ชายเพิ่งจะเข้าใจคำว่า “Influencer*” ก็ตอนนี้เอง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการทำอาหารของตนจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนอื่นไปได้อย่างมากมายเช่นนั้น จริงอยู่ว่าตัวเขาได้ปลุกกระแสอาหารปรุงสุกแนวใหม่ขึ้นมาแต่มันก็น่าจะทำได้เพียงกระตุ้นความชอบของผู้คน ไม่ใช่ทำให้ชีวิตที่สิ้นหวังของเด็กคนหนึ่งสว่างไสวขึ้นมาเช่นนี้
*(หมายถึงผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์ มักมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจหรือสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างให้แก่ผู้ติดตาม)
รีวิวเปลี่ยนชีวิต พลิกวิกฤติเป็นเงินล้าน
นั่นคือหนึ่งในหัวข้อข่าวที่ถูกส่งเขามาในกล่องข้อความของเขา ใจความหลักของข่าวไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องราวของเด็กกำพร้าสองคนที่ถ่ายคลิปวิจารณ์ไข่ตุ๋นของเขาลงสตาร์ทูบแล้วได้รับรายได้ก้อนโต เพื่อให้ได้เนื้อหาที่มากขึ้นสำนักข่าวหลายแห่งถึงกับส่งข้อความขอสัมภาษณ์ความเห็นของชายต่อเรื่องนี้เลยทีเดียว
แน่นอนว่าชายไม่คิดจะให้สัมภาษณ์เพราะเขาไม่ถนัดเรื่องออกสื่อ อย่างไรก็ตามเถ้าแก่มือใหม่คนนี้ก็ไม่คิดจะเพิกเฉยต่อกระแสที่เกิดขึ้น สองพี่น้องในข่าวกำลังเป็นที่จับตามอง และเขาก็ถือเป็นผู้มีพระคุณทางอ้อมของเด็กๆ ดังนั้นชายย่อมไม่รู้สึกผิดอะไรหากจะหาประโยชน์จากพวกเขาสักเล็กน้อย
“เมื่อวานเด็กๆ รีวิวไปสองรส ถ้าอย่างนั้นก็ส่งรสที่สามไปให้ด้วยดีกว่า” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองขณะใช้แอ๊บบี้ช่วยร่างจดหมายให้ เนื้อความนั้นเรียบง่าย แค่เสนอให้เด็กทั้งคู่ช่วยโฆษณาสินค้าทุกชิ้นของครัวคุณชายเท่านั้น แน่นอนว่าชายจะเป็นคนส่งสินค้าตัวอย่างพร้อมของสมนาคุณสำหรับผู้ชมไปให้ด้วยตัวเอง สิ่งที่เด็กๆ ต้องทำก็แค่ถ่ายคลิปวิดีโอและวิจารณ์รสชาติอาหารของเขาอย่างตรงไปตรงมา ชายจะไม่จ่ายค่าโฆษณาให้พวกเขา และในขณะเดียวกันเขาก็จะไม่ขอมีส่วนร่วมในรายได้ในช่องของเด็กๆ ด้วย
“เป็นพวกผมจะดีหรือ?” โนเอลติดต่อกลับมาทันทีที่ได้รับข้อความ จริงๆ แล้วกล่องข้อความของเด็กหนุ่มก็ถูกโจมตีด้วยข้อความเป็นพันเหมือนกัน ทว่าชายติดต่อไปในนามของครัวคุณชายชื่อผู้ส่งจึงเด่นสะดุดตาพอๆ กับข้อความของพวกนักข่าว
“ดีสิ” ชายยิ้มตอบเด็กหนุ่มในภาพฉาย เพราะคุยกันผ่านวิดีโอคอลเขาจึงมองเห็นสีหน้าแสนสับสนของเด็กชายได้อย่างชัดเจน และนั่นก็ทำให้ทัศนคติของเขาต่อเด็กหนุ่มยิ่งดีขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
‘เด็กคนนี้ซื่อจริงๆ’
เห็นโนเอลทำหน้ายุ่งแบบนั้นแล้วชายก็อธิบายเพิ่มไปว่า “พวกเธอเพิ่งจะมีชื่อเสียงขึ้นมาไม่มีเบื้องหลังอะไร และไม่น่าจะใช่คนจำพวกที่จะเรียกร้องผลประโยชน์เยอะๆ น่าจะโน้มน้าวให้ตกลงได้ง่าย เพราะยังไงเสียก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกเธอจะดังแบบนี้ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน รับข้อเสนอของผมไว้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะอาหารของผมน่าจะเป็นกระแสไปอีกพักใหญ่เลย ในมุมของผมแล้วการเสียอาหารไม่กี่ชุดแต่ได้พื้นที่โฆษณานี่นับว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ว่ากันตามตรงราคาแบบนี้ไปเสนอที่อื่นเขาไม่รับหรอกนะ”
ฝ่ายโนเอลได้ฟังแล้วก็นิ่งอึ้งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนถามด้วยสีหน้ากึ่งลำบากใจว่า “คุณชายบอกผมมาทั้งหมดแบบนี้จะดีเหรอ?”
