Share

บทที่ 2

last update Последнее обновление: 2024-12-20 19:46:23

ชายนั่งรอผลการประเมินอยู่ในห้องเดิม พวกหุ่นยนต์เก็บครัวชั่วคราวไปจนหมดแล้ว ตอนนี้เขาจึงได้แต่นั่งเล่นเป่ายิ้งฉุบกับตัวเองแก้เบื่อ แต่แล้วอยู่ๆ พวกหุ่นยนต์ก็หอบครัวชั่วคราวกลับมาตั้งใหม่อีกครั้ง

‘เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย?’ เด็กหนุ่มได้แต่กะพริบตาปริบๆ กับความเปลี่ยนแปลงตรงหน้า แต่เขาก็ไม่ต้องสงสัยอยู่นานนักเพราะไม่กี่อึดใจต่อมาคนในเครื่องแบบกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาภายในห้อง

“สวัสดีคุณชายพวกเราคือคณะกรรมการประเมินผลของคุณ” กรรมการจากเผ่าหมาป่าผู้มีใบหูสีรูปสามเหลี่ยมสีเทาอยู่บนศีรษะกล่าวทักทายเป็นภาษากลางของสมาพันธรัฐอันโดรเมดา แน่นอนว่าชายย่อมฟังไม่ออกแต่เจ้าหุ่นยนต์ผู้ช่วยที่ลอยอยู่ข้างตัวก็แปลเป็นภาษาอังกฤษให้โดยไม่ต้องร้องขอ

“สวัสดีครับ” เด็กหนุ่มกล่าวทักทายตอบด้วยภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาเดียวที่เขาสามารถใช้สื่อสารกับผู้คนในยุคปัจจุบันนี้ได้ หลังจากเว้นระยะให้หุ่นยนต์ช่วยแปลภาษาแล้วเขาก็ถามต่อไปว่า “การประเมินของผมมีปัญหาหรือครับ? ทำไมถึงต้องตั้งครัวอีกครั้งด้วย?”

“ไม่เชิงมีปัญหาหรอก เรื่องของเรื่องก็คือข้าวที่คุณหุงนั้นดีมาก เราจึงอยากให้คุณหุงข้าวอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ขอให้อธิบายทุกขั้นตอนอย่างละเอียดด้วย” ตัวแทนคณะกรรมการชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา

ชายต้องรอให้หุ่นยนต์ช่วยแปลภาษาอยู่ครู่หนึ่งจึงจะสามารถโต้ตอบกับอีกฝ่ายได้ อันที่จริงแล้วภาษากลางในยุคนี้ก็ไม่ถึงกับฟังไม่ออก มันคล้ายกับภาษาอังกฤษปนกับภาษาจีนและภาษาอื่นๆ อีกอย่างละนิดละหน่อย แต่เพราะความหลากหลายทางวัฒนธรรมและกาลเวลาอันยาวนานทำให้สำเนียงและคำศัพท์แตกต่างไปจนยากจะทำความเข้าใจได้ในระยะเวลาสั้นๆ

“อ้อ! ได้สิครับ” เขาตอบตกลงเมื่อหุ่นยนต์แปลความให้ฟัง ชายเห็นว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีจึงรีบคว้าเอาไว้ จากนั้นเขาก็ลงมือทันที อย่างไรก็ตามข้าวที่ถูกนำมาในคราวนี้ไม่ได้มีเพียงชนิดเดียวเหมือนที่ผ่านมา

“เป็นอะไรไปหรือ?” กรรมการสังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของเด็กหนุ่มจึงถามขึ้นมา ในใจของพวกเขาเริ่มเป็นกังวล น่ากลัวเหลือเกินว่าการที่ข้าวออกมาดีในครั้งก่อนนั้นอาจจะเป็นเพราะโชคช่วย

“ข้าวบางชนิดที่พวกคุณเตรียมมาผมไม่รู้จัก หรือต่อให้รู้จักก็กะปริมาณน้ำไม่ถูก” ชายบอกไปตามตรงก่อนถามว่า “จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมหุงข้าวแค่ไม่กี่ชนิดที่มั่นใจว่าจะทำออกมาได้ดี”

พอมนุษย์โบราณถามมาแบบนี้พวกกรรมการก็หันไปปรึกษากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้ข้อสรุปออกมาว่า “คุณชายเริ่มจากข้าวที่ถนัดก่อน ส่วนข้าวที่เหลือลองทำดูก็ไม่เสียหาย เราอยากรวบรวมองค์ความรู้จากยุคก่อนให้ได้มากที่สุด”

