คนโปรดหันไปทางต้นเสียงที่เรียก เธอก็เห็นว่าเป็นวาฬยิ้มร่าให้เธออย่างเป็นมิตร โดยมีหมออัยเน่ที่ยืนข้าง ๆ วาฬ ทั้งคู่หันมาสบตากันเพียงแค่แวบเดียว ก่อนที่เขาก็เดินมานั่งข้างเธอโดยที่ไม่ได้พูดทักทายอะไรกับเธอ ส่วนวาฬก็มานั่งประกบเธออีกฝั่งจากนั้นวาฬก็ชวนเธอคุยอย่างกระตือรือร้น
“น้องคนโปรดมาได้ไงคะเนี่ย” “เอ่อ..คือว่าพี่ตาแป๋วสั่งขนมที่ร้านคนโปรดพอดีค่ะ พี่เขาก็เลยชวนคนโปรดมานั่งที่นี่ค่ะ” “เหรอ ดีเนอะ..ถ้ารู้ว่ามางานเดียวกันแบบนี้วันหลังก็มาพร้อมไอ้หมอเน่ก็ได้นะ แล้วช่วงนี้น้องคนโปรดแพ้ท้องหรือยังคะอีกอย่าง..นี่รู้เพศอัยเน่น้อยยังอ่ะ” “เอ่อ..” “มองอะไรครับ คุณพ่อป้ายแดง” พอวาฬคุยกับเธอเรื่องลูกไม่หยุดเขาก็ทำท่าไม่พอใจ วาฬก็ยิ่งเอ่ยแซวเขาจนเธอเหลือบไปมองเขาสายตาแลบะท่าทางของเขา เธอมองออกว่าเขาไม่ได้ชอบใจที่วาฬพูดใส่เขาแบบนั้นเท่าไร เธอจึงทำเป็นไม่ได้สนใจเขาและหันไปคุยกับวาฬแทน “ตั้งแต่ท้องมาลูกก็ไม่เคยงอแงเลยค่ะ คนโปรดแทบจะไม่แพ้อะไรเลย ส่วนเรื่องเพศก็รอไปหาหมออีกรอบถึงจะรู้เพศค่ะ” “ดีจังเลยนะคะ ดูน้องคนโปรดจะเป็นคุณแม่ที่เสียสละทุกอย่างได้จริง ๆ นี่ยอมแลกแม้กระทั่งอนาคตพี่ยอมใจน้องเลยจริง ๆ ค่ะ” ข้าวฟ่างที่นั่งถัดจากวาฬก็แทรกพวกเขาขึ้นมา ก่อนที่ตาแป๋วจะพูดเสริมขึ้นมาอีก “แกอิจฉาน้องคนโปรดใช่ไหมเนี่ย ที่น้องเขามีลูกมีผัวก่อนแกสารภาพมาเลยข้าวฟ่าง” “ก็อ่านะ..วัน ๆ ก็คลุกอยู่แต่บ้าน อยากทำอะไรก็ทำแถมยังมีสามีที่หล่อและดีแบบหมออัยเน่อีก เหอะ ๆ ” คำพูดข้าวฟ่างกับตาแป๋วเธอรู้สึกได้ว่าทั้งสองคนนั้นกำลังจะเหน็บแนมเธออยู่ เธอที่ไม่อยากสร้างปัญญาให้หมออัยเน่ก็หันไปยิ้มให้และไม่ยอมพูดอะไรอีก ก่อนที่หมออัยเน่จะหันมากระซิบข้างหูเธอซึ่งคำพูดของเขามันทำให้เธอรู้สึกเจ็บกว่าคำพูดของพวกเขาอีกเป็นสิบเท่า “เสียสละหรือเห็นแก่ตัวนะ เธอก็หน้าด้านทนฟังคนอื่นแซะเธออยู่ได้อีกนะคนโปรด” เธอก้มหน้าลงโดยน้ำตามันก็ไหลละลื่นไหลออกมาเอง ความรู้สึกที่ทั้งมึนและทั้งชาไปหมดแบบนี้ถ้าขืนเธอยังอยู่ต่อเธอคงเข้มแข็งต่อไปไม่ไหวเธอรีบปาดน้ำตาและหันไปมองเขาอีกครั้งก่อนจะยิ้มบาง ๆ และเอ่ยคำลาทุกคน “คนโปรดต้องไปแล้วค่ะ ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ ขอบคุณพี่ ๆ นะคะที่อุตส่าห์ชวนคนโปรดมานั่งด้วย” วาฬรีบหันหน้ามาหาเธอด้วยสายตาที่ดูเศร้าและเสียดาย เขาจึงพยายามหาทางยื้อเธอเอาไว้ “อ้าว น้องคนโปรดจะรีบไปไหน ไอ้หมอเน่ก็อยู่นี่ รอกลับพร้อมมันก็ได้หนิให้พี่เปิดห้องรอก็ได้นะ” “ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะพี่วาฬ พอดีคนโปรดเป็นคนติดบ้านค่ะนอนที่อื่นแล้วไม่ค่อยหลับนี้ก็ใกล้ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะขอตัวก่อนนะคะ” “งั้นให้ไอ้หมอเน่ไปส่งนะ” “กูเพิ่งมาเองนะ อีกอย่างกูเมาแล้วกูไม่อยากขับรถ” พอเขาเห็นว่ายื้อเธอต่อไปไม่ได้วาฬจึงหันไปหาเขาเพื่อ ที่จระให้เขาไปส่งเธอ โดยที่เขาแสดงออกชัดเจนว่าจะไม่ไปส่งเธอ จนวาฬลุกขึ้นจากโต๊ะจะไปส่งเธอเอง “พี่ไปส่งเองค่ะ” “เอ่อ..