“ดีสิ” เป็นอีกครั้งที่ชายยืนยันอย่างหนักแน่นแล้วถามว่า “ผมอยากให้เราร่วมมือกันไปนานๆ ความตรงไปตรงมาย่อมดีกว่าจริงไหม?”
“นั่นมันก็จริง...” เด็กหนุ่มเริ่มคล้อยตาม
ชายได้ยินอย่างนั้นก็ตบเข่าฉาด ท่าทางเหมือนนักเลงโตผิดกับรูปลักษณ์บอบบางจนโนเอลถึงกับอึ้งไป เขาว่า “ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในการร่วมมือกันครั้งนี้เราต่างหากประโยชน์จากกันและกัน ผมได้พื้นที่โฆษณาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ส่วนเธอก็สามารถทำเงินจากการรีวิวสินค้าของผมผ่านการรับบริจาคในช่อง แน่นอนว่าระหว่างนี้เธอจะรีวิวสินค้าของคนอื่นก็ได้ผมไม่ห้ามในเรื่องนี้ มันเป็นข้อตกลงที่ดีมากๆ เนอะ”
พอชายพูดถึงขนาดนี้โนเอลก็พยักหน้ารับ และการเจรจาก็ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี หากไม่ใช่เพราะว่าเด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ แย้งขึ้นมาเสียก่อน “แต่ถ้าช่องอื่นรีวิวอาหารของพี่ชายเหมือนกันพวกเราก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรนี่คะ เหมือนโฆษณาให้พี่ชายเปล่าๆ เลยนะ”
“สำหรับเรื่องนั้นผมคงไปห้ามไม่ให้คนอื่นทำคลิปรีวิวไม่ได้หรอกนะ” เป็นอีกครั้งที่ชายยอมรับอย่างตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตามยังขยายความต่อไปอีกนิดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กหญิงตัวน้อยที่ตั้งป้อมปกป้องพี่ชายอย่างเต็มที่ “แต่คนที่จะได้รับสินค้าตัวอย่างก่อนใครพร้อมของรางวัลสำหรับแจกผู้ชมจะมีแค่พวกเธอสองคนเท่านั้น คนอื่นถ้าจะทำคลิปรีวิวกินอาหารก็ต้องซื้อกันเอง อ้อ! ในช่องของผมเองก็จะไม่มีให้ทดลองกินอาหารสำเร็จรูปที่วางขายหรอกนะ อย่างมากก็แค่อาหารคล้ายๆ กันแต่สูตรต่างกันเท่านั้น”
“สูตรต่างกัน?” เด็กหญิงทวนคำหน้าฉงน ชายเห็นอย่างนั้นก็ยกตัวอย่างเพื่อไขข้อข้องใจให้แก่เธอ
“ก็อย่างเช่นไข่คนที่ผมเคยถ่ายทอดสดสอนวิธีทำไป วันหน้ามันอาจจะกลายมาเป็นอาหารสำเร็จรูปด้วย กรณีแบบนี้ว่ากันตามตรงก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะอาหารปรุงสุกกับแบบที่ทำเป็นอาหารสำเร็จรูปย่อมต่างกันนิดหน่อยอยู่แล้ว”
“ไข่คนทำเป็นอาหารสำเร็จได้ด้วยเหรอ?” เด็กหญิงดูจะตื่นเต้นกับการยกตัวอย่างของชายหนุ่มจนลืมเรื่องคาใจก่อนหน้าไปเสียสนิท ดวงตากลมโตเป็นประกายเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังเสียจนชายพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
