บทที่ 2
ไม่เอาเท่ากับ... ?
“อ๊ะ...” ความรู้สึกแปลกใหม่ทำให้จรัสรักเผลอส่งเสียงครางออกมา เธอกัดและเม้มริมฝีปากพยายามกลั้นเสียงน่าอาย
เข่าทั้งสองข้างถูกคนตัวสูงจับแยกออกกว้างกว่าเดิม ทั้งยังกดแนบลงกับที่นอน ทำให้สะโพกของเธอลอยเด่น อวดความฉ่ำแฉะซึ่งถูกกระตุ้นด้วยนิ้วร้ายกาจ
ชายหนุ่มลากไล้นิ้วมือตามรอยแยกกลางกายสาว เมื่อได้จังหวะที่พอเหมาะเขาจึงค่อย ๆ กดปลายนิ้วเข้าไปในความอุ่นชื้น ความคับแน่นเป็นสิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้ อีกทั้งภายในยังตอดรัดนิ้วเขาตุบ ๆ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหากเป็นส่วนที่ใหญ่กว่า ข้างในนี้จะรัดแน่นแค่ไหน
“อื้อ คะ...คุณ...” จรัสรักนอนหายใจหอบ มองร่างสูงที่กำลังโลมเลียร่างกายของเธอผ่านทางสายตา โดยเฉพาะตรงส่วนที่เขากำลังขยับนิ้วเข้าออก เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังรินไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
“น้ำคุณเยอะมาก”
หญิงสาวไม่รู้ว่านั่นคือคำชมหรือว่าอย่างไร เธอไม่มีสติแม้แต่จะตอบโต้เขากลับไป ด้วยตอนนี้เธอกำลังข่มกลั้นบางอย่างที่กำลังจะพุ่งออกมาอย่างสุดความสามารถ
หากอึดใจต่อมาก็เหมือนได้ยินเสียงจากสวรรค์ ราวกับล่วงรู้ว่าเธอกำลังทรมานมากแค่ไหน
“ไม่ต้องกลั้น ปล่อยออกมา” เขาบอกพร้อมเร่งจังหวะนิ้วที่จุ่มจ้วงอยู่ในร่องฉ่ำแฉะ ทั้งใช้มืออีกบ้างขยี้ติ่งเนื้อ เร่งให้ขดความร้อนในร่างกายของเธอเกิดปฏิกิริยาเร็วกว่าเดิม
ไม่นานร่างบางก็กระตุกเกร็ง ความรู้สึกบางอย่างระเบิดพร่างพรายในร่างกาย น้ำเมือกใสหยาดรินให้เขาปัดป่ายไปทั่วความอ่อนไหว
จรัสรักนอนหายใจหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อยราวกับวิ่งมินิมาราธอน จิณณ์เห็นอกคู่สวยกระเพื่อมไหว ทนใจไม่ได้จนต้องยื่นมือออกไปสัมผัส เขาบีบขยำ เคล้นคลึงอย่างมันมือราวกับเจอของเล่นที่ถูกใจ และอึดใจต่อมาเขาก็ครอบครองมันด้วยโพรงปากอุ่น ลิ้นร้ายตวัดเลียสลับดูดดึงจนแก้มตอบ
มือหนาข้างที่ว่างลูบไล้ไปตามผิวกายนวลเนียน ซึ่งเนียนกว่าที่คิดเอาไว้มาก เธอนุ่มนิ่มไปทั้งตัว โดยเฉพาะส่วนที่ปากและใบหน้าของเขากำลังซุกไซ้
หญิงสาวเอาใจเขาด้วยการใช้ปลายนิ้วเขี่ยยอดอกเขากลับ ด้วยสติที่เลือนรางนึกขึ้นมาได้ว่ามันช่วยกระตุ้นอารมณ์ผู้ชายได้เช่นกัน ซึ่งก็จริงดังนั้น เพราะเขี่ยไปไม่กี่ครั้งยอดอกเขาก็แข็งชูชันไม่ต่างจากของเธอ
หากไม่ติดว่าเขากำลังมัวเมากับอกของเธอ เธอก็อยากปรนเปรอให้เขาด้วยปากบ้าง
ผ่านไปสักพัก จิณณ์เริ่มทนต่อความต้องการไม่ไหว เอื้อมมือไปหยิบเครื่องป้องกันที่เตรียมไว้มาสวมใส่ ก่อนจะถูไถส่วนนั้นเข้ากับร่องที่ยังชุ่มฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำใส
“อื้อ...” จรัสรักพลันหัวใจเต้นรัวด้วยกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ หากอีกหนึ่งความรู้สึกก็ดูจะมีมากไม่น้อยไปกว่ากัน ส่งผลให้เธอทั้งกลัวและทั้งตื่นเต้นไปในคราวเดียวกัน
จิณณ์ค่อย ๆ สอดส่งตัวตนเข้าไป แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับความยุ่งยาก คิ้วหนาเลื่อนเข้าหากันเมื่อมันไม่สามารถเข้าไปได้
