คนโปรด
“แม่ขอโทษนะลูกแต่ไม่สามารถให้พ่อของหนูมากล่าวหาว่าหนูทำชีวิตของพ่อเขาพังแบบนี้ได้จริง ๆ ” … “ทำไมนะ พ่อของหนูถึงใจร้ายกับหนูขนาดนี้” พอเธอเข้าห้องนอนได้เธอก็ลูบท้องและพูดออกด้วยความเสียใจ ก่อนจะปาดน้ำตารีบเก็บของใช้ส่วนตัวขณะที่มือก็สั่นเทาด้วยความเสียใจจากนั้นเธอก็รีบโทรหาภาม “พี่ภาม..มารับคนโปรดที่บ้านได้ไหมคะ” “น้องคนโปรดเป็นอะไรหรือเปล่า เสียงเราไม่โอเคเลยเกิดอะไรขึ้น” เธอพยายามพูดให้เสียงปกติที่สุดแล้วแต่เธอก็ไม่สามารถปิดเสียงที่แหบจากอาการร้องไห้หนัก ๆ กับภามได้เลย “เปล่าค่ะ ตอนนี้คนโปรดเลิกกับสามีแล้วค่ะ คนโปรดไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วที่ภามมาถึงเมื่อไรโทรหาคนโปรดด้วยนะคะ” “ครับ พี่จะรีบไปนะอีก 15 นาที ถ้ามีอะไรไม่ดีคนโปรโทรหาพี่ได้เลยนะ” “ค่ะ” หลังจากวางสายเธอก็มองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้งเธออดใจหายไม่ได้ที่สุดท้ายเธอต้องทิ้งความสัมพันธ์กับเขาจริง ๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะทำใจเอาไว้แล้วก็ตามแต่พอมันเกิดขึ้นจริง ๆ เธออดที่จะเสียใจไม่ได้อยู่ดี ไม่นานภามก็โทรเข้ามาเธอรีบกดรับสาย “พี่อยู่หน้าบ้านแล้วนะ ให้พี่เข้าไปรับในบ้านไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวคนโปรดจะรีบลงไปค่ะ” เธอสะพายเป้และถือกระเป๋าเดินทางกำลังเดินออกจากห้องพอแม่ได้ยินเสียงของเธอเปิดประตูห้องท่านก็ขึ้นไปช่วยถือกระเป๋าเดินทางใช้เธอ “แม่ช่วยถือดีกว่าลูก เดี๋ยวหนูจะลื่นตกบันได” “มันหนักมากเลยค่ะแม่ หนูยกเองดีกว่า” หมับ “เดี๋ยวถือลงไปให้” ขณะที่ทั้งสองสาวกำลังยื้อกระเป๋ากันอยู่นั้น เขาก็เดินขึ้นมาแย่งกระเป๋าไปจากทั้งสองสาวเหมือนกับว่านี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการมันมาโดยตลอด เธอหันหน้าไปสบตากับแม่ของเขาก่อนจะยิ้มให้ท่านอีกครั้ง “แม่ไปส่งหนูนะ” “เอ่อ! คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงคนโปรดเลยค่ะ พอดีคนโปรดเรียกรถแล้วค่ะคุณแม่” “หนูโปรด..” “หนูลานะคะคุณแม่ พี่หมอพรุ่งนี้เจอกันที่เขตตอน 10 โมงนะคะ” เธอหันไปบอกกับเขายืนกอดอกจ้องมองหน้าเธออีกครั้ง เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าเป็นครั้งสุดท้ายซึ่งคำพูดนั้นมีความโศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะยิ้มลาให้เขาอีกครั้งและลากกระเป๋าไปขึ้นรถที่หน้าบ้าน ตึก!! “พอใจหรือยังต่อไปนี้แกอยากทำอะไรก็ทำเถอะ!!” แม่เขาทุบโต๊ะเสียงดังลั่นก่อนจะหันมาดุเขาอีกครั้งและเดินหนีเขาไปอีกคน