หลังจากตั้งสติได้ชายหนุ่มก็กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า “ทำได้สิ แต่รสชาติมันอาจไม่ดีเท่าไข่คนที่ทำเสร็จใหม่ๆ เท่านั้นเอง เอาไว้ถ้าทำออกมาขายแล้วจะส่งไปให้ชิมนะ”
“อื้อ! หนูจะรอนะ!” คราวนี้น้องสาวผู้น่ารักของโนเอลเห็นด้วยกับข้อเสนอของชายอย่างไม่มีข้อกังขาแล้ว และนั่นก็ทำให้สองหนุ่มสามารถลงมือร่างสัญญากันได้เสียที ใช้เวลาราวสองชั่วโมงพวกเขาก็กลายเป็นผู้ร่วมงานกันอย่างเป็นทางการ
๐๐๐
๒
หลังจากจัดการเรื่องโฆษณาเสร็จเรียบร้อยชายก็กลับมาให้ความสนใจกับผลประกอบการวันแรกของตนเอง อาหารสำเร็จรูปที่ทำเมื่อวานนั้นขายหมดไปแล้ว และส่วนของวันนี้ก็เพิ่งถูกส่งออกไป อย่างไรก็ตามเถ้าแก่หนุ่มก็ทราบดีว่าทั้งหมดนี้คงไม่พอขาย
“ดูท่าว่าจะต้องขยายกิจการเร็วกว่าที่คิดเสียแล้วสิ” ชายพึมพำกับตัวเอง จริงอยู่ว่ามันเป็นความคิดที่เสี่ยงเพราะเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่ากระแสความนิยมในตอนนี้จะตกลงเมื่อไร ตัวอย่างของการเร่งขยายกิจการเพราะผลประกอบการลวงจากกระแสในช่วงแรกเปิดกิจการนั้นก็มีให้เห็นมากมาย แต่สำหรับครั้งนี้ชายกลับคิดว่าเขาพร้อมที่จะเสี่ยง เพราะถึงอย่างไรการ “ขยาย” ในครั้งนี้ก็ไม่ใช่การเปิดสาขาหรืออะไร เป็นแค่การซื้อหาเครื่องทุ่นแรงเท่านั้น
ใช่ เครื่องทุ่นแรง หากต้องการผลิตให้มากขึ้นก็แค่เพิ่มแขนขา และหากกระแสความนิยมเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตเขาก็สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ได้ แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่คิดจะจ้างคนงาน แต่เลือกที่จะทำตามค่านิยมของคนในโลกอนาคตนั่นคือการซื้อหุ่นยนต์
“มีหลายแบบเลยแฮะ” ชายพึมพำกับตัวเองขณะท่องไปในร้านค้าขายหุ่นยนต์ หุ่นพวกนี้มีให้เลือกเยอะเสียยิ่งกว่ายานพาหนะในโลกที่เขาจากมาเสียอีก มีทั้งหุ่นยนต์รูปทรงเรขาคณิตเน้นสีขาวและแถบแสงสีสดใส ทั้งหุ่นยนต์แบบโบราณที่ดูเก่าเสียยิ่งกว่าหุ่นยนต์ในยุคสมัยของชาย ไปจนถึงหุ่นยนต์ที่ทำเลียนแบบสิ่งมีชีวิตได้เหมือนราวกับไม่ใช่หุ่นยนต์
ชายสบตากับหุ่นยนต์แมวเหมียวขนปุยแล้วก็พลันใจสั่นแทบจะกดซื้อมาเสียเดี๋ยวนั้น เขาต้องหักห้ามใจอยู่นานทีเดียว และเมื่อตั้งสติได้แล้วก็กดปิดการแสดงผลหุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงออกไป จากนั้นก็ออกคำสั่งให้แอ๊บบี้ทำตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของหุ่นยนต์รุ่นต่างๆ ขึ้นมา แต่แล้วเขาก็พบว่ามีข้อมูลมากมายเกินไป แอ๊บบี้นั้นสามารถประมวลผลได้ แต่ตัวเขากลับอ่านข้อมูลเหล่านั้นไม่ไหว
