โปรย... ห้ามท้อง คือกฎเหล็กของการเป็น เด็กหมอจิณณ์ เพราะถ้าพลาดขึ้นมา...ทางเดียวที่เขามีให้คือต้อง เอาออก เท่านั้น
view moreบทที่ 1
“แน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้จริง ๆ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ”
ประโยคคำถามจากเพื่อนสนิทช่วยดึงสติหญิงสาวที่กำลังนั่งเหม่อ ใจดวงน้อยลอยออกไปไกลแสนไกล ด้วยไม่มั่นใจทางเลือกที่ตนตัดสินใจกำลังจะทำในคืนนี้
จรัสรักก้มมองมือตัวเองซึ่งบีบประสานกันอยู่บนหน้าตัก เธอไม่อยากเลือกเส้นทางนี้ เพียงแต่ภาระที่แบกอยู่บนบ่าเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต หากใจฝ่อและถอนตัวตอนนี้ หนึ่งในสามชีวิตที่เธอดูแลอยู่คงมีอันเป็นไป
เธอถอยตอนนี้ไม่ได้แล้ว
“ฉันจะทำ” แม้ปากจะยืนยันอย่างนั้น หากแววตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ไม่มั่นคงเอาเสียเลย แน่นอนว่าเพื่อนสนิทอย่างศศิตาจับความรู้สึกนั้นได้
“ฉันไม่น่าแนะนำให้แกเลย ไม่คิดว่าแกจะทำจริง ๆ” คนที่เลือกเดินถนนสายนี้ตั้งแต่อายุสิบเจ็ดปีเอ่ยอย่างหนักอกหนักใจ “แต่แกต้องรู้ไว้นะรัก ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีได้เจอคนดี ๆ บางคนได้เจอคนแย่ ๆ ไม่ให้เกียรติเรา พูดจาดูถูกเราสารพัด และคนพวกนี้มันไม่คิดถนอมเราเลยสักนิด”
“แต่พวกเขามีเงิน” ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ
“ใช่ แขกที่จะเข้ามาเที่ยวที่ร้านได้ต้องมีเงินประมาณหนึ่ง ออฟเด็กออกไปแต่ละทีก็จ่ายเป็นหมื่นอะ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีเงินใช้คล่องมือขนาดนี้หรอก” ศศิตารู้สึกเป็นกังวล ไม่อยากให้เพื่อนเจอแบบที่ตนเคยเจอ จึงลองโน้มน้าวให้เพื่อนเปลี่ยนใจอีกรอบ “รัก จริง ๆ แล้วแกยืมเงินฉันอีกก็ได้นะ ฉันพอมีเหลือเก็บอยู่บ้าง ไม่ได้รีบใช้อะไร แกเอาเงินส่วนนี้ของฉันไปใช้ก่อน มีเมื่อไรก็ค่อยคืน”
จรัสรักส่ายหน้าปฏิเสธทันที เธอรับความช่วยเหลือจากศศิตาไม่ได้อีกแล้ว “อันเก่าสองแสนห้ายังไม่ได้คืนเลย อีกอย่างรอบนี้ดอกมันเพิ่มพูนเยอะกว่ารอบที่แล้ว ถ้ายืมแกอีกก็ไม่รู้จะมีปัญญาหามาคืนไหม แต่ถ้าฉันทำงานนี้ แป๊บเดียวก็คงใช้หนี้หมด รวมถึงหนี้ของแกด้วย”
“งั้นเอาอย่างงี้ไหมล่ะ” ศศิตาผุดไอเดียหนึ่งขึ้นมา “แขกคนแรกของแก ถ้าเขาใจดีหรือรวยมาก ๆ แกลองขอให้เขาเลี้ยงดู คิดค่าตัวเป็นรายเดือน ดีไม่ดีเขาอาจจะเช่าคอนโดดี ๆ ให้แกอยู่ด้วย แกจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา ถ้าเขายอมเลี้ยงแกอย่างน้อย ๆ แกก็ไม่ต้องรับแขกหลายคนให้เปลืองตัว”