พอดีคนโปรดมากับพี่ชายค่ะ พี่เขากำลังรออยู่หน้าโรงแรมคนโปรดไม่รบกวนพี่วาฬดีกว่าค่ะ” “งั้นพี่เดินไปส่งหน้าโรงแรมก็ได้ค่ะ” พอวาฬพูดแบบนั้น เธอก็รีบบอกลาเขาอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งเธอและวาฬจะเดินออกจากงานเลี้ยงมาด้วยกัน “ก็ได้ค่ะ หนูขอกลับบ้านก่อนนะคะ คืนนี้พี่หมออย่าดื่มเยอะนะคะพรุ่งนี้พี่ต้องเข้าเวรนะ ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวหนูส่งข้อความมาหาค่ะ” “อืม” ขณะที่เขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำ เขากลับหันไปคุยกับเพื่อนคนอื่น ๆ แทน ระหว่างทางที่วาฬเดินไปส่งคนโปรดอยู่นั้นวาฬก็เหลือบมองเธออยู่เป็นระยะแววตาวาฬดูกังวลบางอย่างจนเธอหันไปยิ้มและเอ่ยถามออกไป “พี่วาฬคิดอะไรอยู่คะ เป็นห่วงคนโปรดเหรอ” “ครับ พี่รู้สึกไม่ดีเลยแต่พี่ไม่รู้ว่าพี่ควรพูดตรง ๆ กับน้องคนโปรดหรือเปล่า” “พูดได้สิคะ พี่วาฬเป็นพี่ชายของคนโปรดนะ” เธอหันไปมองหน้าวาฬอีกครั้งและพยักหน้าให้เวาฬพูดออกมาได้เลย วาฬจึงตัดสินใจพูดในสิ่งที่เขาคิดมาตลอด “ทำไมน้องคนโปรดไม่หย่ากับไอ้หมอเน่ มันทำตัวอย่างงั้นน้องคนโปรดจะทนเจ็บแบบนี้ไปเพื่ออะไรครับ หรือว่าที่ทนอยู่ก็เพราะลูก” “ตอนนี้คนโปรดแค่มีความเชื่อว่าลูกอาจจะทำให้พี่หมอหันมาสนใจคนโปรดบ้าง เจ้าตัวเล็กอาจจะกลายเป็นความสุขใหม่ในชีวิตพี่หมอก็ได้ค่ะ แค่นี้คนโปรดทนได้ค่ะ” “ไอ้หมอเน่มันสมควรที่จะต้องให้น้องคนโปรดมาเสียสละให้มันขนาดนั้นเลยเหรอ” วาฬหยุดเดินและหันมามองหน้าเธอ วาฬจ้องมองไปที่นัยน์ตาของเธอเพื่อต้องการรู้ว่าลึก ๆ แล้วเธอคิดยังไงกันแน่ “คนโปรดรักพี่หมอค่ะ รักจนไม่รู้ว่าคนคนหนึ่งจะรักและเสียสละให้อีกคนได้มากแค่ไหน แต่คนโปรดก็รู้นะคะว่าพี่หมอก็ไม่ได้ยินดีรับกับสิ่งที่คนโปรดมอบให้เท่าไร..แต่คนโปรดคิดไว้แล้วค่ะว่าถ้าในวันที่เจ้าตัวเล็กลืมตาขึ้นมาดูโลกแล้วลูกยังไม่สามารถทำให้พี่หมอมีความสุขได้ เราสองแม่ลูกก็จะไปจากชีวิตพี่หมอค่ะ ถึงตอนนั้นเมื่อไรคนโปรดจะเดินออกมาเอง” เธอลูบหน้าท้องของตัวเองก่อนที่จะหันไปสบตาและยิ้มให้วาฬ วาฬก้มมองท้องที่นูนขึ้นมาก่อนยืนมือมาประกบมือของคนโปรดและโน้มตัวก้มไปตรงท้องของเธอก่อนจะพูดที่หน้าท้องของเธอไปว่า “ถ้าแม่หนูเลือกลุงวันนั้น วันนี้เราคงเป็นพ่อลูกกันแล้วนะ”ยิ่งเขาห้าม