ชายนั่งรอผลการประเมินอยู่ในห้องเดิม พวกหุ่นยนต์เก็บครัวชั่วคราวไปจนหมดแล้ว ตอนนี้เขาจึงได้แต่นั่งเล่นเป่ายิ้งฉุบกับตัวเองแก้เบื่อ แต่แล้วอยู่ๆ พวกหุ่นยนต์ก็หอบครัวชั่วคราวกลับมาตั้งใหม่อีกครั้ง
‘เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?’ เด็กหนุ่มได้แต่กะพริบตาปริบๆ กับความเปลี่ยนแปลงตรงหน้า แต่เขาก็ไม่ต้องสงสัยอยู่นานนักเพราะไม่กี่อึดใจต่อมาคนในเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาภายในห้อง
“สวัสดีคุณชายพวกเราคือคณะกรรมการประเมินผลของคุณ” กรรมการจากเผ่าหมาป่าผู้มีใบหูสีรูปสามเหลี่ยมสีเทาอยู่บนศีรษะกล่าวทักทายเป็นภาษากลางของสมาพันธรัฐอันโดรเมดา แน่นอนว่าชายย่อมฟังไม่ออกแต่เจ้าหุ่นยนต์ผู้ช่วยที่ลอยอยู่ข้างตัวก็แปลเป็นภาษาอังกฤษให้โดยไม่ต้องร้องขอ
“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มกล่าวทักทายตอบด้วยภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาเดียวที่เขาสามารถใช้สื่อสารกับผู้คนในยุคปัจจุบันนี้ได้ หลังจากเว้นระยะให้หุ่นยนต์ช่วยแปลภาษาแล้วเขาก็ถามต่อไปว่า “การประเมินของผมมีปัญหาหรือครับ? ทำไมถึงต้องตั้งครัวอีกครั้งด้วย?”
“ไม่เชิงมีปัญหาหรอก เรื่องของเรื่องก็คือข้าวที่คุณหุงนั้นดีมาก เราจึงอยากให้คุณหุงข้าวอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ขอให้อธิบายทุกขั้นตอนอย่างละเอียดด้วย” ตัวแทนคณะกรรมการชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา
ชายต้องรอให้หุ่นยนต์ช่วยแปลภาษาอยู่ครู่หนึ่งจึงจะสามารถโต้ตอบกับอีกฝ่ายได้ อันที่จริงแล้วภาษากลางในยุคนี้ก็ไม่ถึงกับฟังไม่ออก มันคล้ายกับภาษาอังกฤษปนกับภาษาจีนและภาษาอื่นๆ อีกอย่างละนิดละหน่อย แต่เพราะความหลากหลายทางวัฒนธรรมและกาลเวลาอันยาวนานทำให้สำเนียงและคำศัพท์แตกต่างไปจนยากจะทำความเข้าใจได้ในระยะเวลาสั้นๆ
“อ้อ! ได้สิครับ” เขาตอบตกลงเมื่อหุ่นยนต์แปลความให้ฟัง ชายเห็นว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีจึงรีบคว้าเอาไว้ จากนั้นเขาก็ลงมือทันที อย่างไรก็ตามข้าวที่ถูกนำมาในคราวนี้ไม่ได้มีเพียงชนิดเดียวเหมือนที่ผ่านมา
“เป็นอะไรไปหรือ?” กรรมการสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของเด็กหนุ่มจึงถามขึ้นมา ในใจของพวกเขาเริ่มเป็นกังวล น่ากลัวเหลือเกินว่าการที่ข้าวออกมาดีในครั้งก่อนนั้นอาจจะเป็นเพราะโชคช่วย
“ข้าวบางชนิดที่พวกคุณเตรียมมาผมไม่รู้จัก หรือต่อให้รู้จักก็กะปริมาณน้ำไม่ถูก” ชายบอกไปตามตรงก่อนถามว่า “จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมหุงข้าวแค่ไม่กี่ชนิดที่มั่นใจว่าจะทำออกมาได้ดี”