“หมายถึงเป็นเด็กเสี่ยน่ะเหรอ”
“อื้อ ประมาณนั้นแหละ”
“คนที่ทำงานที่นี่มีคนเลี้ยงเยอะไหม”
“ก็เยอะนะ ถ้าบริการถึงใจ แขกก็จะยื่นข้อเสนอมาให้เอง ก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะโอเคไหม บางคนก็ได้ดิบได้ดีเป็นคุณนายไปเลย”
“แล้วตอนที่แกมีเสี่ยเลี้ยงตอนนั้น แกได้เดือนเท่าไร” จรัสรักของถามเป็นแนวทาง เพราะที่เพื่อนเสนอมาก็ฟังดูน่าสนใจ คงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอรู้สึกผิดกับตัวเองน้อยที่สุด
“ตอนนั้นฉันได้เดือนละสี่หมื่นบาท เสี่ยเช่าคอนโดให้อยู่เพื่อความสะดวกในการไปหา แต่ก็ไม่ได้หรูหราอะไร แล้วก็มีค่าชอปปิงจิปาถะอีกหมื่นสองหมื่นแล้วแต่เดือน” เรียกได้ว่าศศิตามีประสบการณ์มาแล้วทุกรูปแบบ บางคนได้เจอคนดี ๆ ก็โชคดีไป แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ได้ดวงดีขนาดนั้น “แต่อะไรแบบนี้มันก็ไม่ได้ยั่งยืนหรอกนะ บางคนมีเมียอยู่แล้ว แล้วเมียจับได้ บุกมาเอาเรื่องถึงคอนโดถึงที่ทำงาน บางรายถึงขั้นฟ้องร้องกันก็มี หรืออาจจะเป็นเสี่ยที่เบื่อและขอยุติเองเหมือนกรณีของฉัน”
“ที่แกต้องย้ายกลับมาเช่าหออยู่น่ะเหรอ”
“ใช่ จริง ๆ ฉันจะอยู่คอนโดนั้นต่อก็ได้นะ แต่ฉันต้องจ่ายเอง ก็พอจ่ายไหวแหละ แต่มันเสียดายเงินอะ เลยย้ายออกมาหาห้องถูก ๆ อยู่ดีกว่า สุดท้ายก็ไปนอนโรงแรมเหมือนเดิม” ด้วยอัตคัดขัดสนมาตั้งแต่เด็ก ศศิตาจึงมีนิสัยมัธยัสถ์ ไม่ใช้เงินไปกับอะไรที่ฟุ่มเฟือย ประหยัดได้ก็ประหยัด เพราะอย่างนั้นถึงเป็นเพื่อนกับจรัสรักได้ ว่าเธอขี้เหนียวแล้ว เพื่อนของเธอคนนี้ยิ่งกว่าอีก “นั่นแหละ อะไรก็ไม่แน่ไม่นอน หลายคนที่เหมือนจะไปได้ดีนะ สุดท้ายซมซานกลับมาทำงานที่นี่อีกก็มีเยอะ เหมือนฉันนี่ไง”
จรัสรักรับฟังพร้อมภาวนาในใจ คืนแรกของเธอ ขออย่าให้โชคชะตาใจร้ายกับเธอนักเลย
“เอ้า! มานั่งคุยอะไรกันอยู่นี่ แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วก็ออกไปนั่งข้างนอก แขกเริ่มมากันเยอะแล้ว ออกไปรับแขกได้แล้ว ไป!” น้ำเสียงแหลมกระโชกของสาวใหญ่ซึ่งเป็นผู้ดูแลคลับแห่งนี้ดังขึ้น สาว ๆ ที่นั่งตามมุมห้องแต่งตัวต่างรีบกระวีกระวาดแยกย้ายกันออกไป เพราะคงไม่สนุกนักหาก ‘เจ๊ระเบียบ’ ได้ปรี๊ดแตกขึ้นมา “อีซิสซี่ เสี่ยอ๋องถามหามึง ออกไปนั่งกับเสี่ยเลยนะ ไม่ต้องไปนั่งรวมกับเพื่อน”
“ได้ค่าเจ๊” ศศิตารับคำสั่ง ‘ซิสซี่’ คือชื่อสำหรับใช้รับแขกของเธอเอง กำลังจะจูงมือเพื่อนเดินออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงัก
“เดี๋ยวก่อน” เจ๊ระเบียบปรายตามองเด็กใหม่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสั้นเสมอหูสีเงินประกายวิบวับอย่างสำรวจ สีหน้าและแววตาฉายความพึงพอใจอย่างชัดเจน “อืม พอแต่งตัวแต่งหน้าแบบนี้ค่อยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย ไม่ใช่แต่งเหมือนวันที่มาสมัครงาน อย่างกับผีเดินได้”
จรัสรักได้แต่ก้มหน้าที่ถูกฉาบด้วยเครื่องสำอางไม่รู้กี่อย่างต่อกี่อย่าง มันหนาจนเธอรู้สึกหนักหน้าไปหมด มือบางดึงชายกระโปรงลงเล็กน้อยเพราะไม่ชินกับการสวมชุดเปิดเผยแบบนี้ ทว่าท่าทางนั้นกลับขัดใจคนมองยิ่งนัก
“เอ้า! กูชมว่าสวยขนาดนี้แล้วยังจะมาก้มหน้างุด เก้ง ๆ กัง ๆ แบบนี้อีก คิดจะทำงานนี้มันต้องมีความมั่นใจ ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ก็ถอนตัวไปซะตั้งแต่ตอนนี้ อย่ามาทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวแถวนี้ เห็นแล้วขัดหูขัดตา ดีไม่ดีทำเสียชื่อร้านกูอีก”
“เอ่อ เจ๊ เพื่อนหนูมันแค่ยังไม่ชินน่ะ แต่หนูรับรองว่ามันจะไม่ทำให้ร้านเจ๊เสียชื่อแน่นอน หนูรับประกันเลย”
“ดี ถ้ามีลูกค้าคอมเพลนมานะ กูไม่เอาไว้ทั้งสองคนแน่” ระเบียบชี้นิ้วขู่
“งั้นพวกหนูสองคนขอออกไปหาแขกก่อนนะคะ”
“อีไอลีฟไม่ต้องไปนั่งรวมที่โซนหน้าร้านนะ ไปนั่งรอชั้นบนโซนวีไอพีเลย”
‘ไอลีฟ’ คือชื่อรับแขกของจรัสรักที่ศศิตาเป็นคนตั้งให้ เจ้าหล่อนบอกว่าชื่อ ‘รัก’ มันฟังดูซื่อและเรียบร้อยเกินไป ต้องใช้ชื่อที่มีความดัดจริตนิดหน่อย
“อ้าว ทำไมอะเจ๊”
“เด็กใหม่ก็ต้องมีอัปราคงราคากันบ้างสิโว้ย ยิ่งท่าทางหงิม ๆ แบบนี้นะผู้ชายมันยิ่งชอบ”
“แต่เมื่อกี้เจ๊เพิ่งด่าเพื่อนหนูไปเองนะ”
เจ๊ระเบียบยกมือเท้าเอว เตรียมเฉ่งเด็กในความดูแล “อีนี่! หัดฉลาดซะบ้าง ที่กูหมายถึงคือหงิม ๆ แบบมีจริตจะก้าน รู้จักออเซาะ รู้จักเล่นตัว ไม่ใช่หงิมแบบซื่อบื้อทำอะไรไม่เป็น แบบนั้นผู้ชายจะเบื่อเอา เข้าใจที่กูพูดไหมอีลีฟ”
“เอ่อ...ค่ะ เข้าใจค่ะ” จรัสรักพยักหน้าตอบพลางก้มหน้าหลบตา ก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้พูด พยายามเรียกความมั่นใจให้ตนเอง ทั้งที่มันแทบไม่มีเลย
“เออดี เข้าใจก็ดี พากันออกไปได้แล้วไป” เจ๊ระเบียบพยักพเยิดหน้าไล่เด็กสาวทั้งสองคน สายตามองตามหลังเด็กใหม่ที่เพิ่งมาเริ่มงานคืนแรก ด้วยแววตาพึงพอใจในรูปร่างและหน้าตา ประเมินในใจไว้คร่าว ๆ ว่าควรเรียกค่าตัวเด็กคนนี้เท่าไรดีสำหรับครั้งแรก
แต่แล้วสาวใหญ่ก็พลันถอนหายใจพลางส่ายหน้าเบา ๆ แววตาแปรเปลี่ยนเป็นความเห็นอกเห็นใจ เมื่อนึกถึงเหตุผลที่ทำให้เด็กสาวตัดสินใจเลือกเดินเส้นทางนี้...