‘ให้คัดกรองเหลือสักห้าสิบรุ่นก็พอมั้ง?’ ชายบอกกับตัวเองก่อนจะเริ่มตั้งเงื่อนไข และเพราะเขาจริงจังกับการลงทุนในครั้งนี้มาก กว่าจะเลือกหุ่นยนต์ได้พระอาทิตย์ก็ตกดินไปเรียบร้อย
“ให้ตายสิ ป่านนี้แล้วเหรอ?” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองพลางลูบท้องที่เริ่มส่งเสียงร้อง วันนี้เขาขี้เกียจเกินกว่าจะทำอาหารกินเองดังนั้นซุปไข่ที่แช่แข็งเอาไว้จึงถูกนำออกมาอุ่น
พอกินซุปหมดไปชามหนึ่งหุ่นยนต์ที่สั่งไว้ก็มาถึงจึงได้เวลาทดสอบประสิทธิภาพรอบสุดท้ายก่อนจะยืนยันรับสินค้า
ชายซื้อหุ่นยนต์มาทั้งหมดสี่ตัว สามตัวแรกเป็นหุ่นช่วยงานในบ้านที่มีราคาไม่แพงนัก สัณฐานของพวกมันเป็นทรงกลม ไม่มีปีกแต่สามารถลอยได้อย่างน่าอัศจรรย์ ส่วนของ “ใบหน้า” ถูกออกแบบเป็นรูปหัวใจให้ความรู้สึกอ่อนโยนและเป็นมิตรมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแถบแสงสามเส้นพาดผ่านกลางลำตัวของมันในแนวนอนเพื่อเพิ่มสีสันอีกด้วย อย่างไรก็ตามในตอนนี้หุ่นทั้งสามมีแถบแสงสีขาวเหมือนกันทั้งหมด
เมื่อสำรวจหุ่นยนต์สามตัวแรกจนพอใจแล้วชายก็หันไปให้ความสนใจกับหุ่นยนต์ตัวสุดท้าย หุ่นตัวนี้มีราคาแพงกว่าอีกสามตัวที่เหลือและคุณสมบัติของมันก็มากสมราคาด้วยเช่นกัน มันมีระบบตรวจจับความเป็นพิษและระบบตรวจจับแบคทีเรียซึ่งทำมาเพื่อการประกอบอาหารโดยเฉพาะ ชายวางแผนไว้ว่าจะให้เจ้าหุ่นตัวนี้เป็นฝ่ายตรวจสอบคุณภาพอาหารระหว่างกระบวนการผลิตเพื่อป้องกันไม่ให้มีข้อผิดพลาดร้ายแรงจนต้องทิ้งสินค้าทั้งชุดไป
หุ่นยนต์ตัวที่สี่นี้มีรูปร่างคล้ายกับสามตัวแรกเพราะผลิตจากบริษัทเดียวกัน อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อแตกต่างเล็กน้อย อันดับแรกเลยก็คือขนาด เจ้าหุ่นตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่าสามตัวที่เหลือถึงสองเท่า และยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างให้กลายเป็นพาหนะได้อีกด้วย แน่นอนว่ามันไม่สามารถออกไปวิ่งในเส้นทางคมนาคมหลักร่วมกับพาหนะทั่วๆ ไปได้ แต่ก็สามารถใช้เดินทางบนบาทวิถีได้อย่างไม่ติดขัด
ชายตรวจสอบการทำงานเบื้องต้นของหุ่นทั้งสี่ตัวตามคู่มือที่ได้รับมา เมื่อพบว่าไม่มีปัญหาอะไรก็ทำเรื่องยืนยันรับสินค้า เพียงเท่านี้หุ่นยนต์ทั้งสี่ก็กลายเป็นสมบัติของเขาอย่างเป็นทางการ
“เอาล่ะ ต่อไปก็ตั้งชื่อสินะ” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มอย่างนึกสนุก เขากวักมือเรียกหนึ่งในหุ่นตัวเล็กเข้ามาใกล้ จากนั้นก็เปิดโปรแกรมปรับแต่งรูปลักษณ์ของมัน แน่นอนว่าพวกมันไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิมได้ แต่ก็สามารถปรับสีของแถบแสง และการแสดงผลใบหน้าได้
“มีให้เลือกเยอะเหมือนกันนะ” ชายพึมพำกับตัวเองเมื่อเปิดรายการตัวเลือกรูปแบบใบหน้าของหุ่นยนต์ขึ้นมา มันมีทั้งแบบที่เป็นภาพจำลองเหมือนจริง แบบการ์ตูนน่ารักๆ ไปจนถึงแบบที่แสดงผลเป็นอักษรและตัวเลขที่ดูเป็นทางการ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สะดุดตามากที่สุดกลับเป็นตัวเลือกปรับแต่งหน้าตาหุ่นยนต์ด้วยตัวเอง
ปกติแล้วการปรับแต่งหน้าตาหุ่นยนต์ด้วยตัวเองนี้ผู้คนมักจะนำเข้าตัวละครจากแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่นหน้าตาตัวละครจากเกมชื่อดังเป็นต้น แต่สำหรับมนุษย์โบราณที่เกิดความรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาเป็นพักๆ อย่างชาย เขากลับเลือกที่จะใช้การแสดงสีหน้าด้วยอักขระหรือที่เรียกว่า “อิโมจิ” มันลำบากเล็กน้อยที่เขาต้องมานั่งพิมพ์สัญลักษณ์ทีละชุดเพื่อให้หุ่นยนต์แสดงผลอารมณ์ได้อย่างถูกต้อง แต่ผลที่ออกมาก็นับว่าคุ้มค่าทีเดียว
“^w^”
มองดูอักขระแสงสีชมพูสามตัวบนใบหน้ารูปหัวใจสีดำนั้นแล้วหัวใจของชายก็พลันอุ่นขึ้นมาราวกับได้กลับบ้านอย่างไรอย่างนั้น
“ทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยมีหุ่นยนต์แท้ๆ” เขาส่ายหน้าให้กับความอ่อนไหวของตัวเอง นิ้วเรียวเอื้อมไปแตะบนหน้าจอสีดำวาวนั้นแล้วกล่าวว่า “จากนี้ไปเธอคือพิงค์นะ”
ใช่ แสงสีชมพูก็ชื่อพิงค์ ส่วนหุ่นตัวเล็กที่เหลือชื่อ ไวท์ กับบลู และสำหรับหุ่นยนต์ตัวใหญ่สุดเขาตั้งชื่อว่าบิ๊กแม้ว่าแถบแสงของมันจะเป็นสีทองก็ตาม
“ต่อไปก็ช่วงทดลองงานสินะ” จริงอยู่ว่าเขาตรวจสอบการทำงานเบื้องต้นของพวกมันแล้วแต่หุ่นเหล่านี้จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการของเขาได้หรือไม่นั้นยังไม่แน่ชัด การทดลองทำงานจริงจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
ไข่ไก่ห้าร้อยฟองถูกสั่งซื้อเข้ามาพร้อมด้วยอุปกรณ์ครัวอีกสองสามอย่าง คราวนี้ชายไม่ได้เป็นคนไปรับของแต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบิ๊ก เจ้าหุ่นตัวโตลอยไปที่หน้าประตูที่เชื่อมกับท่าเทียบยานจากนั้นก็ขยายร่างกลายเป็นรถขนส่งขนาดเล็ก แขนกลสองข้างยื่นออกมาทำหน้าที่ยกและจัดของเข้าที่ก่อนจะนำมาวางไว้ตรงจุดที่ชายกำหนดไว้ ไม่นานการลำเลียงสินค้าออกจากยานขนส่งก็เสร็จเรียบร้อย
“เรื่องจัดสต๊อกของผ่าน” คนที่นั่งดูอยู่บนชั้นลอยพึมพำพลางใช้นิ้วเขียนเครื่องหมายถูกลงบนกระดานที่ลอยอยู่กลางอากาศ มันเป็นหนึ่งในลูกเล่นของแอ๊บบี้ที่ชายคิดว่าสะดวกมากทีเดียว