พอมนุษย์โบราณถามมาแบบนี้พวกกรรมการก็หันไปปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้ข้อสรุปออกมาว่า “คุณชายเริ่มจากข้าวที่ถนัดก่อน ส่วนข้าวที่เหลือลองทำดูก็ไม่เสียหาย เราอยากรวบรวมองค์ความรู้จากยุคก่อนให้ได้มากที่สุด”
เมื่อได้รับคำสั่งมาแบบนั้นชายก็ไม่คิดมากอีก เขาเริ่มจากข้าวที่ดูคล้ายข้าวญี่ปุ่นในความทรงจำ ชายไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนที่เขาตวงข้าวชนิดนี้ขึ้นมากรรมการทั้งสี่คนจะกลั้นหายใจด้วยความตื่นเต้น
ข้าวเม็ดกลมมนนั้นเป็นข้าวที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไรเพราะเมื่อหุงแล้วมักจะแข็งอีกทั้งยังมียางมากทำให้ได้สัมผัสที่ไม่อร่อย หากนำไปทำข้าวต้มก็พอได้อยู่แต่ข้าวขาวธรรมดาก็นำไปทำข้าวต้มได้เช่นกัน ดังนั้นข้าวเม็ดกลมชนิดนี้จึงแทบจะไม่มีการปลูกกันแล้ว หน่วยรบที่สิบเอ็ดมีข้าวชนิดนี้อยู่ก็เพราะมันเป็นของเหลือค้างจากเสบียงเมื่อประมาณห้าร้อยปีก่อน ทุกครั้งที่ช่วยเหลือชนเผ่าโบราณมาได้พวกเขาก็มักจะนำข้าวเก่าเก็บพวกนี้มาให้ทดลองใช้ เผื่อว่าจะค้นพบวิธีประกอบอาหารใหม่ๆ ให้เป็นผลงานของหน่วยบ้างแต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง
“ข้าวชนิดนี้ต้องล้างให้สะอาดไม่อย่างนั้นพอหุงแล้วจะเหนียวมียางมาก” มนุษย์โบราณผู้ไม่ตระหนักถึงความเสื่อมถอยของวัฒนธรรมการปรุงอาหารแห่งโลกอนาคตพูดอธิบายด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ถ้ามีกระชอนตาถี่ช่วยจะดีมากแต่ถ้าไม่มีก็ขัดถูข้าวให้ดีๆ แล้วค่อยๆ รินน้ำออก ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำจะใส” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ทำการล้างข้าวต่อไป สัมผัสของข้าวบนฝ่ามือทำให้รู้สึกดีไม่น้อย สมัยเรียนอยู่เขาเคยไปทำงานพิเศษให้กับร้านขายซูชิตามตลาดนัด ถึงจะไม่ใช่ร้านต้นตำรับแต่อย่างน้อยๆ ก็ได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง
การล้างข้าวอย่างพิถีพิถันของชายสร้างความประหลาดใจให้แก่คณะกรรมการเป็นอย่างมาก พวกเขาเคยคิดว่าการล้างข้าวมากเกินไปจะทำให้สูญเสียสารอาหารที่สำคัญ “คนโบราณนี่ไม่คำนึงถึงหลักโภชนาการเลยจริงๆ” หนึ่งในคณะกรรมการบ่น แต่กรรมการอีกคนกลับไม่เห็นด้วย “ข้าวขาวไม่ค่อยมีสารอาหารอะไรนอกจากคาร์โบไฮเดรตอยู่แล้ว ถ้ามันทำให้อร่อยขึ้นได้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร กินสารอาหารอัดเม็ดทดแทนก็ได้”
“แบบนั้นจะกินอาหารปรุงสุกไปทำไมกันล่ะ?”