เมื่อได้รับคำสั่งมาแบบนั้นชายก็ไม่คิดมากอีก เขาเริ่มจากข้าวที่ดูคล้ายข้าวญี่ปุ่นในความทรงจำ ชายไม่ได้สังเกตเลยว่าตอนที่เขาตวงข้าวชนิดนี้ขึ้นมากรรมการทั้งสี่คนจะกลั้นหายใจด้วยความตื่นเต้น

ข้าวเม็ดกลมมนนั้นเป็นข้าวที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไรเพราะเมื่อหุงแล้วมักจะแข็งอีกทั้งยังมียางมากทำให้ได้สัมผัสที่ไม่อร่อย หากนำไปทำข้าวต้มก็พอได้อยู่แต่ข้าวขาวธรรมดาก็นำไปทำข้าวต้มได้เช่นกัน ดังนั้นข้าวเม็ดกลมชนิดนี้จึงแทบจะไม่มีการปลูกกันแล้ว หน่วยรบที่สิบเอ็ดมีข้าวชนิดนี้อยู่ก็เพราะมันเป็นของเหลือค้างจากเสบียงเมื่อประมาณห้าร้อยปีก่อน ทุกครั้งที่ช่วยเหลือชนเผ่าโบราณมาได้พวกเขาก็มักจะนำข้าวเก่าเก็บพวกนี้มาให้ทดลองใช้ เผื่อว่าจะค้นพบวิธีประกอบอาหารใหม่ๆ ให้เป็นผลงานของหน่วยบ้างแต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยสักครั้ง

“ข้าวชนิดนี้ต้องล้างให้สะอาดไม่อย่างนั้นพอหุงแล้วจะเหนียวมียางมาก” มนุษย์โบราณผู้ไม่ตระหนักถึงความเสื่อมถอยของวัฒนธรรมการปรุงอาหารแห่งโลกอนาคตพูดอธิบายด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ถ้ามีกระชอนตาถี่ช่วยจะดีมากแต่ถ้าไม่มีก็ขัดถูข้าวให้ดีๆ แล้วค่อยๆ รินน้ำออก ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าน้ำจะใส” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ทำการล้างข้าวต่อไป สัมผัสของข้าวบนฝ่ามือทำให้รู้สึกดีไม่น้อย สมัยเรียนอยู่เขาเคยไปทำงานพิเศษให้กับร้านขายซูชิตามตลาดนัด ถึงจะไม่ใช่ร้านต้นตำรับแต่อย่างน้อยๆ ก็ได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง

การล้างข้าวอย่างพิถีพิถันของชายสร้างความประหลาดใจให้แก่คณะกรรมการเป็นอย่างมาก พวกเขาเคยคิดว่าการล้างข้าวมากเกินไปจะทำให้สูญเสียสารอาหารที่สำคัญ “คนโบราณนี่ไม่คำนึงถึงหลักโภชนาการเลยจริงๆ” หนึ่งในคณะกรรมการบ่น แต่กรรมการอีกคนกลับไม่เห็นด้วย “ข้าวขาวไม่ค่อยมีสารอาหารอะไรนอกจากคาร์โบไฮเดรตอยู่แล้ว ถ้ามันทำให้อร่อยขึ้นได้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร กินสารอาหารอัดเม็ดทดแทนก็ได้”

“แบบนั้นจะกินอาหารปรุงสุกไปทำไมกันล่ะ?”

“ก็มันอร่อยยังไงล่ะ”

เหล่ากรรมการทำท่าจะเถียงกันต่อ แต่เสียงของชายก็ดึงความสนใจของพวกเขากลับไปที่ตัวเด็กหนุ่ม “พอล้างข้าวเสร็จแล้วก็แช่เอาไว้ก่อน ต้องรอจนข้าวเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นทั้งเมล็ดก่อนถึงจะเอาไปหุงได้ ระหว่างนี้ผมจะหุงข้าวอีกชนิดรอ” กล่าวแล้วชายก็หันไปตวงข้าวขาวที่ดูคล้ายข้าวไทยใส่หม้ออีกใบ “ข้าวชนิดนี้ไม่ต้องล้างมากนักก็ได้ ปกติแล้วถ้าทำกินเองที่บ้านเราจะใช้นิ้วมือวัดระดับน้ำ แตะปลายนิ้วลงบนผิวข้าวสารกะให้น้ำอยู่ในระดับหนึ่งข้อนิ้วมือเท่านี้ก็เรียบร้อย แต่ถ้าต้องหุงจำนวนเยอะหรือทำขายก็ใช้อัตราส่วนข้าวหนึ่งส่วนต่อน้ำหนึ่งส่วนครึ่งก็ได้เหมือนกัน” ข้อมูลใหม่นี้ทำให้เหล่ากรรมการตาวาว แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังต้องรอดูต่อไป เพราะที่ผ่านมาสถาบันวิจัยอาหารปรุงสุกก็เคยทดลองเรื่องปริมาณน้ำแล้วแต่ก็ไม่เป็นผลสักเท่าไร