ไม่ใช่แค่ว่าเข้าไปได้ยากลำบาก ทว่ามันกลับเข้าไปไม่ได้เลย
“คุณ...” เขามองหน้าอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจระคนแปลกใจ
หากหญิงสาวใต้ร่างกลับกลัวว่าเขาจะหยุดกลางคัน จึงรีบเอ่ยเร่ง “ดันเข้ามาเลยค่ะ”
ถึงขั้นนี้แล้วจิณณ์ไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่เคย แต่ที่เขาไม่เอะใจเลยคือท่าทางของเธอก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าสิ่งที่เธอแสดงออกเป็นเพียงแค่มารยาจริตของผู้หญิงที่ทำอาชีพนี้เท่านั้น
ไม่คิดเลยว่าเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนจริง ๆ
“จะไม่มีปัญญาทีหลังใช่ไหม” ชายหนุ่มถามเพื่อความแน่ใจ และเขาก็ไม่ได้มองว่าผู้หญิงบริสุทธิ์จะวิเศษวิโสกว่าใคร แต่เขาต้องถามให้มั่นใจว่าเธอจะไม่มานั่งคร่ำครวญหรือเรียกร้องอะไรจากเขาหลังจากนี้
เพราะเขาคงให้อะไรเธอไม่ได้สักอย่าง
“ไม่มีค่ะ” จรัสรักสบกับดวงตาคมกริบ พร้อมพยักหน้ายืนยันอย่างหนักแน่น
จิณณ์ชั่งใจอยู่สักพัก เขากลัวว่าจะมีปัญหาตามมา ทว่าความต้องการในตอนนี้กลับมีมากกว่าสิ่งใด ผลักให้เขาตัดสินใจสานต่อจากจุดที่ค้างคา
โดยไม่รู้ตัวเลยว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
ตอนพิเศษ 3“เกรซซี่!”เจ้าของชื่อซึ่งกำลังนอนคว่ำกระดิกปลายเท้าระบายสีอยู่กลางห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เงยหน้าขึ้นไปมองน้าสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน ในมือมีกระดาษอะไรสักอย่างติดมาด้วยฟังจากน้ำเสียงที่เรียกเมื่อกี้เกรซซี่รู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ เพราะปกติเวลาน้ากิ๊ฟต์กลับบ้าน น้ากิ๊ฟต์จะเรียกหาเกรซซี่ด้วยเสียงที่นุ่มนวลหรือไม่ก็ร่าเริงกว่านี้ แต่วันนี้แค่เรียกเสียงเข้มไม่พอ ยังทำสีหน้ายุ่งใส่กันอีกเกรซซี่ไปทำอะไรของน้ากิ๊ฟต์พังหรือเปล่านะ...ก็ไม่นี่นา ไม่ได้เข้าไปในห้องของน้ากิ๊ฟต์เลยด้วยซ้ำใจจริงอยากวิ่งเข้าไปรับอย่างที่เคยทำ ทว่าวันนี้เกรซซี่สังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังขานรับน้าสาวเสียงหวาน “...ขาน้ากิ๊ฟต์”จารวีหันหน้าไปไหว้แม่และยายของตนที่นั่งเอนกายบนตั่งไม้อีกฝั่งของบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง จากนั้นก็ยื่นเอกสารรายงานผลการเรียนชั้นอนุบาลไปตรงหน้าหลานสาวสุดที่รัก “อันนี้คืออะไรเนี่ย ทำไมเป็นแบบนี้”กนกนุชขยับนั่งขัดสมาธิ มองน้ากิ๊ฟต์กับกระดาษเอสี่ที่ถูกยื่นออกมาตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปมองผู้เป็นแม่ซึ่งเดินตามหลังน้องสาวตัวเองเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
ตอนพิเศษ 2โชคดีที่จิณณ์ฝึกลูกให้นอนคนเดียวตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงแรกที่ยังไม่เปิดเทอมอาจจะมีร้องไห้โยเยบ้าง เพราะตื่นมาแล้วไม่เจอใครอยู่ในระยะสายตา แต่พอค่อย ๆ บอกค่อย ๆ สอนว่าตื่นแล้วไปหาพ่อหรือหายายกับทวดได้ที่ไหน แกก็เริ่มเรียนรู้และเข้าใจ จากนั้นมาก็ไม่มีเสียงร้องไห้ตอนเช้าอีกเลยฉะนั้นหลังเล่านิทานส่งลูกเข้านอนเสร็จ คนเป็นพ่อเป็นแม่จึงได้มีเวลาสวีตหวานในห้องส่วนตัวกันบ้าง“เรียนทำขนมวันนี้เป็นไงบ้าง” จิณณ์เอ่ยถามภรรยาที่กำลังใช้สำลีลบเครื่องสำอางซึ่งแต่งแต้มเพียงบางเบา เตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำ ส่วนเขาก็กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองเพื่อจะเข้าไปอาบพร้อมกันจรัสรักมองเรือนร่างของสามีผ่านกระจก ใบหน้าสวยร้อนผะผ่าวพร้อมกับหัวใจที่จู่ ๆ ก็สั่นรัวขึ้นมา หญิงสาวรีบเลื่อนสายตาไปโฟกัสจุดอื่น แม้จะเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่าเธอก็ไม่เคยทำใจให้ชินได้เสียที“กะ...ก็ดีค่ะ พี่ฟางใจเย็นและสอนดีมาก” เธอตอบเสียงกะตุกกะตัก เกร็งตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเดินเข้ามายืนใกล้ ๆ จิณณ์ดึงชุดคลุมอาบน้ำช่วงไหล่ของภรรยาลง ก่อนจะประทับจูบร้อน ๆ ลงบนไหล่เปลือย จากนั้นก็พูดต่อ“คุณอยากได้สูตรไหนหรือ
ตอนพิเศษ 1หลังจากงานแต่งงานและทำบุญขึ้นบ้านใหม่ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นงานเล็ก ๆ แต่อบอุ่นเสร็จสิ้นไป จิณณ์ก็ขอให้ทุกคนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด หญิงมากวัยทั้งสองคนมีอาการงอแงเล็กน้อย ด้วยไม่อยากละทิ้งบ้านของตนที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายจรัสรักพยายามเกลี้ยกล่อมพร้อมทั้งอธิบายให้แม่และยายของตนเข้าใจ เธอเองก็ไม่ได้จะทิ้งบ้านหลังนั้น แต่ด้วยสภาพที่เก่าและทรุดโทรมตามกาลเวลา อีกทั้งยังมีข้าวของเก็บไว้มากมาย ซึ่งบางอย่างก็เป็นของที่ไม่ได้ใช้แล้ว หญิงสาวจึงถือโอกาสนี้เคลียร์ของและจะทำการรีโนเวตบ้านใหม่ จากนั้นจะยกให้เป็นชื่อของจารวีจิณณ์ถามน้องสาวภรรยาว่าอยากรื้อแล้วสร้างใหม่เลยหรือไม่ จะได้บ้านในแบบที่ต้องการ ทว่าจารวีปฏิเสธพร้อมบอกว่าเอาไว้ก่อน เพราะล่าสุดพี่เขยก็เพิ่งจะถอยรถมินิคูเปอร์คันละสามล้านให้เป็นของขวัญเรียนจบแบบสด ๆ ร้อน ๆ โดยให้เหตุผลว่าระบบเซฟตีมันดีมากกว่ารถอีโคคาร์ทั่วไป ยังไม่นับคอนโดมิเนียมที่กำลังเลือกดูเพื่อจะซื้อให้พักอาศัยระหว่างที่เรียนต่อเนื่องจากสองพี่น้องมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอ แต่ขาดแรงสนับสนุนจึงไม่ได้ไปต่อ ทำให้ต้องเลือกเดินในเส้นทางอ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)“แต่งงานกับผมนะครับ”ในเมื่อเขาดีและทำเพื่อเธอขนาดนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอต้องปฏิเสธ ถึงจะเป็นการขอครั้งที่สอง แต่เธอก็อดตื่นเต้นไม่ได้ จรัสรักพยักหน้า ตอบรับคำขอของเขาด้วยรอยยิ้มยินดี“ค่ะ รักจะแต่งงานกับคุณ”จบประโยคนั้นร่างบางก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อไฟที่ประดับประดาอยู่รอบ ๆ ตัวบ้านสว่างขึ้นพร้อมกันทุกดวง พร้อมกับเสียงโห่ร้องจากผู้คนมากมายดังขึ้นด้วยความยินดีใบหน้าสวยมองไปตามเสียงก็เจอกับเด็กหญิงกนกนุชในชุดสวยถือช่อดอกไม้วิ่งเข้ามาหา เลื่อนสายตาไปข้างหลังอีกก็เจอแม่และยายที่นั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีปรานกับกฤษณ์เข็นให้ พร้อมทั้งพีรัช ภริตา จารวี และคุณหญิงพรรษา ยืนอยู่ข้าง ๆ กันทุกคนกำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มจรัสรักรู้ว่าวันนี้มีนัดรับประทานอาหารร่วมกัน