“ก็มันอร่อยยังไงล่ะ”
เหล่ากรรมการทำท่าจะเถียงกันต่อ แต่เสียงของชายก็ดึงความสนใจของพวกเขากลับไปที่ตัวเด็กหนุ่ม “พอล้างข้าวเสร็จแล้วก็แช่เอาไว้ก่อน ต้องรอจนข้าวเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นทั้งเมล็ดก่อนถึงจะเอาไปหุงได้ ระหว่างนี้ผมจะหุงข้าวอีกชนิดรอ” กล่าวแล้วชายก็หันไปตวงข้าวขาวที่ดูคล้ายข้าวไทยใส่หม้ออีกใบ “ข้าวชนิดนี้ไม่ต้องล้างมากนักก็ได้ ปกติแล้วถ้าทำกินเองที่บ้านเราจะใช้นิ้วมือวัดระดับน้ำ แตะปลายนิ้วลงบนผิวข้าวสารกะให้น้ำอยู่ในระดับหนึ่งข้อนิ้วมือเท่านี้ก็เรียบร้อย แต่ถ้าต้องหุงจำนวนเยอะหรือทำขายก็ใช้อัตราส่วนข้าวหนึ่งส่วนต่อน้ำหนึ่งส่วนครึ่งก็ได้เหมือนกัน” ข้อมูลใหม่นี้ทำให้เหล่ากรรมการตาวาว แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังต้องรอดูต่อไป เพราะที่ผ่านมาสถาบันวิจัยอาหารปรุงสุกก็เคยทดลองเรื่องปริมาณน้ำแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลสักเท่าไร
ชายน้ำหม้อที่ใส่ข้าวและน้ำพร้อมแล้วไปตั้งบนเตา “ผมจะหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ เราจะเริ่มจากไฟแรงก่อน รอจนน้ำเดือดแล้วค่อยเบาไฟลง เราจะปิดฝาเอาไว้ตลอด แต่ถ้ากลัวข้าวก้นหม้อจะไหม้ช่วงแรกที่ใช้ไฟแรงจะคนข้าวไปก่อนก็ได้ แต่พอน้ำเดือดและเบาไฟลงแล้วควรจะปิดฝาไว้ให้ไอน้ำระอุอยู่ภายใน มันจะช่วยให้ข้าวฟูน่ากิน การหุงข้าวด้วยวิธีนี้จะใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที ช่วงใกล้ครบเวลาจะเปิดดูข้าวเพื่อความแน่ใจก็ได้”
เด็กหนุ่มอธิบายยืดยาวแต่สิ่งที่ทำก็แค่ตั้งหม้อข้าวบนเตาเท่านั้น “ข้าวทางนี้เปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งเมล็ดแล้ว ผมจะเริ่มหุงข้าวเลย” กล่าวแล้วเขาก็เทน้ำที่แช่ข้าวออกแล้วเติมน้ำเข้าไปใหม่อีกครั้ง “ข้าวชนิดนี้จะใช้อัตราส่วนข้าวกับน้ำเหมือนกันกับก่อนหน้าก็ได้ หรือจะลดลงมานิดหน่อยก็ได้เหมือนกัน ส่วนวิธีหุงสามารถใช้วิธีเดียวกันได้” พร้อมกับพูดเขาก็ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ จากนั้นก็หรี่ไฟของข้าวหม้อแรกลง เสร็จแล้วก็หันไปให้ความสนใจกับข้าวชนิดอื่นๆ ที่เหลือ