ชายน้ำหม้อที่ใส่ข้าวและน้ำพร้อมแล้วไปตั้งบนเตา “ผมจะหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ เราจะเริ่มจากไฟแรงก่อน รอจนน้ำเดือดแล้วค่อยเบาไฟลง เราจะปิดฝาเอาไว้ตลอด แต่ถ้ากลัวข้าวก้นหม้อจะไหม้ช่วงแรกที่ใช้ไฟแรงจะคนข้าวไปก่อนก็ได้ แต่พอน้ำเดือดและเบาไฟลงแล้วควรจะปิดฝาไว้ให้ไอน้ำระอุอยู่ภายใน มันจะช่วยให้ข้าวฟูน่ากิน การหุงข้าวด้วยวิธีนี้จะใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที ช่วงใกล้ครบเวลาจะเปิดดูข้าวเพื่อความแน่ใจก็ได้”

เด็กหนุ่มอธิบายยืดยาวแต่สิ่งที่ทำก็แค่ตั้งหม้อข้าวบนเตาเท่านั้น “ข้าวทางนี้เปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งเมล็ดแล้ว ผมจะเริ่มหุงข้าวเลย” กล่าวแล้วเขาก็เทน้ำที่แช่ข้าวออกแล้วเติมน้ำเข้าไปใหม่อีกครั้ง “ข้าวชนิดนี้จะใช้อัตราส่วนข้าวกับน้ำเหมือนกันกับก่อนหน้าก็ได้ หรือจะลดลงมานิดหน่อยก็ได้เหมือนกัน ส่วนวิธีหุงสามารถใช้วิธีเดียวกันได้” พร้อมกับพูดเขาก็ยกหม้อขึ้นตั้งไฟ จากนั้นก็หรี่ไฟของข้าวหม้อแรกลง เสร็จแล้วก็หันไปให้ความสนใจกับข้าวชนิดอื่นๆ ที่เหลือ

“ดูด้วยตาแบบนี้ก็ลำบากเหมือนกันนะ” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำพลางพยายามแยกข้าวแต่ละชนิดออกจากกัน

“คุณสามารถออกคำสั่งให้หุ่นยนต์ผู้ช่วยบอกข้อมูลของข้าวแต่ละชนิดได้นะ” กรรมการคนหนึ่งแนะนำด้วยความหวังดี แล้วพูดเสริมอีกว่า “แต่ฐานข้อมูลจะไม่ตรงกับภาษาที่คุณใช้ อาจมีความคลาดเคลื่อนระหว่างแปลอยู่บ้าง”

“เท่านี้ก็ดีมากแล้ว ขอบคุณครับ” ชายหันไปกล่าวขอบคุณกรรมการคนนั้น ก่อนจะออกคำสั่งกับหุ่นยนต์ผู้ช่วยให้แสดงข้อมูลของข้าวแต่ละชนิด เจ้าลูกบอลพอได้รับคำสั่งก็ฉายแสงออกมาสแกนสัญลักษณ์ที่มีรูปร่างคล้าย QR code แบบสามมิติที่ติดอยู่บนกล่อง ไม่ถึงอึดใจต่อมาข้อมูลของข้าวชนิดนั้นก็ถูกฉายออกมาในรูปแบบของภาพโฮโลแกรม

R002xxxx

ชื่อสามัญ: Tickyrin

คุณสมบัติ: มีความแข็งกว่าข้าวขาวมาตรฐาน นิยมนำไปโม่เป็นแป้งผสมในอาหารสำเร็จรูป

‘ทิกกี้ริน? มันคืออะไรกันล่ะ?’ ชายขมวดคิ้วงุนงงกับคำอธิบายที่เหมือนไม่ช่วยอะไรเลย แต่พอลองถามรายละเอียดจากหุ่นยนต์ต่อไปก็พบว่าแป้งที่ได้จากข้าวชื่อประหลาดนี้มีคุณสมบัติคล้ายข้าวเหนียวในยุคที่เขาจากมา

‘หรือชื่อเรียกนั่นมันจะเพี้ยนมาจาก Sticky Rice กันนะ?’ พอคิดๆ ดูแล้วชายก็พบว่าข้อสันนิษฐานของตนฟังดูเข้าที ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะหุงมันด้วยวิธีการเดียวกับข้าวเหนียว

“โอ๊ะ! น้ำเดือดแล้วนี่นา” ชายพึมพำกับตัวเองเมื่อหันมาเห็นว่าหม้อหุงข้าวญี่ปุ่นส่งเสียงเดือดปุดๆ แล้ว เด็กหนุ่มรีบเข้าไปหรี่ไฟ จากนั้นก็กลับไปตวงข้าวเหนียวมาล้างทำความสะอาด

“คุณจะหุงทิกกี้รินหรือ? ลองข้าวชนิดอื่นจะดีกว่าไหม อย่างข้าวสีครามนั่นถึงรสชาติจะขมไปสักหน่อยแต่ก็นิ่มกว่าทิกกี้รินนะ” กรรมการคนเดิมกับที่บอกชายเรื่องการตรวจสอบพันธุ์ข้าวเอ่ยแนะนำ

“ผมคิดว่ามันคล้ายกับข้าวเหนียวจากดาวบ้านเกิดผมน่ะครับ เลยอยากลองดู”

“ข้าวเหนียว?”

“เป็นข้าวที่พอหุงแล้วจะมีความเหนียวกว่าข้าวธรรมดา ให้รสสัมผัสที่แตกต่างออกไปแต่ก็อร่อยครับ” ชายอธิบายพลางนำข้าวเหนียวไปล้างให้สะอาด “ข้าวชนิดนี้จะมียางมากกว่าข้าวญี่ปุ่น...เอ่อผมหมายถึงข้าวเม็ดกลมๆ ก่อนหน้านี้เพราะฉะนั้นก็เลยต้องล้างหลายน้ำหน่อย แล้วก็มันเป็นข้าวที่สุกยาก ปกติเราจะแช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อยสามชั่วโมง หรือไม่ก็แช่ข้ามคืนเลย แต่เพื่อประหยัดเวลาผมจะแช่ในน้ำอุ่นแทนนะครับ” กล่าวแล้วก็กดน้ำร้อนจากเครื่องจ่ายน้ำที่ถูกนำมาติดตั้งชั่วคราวใส่ภาชนะ “แช่ไว้สักสามสิบถึงหกสิบนาทีก็พอ” มันเป็นวิธีที่เขามักจะใช้เวลาอยากกินข้าวเหนียวขึ้นมากะทันหัน แค่แช่ข้าวไว้ในน้ำอุ่นก่อนนำไปนึ่งตามปกติสักครึ่งชั่วโมงก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องแช่ข้าวทิ้งไว้ข้ามคืนให้วุ่นวายเลย

“ต้องรอนานขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ครับ ไม่อย่างนั้นข้าวมันจะสุกไม่ทั่ว” ชายหันไปตอบยิ้มๆ ตอนนั้นก็พอดีกับที่ข้าวหม้อแรกสุก เขาปิดไฟแล้วยกหม้อลงจากเตา คนข้าวดูเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสุกทั่วถึงกันดีและไม่แฉะก็คลี่ยิ้มออกมา “ข้าวขาวสุกแล้วครับ ลองชิมดูได้”

เมื่อได้รับคำเชิญคณะกรรมการทั้งสี่ก็ก้าวเข้ามามุงดูหม้อใบน้อยอย่างสนใจ พวกเขาใช้ช้อนส่วนตัวตักข้าวชิมคนละคำ ก่อนจะส่งเสียงพึมพำอย่างพออกพอใจในผลลัพธ์ที่ได้

“เป็นเทคนิคที่น่าสนใจมาก คุณจะได้ค่าตอบแทนจากองค์ความรู้นี้อย่างเหมาะสมเลยทีเดียว”

“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นครับ” รอยยิ้มของชายกว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้ยินว่าเขาจะได้รับเงินทุนมากกว่าจำนวนขั้นต่ำอย่างแน่นอน ‘อย่างน้อยก็ไม่ต้องอดไปพักใหญ่ล่ะนะไอ้ชาย’ เขาบอกตัวเองแบบนั้นแล้วก็กลับไปให้ความสนใจกับข้าวสารชนิดอื่นๆ ที่ยังไม่ได้ทำการหุง