ตอนพิเศษ 3“เกรซซี่!”เจ้าของชื่อซึ่งกำลังนอนคว่ำกระดิกปลายเท้าระบายสีอยู่กลางห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เงยหน้าขึ้นไปมองน้าสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน ในมือมีกระดาษอะไรสักอย่างติดมาด้วยฟังจากน้ำเสียงที่เรียกเมื่อกี้เกรซซี่รู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ เพราะปกติเวลาน้ากิ๊ฟต์กลับบ้าน น้ากิ๊ฟต์จะเรียกหาเกรซซี่ด้วยเสียงที่นุ่มนวลหรือไม่ก็ร่าเริงกว่านี้ แต่วันนี้แค่เรียกเสียงเข้มไม่พอ ยังทำสีหน้ายุ่งใส่กันอีกเกรซซี่ไปทำอะไรของน้ากิ๊ฟต์พังหรือเปล่านะ...ก็ไม่นี่นา ไม่ได้เข้าไปในห้องของน้ากิ๊ฟต์เลยด้วยซ้ำใจจริงอยากวิ่งเข้าไปรับอย่างที่เคยทำ ทว่าวันนี้เกรซซี่สังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังขานรับน้าสาวเสียงหวาน “...ขาน้ากิ๊ฟต์”จารวีหันหน้าไปไหว้แม่และยายของตนที่นั่งเอนกายบนตั่งไม้อีกฝั่งของบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง จากนั้นก็ยื่นเอกสารรายงานผลการเรียนชั้นอนุบาลไปตรงหน้าหลานสาวสุดที่รัก “อันนี้คืออะไรเนี่ย ทำไมเป็นแบบนี้”กนกนุชขยับนั่งขัดสมาธิ มองน้ากิ๊ฟต์กับกระดาษเอสี่ที่ถูกยื่นออกมาตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปมองผู้เป็นแม่ซึ่งเดินตามหลังน้องสาวตัวเองเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
ตอนพิเศษ 2โชคดีที่จิณณ์ฝึกลูกให้นอนคนเดียวตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงแรกที่ยังไม่เปิดเทอมอาจจะมีร้องไห้โยเยบ้าง เพราะตื่นมาแล้วไม่เจอใครอยู่ในระยะสายตา แต่พอค่อย ๆ บอกค่อย ๆ สอนว่าตื่นแล้วไปหาพ่อหรือหายายกับทวดได้ที่ไหน แกก็เริ่มเรียนรู้และเข้าใจ จากนั้นมาก็ไม่มีเสียงร้องไห้ตอนเช้าอีกเลยฉะนั้นหลังเล่านิทานส่งลูกเข้านอนเสร็จ คนเป็นพ่อเป็นแม่จึงได้มีเวลาสวีตหวานในห้องส่วนตัวกันบ้าง“เรียนทำขนมวันนี้เป็นไงบ้าง” จิณณ์เอ่ยถามภรรยาที่กำลังใช้สำลีลบเครื่องสำอางซึ่งแต่งแต้มเพียงบางเบา เตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำ ส่วนเขาก็กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองเพื่อจะเข้าไปอาบพร้อมกันจรัสรักมองเรือนร่างของสามีผ่านกระจก ใบหน้าสวยร้อนผะผ่าวพร้อมกับหัวใจที่จู่ ๆ ก็สั่นรัวขึ้นมา หญิงสาวรีบเลื่อนสายตาไปโฟกัสจุดอื่น แม้จะเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่าเธอก็ไม่เคยทำใจให้ชินได้เสียที“กะ...ก็ดีค่ะ พี่ฟางใจเย็นและสอนดีมาก” เธอตอบเสียงกะตุกกะตัก เกร็งตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเดินเข้ามายืนใกล้ ๆ จิณณ์ดึงชุดคลุมอาบน้ำช่วงไหล่ของภรรยาลง ก่อนจะประทับจูบร้อน ๆ ลงบนไหล่เปลือย จากนั้นก็พูดต่อ“คุณอยากได้สูตรไหนหรือ
