เธอจ้องหน้าเขาก่อนที่เธอจะสะบัดมือของเขาออกและวิ่งหนีลงไปที่ห้องรับแขก โดยที่เขาไม่ได้วิ่งตามเธอมา หลังจากที่เธอปิดประตูแล้วเธอก็นั่งทรุดที่ประตู พร้อมปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก ภายในใจตอนนี้ของเธอรู้สึกว่ามันแหลกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ทำคำพูดและท่าทางของเขามันทำให้เธอเจ็บจนไม่สามารถจะทนนอนกับเขาต่อไปได้อีกแล้ว เธอนั่งปาดน้ำตา มืออีกข้างก็ลูบท้องของตัวเองและพึมพำออกมา
“เจ้าตัวเล็กหนูอย่าเก็บคำพูดของคุณพ่อมาใส่ใจนะลูก แม่เองก็เสียใจไม่ต่างกัน อดทนอีกหน่อยนะแม่ยังแอบหวังว่าพ่อหนูจะเปลี่ยนใจ แม้ว่าความหวังของแม่จะดูเพ้อเจ้อไปก็เถอะ..ฮื่อ ฮื่อ” พูดไปน้ำตาเธอก็ไหลไม่หยุด หลังจากเธอร้องไห้จนพอใจเธอเดินไปที่เตียงเสียงสะอืดก็ยังไม่หยุด เธอหยิบมือถือตัวเองออกมาก่อนจะเปิดรูปครอบครัวตัวเองที่แสนอบอุ่นอยู่พร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร ใจของเธอก็มันยิ่งอ่อนแอเพราะเธอเองก็รู้สึกผิดกับทุกคนอยู่ไม่น้อย “แม่คะ พ่อคะ พี่ปลื้ม..คนโปรดคิดถึงทุกคนจัง ฮื่อ” เธอเอามือถือทาบอกก่อนจะกอดมือถือตัวเอง เธอรู้ดีว่าทุกคนไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่เลือก เธอยอมทะเลาะกับที่บ้านเพื่อเขาขนาดนี้แต่สิ่งที่เขาตอบแทนเธอตอนนี้เธอก็ไม่รู้เลยว่าเธอจะทนความสัมพันธ์นี้ได้จนถึงวันที่เจ้าตัวเล็กลืมตาดูโลกได้หรือไม่ 1 เดือนผ่านไป ขณะที่คนโปรดกำลังตั้งโต๊ะอาหารเช้าอยู่นั้นเขาที่เพิ่งเดินลงจากบ้านเขาก็มานั่งลงที่โต๊ะอาหาร เธอหันไปสบตากับเขาเพียงครู่เดียวก่อนจะหันไปสนใจอาหารต่อโดยไม่พูดอะไร เพราะหลังจากวันนั้นที่พวกเขาทะเลาะกัน เธอก็แยกห้องนอนและแทบไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก แต่เธอก็ยังคงทำหน้าที่ทุกอย่างเหมือนเดิมเว้นแต่เรื่องเรื่องส่วนตัวของเขาเธอไม่ตามไม่ถามเขาอีกเลย “รับข้าวต้มไหมคะ” “ไม่เอา จะอ้วก!!” “ค่ะ” คนโปรดทำข้าวต้มเสร็จเธอก็เอ่ยถามเขา พอเขาตอบเธอแบบนั้นเธอก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร เธอเลือกที่จะห่าง ๆ เขาและนั่งตรงกันข้าม จากนั้นเขาก็เดินไปกดกาแฟเองโดยไม่ได้สนใจเธอเหมือนอย่างเคย แกร๊ก “อ้าว สวัสดีค่ะคุณแม่ แม่ทานข้าวมาหรือยังคะ” “แม่ทานมาแล้วจ้ะ อัยเน่แม่มีเรื่องจะคุยกับลูก” จู่ ๆ วันนี้แม่ของหมออัยเน่ก็มาโดยไม่บอกทั้งสองคน เธอรีบยกมือไหว้และยังคงงงงวยว่าท่านมาหาเขาด้วยเรื่องอะไรท่าทางดูร้อนใจไม่น้อย ทว่าเขากลับนิ่งเงียบนั่งจิบกาแฟต่อ “เรื่องอะไรครับ แม่พูดตรงนี้ได้เลย” “อัยเน่!!” แม่ตะคอกเขาเสียงดังเพราะท่านดูจะโมโหเขาอยู่ไม่น้อย จนเธอสะดุ้งและเดินเข้ามาลูบหลังเบา ๆ เพื่อให้แม่ของเขาใจเย็นลง “ได้ ๆ งั้นแม่จะพูดต่อหนูโปรดเลยแล้วกัน..