“ไม่เป็นไรจริง ๆ สรุปงานของเมื่อวานทำเสร็จหรือยัง?”คุยกันไม่กี่คำก็พูดถึงเรื่องงาน หลินโยวโยวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปเอาข้อมูลที่เธอจัดการเอาไว้แล้วมา จากนั้นก็เทน้ำร้อนหนึ่งแก้วให้กับเธอ"ในเมื่อพี่หยินอู้ไม่ยอมไปโรงพยาบาล งั้นพี่ควรดื่มน้ำร้อนให้เยอะ ๆ หน่อยนะคะ"หลินโยวโยวเป็นผู้ช่วยที่ตัวเองคัดเลือกมาในตอนแรก โดยปกติจะขยันทำงานมาก แต่ทั้งสองก็ไม่มีการติดต่อกันเป็นการส่วนตัวเว้นแต่เรื่องงานแต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะใส่ใจตัวเองจริง ๆเสิ่นหยินอู้รู้สึกอบอุ่นในใจและดื่มน้ำร้อนไปสองสามอึกก่อนหน้านี้เธอรู้สึกหนาว ๆ นิดหน่อย แต่หลังจากดื่มน้ำร้อนแล้ว ในที่สุดเสิ่นหยินอู้ก็รู้สึกสบายขึ้นมากแต่หลินโยวโยวยังคงมองเธออย่างเป็นทุกข์“พี่หยินอู้ ไม่งั้นวันนี้ให้ฉันทำรายงานเองดีไหมคะ? ส่วนพี่ก็พักผ่อนในออฟฟิศสักหน่อยดีไหมคะ?”เสิ่นหยินอู้ส่ายหัว "ไม่ต้องหรอก ฉันทำเองได้"ก็แค่ไม่สบายนิดหน่อย เธอไม่ได้ไร้เหตุผลขนาดนั้นที่ถ้ามีปัญหาอะไรนิดหน่อยเธอก็จะพัก และปล่อยให้คนอื่นต้องมาทำงานแทนและพอนานไป เธอก็จะขี้เกียจเอาได้และเมื่อเธอไม่สบายขึ้นมาอีกในภายหลัง แล้วไม่มีใครช่วยเหลือเธ
เสิ่นหยินอู้ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย "ก็แค่เปียกฝนเอง ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ"หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ก้าวไปข้างหน้าและวางรายงานของเมื่อวานลงบนโต๊ะ“นี่คือสรุปงานของเมื่อวานค่ะ ฉันจัดเอาไว้หมดแล้ว และฉันยังมีเรื่องอื่นต้องไปจัดการต่อ งั้นไม่ขัดจังหวะในการรำลึกความหลังของพวกคุณแล้วนะคะ”เสิ่นหยินอู้มองไปที่เจียงฉูฉู่ และเจียงฉูฉู่ก็ยิ้มออกมาทันทีเสิ่นหยินอู้ออกไปแล้ว แต่คิ้วของฉินเย่ยังคงขมวดแน่นอยู่“ฉินเย่คะ?”จนกระทั่งเจียงฉูฉู่เรียกเขาขึ้นมา เขาก็กลับมาได้สติขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีของฉินเย่ เจียงฉูฉู่ก็รู้สึกสับสน แต่ก็ยังคงพูดอย่างนุ่มนวลและมีน้ำใจว่า: "ฉันคิดว่าอาการของเสิ่นหยินอู้ไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าตอนนี้เธอจะทำงานเป็นเลขานุการของคุณ แต่เธอก็ยังเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเสิ่นที่ล้มละลายไปก่อนหน้านี้อีกด้วย คุณอย่าปฏิบัติกับเธออย่างเข้มงวดนักเลยค่ะ”เข้มงวด?ฉินเย่เยาะเย้ยอยู่ในใจ ใครจะไปเข้มงวดกับแม่ทูนหัวคนนั้นได้ล่ะ?แต่ภายนอกเขาไม่ได้พูดคำเหล่านี้ออกมา และเขาก็แค่ตอบไปว่า: "อืม"เสิ่นหยินอู้จึงเดินย่ำกลับไปที่ห้องทำงานทันทีที่นั่งลง เธอก็อดไม่ได้ที่จะฟุบหน้าลงมา
แต่เรื่องนี้ เสิ่นหยินอู้ก็ไม่รู้อะไรแน่ชัดนักเพราะในปีนั้นเธอเองก็เหมือนจะตกน้ำไปด้วย เธอมีไข้สูง จนป่วยหนัก และพอฟื้นขึ้นมาก็ลืมหลายสิ่งหลายอย่างก่อนหน้านี้ไป ซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตกลงไปในน้ำได้อย่างไรเพื่อนร่วมชั้นก็ยังบอกด้วยว่า เพราะเธอมัวแต่ห่วงเล่น จึงไม่ทันระวังตกลงไปในน้ำแต่เสิ่นหยินกลับรู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองลืมอะไรบางอย่างไป แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็นึกไม่ออกเลย ต่อมาเวลาก็ผ่านเลยไปหลายปี เธอก็ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานั้นไปอย่างสิ้นเชิงคิดไม่ถึงว่าฉินเย่จะหมกมุ่นอยู่กับคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ขนาดนี้และคงจะดีไม่น้อยถ้าคนที่กระโดดลงไปช่วยเขานั้นเป็นเธออารมณ์ในความฝันดูเหมือนจะผสานเข้ากับเสิ่นหยินอู้ในขณะนี้หัวใจของเธอรู้สึกราวกับถูกก้อนหินทับอยู่ และอาการปวดหัวก็ยิ่งแย่ลงไปอีก ทำไมคนที่กระโดดเข้าไปช่วยเขาในตอนแรกไม่ใช่เธอกันล่ะ?ถ้า..….ถ้า...…ทันใดนั้น ใบหน้าของฉินเย่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ดวงตาของเขาเย็นชาและโหดเหี้ยม"หยินอู้เอาเด็กออกซะ"จากนั้นเจียงฉูฉู่ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา และเกาะติดอยู่กับฉินเย่ราวกับเถาวัลย์“หยินอู้ เธอเอาเด็กออก ไม่
เธอไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้ พอไปโรงพยาบาล เธอก็จะถูกเปิดเผยความลับอย่างแน่นอน พูดไปก็ตลกดี เธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องลูก เพราะเธอต้องการรักษาศักดิ์ศรีเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวเองเอาไว้ แม้ว่าเสิ่นหยินอู้จะรู้ว่าตั้งแต่วันที่เธอตกลงที่จะแต่งงานปลอม ๆ กับฉินเย่ สิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรีของเธอก็ได้หมดไปแล้ว ตอนนี้ ต่อหน้าเขา และต่อหน้าคนในใจของเขา เธอจะไปมีศักดิ์ศรีอะไรกัน? แต่ถึงอย่างนั้น.….. เสิ่นหยินอู้หรี่ตาลง ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังไม่สามารถเปิดเผยทุกสิ่งที่สามารถทำให้ผู้คนขบขันกันออกไปได้ หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ ฉินเย่ก็ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหมุนรถไปรอบ ๆ และจอดอย่างกะทันหันตรงริมถนน เมื่อเสิ่นหยินอู้เห็นแบบนี้ ก็คิดว่าเขาตั้งใจที่จะให้ตัวเองลงจากรถ จึงเอื้อมมือออกไปเปิดประตูรถ คลิก-- วินาทีต่อมา รถกลับถูกล็อคเอาไว้ ฉินเย่มองผ่านกระจกมองหลัง และจ้องมองเธอด้วยเจตจำนงที่ไม่แน่ชัด “ทำไมไม่ไปโรงพยาบาล?” ตั้งแต่กลับมาจากเปียกฝนเมื่อคืนนี้ ก็แปลก ๆ มาโดยตลอด เสิ่นหยินอู้รักษาความนิ่งเอาไว้และพูดว่า "ถ้าไม่สบาย ฉันไปตรวจเองได้ค่ะ" ได้ยินเช่นนี้ ฉินเย่ก็หรี่ตาลงอย่างอันตรา