แต่ไม่รู้ว่าทุกคนจะมารวมตัวกันที่บ้านของเธอก่อน พวกเขามาตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงรถเลย“ป้อจิน เอาให้แม่” เสียงของลูกสาวดึงสายตาเธอให้กลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง เด็กหญิงกนกนุชยื่นช่อดอกทานตะวันให้คุณพ่อตามที่พ่อปรานบอก“ขอบคุณครับ” จิณณ์รับดอกไม้มาถือ ก่อนจะคว้าตัวลูกสาวเข้ามากอดและกดจมูกหอมแก้มแ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)หลังจากหมูกระทะมื้อค่ำสิ้นสุดลง ทุกคนก็ช่วยกันเก็บจานไปล้างและทำความสะอาดสถานที่ จิณณ์รับหน้าที่พาเด็กหญิงกนกนุชไปอาบน้ำ เนื่องจากหนูน้อยเริ่มตาปรือเพราะใกล้ถึงเวลาเข้านอนเมื่อบรรยากาศภายในบ้านเริ่มเงียบสงบ จารวีนั่งเล่นกับหลาน พูดคุยกับแม่และยายสักพักก็เข้าห้องส่วนตัวของตัวเอง ส่วนอ้อมใจก็จัดที่นอนเตรียมพักผ่อน หน้าที่พยาบาลพิเศษในบ้านหลังนี้ไม่ได้หนัก และคนป่วยก็ไม่ได้จู้จี้จุกจิก พอทำหน้าที่หลักเสร็จก็สามารถนอนพักผ่อนได้ แต่ข้อเสียคือไม่มีห้องนอนส่วนตัวให้ ต้องนอนรวมกันที่ห้องโถงจรัสรักเดินมาเช็กความเรียบร้อยที่ครัวหลังร้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องเปิดร้านขายของตามปกติหลังจากหยุดไปทำธุระหนึ่งวัน“อุ๊ย!” ทว่ายังไม่ทันได้หยิบจับสิ่งใด ร่างบางก็ถูกสวมกอดจากคนที่เดินตามเข้ามาติด ๆ หญิงสาวยิ้มและเอ่ยถามกลั้วขำ “อะไรคะเนี่ย”“อยากกอด” จิณณ์คลายวงแขนแล้วหมุนตัวเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงไปจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา “เมื่อไหร่บ้านจะเสร็จ”จรัสรักหลุดขำ นึกเอ็นดูคนตัวโตที่เริ่มงอแง นับวันก็ยิ่งเหมือนลูกมากขึ้นทุกที “คงอีกนานค่ะ ยังไม่ได้ลงเสาเลย”“รู้งี้ผมให้
บทที่ 31 คนพิเศษ“แม่แค่เป็นห่วงครับ ไม่ได้ดุ”“ดุ” ใบหน้าน้อย ๆ เอียงซบไหล่แกร่ง พยายามหลบสายตาแม่ แต่กระนั้นก็ยังแอบเหล่มอง“รับปากแม่ได้ไหมว่าครั้งหน้าเกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนออกบ้านทุกครั้ง” จรัสรักยังคงเสียงแข็งแต่ก็ยังฟังดูอ่อนโยนอยู่ในที เธอไม่ได้อยากเป็นแม่ใจร้ายหรอก แต่บางทีก็ต้องบอกต้องสอนกันบ้าง“รับปากแม่เร็ว คนเก่งของพ่อทำได้อยู่แล้ว” จิณณ์ให้กำลังใจ พร้อมเบี่ยงร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันไปหาคนเป็นแม่“ต่อไปนี้เกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนทุกครั้งค่ะ” หนูน้อยยอมพูดแต่โดยดี ซึ่งผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ส่งยิ้มให้พร้อมยกมือขึ้นมาลูบศีรษะอย่างชื่นชม“เก่งมากค่ะ”กลายเป็นคุณพ่อที่ทวนความจำให้ลูกแทน “จำได้ไหมครับ ที่คุณแม่บอกว่าถ้าไม่ใส่รองเท้าจะเกิดอะไรขึ้น”“จะเหยียบปะตู เลือดไหล ต้องไปหาหมอ แล้วก็ร้องไห้แง ๆ” จิณณ์ไม่แก้ไขที่ลูกพูดผิด รู้ดีว่าความเข้าใจของแกก็คือตะปูนั่นแหละ“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เกรซซี่ต้องใส่รองเท้าทุกครั้งนะ โอเคไหม”“โอเคค่า” เมื่อเคลียร์กันลงตัว หนูน้อยก็กลับมายิ้มแย้มแจ่มใส“หาแม่ไหม พ่อจะขนของลงรถ” ชายหนุ่มบอกพร้อมส่งลูกให้คนเป็นแม่อุ้ม ซึ่งมือเล็ก ๆ