ทำไมแกต้องลาออกจากโรงพยาบาลด้วย แกจะไม่เป็นหมอแล้วหรือไงเจ้าเน่” เธอหันไปมองหน้าทางเขาหัวใจเธอตอนนี้มันเต้นรัว ๆ รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยและเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่เขาถึงเลือกที่จะลาออก แถมไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับเธออีก ขณะที่เธอตั้งคำถามอยู่ในหัวมากมาย เขากลับนั่งจิบกาแฟอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร เพียงแค่เขาชำเลืองมองหน้าเธอเล็กน้อยก่อนจะหันไปตอบผู้เป็นแม่ด้วยท่าทางที่เย็นชา “ใครบอกแม่ครับ หึ! ไอ้หมอสามเหรอ” “อัยเน่!!..แม่รู้ว่าลูกรู้สึกผิดที่ทำคนไข้เสียชีวิต แต่ลูกจะยอมทิ้งอนาคตกับสิ่งที่ลูกรักไว้เพียงแค่นี้เลยเหรอ คนไข้อีกตั้งมากมายรอให้ลูกดูแลรักษาพวกเขาอยู่นะ ลูกคิดทบทวนอีกรอบไหมแม่จะไม่คุยกับท่านผอที่โรงพยาบาลให้” ตึก! “แม่เลิกยุ่งชีวิตผมสักทีเถอะครับ ไหนว่าแม่จะไม่ก้าวก่ายชีวิตผมถ้าผมยอมแต่งงานและมีหลานให้แม่ไงครับ ผมทำให้หมดแล้วไง!! แม่ต้องการอะไรอีกครับ! ปล่อยให้ผมได้ใช้ชีวิตของผมสักที!” เขาทุบโต๊ะเสียงดังก่อนจะลุกขึ้นมายืนเท้าสะเอวปะทะต่อหน้าแม่ตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ดูเบื่อหน่ายเต็มทนเหมือนว่าขีดจำกัดความอดทนเขามันกำลังจะหมดไป “เพราะหวานใจใช่ไหมแกถึงเป็นแบบนี้ เธอตายไปแล้วนะอัยเน่ ถ้าแกรักหวานใจมากแกไม่ต้องลืมเธอก็ได้นะ แต่ถ้าแกจะทำอะไรแกก็ช่วยเห็นใจหนูโปรดบ้าง แกทำตัวแย่แค่ไหนแกคิดว่าแม่ไม่รู้เหรอ แกกำลังจะมีชีวิตใหม่ เจ้าตัวเล็กเขากำลังจะทำให้แกกลับมีชีวิตชีวาอีกครั้งแกช่วยลองเปิดใจบ้างไม่ได้เหรอ อัยเน่” ขณะที่แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โดยมีเธอยืนเกาะแขนท่านอยู่ข้าง ๆ เขาก็มองหน้าทั้งสองคนสลับไปมา “ฮ่า ฮ่า..แม่ครับ! เรื่องของหวานใจมันจบไปแล้วแต่แม่ต่างหากที่ไม่จบ อีกอย่าง..