เสิ่นหยินอู้ลดสายตาลง และครุ่นคิดอยู่ในใจเจียงฉูฉู่ไม่เพียงแต่สวยเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่โดดเด่นมากอีกด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอได้ช่วยชีวิตของฉินเย่เอาไว้และหากเธอเป็นฉินเย่ ก็เกรงว่าจะชอบเธอเข้าเช่นกันหลังจากที่เพื่อนของเจียงฉูฉู่มาถึง เธอก็ขึ้นไปคุยกับเพื่อนของเธออยู่นาน ชายหนุ่มนั้นสวมเสื้อคลุมสีขาว และในที่สุดเขาก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของเสิ่นหยินอู้ จากนั้นก็พยักหน้า แล้วเดินออกมา"สวัสดีครับ เป็นเพื่อนของฉูฉู่ใช่ไหม? ผมชื่อกู้ตงเฉิงนะครับ"เสิ่นหยินอู้พยักหน้าให้เขา: "สวัสดีค่ะ""มีไข้เหรอครับ?"กู้ตงเฉิงถามเบา ๆ พร้อมกับพยายามวางหลังมือลงบนหน้าผากของเสิ่นหยินอู้การเข้าใกล้อย่างกะทันหันทำให้เสิ่นหยินอู้หลบอย่างลืมตัว ปฏิกิริยาของเธอทำให้กู้ตงเฉิงยิ้มและพูดเบา ๆ ว่า: "แค่วัดอุณหภูมิดูน่ะครับ"หลังจากพูดจบ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่หยิบเทอร์โมมิเตอร์ออกมาแล้วพูดว่า "วัดอุณหภูมิก่อนแล้วกัน"เสิ่นหยินอู้รับมันมาจากนั้นเสียงของฉินเย่ก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง: "ใช้เทอร์โมมิเตอร์เป็นไหม?"เสิ่นหยินอู้:"…..."เธอเพิกเฉยต่อเขา ทำไมแม้แต่เทอร์โมมิเตอร์เธอถึงจะใช้ไม่เป็นด้ว
เสแสร้ง?เสิ่นหยินอู้ นิ่งไปชั่วครู่แล้วเยาะเย้ยในใจ“แน่ล่ะ เรื่องเข้าอกเข้าใจฉันเทียบกับฉูฉู่ของคุณไม่ได้หรอก”ประโยคหนึ่งที่เพิ่งโพล่งออกมาฉินเย่ตะลึงจนพูดไม่ออกเสิ่นหยินอู้เองก็อึ้งไปเช่นกันเธอ……กำลังพูดมั่วอะไรเนี่ย?เสิ่นหยินอู้เสียใจในคำพูดที่ไม่ถูกของเขา คางของเสิ่นหยินถูกฉินเย่ยกขึ้น และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็สบเข้ากับดวงตาสีเข้มของเขาฉินเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาเฉียบคมราวกับดวงตาของนกอินทรี“คุณอิจฉาเธอเหรอ?”คิ้วของเสิ่นหยินอู้กระตุก และรีบปัดมือของเขาออก“คุณกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร?”อย่างไรก็ตาม มือของเธอไม่มีกำลังและเมือสัมผัสเขา นุ่มมนวลและไร้กำลังขัดขืน การกระทำนี้ทำให้ฉินเย่เลิกคิ้ว ยิ้มเยาะและคว้าข้อมือของเธอ"อ่อนแอขนาดนี้เลย?""คุณโง่มาก."เสิ่นหยินอู้ว่าจบประโยค แล้วชักมือกลับ ผลก็คือ เขาเอนหลังโซฟาเพราะออกแรงมากเกินไปหลังจากนั้นก็ลุกไม่ขึนไม่มีแรง.ฉินเย่ยืนอยู่ที่นั่นมองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน แล้วพูดว่า:"เดี๋ยวก่อน"หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องน้ำ หยิบกะละมังพลาสติกที่มีน้ำและผ้าเช็ดตัวออกมา วางบนเก้าอี้ข้างๆ เธอฉินเย่แช่ผ้าเช็ดตั