ชายอาจจะไม่เคยทำงานในร้านอาหารอย่างจริงจังแต่ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเขาก็คือการได้เข้าครัวกับคุณพ่อคุณแม่เมื่อครั้งยังเด็ก พ่อของเขาเป็นพ่อครัวฝีมือดีที่ถนัดอาหารแนวตะวันตก ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ชายจะรู้สึกคุ้นเคยกับเมล็ดข้าวสองสามชนิดที่โดดเด่นท่ามกลางข้าวสารมากมายหลายชนิด

“แต่มีแค่น้ำแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ...” เด็กหนุ่มพึมพำแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจจนหนึ่งในคณะกรรมการอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“มีปัญหาอะไรหรือคุณชาย?”

“ข้าวสามชนิดนี้ผมรู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็นน่ะสิครับ ผมสามารถบอกแค่วิธีทำที่รู้ได้ไหม?”

“คุณรู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็น?”

“ครับ” ชายพยักหน้า แล้วขยายความต่อไป “มันต้องใช้ทักษะและความชำนาญ ผมไม่เคยทำมาก่อนคงทำไม่ได้ดี อีกอย่างวัตถุดิบก็ไม่ครบด้วย”

“การปรุงข้าวปกติใช้แค่น้ำไม่ใช่หรือ?”

“โดยพื้นฐานก็ใช่ แต่เราสามารถปรุงข้าวระหว่างหุงได้เช่นกัน อย่างข้าวขาวที่ผมหุงไปนั่นหากเติมเกลือไปสักนิดจะได้ข้าวที่มีรสติดเค็มเล็กน้อยและเก็บรักษาได้นานขึ้น หรือถ้าชอบกลิ่นเครื่องเทศก็สามารถใส่เครื่องเทศปริมาณเล็กน้อยลงไปได้ ส่วนข้าวญี่ปุ่น...หมายถึงข้าวเม็ดกลมๆ นี่หากจะนำไปทำซูชิก็จะนำข้าวที่หุงเสร็จแล้วไปคลุกเคล้ากับน้ำส้มสายชูที่ปรุงรสเอาไว้ครับ” พูดถึงตรงนี้ก็ได้เวลาที่ข้าวญี่ปุ่นจะสุกพอดี ชายปิดไฟแล้วยกหม้อลงจากเตา พอเปิดฝาหม้อออกก็เห็นข้าวสีขาวนุ่มฟูที่ดูแฉะเล็กน้อย

“มันค่อนข้างจะเละนะ” กรรมการคนหนึ่งออกความเห็นทันที แต่ชายก็หาได้มีสีหน้าเป็นกังวลไม่ เขาระบายยิ้มบางๆ แล้วก็หยิบไม้พายมาคนข้าวเบาๆ

“แรกๆ ก็จะดูเหมือนแฉะไปหน่อย แต่พอคนข้าวให้ไอน้ำระเหยแล้วข้าวก็จะแห้งขึ้นครับ” เขาอธิบายไปพลางคนข้าวไปพลาง ระวังไม่ให้ออกแรงมากเกินไปไม่อย่างนั้นข้าวจะเละเข้าจริงๆ ทำอยู่ไม่นานข้าวที่ดูแฉะไม่น่ารับประทานในตอนแรกก็กลายเป็นข้าวที่ดูนุ่มฟูชวนน้ำลายสอ

คราวนี้พวกกรรมการไม่รอให้ชายเอ่ยเชิญพวกเขาต่างชิมข้าวที่เพิ่งหุงใหม่กันคนละคำทันที แล้วก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึง ใครจะคิดเล่าว่าข้าวที่แทบจะถูกลืมเลือนไปแล้วจะอร่อยเช่นนี้

“คุณชายบอกว่ามันสามารถปรุงรสเพิ่มได้ใช่ไหม?”

“ครับ ก่อนอื่นก็ผสมน้ำส้มสายชู เกลือ น้ำตาล ให้ได้รสที่ถูกปากแล้วก็เอามาพรมลงบนข้าว คลุกให้ทั่วก็จะได้ข้าวซูชิแล้ว”

“ซูชิ?”

