พอเธอแต่งตัวเสร็จเธอจึงรีบโทรหาภาม หนุ่มผิวแทนแดนอีสานแท็กซี่เจ้าประจำของเธอซึ่งเขาก็มีอายุไล่เลี่ยพอ ๆ กับเธอ ทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันและหนุ่มภามที่แสนจะใจดีกับเธอค่อยไปรับไปส่ง ยิ่งเขารู้ว่าเธอท้องเขาก็ยิ่งเป็นห่วงเธอคอยซื้อของมาฝากเธออยู่เสมอ ซึ่งนอกจากหน้าที่มารับคนโปรดแล้วนั้นภามยังจะต้องแวะไปส่งข้าวกล่องให้หมออัยเน่อยู่เป็นประจำ ซึ่งทั้งหมดที่เขาทำให้เธอนอกจากค่าจ้างแล้วอีกอย่างหนึ่งก็เพราะความเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่งก็เท่านั้น
“พี่ภามสวัสดีค่ะ คนโปรดเองนะคะ” “ครับ น้องโปรด” “เอ่อ..คือพอดีคนโปรดจะไปซื้อของมาทำขนมค่ะ พี่ภามว่างมารับคนโปรดที่หน้าบ้านได้ไหมคะ” “ได้สิครับ แต่น้องโปรดรอสักครู่นะครับ พี่กำลังส่งลูกค้าอยู่ใกล้ ๆ ซอยบ้านน้องโปรดพอดีเลย เดี๋ยวพี่แวะไปรับนะครับ” “ค่ะพี่ภาม” หลังจากวางสายแล้วเธอก็เดินไปหาเขาที่นั่งอยู่ห้องทำงานก่อนจะบอกเขาว่าเธอจะไปซื้อของขณะที่เธอยืนรอแท็กซี่ที่หน้าบ้านไม่นานภามก็มารับเธอ “รอนานไหมครับน้องโปรด” พอเธอขึ้นรถภามก็หันไปยิ้มให้เธอ เธอก็ยิ้มตอบกลับก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ “ไม่เลยค่ะพี่ภาม เดี๋ยววันนี้เราไปร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่ให้คนโปรดเลยนะคะ” “ครับ” หลังจากที่คนโปรดซื้อของเสร็จเขาก็ซื้อกับข้าวสำเร็จเข้ามาด้วยเพราะว่าวันนี้เธอมีออเดอร์ทำขนมเธอจึงไม่สะดวกที่จะทำกับข้าวมื้อเที่ยงให้ตัวเอง ส่วนของหมออัยเน่เธอกดสั่งเดลิเวอรี่ให้เขาไปตอนเที่ยงแล้ว หลังจากภามขนของขึ้นรถเสร็จก็เดินมาช่วยเธอถือถุงกับข้าว เธอยิ้มกว้างให้เขา “มาพี่ช่วยถือของ จะเที่ยงแล้วคุณแม่ทำไมไม่ทานข้าวให้ตรงเวลาเลยครับ” “ไม่เป็นไรค่ะพี่ภาม นี้เพิ่งจะบ่ายโมงเองถึงบ้านแล้วเดี๋ยวคนโปรดจะรีบทานข้าวค่ะ อ้อ! คืนนี้สองทุ่มพี่ภามมารับคนโปรดไปส่งขนมที่โรงแรมหน่อยนะคะ” “ได้ครับ” “ขอบคุณค่ะ” พอเธอกลับมาถึงบ้านก็รีบทานข้าวก่อนจะเร่งทำขนมเพื่อส่งลูกค้า ขณะที่เธอนั่งรอขนมที่อบอยู่นั้นก็หันไปเห็นหมออัยเน่ที่แต่งตัวด้วยชุดสูทสุดเนี้ยบเหมือนว่าเขากำลังจะออกไปงานข้างนอก เธอจึงเอ่ยทัก “พี่หมอหิวไหมคะ คือพอดีว่าหนูยังเตรียมขนมให้ลูกค้าไม่เสร็จเลย คืนนี้พี่หมออยากทานอะไรเพิ่มไหมเดี๋ยวหนูจะสั่งอาหารมาให้ค่ะ” “ไม่ต้อง ฉันจะออกไปข้างนอกคืนนี้เธอไม่ต้องรอนะ เธอก็อย่าลืมทานข้าวล่ะ” “ค่ะ” เขาพยักหน้าให้เธอก่อนจะเดินออกจากบ้านไป ส่วนเธอที่โดนเขาเฉยเมยแบบนี้อยู่เป็นประจำจนตอนนี้เธอแทบไม่รู้สึกอะไร เธอหันไปสนใจทำขนมต่อ กระทั่งเวลา 2 ทุ่ม ภามขับรถมารับเธอที่บ้านตามเวลานัดก่อนที่เธอจะเดินยกขนมคัพเค้กที่ลูกสั่งไปงานเลี้ยงออกมา ภามรีบเดินเข้าไปรับขนมจากเธอ “เราไปกันเลยนะคะ” พอเธอพูดแบบนั้นภามก็หลุดขำออกมาเพราะเห็นว่าเธอยังไม่เปลี่ยนชุดเลยด้วยซ้ำ “เอ่อ..พี่ว่าน้องโปรด ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไหมครับ” “อุ้ย..หนูลืมเลยค่ะพี่ภาม งั้นเดี๋ยวหนูไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ” เธอก้มมองตัวเองก่อนจะเห็นว่าเธอยังใส่เสื้อกันเปื้อนที่ยังหม่อมแหม่มของตัวเองอยู่เลย “งั้นหนูขอไปเปลี่ยนชุดหน่อยแล้วกันนะคะ” “ครับ เดินระวัง ๆ หน่อยนะไม่ต้องรีบมาก ยังไงพี่ก็พาน้องโปรดไปส่งขนมทันแน่นอน” “ค่ะ” หลังจากที่คนโปรดขึ้นไปล้างหน้าล้างตาเธอก็เปลี่ยนมาใส่ชุดคลุมท้องสีขาวระบายลูกไม้แทนเธอก็เดินไปที่รถ “พี่รู้ว่าเรายังไม่ได้กินข้าวเย็นแน่ ๆ พี่เลยซื้อซาลาเปาและนมมาให้ทานสักหน่อยนะเดี๋ยวเจ้าตัวเล็กจะงอแงนะ” “ขอบคุณพี่ภาม จริง ๆ ตอนบ่ายหนูก็ดื่มนมไปแล้วค่ะ แต่ตอนนี้ก็เริ่มหิวขึ้นมาหน่อย ๆ ค่ะ” ขณะที่กำลังรถไปอยู่นั้นภาพก็ยื่นกล่องซาลาเปาและนมให้คนโปรด ซึ่งคนโปรดก็ยิ้มกว้างให้เขาก่อนจะแกะทานระหว่างทาง ณ โรงแรม “ขอโทษนะคะ ขนมที่สั่งให้ไว้เพื่อมางานเลี้ยงนี่ให้เราเอาไปลงไว้ไหนดีคะ” “โซนขนมอยู่ตรงที่โต๊ะหมายเลข 5 มุมโน้นเลยค่ะน้อง” “ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” พอเดินเข้ามาในโรงแรมเธอและภามก็ถือกล่องคัพเค้กมาในห้องจัดเลี้ยงด้วยกัน โดยผู้คนที่มาจัดงานต่างก็พากันเตรียมงานวุ่นวายไปหมด “น้องคนโปรดใช่ไหมคะ” “คะ อ้อ..ใช่ค่ะ” ขณะที่เธอกำลังเตรียมงาน ผู้หญิงที่อยู่ในชุดราตรีใบหน้ารูปไข่ 2 คนเดินเข้ามาทักทายเธอ “สวัสดีจ้ะ พี่ชื่อข้าวฟางเป็นเพื่อนพี่อัยเน่ที่โรงพยาบาลนะ ส่วนนี้ตาแป๋วเจ้าของงานวันนี้ค่ะ พี่ก็เพิ่งรู้นะคะร้านขนมอร่อย ๆ มีแม่ค้าคนสวยเป็นเจ้าของร้าน” เธอวางขนมก่อนจะยกมือไหว้สวัสดีสองสาวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ซึ่งทั้งสองคนก็หันไปสบตากันก่อนจะยิ้มให้กับเธอ “สวัสดีค่ะ ขออนุญาตแนะนำตัวอีกครั้งนะคะหนูชื่อคนโปรดค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ ๆ ทั้งสองคนนะคะ ขอบคุณพี่ ๆ ด้วยนะคะที่วางใจสั่งขนมร้านคนโปรดมาใช้ในงานวันนี้” “จ้า..