“ดูด้วยตาแบบนี้ก็ลำบากเหมือนกันนะ” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำพลางพยายามแยกข้าวแต่ละชนิดออกจากกัน
“คุณสามารถออกคำสั่งให้หุ่นยนต์ผู้ช่วยบอกข้อมูลของข้าวแต่ละชนิดได้นะ” กรรมการคนหนึ่งแนะนำด้วยความหวังดี แล้วพูดเสริมอีกว่า “แต่ฐานข้อมูลจะไม่ตรงกับภาษาที่คุณใช้ อาจมีความคลาดเคลื่อนระหว่างแปลอยู่บ้าง”
“เท่านี้ก็ดีมากแล้ว ขอบคุณครับ” ชายหันไปกล่าวขอบคุณกรรมการคนนั้น ก่อนจะออกคำสั่งกับหุ่นยนต์ผู้ช่วยให้แสดงข้อมูลของข้าวแต่ละชนิด เจ้าลูกบอลพอได้รับคำสั่งก็ฉายแสงออกมาสแกนสัญลักษณ์ที่มีรูปร่างคล้าย QR code แบบสามมิติที่ติดอยู่บนกล่อง ไม่ถึงอึดใจต่อมาข้อมูลของข้าวชนิดนั้นก็ถูกฉายออกมาในรูปแบบของภาพโฮโลแกรม
R002xxxx
ชื่อสามัญ: Tickyrin
คุณสมบัติ: มีความแข็งกว่าข้าวขาวมาตรฐาน นิยมนำไปโม่เป็นแป้งผสมในอาหารสำเร็จรูป
‘ทิกกี้ริน? มันคืออะไรกันล่ะ?’ ชายขมวดคิ้วงุนงงกับคำอธิบายที่เหมือนไม่ช่วยอะไรเลย แต่พอลองถามรายละเอียดจากหุ่นยนต์ต่อไปก็พบว่าแป้งที่ได้จากข้าวชื่อประหลาดนี้มีคุณสมบัติคล้ายข้าวเหนียวในยุคที่เขาจากมา
‘หรือชื่อเรียกนั่นมันจะเพี้ยนมาจาก Sticky Rice กันนะ?’ พอคิดๆ ดูแล้วชายก็พบว่าข้อสันนิษฐานของตนฟังดูเข้าที ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะหุงมันด้วยวิธีการเดียวกับข้าวเหนียว
“โอ๊ะ! น้ำเดือดแล้วนี่นา” ชายพึมพำกับตัวเองเมื่อหันมาเห็นว่าหม้อหุงข้าวญี่ปุ่นส่งเสียงเดือดปุดๆ แล้ว เด็กหนุ่มรีบเข้าไปหรี่ไฟ จากนั้นก็กลับไปตวงข้าวเหนียวมาล้างทำความสะอาด
“คุณจะหุงทิกกี้รินหรือ? ลองข้าวชนิดอื่นจะดีกว่าไหม อย่างข้าวสีครามนั่นถึงรสชาติจะขมไปสักหน่อยแต่ก็นิ่มกว่าทิกกี้รินนะ” กรรมการคนเดิมกับที่บอกชายเรื่องการตรวจสอบพันธุ์ข้าวเอ่ยแนะนำ
“ผมคิดว่ามันคล้ายกับข้าวเหนียวจากดาวบ้านเกิดผมน่ะครับ เลยอยากลองดู”
“ข้าวเหนียว?”
