม่มีอะไรแล้วค่ะ คุณกลับไปได้เลย ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ใช้บริการลีฟในคืนนี้”
“ทำไมคุณถึงอยากมาเป็นเด็กของผม” ทว่ากลับเป็นจิณณ์เองที่ไม่ยอมขยับไปไหน เขายังยืนอยู่ที่เดิมและตั้งคำถามใส่เธออย่างคาใจ
“เพราะคุณดูเป็นคนอ่อนโยน เอาใจใส่ ลีฟเลยคิดว่าคุณน่าจะ...ดูแล...ดี” จรัสรักพูดอะไรต่อไม่ออก เมื่อสายตาคมกริบจ้องมาอย่างกดดันคล้ายไม่เชื่อในเหตุผลสวยหรูที่เธอยกขึ้นมาอ้าง
“อย่างแรกที่คุณควรรู้ ผมไม่ชอบคนโกหก”
“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวยอมจำนนแต่โดยดี ด้วยเหตุผลที่ยกมาข้างต้นนั้นไม่ใกล้เคียงความจริงเลย แต่ถ้าให้พูดตรง ๆ เขาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น สิ่งหนึ่งที่เธอประทับใจและอยากขอบคุณเขาก็คือ การที่เขายอมใจเย็นในช่วงแรกเมื่อรู้ว่าเธอยังไม่เคย ทำให้ประสบการณ์มีเซ็กซ์ครั้งแรกของเธอไม่ได้แย่มากนัก
“ความจริงคือลีฟเดือดร้อนเรื่องเงิน แล้วลีฟก็ไม่อยากไปรับลูกค้าคนอื่นอีก ก็เลยคิดว่าถ้าได้เป็นเด็กของคุณ ลีฟก็จะได้บริการแค่คุณคนเดียว”
“แล้วผมจะได้อะไร” เขากอดอกรอฟังข้อเสนอของเธอ
“คะ...คุณก็จะได้ลีฟทุกครั้งที่คุณต้องการ ไม่ว่าคุณจะสั่งอะไร ลีฟยินดีทำให้ทุกอย่างเลยค่ะ”
“ทุกที่ ทุกเวลา ?”
“ทุกเวลา ตะ...แต่ไม่ทุกที่ได้ไหมคะ” จรัสรักทำใจกล้าต่อรอง ให้บริการเขาทุกเวลาน่าจะพอได้ แต่ถ้าจะทำทุกที่แบบไม่เลือกก็คงไม่ไหว
จิณณ์พยักหน้าเบา ๆ สีหน้าของเขายังราบเรียบ ดูไม่ออกว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร ทำเอาคนที่รอคำตอบมองด้วยใจที่ลุ้นระทึก
“ไว้ผมจะติดต่อไปแล้วกัน”
ตอนพิเศษ 3“เกรซซี่!”เจ้าของชื่อซึ่งกำลังนอนคว่ำกระดิกปลายเท้าระบายสีอยู่กลางห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เงยหน้าขึ้นไปมองน้าสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน ในมือมีกระดาษอะไรสักอย่างติดมาด้วยฟังจากน้ำเสียงที่เรียกเมื่อกี้เกรซซี่รู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ เพราะปกติเวลาน้ากิ๊ฟต์กลับบ้าน น้ากิ๊ฟต์จะเรียกหาเกรซซี่ด้วยเสียงที่นุ่มนวลหรือไม่ก็ร่าเริงกว่านี้ แต่วันนี้แค่เรียกเสียงเข้มไม่พอ ยังทำสีหน้ายุ่งใส่กันอีกเกรซซี่ไปทำอะไรของน้ากิ๊ฟต์พังหรือเปล่านะ...ก็ไม่นี่นา ไม่ได้เข้าไปในห้องของน้ากิ๊ฟต์เลยด้วยซ้ำใจจริงอยากวิ่งเข้าไปรับอย่างที่เคยทำ ทว่าวันนี้เกรซซี่สังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังขานรับน้าสาวเสียงหวาน “...ขาน้ากิ๊ฟต์”จารวีหันหน้าไปไหว้แม่และยายของตนที่นั่งเอนกายบนตั่งไม้อีกฝั่งของบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง จากนั้นก็ยื่นเอกสารรายงานผลการเรียนชั้นอนุบาลไปตรงหน้าหลานสาวสุดที่รัก “อันนี้คืออะไรเนี่ย ทำไมเป็นแบบนี้”กนกนุชขยับนั่งขัดสมาธิ มองน้ากิ๊ฟต์กับกระดาษเอสี่ที่ถูกยื่นออกมาตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปมองผู้เป็นแม่ซึ่งเดินตามหลังน้องสาวตัวเองเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