คนโปรด “ขอโทษพี่ภามด้วยนะคะ ที่รบกวนแต่เช้าเลย” “ไม่เป็นไร น้องโปรดขึ้นรถเถอะ” หลังจากยกกระเป๋าขึ้นรถแล้วภามก็หันไปมองในบ้าน ก่อนจะขึ้นรถและขับออกมาทันที “พี่ภามไปส่งคนโปรดที่บ้านหน่อยนะคะ” “ครับ พาเจ้าเล็กกลับบ้านที่อบอุ่นของตัวเองสักทีนะครับ ไปหาคนที่เขารักเราจริง ๆ กันเนอะ” พอได้ยินคำพูดพวกนั้นเธอก็หันไปมองหน้าภามทันทีก่อนที่น้ำตาเธอจะไหลออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ เธอพยักหน้ายิ้มและสะอื้นร้องไห้ออกมา จนภามอดสงสารเธอไม่ได้ภามยื่นมือมาลูบหัวเธอเบา ๆ ก่อนจะร้องไห้ออกตามเธอ “เหนื่อยแล้วใช่ไหม คงพยายามประคองชีวิตคู่ถึงที่สุดแล้วสินะ น้องโปรดทำดีที่สุดแล้ว ทุกการกระทำพี่เห็นหมดน้องไม่ต้องเสียใจเลย วันนี้น้องโปรดร้องไห้ออกมาเลย ร้องไห้พอเลยวันหน้าหนูต้องเข้มแข็งเพื่อเจ้าตัวเล็กนะ” “ฮื่อ…ฮื่อคนโปรด..ฮื่อ” หลังจากปล่อยโฮออกมาและได้กำลังใจจากภาม เธอก็รู้สึกดีขึ้นมากจนเธอเริ่มมีสติมากขึ้น “คนโปรดไม่รู้ว่าที่บ้านยังจะอภัยคนโปรดหรือเปล่า แต่ตอนนี้คนโปรดแค่อยากจะกลับไปหาทุก ๆ คนจริง ๆ ค่ะ” “พี่เชื่อน้องคนโปรดเป็นที่รักของทุกคนบ้าน ยังไงทุกคนก็ต้องให้อภัย แต่ถ้าเกิดว่าโชคร้ายจริง ๆ พี่ชายที่ขับแท็กซี่คนนี้จะไม่ยอมทิ้งน้องสาวแน่นอน” ขณะที่ภามพูดทีเล่นทีจริงเธอก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างก่อนจะเอ่ยขอบคุณภามอีกครั้ง “ขอบคุณนะคะ ที่พี่ภามดูแลคนโปรดดีขนาดนี้ คนโปรดไม่รู้จะตอบแทนพี่ยังไงเลยค่ะ” “แค่พี่เห็นว่าน้องคนโปรดมีความสุขก็พอค่ะ ครั้งหนึ่งพี่เคยเสียน้องสาวตัวเองไปแล้ว ครั้งนี้พี่ก็อยากไถ่บาปออกจากใจตัวเองบ้าง” พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรภามก็จะร้องขึ้นมาทุกครั้ง เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยไม่ใส่ใจน้องสาวตัวเองและสุดท้ายเขาก็เสียน้องสาวไปอย่างไม่มีวันได้เธอกลับคืนมาพอภามได้เจอกับเธอภามจึงเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง “พี่ภามทำดีที่สุดแล้วค่ะ อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ พี่เองก็ต้องเดินหน้าใช้ชีวิตให้มีความสุขเหมือนกันนะคะ โอ๊ะ! หลังนั้นเลยค่ะ หลังที่ต้นมะยมข้างหน้านะคะ” “ครับ” ขณะที่รถแท็กซี่มาจอดที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเธอลงรถมองบ้านเดี่ยวชั้นเดียวในชุมชนที่สร้างมานานกว่า20 ปี แต่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี บ้านที่เป็นสีชมพูอ่อนรั้วไม้ระแนงสีขาวล้อมรอบบ้าน ข้างหน้าปลูกต้นมะยมและต้นเข็มสีชมพู ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม จนเธออดที่จะน้ำตาไหลออกมาไม่ได้ “แม่ครับ ผมไปทำงานก่อนนะครับ” “เดี๋ยวลูก! ลืมมือถือหรือเปล่า อันนี้ของลูกไหมเนี่ย” “พี่ปลื้มคะ!..