ตอนพิเศษ 1หลังจากงานแต่งงานและทำบุญขึ้นบ้านใหม่ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นงานเล็ก ๆ แต่อบอุ่นเสร็จสิ้นไป จิณณ์ก็ขอให้ทุกคนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด หญิงมากวัยทั้งสองคนมีอาการงอแงเล็กน้อย ด้วยไม่อยากละทิ้งบ้านของตนที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายจรัสรักพยายามเกลี้ยกล่อมพร้อมทั้งอธิบายให้แม่และยายของตนเข้าใจ เธอเองก็ไม่ได้จะทิ้งบ้านหลังนั้น แต่ด้วยสภาพที่เก่าและทรุดโทรมตามกาลเวลา อีกทั้งยังมีข้าวของเก็บไว้มากมาย ซึ่งบางอย่างก็เป็นของที่ไม่ได้ใช้แล้ว หญิงสาวจึงถือโอกาสนี้เคลียร์ของและจะทำการรีโนเวตบ้านใหม่ จากนั้นจะยกให้เป็นชื่อของจารวีจิณณ์ถามน้องสาวภรรยาว่าอยากรื้อแล้วสร้างใหม่เลยหรือไม่ จะได้บ้านในแบบที่ต้องการ ทว่าจารวีปฏิเสธพร้อมบอกว่าเอาไว้ก่อน เพราะล่าสุดพี่เขยก็เพิ่งจะถอยรถมินิคูเปอร์คันละสามล้านให้เป็นของขวัญเรียนจบแบบสด ๆ ร้อน ๆ โดยให้เหตุผลว่าระบบเซฟตีมันดีมากกว่ารถอีโคคาร์ทั่วไป ยังไม่นับคอนโดมิเนียมที่กำลังเลือกดูเพื่อจะซื้อให้พักอาศัยระหว่างที่เรียนต่อเนื่องจากสองพี่น้องมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอ แต่ขาดแรงสนับสนุนจึงไม่ได้ไปต่อ ทำให้ต้องเลือกเดินในเส้นทางอ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)“แต่งงานกับผมนะครับ”ในเมื่อเขาดีและทำเพื่อเธอขนาดนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอต้องปฏิเสธ ถึงจะเป็นการขอครั้งที่สอง แต่เธอก็อดตื่นเต้นไม่ได้ จรัสรักพยักหน้า ตอบรับคำขอของเขาด้วยรอยยิ้มยินดี“ค่ะ รักจะแต่งงานกับคุณ”จบประโยคนั้นร่างบางก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อไฟที่ประดับประดาอยู่รอบ ๆ ตัวบ้านสว่างขึ้นพร้อมกันทุกดวง พร้อมกับเสียงโห่ร้องจากผู้คนมากมายดังขึ้นด้วยความยินดีใบหน้าสวยมองไปตามเสียงก็เจอกับเด็กหญิงกนกนุชในชุดสวยถือช่อดอกไม้วิ่งเข้ามาหา เลื่อนสายตาไปข้างหลังอีกก็เจอแม่และยายที่นั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีปรานกับกฤษณ์เข็นให้ พร้อมทั้งพีรัช ภริตา จารวี และคุณหญิงพรรษา ยืนอยู่ข้าง ๆ กันทุกคนกำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มจรัสรักรู้ว่าวันนี้มีนัดรับประทานอาหารร่วมกัน แต่ไม่รู้ว่าทุกคนจะมารวมตัวกันที่บ้านของเธอก่อน พวกเขามาตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงรถเลย“ป้อจิน เอาให้แม่” เสียงของลูกสาวดึงสายตาเธอให้กลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง เด็กหญิงกนกนุชยื่นช่อดอกทานตะวันให้คุณพ่อตามที่พ่อปรานบอก“ขอบคุณครับ” จิณณ์รับดอกไม้มาถือ ก่อนจะคว้าตัวลูกสาวเข้ามากอดและกดจมูกหอมแก้มแ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)หลังจากหมูกระทะมื้อค่ำสิ้นสุดลง ทุกคนก็ช่วยกันเก็บจานไปล้างและทำความสะอาดสถานที่ จิณณ์รับหน้าที่พาเด็กหญิงกนกนุชไปอาบน้ำ เนื่องจากหนูน้อยเริ่มตาปรือเพราะใกล้ถึงเวลาเข้านอนเมื่อบรรยากาศภายในบ้านเริ่มเงียบสงบ จารวีนั่งเล่นกับหลาน พูดคุยกับแม่และยายสักพักก็เข้าห้องส่วนตัวของตัวเอง ส่วนอ้อมใจก็จัดที่นอนเตรียมพักผ่อน หน้าที่พยาบาลพิเศษในบ้านหลังนี้ไม่ได้หนัก และคนป่วยก็ไม่ได้จู้จี้จุกจิก พอทำหน้าที่หลักเสร็จก็สามารถนอนพักผ่อนได้ แต่ข้อเสียคือไม่มีห้องนอนส่วนตัวให้ ต้องนอนรวมกันที่ห้องโถงจรัสรักเดินมาเช็กความเรียบร้อยที่ครัวหลังร้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องเปิดร้านขายของตามปกติหลังจากหยุดไปทำธุระหนึ่งวัน“อุ๊ย!” ทว่ายังไม่ทันได้หยิบจับสิ่งใด ร่างบางก็ถูกสวมกอดจากคนที่เดินตามเข้ามาติด ๆ หญิงสาวยิ้มและเอ่ยถามกลั้วขำ “อะไรคะเนี่ย”“อยากกอด” จิณณ์คลายวงแขนแล้วหมุนตัวเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงไปจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา “เมื่อไหร่บ้านจะเสร็จ”จรัสรักหลุดขำ นึกเอ็นดูคนตัวโตที่เริ่มงอแง นับวันก็ยิ่งเหมือนลูกมากขึ้นทุกที “คงอีกนานค่ะ ยังไม่ได้ลงเสาเลย”“รู้งี้ผมให้
บทที่ 31 คนพิเศษ“แม่แค่เป็นห่วงครับ ไม่ได้ดุ”“ดุ” ใบหน้าน้อย ๆ เอียงซบไหล่แกร่ง พยายามหลบสายตาแม่ แต่กระนั้นก็ยังแอบเหล่มอง“รับปากแม่ได้ไหมว่าครั้งหน้าเกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนออกบ้านทุกครั้ง” จรัสรักยังคงเสียงแข็งแต่ก็ยังฟังดูอ่อนโยนอยู่ในที เธอไม่ได้อยากเป็นแม่ใจร้ายหรอก แต่บางทีก็ต้องบอกต้องสอนกันบ้าง“รับปากแม่เร็ว คนเก่งของพ่อทำได้อยู่แล้ว” จิณณ์ให้กำลังใจ พร้อมเบี่ยงร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันไปหาคนเป็นแม่“ต่อไปนี้เกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนทุกครั้งค่ะ” หนูน้อยยอมพูดแต่โดยดี ซึ่งผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ส่งยิ้มให้พร้อมยกมือขึ้นมาลูบศีรษะอย่างชื่นชม“เก่งมากค่ะ”กลายเป็นคุณพ่อที่ทวนความจำให้ลูกแทน “จำได้ไหมครับ ที่คุณแม่บอกว่าถ้าไม่ใส่รองเท้าจะเกิดอะไรขึ้น”“จะเหยียบปะตู เลือดไหล ต้องไปหาหมอ แล้วก็ร้องไห้แง ๆ” จิณณ์ไม่แก้ไขที่ลูกพูดผิด รู้ดีว่าความเข้าใจของแกก็คือตะปูนั่นแหละ“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เกรซซี่ต้องใส่รองเท้าทุกครั้งนะ โอเคไหม”“โอเคค่า” เมื่อเคลียร์กันลงตัว หนูน้อยก็กลับมายิ้มแย้มแจ่มใส“หาแม่ไหม พ่อจะขนของลงรถ” ชายหนุ่มบอกพร้อมส่งลูกให้คนเป็นแม่อุ้ม ซึ่งมือเล็ก ๆ
Mga Comments