ชีวิตผมมันพังตั้งแต่ไอ้เด็กนั้นมันเกิดมาแล้วครับ” เพี๊ยะ!! “หุบปากเลยนะ!! พูดอะไรก็ช่วยเกรงใจหนูโปรดบ้าง” แม่ของเขาอดที่จะตบหน้าลูกชายของตัวเองไม่ได้ที่เขาพูดอะไรเขาไม่ถนอมน้ำใจของเธอเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเธอตอนนี้ก็รู้สึกแย่จนน้ำตาเริ่มระรื้นขึ้นมา เธอในตอนนี้ไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมาเลย เพราะเธอรู้สึกจุกไปหมด “เธอด้านจะตายแม่ แค่นี้เธอไม่รู้สึกอะไรหรอกครับ จริงไหมคนโปรด” เขาที่เหมือนคนบ้าที่พูดอะไรไม่แหย่แสความรู้สึกของคนฟังเอามาก ๆ จนเธอที่ยืนก้มหน้าเธอก็หันไปสบตากับเขาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือพูดกับเขาออกไปว่า “ลูกเกี่ยวอะไรด้วยคะพี่หมอ ทำไมพี่หมอต้องพูดแบบนี้ด้วย” “เกี่ยวสิ มันเป็นคนทำลายชีวิตฉัน มันเป็นคนที่ทำให้คนไข้ของฉันตาย! ได้ยินไหมคนโปรด..ลูกของเธอมันทำให้ฉันไม่อยากเป็นหมอ ซะใจเธอแล้วหรือยังที่เธอกับมันได้ทำร้ายชีวิตฉันพังลงไปหมดแล้ว!!” เขาหันมาจับไล่ทั้งสองข้างของคนโปรด ก่อนที่ตาเบิกกว้างจ้องมองเธออย่างดุดันพูดเสียงดังและห้วนกว่าปกติ จนแม่เขาแกะมือลูกชายตัวเองออกจากแขนทั้งสองข้างของเธอ “ตาอัยเน่!! แกหยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” “ค่ะ คนโปรดเข้าใจแล้วค่ะ พรุ่งนี้เราก็ไปหย่าที่เขตแล้วกันนะคะ” “หนูโปรด!!” “ดี! จบสิ้นกันสักที” แม่ของเขาดึงเธอเข้ามากอดก่อนที่เธอจะเอาแต่ร้องไห้และขอโทษเธอไม่หยุดเพราะท่านเองก็รู้สึกผิดกับเธอไม่น้อยที่ทำให้เธอเสียใจได้ขนาดนี้ ขณะที่สองสาวกอดกันร้องไห้ทว่าอีกคนกับรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันดูขว้างหูขว้างตาไปหมด “แม่ขอโทษนะหนูโปรด แม่ผิดเองแม่เลี้ยงดูลูกชายมาไม่ดีเองหนูให้อภัยแม่นะ” “แม่คะ แม่ไม่ต้องโทษตัวเองเลยค่ะ หนูเลือกเอง..หนูขอโทษนะคะที่ทำตามที่รับปากคุณแม่ไม่ได้ งั้นเดี๋ยวหนูขึ้นไปเก็บของก่อนนะคะ” “จ้ะ ให้แม่ไปช่วยไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ” พอเธอขึ้นไปชั้นสองเพื่อเก็บของใช้จำเป็น แม่ของเขาก็นั่งปาดน้ำตาและสะอื้นที่โต๊ะอาหารโดยไม่มองหน้าลูกชายของตัวเองเลยแต่น้อยยิ่งเขาห้าม น้ำตาเธอก็ไหลออกมาจนเขาโผล่เข้าไปกอดเธอ เพื่อปลอบใจพลางคิดว่าเขาทำอะไรผิดร้ายแรงต่อเธอหรือเปล่าพอคิดแบบนั้นเขาเองก็รู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมา เธอปาดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “หนูอยากมั่นใจในตัวพี่หมอกว่านี้อีกหน่อยได้ไหมคะ หนูแค่อยากลองสัมผัสกับความรักที่ค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ ไม่ใช่การเริ่มต้นความที่รวบรัดเหมือนเมื่อก่อน” “แน่นอนค่ะ ขอแค่คนคนนั้นเป็นพี่ พี่ก็จะให้หนูได้สัมผัสความรักเต็มที่ไปเลยค่ะ” เขาลูบหัวเธอเบา ๆ ก่อนจะจับมือเธอสอดเข้าไปข้างในเสื้อเพื่อให้เธอได้สัมผัสกับหน้าท้องแกร่งของตัวเอง จนเธอต้องชักมือออกจากเสื้อของเขาก่อนจะถลึงตาใส่เขาก่อนจะกลั้นขำ “พี่หมอ!” “จะว่าไปพี่มีความลับอีกอย่างที่ยังไม่ได้บอกหนูเลยนะ คือพี่..