แม่คะ…ฮื่อ” “คนโปรด!/ ตัวเล็ก!” ขณะที่หนุ่มหล่อหน้าเรียว จมูกเป็นสันรอยยิ้มมีเสน่ห์ ผิวขาวดูท่าทางรีบร้นกับหญิงสูงวัยผมดำสนิทร่างผอม รอยยิ้มที่มีเสน่ห์เหมือนกับหนุ่มหน้าหล่อ หันมาทางเธอที่ยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านไม่กล้าที่จะเข้าไปในบ้าน แม่และพี่ชายเธอก็เดินมาสวมกอดเธอทันที หมับ “ไม่ร้องนะ ลูกแม่” “หนูขอโทษ..หนูขอโทษ” ขณะที่ทั้งสองคนวิ่งเข้ามากอดเธอที่เอาแต่ร้องไห้ตัวสั่นเทาไปหมด ทั้งคู่ก็พยายามปลอบประโลมเธอ “ไม่ร้องแล้ว ๆ เข้าบ้านกันเถอะ ลูกทานข้าวมายัง หือ..” “ค่ะ” คนโปรดพยักหน้างึก ๆ ก่อนจะปาดน้ำตาและหันไปทางภามที่ยืนยิ้มมองเธอใกล้ ๆ “พี่ภามค่าแท็กซี่ค่ะ ขอบคุณพี่มากนะคะที่อุตส่าห์มาส่งคนโปรด แม่คะ พี่ปลื้มคะนี้พี่ภามพี่เขาขับแท็กซี่พาโปรดไปหาหมอส่งขนมตลอดค่ะ” “สวัสดีครับ พี่ไม่เอา ๆ แค่น้องโปรดถึงบ้านปลอดภัยพี่ก็มีความสุขแล้ว งั้นพี่กลับก่อนนะ มีอะไรให้พี่ช่วยหนูโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะคะ” “รับไปเถอะครับ ขอบคุณนะครับที่ผมมาส่งน้องสาวผม” “ครับ งั้นพี่กลับก่อนนะ ขอตัวนะครับ” หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เข้าบ้าน คนโปรดหันมองไปรอบ ๆ บ้านทุก ๆ อย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไม่ว่าจะทีวี ตู้เย็น รวมไปถึงโซฟาที่แต่ก่อนทุกคนในบ้านจะใช้เวลาว่างดูหนังร่วมกัน “ไงเรา..ไอ้หมอแก่นั้นมันไล่เรามาหรือว่ามันทำร้ายมาเหรอ” “ปลาบปลื้ม!” ท่าทางเมื่อไรที่แม่ของเขาเรียกชื่อเล่นเต็มยศและกดเสียงลงต่ำแสดงว่าท่านกำลังไม่พอใจ ปลาบปลื้มจึงเม้มปากไว้แน่นทันที “เขาหาว่าลูกหนูทำร้ายอนาคตเขาค่ะ” “หึ! บอกแล้วอย่าไปเอามันก็ไม่เชื่อพี่ มีดีแค่หน้าตากับอาชีพที่เหลือคือไม่ได้เรื่อง ห่วยแตกพูดมาแล้วขึ้น เหม็นขี้หน้า!” “ก็ตอนนั้นโปรดรักพี่เขาหนิคะ” “ตอนนี้ไม่รักมันแล้ว”ยิ่งเขาห้าม น้ำตาเธอก็ไหลออกมาจนเขาโผล่เข้าไปกอดเธอ เพื่อปลอบใจพลางคิดว่าเขาทำอะไรผิดร้ายแรงต่อเธอหรือเปล่าพอคิดแบบนั้นเขาเองก็รู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมา เธอปาดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “หนูอยากมั่นใจในตัวพี่หมอกว่านี้อีกหน่อยได้ไหมคะ หนูแค่อยากลองสัมผัสกับความรักที่ค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ ไม่ใช่การเริ่มต้นความที่รวบรัดเหมือนเมื่อก่อน” “แน่นอนค่ะ ขอแค่คนคนนั้นเป็นพี่ พี่ก็จะให้หนูได้สัมผัสความรักเต็มที่ไปเลยค่ะ” เขาลูบหัวเธอเบา ๆ ก่อนจะจับมือเธอสอดเข้าไปข้างในเสื้อเพื่อให้เธอได้สัมผัสกับหน้าท้องแกร่งของตัวเอง จนเธอต้องชักมือออกจากเสื้อของเขาก่อนจะถลึงตาใส่เขาก่อนจะกลั้นขำ “พี่หมอ!” “จะว่าไปพี่มีความลับอีกอย่างที่ยังไม่ได้บอกหนูเลยนะ คือพี่..ชอบรสชาติบนเตียงของหนูทุกครั้งพี่แทบจะคลั่งอยู่แล้วนะคะ รู้ไหมว่าที่พี่ไม่ยอมกลับบ้านพี่ต้องพยายามที่จะข่มอารมณ์ความต้องการของตัวเองเพื่อแกล้งทำเป็นไม่สนใจหนู พอเอาเข้าจริงมันไม่ง่ายเลยนะคะ” เขาโน้มใบหน้าเขามาใกล้ ๆ ต้นคอก่อนจะลากสันจมูกโด่งมาที่ติ่งหูลมหายใจที่ร้อนผ่าวและน้ำเสียงกระเส่าของเขามันก็ยิ่งทำให้เธอขน
สันจมูกโด่งถูไถกับปลายจมูกของเธออย่างหยอกเย้าเขาพูดด้วยน้ำเสียงกระเซ่าทำเอาเธอขนลุกซู่รู้สึกหัวใจวาบหวิวตื่นเต้นขึ้นมาจนเขาจับได้ นิ้วเรียวยามจึงสอดนิ้วเข้าไปในเสื้อคลุมสัมผัสกับผิวเนียนลูบไลไปทั่วแผ่นหลังของเธอ จนเธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากลมหายใจของทั้งคู่ก็เริ่มติดขัดหายใจแรงและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ “น้องโปรดให้โอกาสพี่ได้ไหมครับ พี่รักหนูนะ” เธอรู้สึกเขินจนเลือกที่จะไม่ตอบเอาแต่กับเอาแต่ก้มหน้าจนเขาเชยคางเธอขึ้นมาก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากันแววตาที่ดูอ่อนโยนของเธอทำให้เขาฉีกยิ้มก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ริมฝีปากหนาประกบริมฝีปากบางซึ่งการขบเม้มของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงและความปรารถนา ริมฝีปากของเขาขบริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่นขณะที่ลิ้นสากสัมผัสกับลิ้นของเธออย่างโหยหาทั้งคู่ค่อย ๆ เพิ่มระดับความร้อนแรงมากขึ้น ทันใดนั้นเสียงเรียกลูกชายก็ดังขึ้นขัดจังหวะทั้งคู่ อาจ้า..จ้ะ “ทะเล/ทะเล” ทั้งคู่ผละออกจากกันก่อนที่เขาจะใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำลายข้างริมฝีปากบาง จนเธอก้มหน้าด้วยความเขินอายและไม่กล้าสบตากับเขา เขาจึงจับมือเธอเดินไปหาลูกชายและแม่ของเขา “หนูโปรดเปลี่ยนใจยังทันนะลูก ผู้ชายไม่ได