น้ำตาเธอก็ไหลออกมาจนเขาโผล่เข้าไปกอดเธอ เพื่อปลอบใจพลางคิดว่าเขาทำอะไรผิดร้ายแรงต่อเธอหรือเปล่าพอคิดแบบนั้นเขาเองก็รู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมา เธอปาดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “หนูอยากมั่นใจในตัวพี่หมอกว่านี้อีกหน่อยได้ไหมคะ หนูแค่อยากลองสัมผัสกับความรักที่ค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ ไม่ใช่การเริ่มต้นความที่รวบรัดเหมือนเมื่อก่อน” “แน่นอนค่ะ ขอแค่คนคนนั้นเป็นพี่ พี่ก็จะให้หนูได้สัมผัสความรักเต็มที่ไปเลยค่ะ” เขาลูบหัวเธอเบา ๆ ก่อนจะจับมือเธอสอดเข้าไปข้างในเสื้อเพื่อให้เธอได้สัมผัสกับหน้าท้องแกร่งของตัวเอง จนเธอต้องชักมือออกจากเสื้อของเขาก่อนจะถลึงตาใส่เขาก่อนจะกลั้นขำ “พี่หมอ!” “จะว่าไปพี่มีความลับอีกอย่างที่ยังไม่ได้บอกหนูเลยนะ คือพี่..ชอบรสชาติบนเตียงของหนูทุกครั้งพี่แทบจะคลั่งอยู่แล้วนะคะ รู้ไหมว่าที่พี่ไม่ยอมกลับบ้านพี่ต้องพยายามที่จะข่มอารมณ์ความต้องการของตัวเองเพื่อแกล้งทำเป็นไม่สนใจหนู พอเอาเข้าจริงมันไม่ง่ายเลยนะคะ” เขาโน้มใบหน้าเขามาใกล้ ๆ ต้นคอก่อนจะลากสันจมูกโด่งมาที่ติ่งหูลมหายใจที่ร้อนผ่าวและน้ำเสียงกระเส่าของเขามันก็ยิ่งทำให้เธอขน
สันจมูกโด่งถูไถกับปลายจมูกของเธออย่างหยอกเย้าเขาพูดด้วยน้ำเสียงกระเซ่าทำเอาเธอขนลุกซู่รู้สึกหัวใจวาบหวิวตื่นเต้นขึ้นมาจนเขาจับได้ นิ้วเรียวยามจึงสอดนิ้วเข้าไปในเสื้อคลุมสัมผัสกับผิวเนียนลูบไลไปทั่วแผ่นหลังของเธอ จนเธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากลมหายใจของทั้งคู่ก็เริ่มติดขัดหายใจแรงและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ “น้องโปรดให้โอกาสพี่ได้ไหมครับ พี่รักหนูนะ” เธอรู้สึกเขินจนเลือกที่จะไม่ตอบเอาแต่กับเอาแต่ก้มหน้าจนเขาเชยคางเธอขึ้นมาก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากันแววตาที่ดูอ่อนโยนของเธอทำให้เขาฉีกยิ้มก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ริมฝีปากหนาประกบริมฝีปากบางซึ่งการขบเม้มของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงและความปรารถนา ริมฝีปากของเขาขบริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่นขณะที่ลิ้นสากสัมผัสกับลิ้นของเธออย่างโหยหาทั้งคู่ค่อย ๆ เพิ่มระดับความร้อนแรงมากขึ้น ทันใดนั้นเสียงเรียกลูกชายก็ดังขึ้นขัดจังหวะทั้งคู่ อาจ้า..จ้ะ “ทะเล/ทะเล” ทั้งคู่ผละออกจากกันก่อนที่เขาจะใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำลายข้างริมฝีปากบาง จนเธอก้มหน้าด้วยความเขินอายและไม่กล้าสบตากับเขา เขาจึงจับมือเธอเดินไปหาลูกชายและแม่ของเขา “หนูโปรดเปลี่ยนใจยังทันนะลูก ผู้ชายไม่ได