ฉินเย่จำต้องยื่นผ้าขนหนูเปียก ๆ ไปให้เธอ"ตงเฉิงบอกวิธีการทั้งหมดมาอย่างละเอียดแล้ว ตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน เย่คุณไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะดูแลหยินอู้ให้เป็นอย่างดีเลยค่ะ"หลังจากได้ยินแบบนี้ ฉินเย่ก็เหลือบมองไปที่เสิ่นหยินอู้ซึ่งกำลังนอนนิ่งเหมือนศพอยู่ตรงนั้น ก่อนจะพยักหน้า: "อืม"จากนั้นเขาก็ออกไปและประตูก็ปิดลงในห้องเงียบสงบ หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นหยินอู้ก็ซักผ้าขนหนูใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็เปิดกระเป๋าแล้วเดินไปหาเธอ“หยินอู้ ฉันช่วยเช็ดตัวให้คุณได้ไหมคะ?”ตอนนี้เสิ่นหยินอู้ไม่มีแรงเลยจริง ๆ และจำเป็นต้องให้คนอื่นช่วยเธอ แต่ว่า…...“ทำไมไม่เรียกพยาบาลล่ะคะ แบบนี้จะรบกวนคุณมากเกินไปหรือเปล่า?” เธอเสนอขึ้นมาเจียงฉูฉู่ยิ้มเบา ๆ : "ไม่รบกวนเลยค่ะ พยาบาลจะเช็ดครอบคลุมแบบฉันได้ยังไงกันคะ? ตราบใดที่คุณไม่รังเกียจที่จะให้ฉันเห็นทุกอย่างก็ได้แล้วล่ะค่ะ"เมื่อพูดแบบนี้แล้ว เธอจะพูดอะไรได้อีก จึงทำได้เพียงกระตุกมุมริมฝีปากและพยักหน้าหลังจากที่เธอตกลง เจียงฉูฉู่ก็เข้ามาและปลดกระดุมเสื้อผ้าให้เธอและเพื่อหลีกเลี่ยงความอาย เสิ่นหยินอู้จึงหลับตาลงและไม่จ้องมองในขณะที่เจียงฉูฉู่ปล
เธอพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำและไม่อ้อมค้อมเหมือนเจียงฉูฉู่จู่ๆ เจียงฉูฉู่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย:"ฉัน ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น"เสิ่นหยินอู้เองก็ขี้เกียจจะใส่ใจว่าเธอหมายถึงอะไรก่อนออกเดินทางกู้ตงเฉิง ได้สั่งยาให้เธอและพูดกับเจียงฉูฉู่:"ถึงเพื่อนของคุณไม่อยากดื่มยาแต่เท่าที่ดูอาการถ้าพอไหวก็ดื่มสักหน่อยเถอะที่ผมสั่งคือยาจีนโบราณซึ่งไม่ทำร้ายร่างกาย แค่ดื่มสักหน่อยก็พอ”“ตกลง”เจียง ฉูฉู่รับยาจีน ไปทั้งสามคนออกจากคลินิกและกลับไปที่บ้านของตระกูลฉินณ บ้านตระกูลฉินทันทีที่ประตูรถเปิดออก เสิ่นหยินอู้รู้สึกอึดอัดจนเดินออกไป ตอนนี้เธอแค่อยากกลับขึ้นไปชั้นบนแล้วนอนพักแต่เมื่อเธอลงจากรถ เธอก็โซเซและเกือบจะพุ่งไปข้างหน้า แต่ฉินเย่เอื้อมมือคว้ารับเธอได้ทันเวลาเขาขมวดคิ้วมองดูเธอ:"สภาพแบบนี้แล้วเธอยังไม่อยากกินยาอีก หรือจับฉีดยาเลย เธอนี้จริงๆเลย... "เจียงฉูฉู่ ที่กำลังลงจากรถ เห็นมือของคนสองคนสัมผัสกันจึงรีบเดินเข้าไปช่วยประคองเสิ่นหยิ่นอู้"เย่ ให้ฉันช่วยเถอะ"เจียงฉูฉู่ ช่วยประคองเสิ่นหยิ่นอู้เข้าไปในประตูและทักทายบรรดาคนรับใช้ที่เห็นเมื่อคนรับใช้เห็นเจียงฉูฉู่ สายตาของพวกเขาต