“เป็นข้าวที่พอหุงแล้วจะมีความเหนียวกว่าข้าวธรรมดา ให้รสสัมผัสที่แตกต่างออกไปแต่ก็อร่อยครับ” ชายอธิบายพลางนำข้าวเหนียวไปล้างให้สะอาด “ข้าวชนิดนี้จะมียางมากกว่าข้าวญี่ปุ่น...เอ่อผมหมายถึงข้าวเม็ดกลมๆ ก่อนหน้านี้เพราะฉะนั้นก็เลยต้องล้างหลายน้ำหน่อย แล้วก็มันเป็นข้าวที่สุกยาก ปกติเราจะแช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อยสามชั่วโมง หรือไม่ก็แช่ข้ามคืนเลย แต่เพื่อประหยัดเวลาผมจะแช่ในน้ำอุ่นแทนนะครับ” กล่าวแล้วก็กดน้ำร้อนจากเครื่องจ่ายน้ำที่ถูกนำมาติดตั้งชั่วคราวใส่ภาชนะ “แช่ไว้สักสามสิบถึงหกสิบนาทีก็พอ” มันเป็นวิธีที่เขามักจะใช้เวลาอยากกินข้าวเหนียวขึ้นมากะทันหัน แค่แช่ข้าวไว้ในน้ำอุ่นก่อนนำไปนึ่งตามปกติสักครึ่งชั่วโมงก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องแช่ข้าวทิ้งไว้ข้ามคืนให้วุ่นวายเลย
“ต้องรอนานขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ครับ ไม่อย่างนั้นข้าวมันจะสุกไม่ทั่ว” ชายหันไปตอบยิ้มๆ ตอนนั้นก็พอดีกับที่ข้าวหม้อแรกสุก เขาปิดไฟแล้วยกหม้อลงจากเตา คนข้าวดูเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสุกทั่วถึงกันดีและไม่แฉะก็คลี่ยิ้มออกมา “ข้าวขาวสุกแล้วครับ ลองชิมดูได้”
เมื่อได้รับคำเชิญคณะกรรมการทั้งสี่ก็ก้าวเข้ามามุงดูหม้อใบน้อยอย่างสนใจ พวกเขาใช้ช้อนส่วนตัวตักข้าวชิมคนละคำ ก่อนจะส่งเสียงพึมพำอย่างพออกพอใจในผลลัพธ์ที่ได้
“เป็นเทคนิคที่น่าสนใจมาก คุณจะได้ค่าตอบแทนจากองค์ความรู้นี้อย่างเหมาะสมเลยทีเดียว”
“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นครับ” รอยยิ้มของชายกว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินว่าเขาจะได้รับเงินทุนมากกว่าจำนวนขั้นต่ำอย่างแน่นอน ‘อย่างน้อยก็ไม่ต้องอดไปพักใหญ่ล่ะนะไอ้ชาย’ เขาบอกตัวเองแบบนั้นแล้วก็กลับไปให้ความสนใจกับข้าวสารชนิดอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ทำการหุง
ชายอาจจะไม่เคยทำงานในร้านอาหารอย่างจริงจังแต่ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเขาก็คือการได้เข้าครัวกับคุณพ่อคุณแม่เมื่อครั้งยังเด็ก พ่อของเขาเป็นพ่อครัวฝีมือดีที่ถนัดอาหารแนวตะวันตก ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ชายจะรู้สึกคุ้นเคยกับเมล็ดข้าวสองสามชนิดที่โดดเด่นท่ามกลางข้าวสารมากมายหลายชนิด
“แต่มีแค่น้ำแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ...” เด็กหนุ่มพึมพำแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจจนหนึ่งในคณะกรรมการอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“มีปัญหาอะไรหรือคุณชาย?”
“ข้าวสามชนิดนี้ผมรู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็นน่ะสิครับ ผมสามารถบอกแค่วิธีทำที่รู้ได้ไหม?”
“คุณรู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็น?”
“ครับ” ชายพยักหน้า แล้วขยายความต่อไป “มันต้องใช้ทักษะและความชำนาญ ผมไม่เคยทำมาก่อนคงทำไม่ได้ดี อีกอย่างวัตถุดิบก็ไม่ครบด้วย”
“การปรุงข้าวปกติใช้แค่น้ำไม่ใช่หรือ?”