“มองน้องขนาดนี้ ระวังตาจะบอดนะอัยเน่” เขาหลุดหัวเราะก่อนจะส่งยิ้มและตอบผู้เป็นแม่โดยที่ตายังคงจ้องมองไปที่เธอ ที่วันนี้สวมชุดทูพีช สีน้ำตาลเข้มโดยที่เสื้อคลุมซีทูสีขาวบาง ๆ คลุมไว้อีกชั้นแต่นั่นมันก็ทำให้เขาคลั่งเธอจะตายอยู่แล้ว “สวยขนาดนี้ก็ต้องมองสิครับแม่” “จ้ะ ตอนมีไม่เห็นค่า แม่นี่สมน้ำหน้าลูกจริง ๆ นะอัยเน่” “แม่..” กรี๊ดดด “อร้ายยย…ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” “เสียงใครคะเหมือนจะขอความช่วยเหลือเลยค่ะ” พวกเขาที่ได้ยินต่างก็ชะเง้อมองไปทางต้นเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเสียงโว้ยวายกรีดร้องที่ห้องพักหลังหนึ่งก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก “พวกลูกเดินไปดูหน่อย เพื่อลูก ๆ จะช่วยอะไรพวกเขาได้ เดี๋ยวแม่ดูทะเลให้เอง” “งั้นแม่พาทะเลเข้าไปในบ้านพักก่อนนะครับ” แม่พยักหน้าและอุ้มหลานเข้าไปในบ้านพัก ทั้งสองคนก็มองหน้ากันก่อนที่เธอจะเดินจับมือเขาเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น “เราไปดูกันเถอะค่ะ” เขาที่เห็นว่าเธอเดินจับมือใจก็เต้นถี่รัว ๆ ก่อนจะเดินไปทางต้นเสียง ซึ่งพอเขาเห็นภาพว่ามีผู้ใหญ่หลายคนยืนล้อมวงรอบตัวเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 4 ขวบนอนแน่นิ่ง หน้าเริ่มถอดสีดูซีดเซียว
“เสียงอะไร..ดึกดื่นขนาดนี้แล้วใครทำอะไรอยู่อีกนะ” เธอที่นอนไม่หลับเพราะได้ยินเสียงด้านนอกเหมือนมีใครทำอะไรอยู่บางอย่าง ด้วยความหงุดหงิดและอยากรู้เธอจึงแอบไปเปิดม่านส่องหน้าต่างมองดูซึ่งภาพที่เห็นคือเขากำลังว่ายน้ำอยู่ที่สระ เธอจึงพึมพำออกมาก “เกิดคึกอะไรของพี่เนี่ย! มันจะห้าทุ่มแล้วยังไปว่ายน้ำตากหมอกอีก” หลังจากนั้นเธอก็เดินกลับไปนอนที่เตียงนอนก่อนจะถอนหายใจพลิกตัวไปมาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะป่วย จนสุดท้ายเธอก็อดไม่ได้จึงเดินไปหาเขาที่สระว่ายน้ำ ตึก ตึก “พี่อัยเน่!” “อ้าว..หนูยังไม่นอนอีกเหรอคะ” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนแกล้งทำเป็นเพิ่งเห็นเธอ ซึ่งเธอก็ยืดกอดอกทำหน้าหงุดหงิดใส่เขา “รีบขึ้นมาได้แล้วค่ะ พี่จะมาว่ายน้ำอะไรตอนนี้คะ” “พี่แค่เหนื่อย ๆ น่ะอยากผ่อนคลาย ขอว่ายต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอคะหรือว่าพี่เสียงดังจนไปรบกวนหนู” “แต่พี่ว่ายมาเกือบยี่สิบนาทีแล้วนะคะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกขึ้นมาได้แล้วค่ะ” เขาว่ายน้ำมาฝั่งเธอก่อนจะใช้คางเกยขอบสระ และยิ้มแป้นทำตาละห้อย ส่วนเธอก็เปลี่ยนท่ามาเป็นยืนเท้าสะเอว “จะขึ้นหรือไม่ขึ้นคะ!” “ขึ้นครับ พี่ขอผ้าขนหนูหน่อยได้ไหมครับ”