งั้นวันนี้คนโปรดอยู่งานด้วยกันก่อนไหมล่ะ ไหน ๆ ก็มางานแล้ว” “หื้อ..อย่าเลยดีกว่าค่ะวันนี้คนโปรดตั้งใจแค่มาส่งขนม แต่งตัวก็ไม่ค่อยให้เกียรติเจ้าของงานวันนี้เท่าไรเลย ไว้โอกาสหน้านะคะ” พอเธอยกมือขึ้นมาปฏิเสธ ตาแป๋วก็เดินมาจับมือของเธอ “หือ..ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่เป็นเจ้าของงานน้องคนโปรดไม่ต้องคิดมากค่ะ ให้พนักงานคนนี้อยู่เป็นเพื่อนก็ได้นะคะ” ขณะที่ตาแป๋วกำลังจะยื้อเธอตาแป๋วก็หันไปทางภาม เธอกำลังจะอธิบายภามก็รีบพูดแทรกปฏิเสธทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ “โอ้ว พี่เขาไม่ใช่..” “ผมไม่ค่อยเหมาะกับงานเลี้ยงสังคมแบบนี้เท่าไรหรอกครับ น้องโปรดอยู่นี่กับพี่ ๆ เขาเดี๋ยวพี่รอรับได้ครับไม่ต้องเกรงใจ” คนโปรดขมวดคิ้วแบบไม่เห็นด้วยกับภามเท่าไร แต่อีกใจหนึ่งเธอก็เกรงใจทั้งสองสาว “น้องคนโปรด อยู่ต่ออีกหน่อยดีกว่านะ ถือว่าพี่ขอ” “เอ่อ..ก็ได้ค่ะ แต่คนโปรดขออยู่แป๊บเดี๋ยวนะคะ พอดีตอนนี้คนโปรดท้องด้วยค่ะคงจะอยู่ในงานนาน ๆ ไม่ได้” พอโดนข้าวฟ่างรบเร้ามาก ๆ เธอที่เกรงใจก็ยอมอยู่ต่อเพื่อไม่ให้เสียมรรยาท “ได้ค่ะ งั้นคนโปรดไปนั่งที่โต๊ะกับพี่ดีกว่านะคะ” “พี่ภามเดี๋ยวคนโปรดโทรหานะคะ” “ครับ มีอะไรน้องโปรดโทรหาพี่ได้ตลอดเลยนะครับ” “ค่ะพี่ภาม” หลังจากที่เธอบอกภามไปแบบนั้นเธอก็เดินตามสองสาวไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งแขกในงานก็เริ่มทยอยมางานกันบ้างแล้ว ขณะที่นั่งอยู่บนโต๊ะเธอที่รู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อยเพราะทั้งโต๊ะมีแต่พวกเพื่อน ๆ ของหมออัยเน่และส่วนใหญ่ต่างก็เป็นหมอ “หมอข้าวฟาง,แป๋ว..พาสาวที่ไหนมาเนี่ยอ้าว ..น้องคนโปรด!!” “สวัสดีค่ะพี่วาฬ”ยิ่งเขาห้าม น้ำตาเธอก็ไหลออกมาจนเขาโผล่เข้าไปกอดเธอ เพื่อปลอบใจพลางคิดว่าเขาทำอะไรผิดร้ายแรงต่อเธอหรือเปล่าพอคิดแบบนั้นเขาเองก็รู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมา เธอปาดน้ำตาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “หนูอยากมั่นใจในตัวพี่หมอกว่านี้อีกหน่อยได้ไหมคะ หนูแค่อยากลองสัมผัสกับความรักที่ค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ ไม่ใช่การเริ่มต้นความที่รวบรัดเหมือนเมื่อก่อน” “แน่นอนค่ะ ขอแค่คนคนนั้นเป็นพี่ พี่ก็จะให้หนูได้สัมผัสความรักเต็มที่ไปเลยค่ะ” เขาลูบหัวเธอเบา ๆ ก่อนจะจับมือเธอสอดเข้าไปข้างในเสื้อเพื่อให้เธอได้สัมผัสกับหน้าท้องแกร่งของตัวเอง จนเธอต้องชักมือออกจากเสื้อของเขาก่อนจะถลึงตาใส่เขาก่อนจะกลั้นขำ “พี่หมอ!” “จะว่าไปพี่มีความลับอีกอย่างที่ยังไม่ได้บอกหนูเลยนะ คือพี่..