ชอบรสชาติบนเตียงของหนูทุกครั้งพี่แทบจะคลั่งอยู่แล้วนะคะ รู้ไหมว่าที่พี่ไม่ยอมกลับบ้านพี่ต้องพยายามที่จะข่มอารมณ์ความต้องการของตัวเองเพื่อแกล้งทำเป็นไม่สนใจหนู พอเอาเข้าจริงมันไม่ง่ายเลยนะคะ” เขาโน้มใบหน้าเขามาใกล้ ๆ ต้นคอก่อนจะลากสันจมูกโด่งมาที่ติ่งหูลมหายใจที่ร้อนผ่าวและน้ำเสียงกระเส่าของเขามันก็ยิ่งทำให้เธอขน
สันจมูกโด่งถูไถกับปลายจมูกของเธออย่างหยอกเย้าเขาพูดด้วยน้ำเสียงกระเซ่าทำเอาเธอขนลุกซู่รู้สึกหัวใจวาบหวิวตื่นเต้นขึ้นมาจนเขาจับได้ นิ้วเรียวยามจึงสอดนิ้วเข้าไปในเสื้อคลุมสัมผัสกับผิวเนียนลูบไลไปทั่วแผ่นหลังของเธอ จนเธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากลมหายใจของทั้งคู่ก็เริ่มติดขัดหายใจแรงและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ “น้องโปรดให้โอกาสพี่ได้ไหมครับ พี่รักหนูนะ” เธอรู้สึกเขินจนเลือกที่จะไม่ตอบเอาแต่กับเอาแต่ก้มหน้าจนเขาเชยคางเธอขึ้นมาก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากันแววตาที่ดูอ่อนโยนของเธอทำให้เขาฉีกยิ้มก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ริมฝีปากหนาประกบริมฝีปากบางซึ่งการขบเม้มของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงและความปรารถนา ริมฝีปากของเขาขบริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่นขณะที่ลิ้นสากสัมผัสกับลิ้นของเธออย่างโหยหาทั้งคู่ค่อย ๆ เพิ่มระดับความร้อนแรงมากขึ้น ทันใดนั้นเสียงเรียกลูกชายก็ดังขึ้นขัดจังหวะทั้งคู่ อาจ้า..จ้ะ “ทะเล/ทะเล” ทั้งคู่ผละออกจากกันก่อนที่เขาจะใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำลายข้างริมฝีปากบาง จนเธอก้มหน้าด้วยความเขินอายและไม่กล้าสบตากับเขา เขาจึงจับมือเธอเดินไปหาลูกชายและแม่ของเขา “หนูโปรดเปลี่ยนใจยังทันนะลูก ผู้ชายไม่ได