“มองน้องขนาดนี้ ระวังตาจะบอดนะอัยเน่” เขาหลุดหัวเราะก่อนจะส่งยิ้มและตอบผู้เป็นแม่โดยที่ตายังคงจ้องมองไปที่เธอ ที่วันนี้สวมชุดทูพีช สีน้ำตาลเข้มโดยที่เสื้อคลุมซีทูสีขาวบาง ๆ คลุมไว้อีกชั้นแต่นั่นมันก็ทำให้เขาคลั่งเธอจะตายอยู่แล้ว “สวยขนาดนี้ก็ต้องมองสิครับแม่” “จ้ะ ตอนมีไม่เห็นค่า แม่นี่สมน้ำหน้าลูกจริง ๆ นะอัยเน่” “แม่..” กรี๊ดดด “อร้ายยย…ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” “เสียงใครคะเหมือนจะขอความช่วยเหลือเลยค่ะ” พวกเขาที่ได้ยินต่างก็ชะเง้อมองไปทางต้นเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเสียงโว้ยวายกรีดร้องที่ห้องพักหลังหนึ่งก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก “พวกลูกเดินไปดูหน่อย เพื่อลูก ๆ จะช่วยอะไรพวกเขาได้ เดี๋ยวแม่ดูทะเลให้เอง” “งั้นแม่พาทะเลเข้าไปในบ้านพักก่อนนะครับ” แม่พยักหน้าและอุ้มหลานเข้าไปในบ้านพัก ทั้งสองคนก็มองหน้ากันก่อนที่เธอจะเดินจับมือเขาเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น “เราไปดูกันเถอะค่ะ” เขาที่เห็นว่าเธอเดินจับมือใจก็เต้นถี่รัว ๆ ก่อนจะเดินไปทางต้นเสียง ซึ่งพอเขาเห็นภาพว่ามีผู้ใหญ่หลายคนยืนล้อมวงรอบตัวเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 4 ขวบนอนแน่นิ่ง หน้าเริ่มถอดสีดูซีดเซียว
“เสียงอะไร..ดึกดื่นขนาดนี้แล้วใครทำอะไรอยู่อีกนะ” เธอที่นอนไม่หลับเพราะได้ยินเสียงด้านนอกเหมือนมีใครทำอะไรอยู่บางอย่าง ด้วยความหงุดหงิดและอยากรู้เธอจึงแอบไปเปิดม่านส่องหน้าต่างมองดูซึ่งภาพที่เห็นคือเขากำลังว่ายน้ำอยู่ที่สระ เธอจึงพึมพำออกมาก “เกิดคึกอะไรของพี่เนี่ย! มันจะห้าทุ่มแล้วยังไปว่ายน้ำตากหมอกอีก” หลังจากนั้นเธอก็เดินกลับไปนอนที่เตียงนอนก่อนจะถอนหายใจพลิกตัวไปมาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะป่วย จนสุดท้ายเธอก็อดไม่ได้จึงเดินไปหาเขาที่สระว่ายน้ำ ตึก ตึก “พี่อัยเน่!” “อ้าว..หนูยังไม่นอนอีกเหรอคะ” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนแกล้งทำเป็นเพิ่งเห็นเธอ ซึ่งเธอก็ยืดกอดอกทำหน้าหงุดหงิดใส่เขา “รีบขึ้นมาได้แล้วค่ะ พี่จะมาว่ายน้ำอะไรตอนนี้คะ” “พี่แค่เหนื่อย ๆ น่ะอยากผ่อนคลาย ขอว่ายต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอคะหรือว่าพี่เสียงดังจนไปรบกวนหนู” “แต่พี่ว่ายมาเกือบยี่สิบนาทีแล้วนะคะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกขึ้นมาได้แล้วค่ะ” เขาว่ายน้ำมาฝั่งเธอก่อนจะใช้คางเกยขอบสระ และยิ้มแป้นทำตาละห้อย ส่วนเธอก็เปลี่ยนท่ามาเป็นยืนเท้าสะเอว “จะขึ้นหรือไม่ขึ้นคะ!” “ขึ้นครับ พี่ขอผ้าขนหนูหน่อยได้ไหมครับ”