ชอบรสชาติบนเตียงของหนูทุกครั้งพี่แทบจะคลั่งอยู่แล้วนะคะ รู้ไหมว่าที่พี่ไม่ยอมกลับบ้านพี่ต้องพยายามที่จะข่มอารมณ์ความต้องการของตัวเองเพื่อแกล้งทำเป็นไม่สนใจหนู พอเอาเข้าจริงมันไม่ง่ายเลยนะคะ” เขาโน้มใบหน้าเขามาใกล้ ๆ ต้นคอก่อนจะลากสันจมูกโด่งมาที่ติ่งหูลมหายใจที่ร้อนผ่าวและน้ำเสียงกระเส่าของเขามันก็ยิ่งทำให้เธอขน
สันจมูกโด่งถูไถกับปลายจมูกของเธออย่างหยอกเย้าเขาพูดด้วยน้ำเสียงกระเซ่าทำเอาเธอขนลุกซู่รู้สึกหัวใจวาบหวิวตื่นเต้นขึ้นมาจนเขาจับได้ นิ้วเรียวยามจึงสอดนิ้วเข้าไปในเสื้อคลุมสัมผัสกับผิวเนียนลูบไลไปทั่วแผ่นหลังของเธอ จนเธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากลมหายใจของทั้งคู่ก็เริ่มติดขัดหายใจแรงและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ “น้องโปรดให้โอกาสพี่ได้ไหมครับ พี่รักหนูนะ” เธอรู้สึกเขินจนเลือกที่จะไม่ตอบเอาแต่กับเอาแต่ก้มหน้าจนเขาเชยคางเธอขึ้นมาก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากันแววตาที่ดูอ่อนโยนของเธอทำให้เขาฉีกยิ้มก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ริมฝีปากหนาประกบริมฝีปากบางซึ่งการขบเม้มของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงและความปรารถนา ริมฝีปากของเขาขบริมฝีปากของเธออย่างแนบแน่นขณะที่ลิ้นสากสัมผัสกับลิ้นของเธออย่างโหยหาทั้งคู่ค่อย ๆ เพิ่มระดับความร้อนแรงมากขึ้น ทันใดนั้นเสียงเรียกลูกชายก็ดังขึ้นขัดจังหวะทั้งคู่ อาจ้า..จ้ะ “ทะเล/ทะเล” ทั้งคู่ผละออกจากกันก่อนที่เขาจะใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำลายข้างริมฝีปากบาง จนเธอก้มหน้าด้วยความเขินอายและไม่กล้าสบตากับเขา เขาจึงจับมือเธอเดินไปหาลูกชายและแม่ของเขา “หนูโปรดเปลี่ยนใจยังทันนะลูก ผู้ชายไม่ได
“มองน้องขนาดนี้ ระวังตาจะบอดนะอัยเน่” เขาหลุดหัวเราะก่อนจะส่งยิ้มและตอบผู้เป็นแม่โดยที่ตายังคงจ้องมองไปที่เธอ ที่วันนี้สวมชุดทูพีช สีน้ำตาลเข้มโดยที่เสื้อคลุมซีทูสีขาวบาง ๆ คลุมไว้อีกชั้นแต่นั่นมันก็ทำให้เขาคลั่งเธอจะตายอยู่แล้ว “สวยขนาดนี้ก็ต้องมองสิครับแม่” “จ้ะ ตอนมีไม่เห็นค่า แม่นี่สมน้ำหน้าลูกจริง ๆ นะอัยเน่” “แม่..” กรี๊ดดด “อร้ายยย…ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” “เสียงใครคะเหมือนจะขอความช่วยเหลือเลยค่ะ” พวกเขาที่ได้ยินต่างก็ชะเง้อมองไปทางต้นเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเสียงโว้ยวายกรีดร้องที่ห้องพักหลังหนึ่งก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก “พวกลูกเดินไปดูหน่อย เพื่อลูก ๆ จะช่วยอะไรพวกเขาได้ เดี๋ยวแม่ดูทะเลให้เอง” “งั้นแม่พาทะเลเข้าไปในบ้านพักก่อนนะครับ” แม่พยักหน้าและอุ้มหลานเข้าไปในบ้านพัก ทั้งสองคนก็มองหน้ากันก่อนที่เธอจะเดินจับมือเขาเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น “เราไปดูกันเถอะค่ะ” เขาที่เห็นว่าเธอเดินจับมือใจก็เต้นถี่รัว ๆ ก่อนจะเดินไปทางต้นเสียง ซึ่งพอเขาเห็นภาพว่ามีผู้ใหญ่หลายคนยืนล้อมวงรอบตัวเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 4 ขวบนอนแน่นิ่ง หน้าเริ่มถอดสีดูซีดเซียว
“เสียงอะไร..ดึกดื่นขนาดนี้แล้วใครทำอะไรอยู่อีกนะ” เธอที่นอนไม่หลับเพราะได้ยินเสียงด้านนอกเหมือนมีใครทำอะไรอยู่บางอย่าง ด้วยความหงุดหงิดและอยากรู้เธอจึงแอบไปเปิดม่านส่องหน้าต่างมองดูซึ่งภาพที่เห็นคือเขากำลังว่ายน้ำอยู่ที่สระ เธอจึงพึมพำออกมาก “เกิดคึกอะไรของพี่เนี่ย! มันจะห้าทุ่มแล้วยังไปว่ายน้ำตากหมอกอีก” หลังจากนั้นเธอก็เดินกลับไปนอนที่เตียงนอนก่อนจะถอนหายใจพลิกตัวไปมาเพราะเป็นห่วงกลัวว่าเขาจะป่วย จนสุดท้ายเธอก็อดไม่ได้จึงเดินไปหาเขาที่สระว่ายน้ำ ตึก ตึก “พี่อัยเน่!” “อ้าว..หนูยังไม่นอนอีกเหรอคะ” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนแกล้งทำเป็นเพิ่งเห็นเธอ ซึ่งเธอก็ยืดกอดอกทำหน้าหงุดหงิดใส่เขา “รีบขึ้นมาได้แล้วค่ะ พี่จะมาว่ายน้ำอะไรตอนนี้คะ” “พี่แค่เหนื่อย ๆ น่ะอยากผ่อนคลาย ขอว่ายต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอคะหรือว่าพี่เสียงดังจนไปรบกวนหนู” “แต่พี่ว่ายมาเกือบยี่สิบนาทีแล้วนะคะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกขึ้นมาได้แล้วค่ะ” เขาว่ายน้ำมาฝั่งเธอก่อนจะใช้คางเกยขอบสระ และยิ้มแป้นทำตาละห้อย ส่วนเธอก็เปลี่ยนท่ามาเป็นยืนเท้าสะเอว “จะขึ้นหรือไม่ขึ้นคะ!” “ขึ้นครับ พี่ขอผ้าขนหนูหน่อยได้ไหมครับ”