“เป็นเมนูจากดาวบ้านเกิดของผมเอง” ชายให้คำนิยามง่ายๆ แล้วก็อธิบายให้คนแห่งอนาคตฟังว่าซูชิคืออะไรรวมไปถึงอาหารคล้ายๆ กันอย่างข้าวปั้น และมากิด้วย เหล่าคณะกรรมการดูจะชอบใจกับแนวคิดที่เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดาของอาหารชนิดนี้ อย่างไรก็ตามเพราะมันฟังดูง่ายชายจึงไม่ต้องสาธิตวิธีทำให้ดู เช่นเดียวกันกับข้าวรีซอตโตที่เขารู้วิธีทำแต่ทำไม่เป็น เด็กหนุ่มเพียงแค่ต้องพิมพ์วิธีทำและวาดภาพประกอบตามที่จำเป็นให้แก่ทางกองทัพเท่านั้น

ตลอดทั้งวันชายจึงวุ่นวายอยู่ในห้องประเมินจนเย็นแต่มันก็คุ้มค่าเพราะเขาได้รับเงินทุนตั้งตัวเป็นจำนวนถึงสามล้านสองแสนหกหมื่นสตาร์เลยทีเดียว เหตุที่ได้เงินมากถึงขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่าวิธีการหุงข้าวของเขาถูกจัดให้เป็นองค์ความรู้ระดับสูงที่เป็นประโยชน์มากต่อสมาพันธรัฐอันโดรเมดา วิธีหุงข้าวหนึ่งชนิดเขาได้ค่าตอบแทนถึงหนึ่งล้านสตาร์เลยทีเดียว แน่นอนว่ามันต้องหักภาษีไปอีกร้อยละเจ็ดแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา นอกจากนี้เขายังได้ใบประกอบวิชาชีพผู้ปรุงอาหารมาด้วย เส้นทางชีวิตต่อจากนี้ย่อมไม่ลำบากเกินไปนัก

๐๐๐

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่: 42

    ตอนที่ 42: มาเที่ยววันแรกก็เกิดเรื่องซะแล้วการกินโซเม็งรางน้ำทำให้ทุกคนเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก กว่าจะอิ่มหนำเวลาก็บ่ายคล้อยไปแล้ว และจากการถ่ายทอดสดของชายในครั้งนี้ยอดขายเส้นโซเม็งก็เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันกับที่มีการออกสินค้าใหม่เป็นรางน้ำแบบประกอบเองจากผู้ประกอบการหลายๆ เจ้า และบางบริษัทก็ออกแบบชุดจ่ายเส้นโซเม็งที่ดูหวือหวาราวกับสวนสนุกในตำนานขึ้นมา การตลาดครั้งนี้อดาเนียกรุปไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่ง เหตุก็เพราะว่าพวกเขาตัดสินใจทำร้านอาหารที่มีบริการรางน้ำขึ้นมาโดยเฉพาะ เรื่องการทำรางน้ำเองที่บ้านนั้นก็ให้เป็นเรื่องของคนอื่นไปกลับมาที่บ้านพักตากอากาศกลางป่า เด็กๆ ที่กินจนพุงกางกำลังนอนอาบแดดอยู่ในสนามหญ้า มองเห็นเป็นก้อนขนสองสีที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู ส่วนนีลก็เข้ามานั่งเอกเขนกอยู่ตรงโซฟา เฝ้ามองพ่อครัวร่างเล็กที่ไม่ยอมพักผ่อนด้วยสีหน้าซับซ้อนชายพยายามทำตัวให้ยุ่งจริงๆ อย่างที่จิตแพทย์ลาล่าบอก คล้ายกับกลัวว่าหากว่างแล้วจะมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้น แต่กระนั้นสีหน้าท่าทางผ่อนคลายยามจัดการกับวัตถุดิบก็ทำให้มองไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายมีเรื่องมากมายอยู่ภายในใจ