พอเขาพูดจบเขาก็ประคองใบหน้าก่อนจูบเธอปากเธออย่างคนโหยหารสชาติจูบที่แสนหอมหวาน เธอที่ยังหงุดหงิดและย้อนคิดถึงอดีตอยู่ก็ไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกลิ้นสากซุกซนสำรวจโพรงปาก รสชาติที่น่าหลงใหลนี้แม้เธอเองจะรู้สึกดีไม่ต่างจากเขาแต่เธอก็พยายามข่มความต้องการของตัวเองและคิดว่าสถานที่มันไม่เหมาะสมและเขาก็ไม่ควรทำอะไรในที่แบบนี้เธอจึงออกแรงผลักอกแกร่งของเขาอย่างแรง จนเขายอมถอนจูบและมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกเสียดายแต่ก็ไม่อยากบังคับเธอไปมากกว่านี้ “อย่าทำแบบนี้ค่ะ คนโปรดไม่ชอบ!” “ทำไมรสชาติจูบของพี่มันสู้ไอ้อาจารย์นั่นไม่ได้เลยเหรอ” “พี่อัยเน่พอเถอะค่ะ คนโปรดจะไปหาลูกแล้วเรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันนะคะ” “คนโปรด!” เขาจับมือเธอไว้ ก่อนที่เธอจะสะบัดมือและเดินกลับไปที่โต๊ะ ซึ่งเขาขยี้ผมตัวเองก่อนจะถอนหายใจด้วยความท้อใจและเดินตามเธอไปติด ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งตรงข้ามกัน แม่สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเท่าไรจึงถามเข้าด้วยน้ำเสียงที่เข้ม “ตาอัยเน่ไปตามน้องถึงไหนทำไมนานจัง อาหารมาเสิร์ฟจนจะเย็นหมดแล้ว รีบมานั่งทานข้าวกันเถอะ” เขาเหลือบมองเธอก่อนจะตอบแม่กลับไป ซึ่งแม่เขามองดูสีหน้าของทั้งคู่
(มารหัวใจกูจริง ๆ นะมึง) หลังจากที่เขาวางสายวิทย์ไปแล้วนั้นเขาก็เหมือนคิดอะไรได้ จึงหยิบมือถือตัวเองมาขึ้นมาถ่ายรูปแม่ลูก ก่อนจะเซลฟี่ตัวเองพร้อมคนโปรดและทะเล เข้าโน้มตัวเข้าไปนอนใกล้ ๆ เธอ ก่อนที่ใบหน้าของทั้งสองคนจะแนบชิดกันมาก ๆ เขาฟังเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเธอจากนั้นก็เอาใบหน้าเข้าไปแนบชิดแก้มเนียน ก่อนจะถ่ายรูปเก็บไว้และขยับมานอนอีกฝั่งโดยให้ทะเลเป็นคนนอนกลาง แต่มือหนาก็โอบกอดเอื้อมมาจับมือของเธอก่อนจะเผลอหลับไป คนโปรด เธอลืมตาขึ้นมามองเขาขณะที่กำลังหลับอยู่ ซึ่งทุกการกระทำของเขาเธอรู้สึกตัวตั้งแต่ที่เขาห่มผ้าให้เธอแล้ว แม้ว่าภายในใจเธอจะรู้สึกมีความสุขที่เขาดูแลเธอและลูกอย่างที่เธอเคยใฝ่ฝัน แต่ตั้งแต่วันที่ลูกของเธอได้ลืมตาดูโลกความคิดของเธอมันก็ได้เปลี่ยนแปลงไป “ไม่นะ ไม่ พี่หมอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวหนูกับลูกทั้งนั้น” “เอาลูกมาหนูมา เอามา!” “คนโปรด คนโปรด” หืออ เธอสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายก็รีบมองไปรอบ ๆ เพื่อที่จะหาลูกชายของเธอก่อนจะจับแขนเขาเขย่า “ทะเลอยู่ไหนคะพี่อัยเน่” “แม่เพิ่งพาทะเลออกไปรับลมเมื่อกี้ครับ หนูฝันร้ายเหรอ” เธอยังคงหายใจอย่างเหนื่อยหอบ เหง