“มองน้องขนาดนี้ ระวังตาจะบอดนะอัยเน่” เขาหลุดหัวเราะก่อนจะส่งยิ้มและตอบผู้เป็นแม่โดยที่ตายังคงจ้องมองไปที่เธอ ที่วันนี้สวมชุดทูพีช สีน้ำตาลเข้มโดยที่เสื้อคลุมซีทูสีขาวบาง ๆ คลุมไว้อีกชั้นแต่นั่นมันก็ทำให้เขาคลั่งเธอจะตายอยู่แล้ว “สวยขนาดนี้ก็ต้องมองสิครับแม่” “จ้ะ ตอนมีไม่เห็นค่า แม่นี่สมน้ำหน้าลูกจริง ๆ นะอัยเน่” “แม่..” กรี๊ดดด “อร้ายยย…ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” “เสียงใครคะเหมือนจะขอความช่วยเหลือเลยค่ะ” พวกเขาที่ได้ยินต่างก็ชะเง้อมองไปทางต้นเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเสียงโว้ยวายกรีดร้องที่ห้องพักหลังหนึ่งก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก “พวกลูกเดินไปดูหน่อย เพื่อลูก ๆ จะช่วยอะไรพวกเขาได้ เดี๋ยวแม่ดูทะเลให้เอง” “งั้นแม่พาทะเลเข้าไปในบ้านพักก่อนนะครับ” แม่พยักหน้าและอุ้มหลานเข้าไปในบ้านพัก ทั้งสองคนก็มองหน้ากันก่อนที่เธอจะเดินจับมือเขาเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น “เราไปดูกันเถอะค่ะ” เขาที่เห็นว่าเธอเดินจับมือใจก็เต้นถี่รัว ๆ ก่อนจะเดินไปทางต้นเสียง ซึ่งพอเขาเห็นภาพว่ามีผู้ใหญ่หลายคนยืนล้อมวงรอบตัวเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 4 ขวบนอนแน่นิ่ง หน้าเริ่มถอดสีดูซีดเซียว
“เสียงอะไร..ดึกดื่นขนาดนี้แล้วใครทำอะไรอยู่อีกนะ” เธอที่นอนไม่หลับเพราะได้ยินเสียงด้านนอกเหมือนมีใครทำอะไรอยู่บางอย่าง ด้วยความหงุดหงิดและอยากรู้เธอจึงแอบไปเปิดม่านส่องหน้าต่างมองดูซึ่งภาพที่เห็นคือเขากำลังว่ายน้ำอยู่ที่สระ เธอจึงพึมพำออกมาก “เกิดคึกอะไรของพี่เนี่ย! มันจะห้าทุ่มแล้วยังไปว่ายน้ำตากหมอกอีก” หลังจากนั้นเธอก็เดินกลับไปนอนที่เตียงนอนก่อนจะถอนหายใจพลิกตัวไปมาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะป่วย จนสุดท้ายเธอก็อดไม่ได้จึงเดินไปหาเขาที่สระว่ายน้ำ ตึก ตึก “พี่อัยเน่!” “อ้าว..หนูยังไม่นอนอีกเหรอคะ” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนแกล้งทำเป็นเพิ่งเห็นเธอ ซึ่งเธอก็ยืดกอดอกทำหน้าหงุดหงิดใส่เขา “รีบขึ้นมาได้แล้วค่ะ พี่จะมาว่ายน้ำอะไรตอนนี้คะ” “พี่แค่เหนื่อย ๆ น่ะอยากผ่อนคลาย ขอว่ายต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอคะหรือว่าพี่เสียงดังจนไปรบกวนหนู” “แต่พี่ว่ายมาเกือบยี่สิบนาทีแล้วนะคะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกขึ้นมาได้แล้วค่ะ” เขาว่ายน้ำมาฝั่งเธอก่อนจะใช้คางเกยขอบสระ และยิ้มแป้นทำตาละห้อย ส่วนเธอก็เปลี่ยนท่ามาเป็นยืนเท้าสะเอว “จะขึ้นหรือไม่ขึ้นคะ!” “ขึ้นครับ พี่ขอผ้าขนหนูหน่อยได้ไหมครับ”