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่: 41

    ตอนที่ 41: มาเที่ยวก็ต้องหาเรื่องสนุกๆ ทำในที่สุดครอบครัวอดาเนียก็เดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศตามที่ตั้งใจไว้ ชายและเด็กๆ ตื่นเต้นกับบ้านหลังนี้มาก ออซซี่กับเฮคเตอร์ไม่เคยเห็นบ้านที่สร้างด้วยท่อนซุงใหญ่ ส่วนชายก็คิดถึงสัมผัสของเนื้อไม้ธรรมชาติ เขาถึงกับเผลอสูดดมกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของไม้สนเข้าไปเต็มปอดเลยทีเดียว“คุณชอบไหม?” อยู่ๆ นีลก็ก้าวมายืนข้างๆ แล้วถามขึ้น ชายสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกประชิดตัวแต่ก็สงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว“บ้านดูอบอุ่นมาก ครัวแบบเคาน์เตอร์เปิดก็สวยจริงๆ อุปกรณ์ก็ครบมาก ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะจริงจังกับครัวบ้านพักตากอากาศแบบนี้” พ่อครัวหนุ่มเอ่ยชมขณะที่เด็กๆ วิ่งไปกลิ้งเล่นบนพรมขนสัตว์เทียมนุ่มๆ แล้วฝ่ายนีลได้ฟังแล้วก็ยิ้มกริ่ม นึกดีใจที่ทุ่มงบไม่อั้นกับห้องครัว “ด้านหลังมีน้ำตกจำลองกับลานก่อกองไฟด้วยนะ”“ลานก่อกองไฟ?”“ผมเห็นจากในรูปโบราณ เป็นลานหิน แล้วก็มีการก่อหินเตี้ยๆ เอาไว้ใช้ก่อไฟให้ความอบอุ่น” พร้อมกับพูดนีลก็เปิดภาพโบราณที่ว่าให้ดู ชายมองภาพโฆ

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่: 40

    ตอนที่ 40: ออกเดินทางเช้าวันรุ่งขึ้นชายกับครอบครัวอดาเนียก็ออกเดินทางไปยังดาวตากอากาศตามแผนที่วางไว้ สัมภาระที่จะนำไปใช้ที่บ้านพักถูกแยกส่งไปต่างหาก ส่วนที่ติดตัวแต่ละคนก็มีเพียงกระเป๋าใบเล็กสำหรับใช้ระหว่างการเดินทางเท่านั้น“ต้องใช้ยานสาธารณะแบบนี้อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่เอาไว้คุณเป็นพลเมืองอดาเนียเต็มตัวแล้วผมจะพาไปลงทะเบียน ต่อไปจะได้ใช้ยานของบ้านเราได้เลย” นีลกล่าวกับชายระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางไปยังท่าอากาศยาน“แสดงว่าพวกคุณสามคนสามารถใช้ยานส่วนตัวเดินทางไปได้ใช่ไหม?” ชายคาดเดา “แบบนี้ทำไมคุณกับเด็กๆ ไม่ใช้ยานส่วนตัวล่ะ จะได้ไม่ลำบาก ผมเคยขึ้นยานสาธารณะแล้ว เดินทางคนเดียวได้ไม่ต้องห่วงหรอก”“ไม่เอา! ออซอยากเที่ยวกับพี่ชายนี่นา!” เด็กชายออซซี่รีบค้านความคิดของชายทันทีโดยมีเฮคเตอร์พยักหน้าสนับสนุน ส่วนนีลก็ยิ้มบางๆ ให้ชายคล้ายกับจะบอกว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธการตัดสินใจในครั้งนี้ได้‘ทำไมต้องทำทหน้าภูมิใจแบบนั้นด้วย’ ชายนึกหมั่นไส้พ่อเสือดำตงิดๆ หากแคทนิปไม่มีผลข้างเคียงท

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่: 39

    ตอนที่ 39: พักร้อน?“คุณว่าอะไรนะ?” ชายที่ถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดถามทั้งขี้ตา เขาไม่คิดว่านีลจะกลับมาก่อนกำหนดแถมยังพูดเรื่องน่าเหลือเชื่อออกมาด้วย“เราสี่คนจะไปพักร้อน ผมอยากพาเด็กๆ ไปเที่ยวชดเชยเวลาที่มัวยุ่งกับงาน คุณเองก็ยังไม่เคยไปเที่ยวที่ไหน ถือโอกาสไปเปิดหูเปิดตาด้วยกันเถอะ” นีลทวนความประสงค์ของตนอีกครั้ง“ผมว่าคุณกลัวจะไม่มีคนทำอาหารให้มากกว่า” ชายทำทีเป็นไม่เชื่อถือคำพูดของอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ในใจก็ทราบดีว่านีลหมายความตามที่พูดจริงๆ แต่ความกระอักกระอ่วนในใจก็ทำให้ชายเลือกพูดไปแบบนั้น นีลกลับบ้านมาก่อนกำหนดทำให้เขามีเวลาทำใจไม่พอ ดังนั้นชายจึงตั้งใจจะซื้อเวลาให้ตัวเองอีกหน่อย “จริงๆ แล้วผมสอนหุ่นพ่อบ้านให้ทำอาหารได้หลายอย่างแล้วนะ คุณไม่จำเป็นต้องพาผมไปด้วยหรอก” เขากล่าว“ออซกับเฮคคงเสียใจแน่ถ้าคุณไม่ไปด้วย” นีลยังไม่ละความพยายาม “ลองดูดาวตากอากาศของผมก่อนก็ได้ เผื่อว่าจะมีที่ไหนถูกใจคุณบ้าง” พูดจบเขาก็เปิดภาพดาว