พอเขาพูดจบเขาก็ประคองใบหน้าก่อนจูบเธอปากเธออย่างคนโหยหารสชาติจูบที่แสนหอมหวาน เธอที่ยังหงุดหงิดและย้อนคิดถึงอดีตอยู่ก็ไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกลิ้นสากซุกซนสำรวจโพรงปาก รสชาติที่น่าหลงใหลนี้แม้เธอเองจะรู้สึกดีไม่ต่างจากเขาแต่เธอก็พยายามข่มความต้องการของตัวเองและคิดว่าสถานที่มันไม่เหมาะสมและเขาก็ไม่ควรทำอะไรในที่แบบนี้เธอจึงออกแรงผลักอกแกร่งของเขาอย่างแรง จนเขายอมถอนจูบและมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกเสียดายแต่ก็ไม่อยากบังคับเธอไปมากกว่านี้ “อย่าทำแบบนี้ค่ะ คนโปรดไม่ชอบ!” “ทำไมรสชาติจูบของพี่มันสู้ไอ้อาจารย์นั่นไม่ได้เลยเหรอ” “พี่อัยเน่พอเถอะค่ะ คนโปรดจะไปหาลูกแล้วเรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันนะคะ” “คนโปรด!” เขาจับมือเธอไว้ ก่อนที่เธอจะสะบัดมือและเดินกลับไปที่โต๊ะ ซึ่งเขาขยี้ผมตัวเองก่อนจะถอนหายใจด้วยความท้อใจและเดินตามเธอไปติด ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งตรงข้ามกัน แม่สังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีเท่าไรจึงถามเข้าด้วยน้ำเสียงที่เข้ม “ตาอัยเน่ไปตามน้องถึงไหนทำไมนานจัง อาหารมาเสิร์ฟจนจะเย็นหมดแล้ว รีบมานั่งทานข้าวกันเถอะ” เขาเหลือบมองเธอก่อนจะตอบแม่กลับไป ซึ่งแม่เขามองดูสีหน้าของทั้งคู่
(มารหัวใจกูจริง ๆ นะมึง) หลังจากที่เขาวางสายวิทย์ไปแล้วนั้นเขาก็เหมือนคิดอะไรได้ จึงหยิบมือถือตัวเองมาขึ้นมาถ่ายรูปแม่ลูก ก่อนจะเซลฟี่ตัวเองพร้อมคนโปรดและทะเล เข้าโน้มตัวเข้าไปนอนใกล้ ๆ เธอ ก่อนที่ใบหน้าของทั้งสองคนจะแนบชิดกันมาก ๆ เขาฟังเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของเธอจากนั้นก็เอาใบหน้าเข้าไปแนบชิดแก้มเนียน ก่อนจะถ่ายรูปเก็บไว้และขยับมานอนอีกฝั่งโดยให้ทะเลเป็นคนนอนกลาง แต่มือหนาก็โอบกอดเอื้อมมาจับมือของเธอก่อนจะเผลอหลับไป คนโปรด เธอลืมตาขึ้นมามองเขาขณะที่กำลังหลับอยู่ ซึ่งทุกการกระทำของเขาเธอรู้สึกตัวตั้งแต่ที่เขาห่มผ้าให้เธอแล้ว แม้ว่าภายในใจเธอจะรู้สึกมีความสุขที่เขาดูแลเธอและลูกอย่างที่เธอเคยใฝ่ฝัน แต่ตั้งแต่วันที่ลูกของเธอได้ลืมตาดูโลกความคิดของเธอมันก็ได้เปลี่ยนแปลงไป “ไม่นะ ไม่ พี่หมอไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวหนูกับลูกทั้งนั้น” “เอาลูกมาหนูมา เอามา!” “คนโปรด คนโปรด” หืออ เธอสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายก็รีบมองไปรอบ ๆ เพื่อที่จะหาลูกชายของเธอก่อนจะจับแขนเขาเขย่า “ทะเลอยู่ไหนคะพี่อัยเน่” “แม่เพิ่งพาทะเลออกไปรับลมเมื่อกี้ครับ หนูฝันร้ายเหรอ” เธอยังคงหายใจอย่างเหนื่อยหอบ เหง