พอเขาพูดจบเขาก็ประคองใบหน้าก่อนจูบเธอปากเธออย่างคนโหยหารสชาติจูบที่แสนหอมหวาน เธอที่ยังหงุดหงิดและย้อนคิดถึงอดีตอยู่ก็ไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกลิ้นสากซุกซนสำรวจโพรงปาก รสชาติที่น่าหลงใหลนี้แม้เธอเองจะรู้สึกดีไม่ต่างจากเขาแต่เธอก็พยายามข่มความต้องการของตัวเองและคิดว่าสถานที่มันไม่เหมาะสมและเขาก็ไม่ควรทำอะไรในที่แบบนี้เธอจึงออกแรงผลักอกแกร่งของเขาอย่างแรง จนเขายอมถอนจูบและมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกเสียดายแต่ก็ไม่อยากบังคับเธอไปมากกว่านี้ “อย่าทำแบบนี้ค่ะ คนโปรดไม่ชอบ!” “ทำไมรสชาติจูบของพี่มันสู้ไอ้อาจารย์นั่นไม่ได้เลยเหรอ” “พี่อัยเน่พอเถอะค่ะ คนโปรดจะไปหาลูกแล้วเรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันนะคะ” “คนโปรด!” เขาจับมือเธอไว้ ก่อนที่เธอจะสะบัดมือและเดินกลับไปที่โต๊ะ ซึ่งเขาขยี้ผมตัวเองก่อนจะถอนหายใจด้วยความท้อใจและเดินตามเธอไปติด ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งตรงข้ามกัน แม่สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเท่าไรจึงถามเข้าด้วยน้ำเสียงที่เข้ม “ตาอัยเน่ไปตามน้องถึงไหนทำไมนานจัง อาหารมาเสิร์ฟจนจะเย็นหมดแล้ว รีบมานั่งทานข้าวกันเถอะ” เขาเหลือบมองเธอก่อนจะตอบแม่กลับไป ซึ่งแม่เขามองดูสีหน้าของทั้งคู่
(มารหัวใจกูจริง ๆ นะมึง) หลังจากที่เขาวางสายวิทย์ไปแล้วนั้นเขาก็เหมือนคิดอะไรได้ จึงหยิบมือถือตัวเองมาขึ้นมาถ่ายรูปแม่ลูก ก่อนจะเซลฟี่ตัวเองพร้อมคนโปรดและทะเล เข้าโน้มตัวเข้าไปนอนใกล้ ๆ เธอ ก่อนที่ใบหน้าของทั้งสองคนจะแนบชิดกันมาก ๆ เขาฟังเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเธอจากนั้นก็เอาใบหน้าเข้าไปแนบชิดแก้มเนียน ก่อนจะถ่ายรูปเก็บไว้และขยับมานอนอีกฝั่งโดยให้ทะเลเป็นคนนอนกลาง แต่มือหนาก็โอบกอดเอื้อมมาจับมือของเธอก่อนจะเผลอหลับไป คนโปรด เธอลืมตาขึ้นมามองเขาขณะที่กำลังหลับอยู่ ซึ่งทุกการกระทำของเขาเธอรู้สึกตัวตั้งแต่ที่เขาห่มผ้าให้เธอแล้ว แม้ว่าภายในใจเธอจะรู้สึกมีความสุขที่เขาดูแลเธอและลูกอย่างที่เธอเคยใฝ่ฝัน แต่ตั้งแต่วันที่ลูกของเธอได้ลืมตาดูโลกความคิดของเธอมันก็ได้เปลี่ยนแปลงไป “ไม่นะ ไม่ พี่หมอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวหนูกับลูกทั้งนั้น” “เอาลูกมาหนูมา เอามา!” “คนโปรด คนโปรด” หืออ เธอสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายก็รีบมองไปรอบ ๆ เพื่อที่จะหาลูกชายของเธอก่อนจะจับแขนเขาเขย่า “ทะเลอยู่ไหนคะพี่อัยเน่” “แม่เพิ่งพาทะเลออกไปรับลมเมื่อกี้ครับ หนูฝันร้ายเหรอ” เธอยังคงหายใจอย่างเหนื่อยหอบ เหง