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่: 38

    ตอนที่ 38: เรื่องของใจข้าวห่อสาหร่ายที่สามารถสร้างสรรค์ลวดลายต่างๆ ได้อย่างไม่มีขีดจำกัดกลายเป็นกระแสใหม่ในสตาร์เน็ตเวิร์กตามคาด รูปภาพข้าวห่อสาหร่ายมากมายถูกเผยแพร่ออกมาประชันกัน ผู้ขายอาหารหลายรายเริ่มทำข้าวห่อสาหร่ายออกจำหน่าย นอกจากนี้หน่วยงานตลอดจนองค์กรต่างๆ เริ่มจัดประกวดการทำข้าวห่อสาหร่ายด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ยอดขายผงโรยข้าวและสาหร่ายพุ่งทะยานอย่างฉุดไม่อยู่แน่นอนว่านีลย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะกอบโกยผลประโยชน์จากกระแสในครั้งนี้อดาเนียกรุปไม่ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ พวกเขาเพียงจัดสินค้าเดิมเป็นชุดพร้อมด้วยเครื่องมือกับคู่มือประกอบอีกเล็กน้อย เป็นต้นว่าชุดข้าวกล่องคุณหมีก็จะประกอบไปด้วยกล่องถนอมอาหารแบบแบ่งช่อง วัตถุดิบที่ปรุงเสร็จแล้ว และวิดีโอสอนทำข้าวกล่องคุณหมีตั้งแต่ต้นจนจบ อย่างนี้เป็นต้นด้วยความสะดวกและเข้าใจได้ง่ายทำให้ชุดทำข้าวกล่องรูปต่างๆ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คนเป็นพ่อแม่หัดทำข้าวกล่องให้ลูกๆ คนเป็นครูจัดกิจกรรมฝึกทักษะให้กับนักเรียน และเหล่าเจ้าของช่องสตาร์เน็ตเวิร์กทั้งหลายก็พยายามอวดฝีไม้ลายมือกันเต็มที่เพื่อกอบโกยผลประโย

  • ครัวคุณชายไม่ขายอ้อย   ตอนที่ 37

    ตอนที่ 37: ศิลปะกับอาหาร“คุณไม่คิดว่าเสือดำน่ากินบ้างหรือ?”ชายไม่คิดเลยว่าประโยคสองแง่สองง่ามเช่นนี้จะออกมาจากปากของนีล กว่าเขาจะตั้งตัวได้ใบหน้าก็ร้อนผ่าวจนแทบจะต้มไข่สุกได้ อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วครอบครัวเมอร์แรงเสือดำกับเสือดาวก็ถูกทำออกมาจนได้ และตอนนี้เด็กๆ ก็กำลังจดจ้องเมอร์แรงในจานอยู่อย่างตื่นเต้น“เป็นไงชอบกันหรือเปล่า?” ชายที่รอลุ้นมานานเอ่ยถาม แล้วเด็กๆ ก็หันมาส่งยิ้มสดใสให้เขา“ชอบมากเลย!”“พี่ชายทำได้ยังไง!”“ถ้ารู้ก่อนก็ไม่สนุกสิ” พ่อครัวหนุ่มหัวเราะ เมื่อเย็นทางรายการติดต่อมาแจ้งแล้วว่าโจทย์ของวันนี้จะเป็นเมอร์แรง ขนมที่เขาตัดสินใจทำขึ้นภายหลัง ไม่ใช่เหล่าตระกูลทองทั้งหลายที่ตั้งใจทำตั้งแต่แรก ตอนแรกที่ทราบเรื่องชายก็ทักท้วงไปด้วยเรื่องเวลาในการอบ แต่ทางรายการมั่นใจในเตาอบรุ่นใหม่ที่เพิ่งได้รับการสนับสนุนมาจากบริษัทผลิตเครื่องครัวชื่อดัง พวกเขาบอกว่า “เตาอบรุ่นนี้ช่วยร่นระยะเวลาได้ถึงสามเท่าจากปกติเลยล่ะ” ดังนั้นชายจึงไม่คัดค้านอะไรอีกและรอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status