ตอนพิเศษ 2โชคดีที่จิณณ์ฝึกลูกให้นอนคนเดียวตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงแรกที่ยังไม่เปิดเทอมอาจจะมีร้องไห้โยเยบ้าง เพราะตื่นมาแล้วไม่เจอใครอยู่ในระยะสายตา แต่พอค่อย ๆ บอกค่อย ๆ สอนว่าตื่นแล้วไปหาพ่อหรือหายายกับทวดได้ที่ไหน แกก็เริ่มเรียนรู้และเข้าใจ จากนั้นมาก็ไม่มีเสียงร้องไห้ตอนเช้าอีกเลยฉะนั้นหลังเล่านิทานส่งลูกเข้านอนเสร็จ คนเป็นพ่อเป็นแม่จึงได้มีเวลาสวีตหวานในห้องส่วนตัวกันบ้าง“เรียนทำขนมวันนี้เป็นไงบ้าง” จิณณ์เอ่ยถามภรรยาที่กำลังใช้สำลีลบเครื่องสำอางซึ่งแต่งแต้มเพียงบางเบา เตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำ ส่วนเขาก็กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองเพื่อจะเข้าไปอาบพร้อมกันจรัสรักมองเรือนร่างของสามีผ่านกระจก ใบหน้าสวยร้อนผะผ่าวพร้อมกับหัวใจที่จู่ ๆ ก็สั่นรัวขึ้นมา หญิงสาวรีบเลื่อนสายตาไปโฟกัสจุดอื่น แม้จะเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่าเธอก็ไม่เคยทำใจให้ชินได้เสียที“กะ...ก็ดีค่ะ พี่ฟางใจเย็นและสอนดีมาก” เธอตอบเสียงกะตุกกะตัก เกร็งตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเดินเข้ามายืนใกล้ ๆ จิณณ์ดึงชุดคลุมอาบน้ำช่วงไหล่ของภรรยาลง ก่อนจะประทับจูบร้อน ๆ ลงบนไหล่เปลือย จากนั้นก็พูดต่อ“คุณอยากได้สูตรไหนหรือ
ตอนพิเศษ 1หลังจากงานแต่งงานและทำบุญขึ้นบ้านใหม่ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นงานเล็ก ๆ แต่อบอุ่นเสร็จสิ้นไป จิณณ์ก็ขอให้ทุกคนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด หญิงมากวัยทั้งสองคนมีอาการงอแงเล็กน้อย ด้วยไม่อยากละทิ้งบ้านของตนที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายจรัสรักพยายามเกลี้ยกล่อมพร้อมทั้งอธิบายให้แม่และยายของตนเข้าใจ เธอเองก็ไม่ได้จะทิ้งบ้านหลังนั้น แต่ด้วยสภาพที่เก่าและทรุดโทรมตามกาลเวลา อีกทั้งยังมีข้าวของเก็บไว้มากมาย ซึ่งบางอย่างก็เป็นของที่ไม่ได้ใช้แล้ว หญิงสาวจึงถือโอกาสนี้เคลียร์ของและจะทำการรีโนเวตบ้านใหม่ จากนั้นจะยกให้เป็นชื่อของจารวีจิณณ์ถามน้องสาวภรรยาว่าอยากรื้อแล้วสร้างใหม่เลยหรือไม่ จะได้บ้านในแบบที่ต้องการ ทว่าจารวีปฏิเสธพร้อมบอกว่าเอาไว้ก่อน เพราะล่าสุดพี่เขยก็เพิ่งจะถอยรถมินิคูเปอร์คันละสามล้านให้เป็นของขวัญเรียนจบแบบสด ๆ ร้อน ๆ โดยให้เหตุผลว่าระบบเซฟตีมันดีมากกว่ารถอีโคคาร์ทั่วไป ยังไม่นับคอนโดมิเนียมที่กำลังเลือกดูเพื่อจะซื้อให้พักอาศัยระหว่างที่เรียนต่อเนื่องจากสองพี่น้องมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอ แต่ขาดแรงสนับสนุนจึงไม่ได้ไปต่อ ทำให้ต้องเลือกเดินในเส้นทางอ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)“แต่งงานกับผมนะครับ”ในเมื่อเขาดีและทำเพื่อเธอขนาดนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอต้องปฏิเสธ ถึงจะเป็นการขอครั้งที่สอง แต่เธอก็อดตื่นเต้นไม่ได้ จรัสรักพยักหน้า ตอบรับคำขอของเขาด้วยรอยยิ้มยินดี“ค่ะ รักจะแต่งงานกับคุณ”จบประโยคนั้นร่างบางก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อไฟที่ประดับประดาอยู่รอบ ๆ ตัวบ้านสว่างขึ้นพร้อมกันทุกดวง พร้อมกับเสียงโห่ร้องจากผู้คนมากมายดังขึ้นด้วยความยินดีใบหน้าสวยมองไปตามเสียงก็เจอกับเด็กหญิงกนกนุชในชุดสวยถือช่อดอกไม้วิ่งเข้ามาหา เลื่อนสายตาไปข้างหลังอีกก็เจอแม่และยายที่นั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีปรานกับกฤษณ์เข็นให้ พร้อมทั้งพีรัช ภริตา จารวี