พอเขาพูดจบเขาก็ประคองใบหน้าก่อนจูบเธอปากเธออย่างคนโหยหารสชาติจูบที่แสนหอมหวาน เธอที่ยังหงุดหงิดและย้อนคิดถึงอดีตอยู่ก็ไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกลิ้นสากซุกซนสำรวจโพรงปาก รสชาติที่น่าหลงใหลนี้แม้เธอเองจะรู้สึกดีไม่ต่างจากเขาแต่เธอก็พยายามข่มความต้องการของตัวเองและคิดว่าสถานที่มันไม่เหมาะสมและเขาก็ไม่ควรทำอะไรในที่แบบนี้เธอจึงออกแรงผลักอกแกร่งของเขาอย่างแรง จนเขายอมถอนจูบและมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกเสียดายแต่ก็ไม่อยากบังคับเธอไปมากกว่านี้ “อย่าทำแบบนี้ค่ะ คนโปรดไม่ชอบ!” “ทำไมรสชาติจูบของพี่มันสู้ไอ้อาจารย์นั่นไม่ได้เลยเหรอ” “พี่อัยเน่พอเถอะค่ะ คนโปรดจะไปหาลูกแล้วเรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันนะคะ” “คนโปรด!” เขาจับมือเธอไว้ ก่อนที่เธอจะสะบัดมือและเดินกลับไปที่โต๊ะ ซึ่งเขาขยี้ผมตัวเองก่อนจะถอนหายใจด้วยความท้อใจและเดินตามเธอไปติด ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งตรงข้ามกัน แม่สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเท่าไรจึงถามเข้าด้วยน้ำเสียงที่เข้ม “ตาอัยเน่ไปตามน้องถึงไหนทำไมนานจัง อาหารมาเสิร์ฟจนจะเย็นหมดแล้ว รีบมานั่งทานข้าวกันเถอะ” เขาเหลือบมองเธอก่อนจะตอบแม่กลับไป ซึ่งแม่เขามองดูสีหน้าของทั้งคู่
(มารหัวใจกูจริง ๆ นะมึง) หลังจากที่เขาวางสายวิทย์ไปแล้วนั้นเขาก็เหมือนคิดอะไรได้ จึงหยิบมือถือตัวเองมาขึ้นมาถ่ายรูปแม่ลูก ก่อนจะเซลฟี่ตัวเองพร้อมคนโปรดและทะเล เข้าโน้มตัวเข้าไปนอนใกล้ ๆ เธอ ก่อนที่ใบหน้าของทั้งสองคนจะแนบชิดกันมาก ๆ เขาฟังเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเธอจากนั้นก็เอาใบหน้าเข้าไปแนบชิดแก้มเนียน ก่อนจะถ่ายรูปเก็บไว้และขยับมานอนอีกฝั่งโดยให้ทะเลเป็นคนนอนกลาง แต่มือหนาก็โอบกอดเอื้อมมาจับมือของเธอก่อนจะเผลอหลับไป คนโปรด เธอลืมตาขึ้นมามองเขาขณะที่กำลังหลับอยู่ ซึ่งทุกการกระทำของเขาเธอรู้สึกตัวตั้งแต่ที่เขาห่มผ้าให้เธอแล้ว แม้ว่าภายในใจเธอจะรู้สึกมีความสุขที่เขาดูแลเธอและลูกอย่างที่เธอเคยใฝ่ฝัน แต่ตั้งแต่วันที่ลูกของเธอได้ลืมตาดูโลกความคิดของเธอมันก็ได้เปลี่ยนแปลงไป “ไม่นะ ไม่ พี่หมอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวหนูกับลูกทั้งนั้น” “เอาลูกมาหนูมา เอามา!” “คนโปรด คนโปรด” หืออ เธอสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายก็รีบมองไปรอบ ๆ เพื่อที่จะหาลูกชายของเธอก่อนจะจับแขนเขาเขย่า “ทะเลอยู่ไหนคะพี่อัยเน่” “แม่เพิ่งพาทะเลออกไปรับลมเมื่อกี้ครับ หนูฝันร้ายเหรอ” เธอยังคงหายใจอย่างเหนื่อยหอบ เหง