“โดยพื้นฐานก็ใช่ แต่เราสามารถปรุงข้าวระหว่างหุงได้เช่นกัน อย่างข้าวขาวที่ผมหุงไปนั่นหากเติมเกลือไปสักนิดจะได้ข้าวที่มีรสติดเค็มเล็กน้อยและเก็บรักษาได้นานขึ้น หรือถ้าชอบกลิ่นเครื่องเทศก็สามารถใส่เครื่องเทศปริมาณเล็กน้อยลงไปได้ ส่วนข้าวญี่ปุ่น...หมายถึงข้าวเม็ดกลมๆ นี่หากจะนำไปทำซูชิก็จะนำข้าวที่หุงเสร็จแล้วไปคลุกเคล้ากับน้ำส้มสายชูที่ปรุงรสเอาไว้ครับ” พูดถึงตรงนี้ก็ได้เวลาที่ข้าวญี่ปุ่นจะสุกพอดี ชายปิดไฟแล้วยกหม้อลงจากเตา พอเปิดฝาหม้อออกก็เห็นข้าวสีขาวนุ่มฟูที่ดูแฉะเล็กน้อย
“มันค่อนข้างจะเละนะ” กรรมการคนหนึ่งออกความเห็นทันที แต่ชายก็หาได้มีสีหน้าเป็นกังวลไม่ เขาระบายยิ้มบางๆ แล้วก็หยิบไม้พายมาคนข้าวเบาๆ
“แรกๆ ก็จะดูเหมือนแฉะไปหน่อย แต่พอคนข้าวให้ไอน้ำระเหยแล้วข้าวก็จะแห้งขึ้นครับ” เขาอธิบายไปพลางคนข้าวไปพลาง ระวังไม่ให้ออกแรงมากเกินไปไม่อย่างนั้นข้าวจะเละเข้าจริงๆ ทำอยู่ไม่นานข้าวที่ดูแฉะไม่น่ารับประทานในตอนแรกก็กลายเป็นข้าวที่ดูนุ่มฟูชวนน้ำลายสอ
คราวนี้พวกกรรมการไม่รอให้ชายเอ่ยเชิญพวกเขาต่างชิมข้าวที่เพิ่งหุงใหม่กันคนละคำทันที แล้วก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง ใครจะคิดเล่าว่าข้าวที่แทบจะถูกลืมเลือนไปแล้วจะอร่อยเช่นนี้
“คุณชายบอกว่ามันสามารถปรุงรสเพิ่มได้ใช่ไหม?”
“ครับ ก่อนอื่นก็ผสมน้ำส้มสายชู เกลือ น้ำตาล ให้ได้รสที่ถูกปากแล้วก็เอามาพรมลงบนข้าว คลุกให้ทั่วก็จะได้ข้าวซูชิแล้ว”
“ซูชิ?”
“เป็นเมนูจากดาวบ้านเกิดของผมเอง” ชายให้คำนิยามง่ายๆ แล้วก็อธิบายให้คนแห่งอนาคตฟังว่าซูชิคืออะไรรวมไปถึงอาหารคล้ายๆ กันอย่างข้าวปั้น และมากิด้วย เหล่าคณะกรรมการดูจะชอบใจกับแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาของอาหารชนิดนี้ อย่างไรก็ตามเพราะมันฟังดูง่ายชายจึงไม่ต้องสาธิตวิธีทำให้ดู เช่นเดียวกันกับข้าวรีซอตโตที่เขารู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็น เด็กหนุ่มเพียงแค่ต้องพิมพ์วิธีทำและวาดภาพประกอบตามที่จำเป็นให้แก่ทางกองทัพเท่านั้น
ตลอดทั้งวันชายจึงวุ่นวายอยู่ในห้องประเมินจนเย็นแต่มันก็คุ้มค่าเพราะเขาได้รับเงินทุนตั้งตัวเป็นจำนวนถึงสามล้านสองแสนหกหมื่นสตาร์เลยทีเดียว เหตุที่ได้เงินมากถึงขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าวิธีการหุงข้าวของเขาถูกจัดให้เป็นองค์ความรู้ระดับสูงที่เป็นประโยชน์มากต่อสมาพันธรัฐอันโดรเมดา วิธีหุงข้าวหนึ่งชนิดเขาได้ค่าตอบแทนถึงหนึ่งล้านสตาร์เลยทีเดียว แน่นอนว่ามันต้องหักภาษีไปอีกร้อยละเจ็ดแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา นอกจากนี้เขายังได้ใบประกอบวิชาชีพผู้ปรุงอาหารมาด้วย เส้นทางชีวิตต่อจากนี้ย่อมไม่ลำบากเกินไปนัก
๐๐๐