และคุณหญิงพรรษา ยืนอยู่ข้าง ๆ กันทุกคนกำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มจรัสรักรู้ว่าวันนี้มีนัดรับประทานอาหารร่วมกัน แต่ไม่รู้ว่าทุกคนจะมารวมตัวกันที่บ้านของเธอก่อน พวกเขามาตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงรถเลย“ป้อจิน เอาให้แม่” เสียงของลูกสาวดึงสายตาเธอให้กลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง เด็กหญิงกนกนุชยื่นช่อดอกทานตะวันให้คุณพ่อตามที่พ่อปรานบอก“ขอบคุณครับ” จิณณ์รับดอกไม้มาถือ ก่อนจะคว้าตัวลูกสาวเข้ามากอดและกดจมูกหอมแก้มแ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)หลังจากหมูกระทะมื้อค่ำสิ้นสุดลง ทุกคนก็ช่วยกันเก็บจานไปล้างและทำความสะอาดสถานที่ จิณณ์รับหน้าที่พาเด็กหญิงกนกนุชไปอาบน้ำ เนื่องจากหนูน้อยเริ่มตาปรือเพราะใกล้ถึงเวลาเข้านอนเมื่อบรรยากาศภายในบ้านเริ่มเงียบสงบ จารวีนั่งเล่นกับหลาน พูดคุยกับแม่และยายสักพักก็เข้าห้องส่วนตัวของตัวเอง ส่วนอ้อมใจก็จัดที่นอนเตรียมพักผ่อน หน้าที่พยาบาลพิเศษในบ้านหลังนี้ไม่ได้หนัก และคนป่วยก็ไม่ได้จู้จี้จุกจิก พอทำหน้าที่หลักเสร็จก็สามารถนอนพักผ่อนได้ แต่ข้อเสียคือไม่มีห้องนอนส่วนตัวให้ ต้องนอนรวมกันที่ห้องโถงจรัสรักเดินมาเช็กความเรียบร้อยที่ครัวหลังร้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องเปิดร้านขายของตามปกติหลังจากหยุดไปทำธุระหนึ่งวัน“อุ๊ย!” ทว่ายังไม่ทันได้หยิบจับสิ่งใด ร่างบางก็ถูกสวมกอดจากคนที่เดินตามเข้ามาติด ๆ หญิงสาวยิ้มและเอ่ยถามกลั้วขำ “อะไรคะเนี่ย”“อยากกอด” จิณณ์คลายวงแขนแล้วหมุนตัวเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงไปจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา “เมื่อไหร่บ้านจะเสร็จ”จรัสรักหลุดขำ นึกเอ็นดูคนตัวโตที่เริ่มงอแง นับวันก็ยิ่งเหมือนลูกมากขึ้นทุกที “คงอีกนานค่ะ ยังไม่ได้ลงเสาเลย”“รู้งี้ผมให้
บทที่ 31 คนพิเศษ“แม่แค่เป็นห่วงครับ ไม่ได้ดุ”“ดุ” ใบหน้าน้อย ๆ เอียงซบไหล่แกร่ง พยายามหลบสายตาแม่ แต่กระนั้นก็ยังแอบเหล่มอง“รับปากแม่ได้ไหมว่าครั้งหน้าเกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนออกบ้านทุกครั้ง” จรัสรักยังคงเสียงแข็งแต่ก็ยังฟังดูอ่อนโยนอยู่ในที เธอไม่ได้อยากเป็นแม่ใจร้ายหรอก แต่บางทีก็ต้องบอกต้องสอนกันบ้าง“รับปากแม่เร็ว คนเก่งของพ่อทำได้อยู่แล้ว” จิณณ์ให้กำลังใจ พร้อมเบี่ยงร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันไปหาคนเป็นแม่“ต่อไปนี้เกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนทุกครั้งค่ะ” หนูน้อยยอมพูดแต่โดยดี ซึ่งผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ส่งยิ้มให้พร้อมยกมือขึ้นมาลูบศีรษะอย่างชื่นชม“เก่งมากค่ะ”กลายเป็นคุณพ่อที่ทวนความจำให้ลูกแทน “จำได้ไหมครับ ที่คุณแม่บอกว่าถ้าไม่ใส่รองเท้าจะเกิดอะไรขึ้น”“จะเหยียบปะตู เลือดไหล ต้องไปหาหมอ แล้วก็ร้องไห้แง ๆ” จิณณ์ไม่แก้ไขที่ลูกพูดผิด รู้ดีว่าความเข้าใจของแกก็คือตะปูนั่นแหละ“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เกรซซี่ต้องใส่รองเท้าทุกครั้งนะ โอเคไหม”“โอเคค่า” เมื่อเคลียร์กันลงตัว หนูน้อยก็กลับมายิ้มแย้มแจ่มใส“หาแม่ไหม พ่อจะขนของลงรถ” ชายหนุ่มบอกพร้อมส่งลูกให้คนเป็นแม่อุ้ม ซึ่งมือเล็ก ๆ