“ต่อไปก็ตอกไข่” สำหรับข้อนี้ชายค่อนข้างเป็นกังวล เพราะถึงแม้ว่าแขนกลของหุ่นยนต์ทั้งสี่จะสามารถทำงานละเอียดอ่อนได้แต่มันก็ไม่ได้รับประกันว่าจะไม่มีเศษเปลือกไข่หลุดร่วงลงไป
ชายให้หุ่นยนต์สามตัวรับผิดชอบหม้อผสมสามใบ ส่วนเจ้าบิ๊กรับหน้าที่ต้มซุปกับหั่นเครื่องเคียง ดังนั้นในหัวข้อการตอกไข่จึงมีเพียงพิงค์ ไวท์ กับบลูเท่านั้นที่เข้ารับการประเมิน และแน่นอนว่าก่อนหน้านั้นชายจะต้องสอนพวกมันตอกไข่เสียก่อน แต่ถึงจะบอกว่าสอนเขาก็ไม่ได้คิดจะให้พวกมันตอกไข่ด้วยวิธีเดียวกันกับมนุษย์ หุ่นยนต์มีแขนกลในแบบของมัน วิธีตอกไข่ย่อมต้องปรับให้เข้ากับสรีระของพวกมัน
หลังจากนั่งศึกษามือจับแบบมาตรฐานของหุ่นอยู่พักหนึ่งชายก็ได้ข้อสรุปว่ามันสามารถใช้วิธีการตอกไข่แบบเครื่องจักรในยุคที่เขาจากมาได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วชายก็ป้อนข้อมูลลงไปจากนั้นก็ลองให้พวกมันลองทำงานดู
ทันทีที่ได้รับคำสั่งหุ่นยนต์สามเกลอก็ยืดแขนกลสองข้างออกมาจับไข่เอาไว้ ตัวแขนกลมีทั้งส่วนที่เป็นมือจับแบบสุญญากาศและส่วนที่เป็นนิ้วมือ พวกมันใช้สุญญากาศในการจับไข่ ส่วนนิ้วมือก็ใช้เพียงนิ้วโป้งสองข้างกดลงบนเปลือกไข่เบาๆ เมื่อตรวจพบว่าเปลือกไข่แตกแล้วมันก็จะแยกมือทั้งสองข้างออกจากกันทำให้ไข่ด้านในตกลงสู่หม้อที่รองอยู่
การทดลองครั้งแรกไม่มีเศษเปลือกไข่หลุดร่วงลงไปด้วย แต่แค่นี้ก็ยังไว้ใจไม่ได้ ชายเฝ้ามองพวกมันตอกไข่ไปเรื่อยๆ แล้วสักพักเขาก็พบปัญหาเข้าจริงๆ
แรงกดของนิ้วที่มากเกิดไปทำให้เปลือกไข่แตกมากกว่าที่ควรจะเป็น และนั่นก็ทำให้เศษของเปลือกไข่จำนวนหนึ่งหล่นลงไปในหม้อ
“คงต้องปรับลดแรงลงหน่อย” ว่าแล้วเขาก็เพิ่มเงื่อนไขในการกดนิ้วของหุ่นยนต์ ปรับอยู่สักพักก็ได้แรงที่พอเหมาะ ส่วนเปลือกไข่ที่ปะปนอยู่ในส่วนผสมก็ถูกหยิบออกไปด้วยแขนกลทรงท่อเล็กๆ ที่ปกติแล้วจะเอาไว้ใช้ในการทำความสะอาดเครื่องยนต์
หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของบิ๊กในการตรวจสอบไข่ในหม้อทั้งหมด เมื่อไม่พบสิ่งแปลกปลอม หุ่นสามเกลอก็ถูกสั่งให้ทำงานต่อ พวกมันจับตะกร้อมือเอาไว้แล้วออกแรงปั่นเบาๆ คนไปทั่วหม้อจนไข่แดงกับไข่ขาวผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด
“เรื่องตีไข่ผ่าน ต่อไปก็ชั่งน้ำหนักไข่ให้เท่ากันสินะ” พอถึงตรงนี้ชายก็รู้สึกว่าขั้นตอนการทำงานของตนดูวกวนอย่างไม่จำเป็น จริงอยู่ว่าการชั่งน้ำหนักจำเป็นต่อการควบคุมคุณภาพอาหาร แต่ตอนแรกเขาแบ่งไข่เป็นสามส่วนแล้ว พอต้องมาชั่งและแบ่งอีกครั้งเพื่อให้เท่ากันจึงดูเป็นการทำงานซ้ำซ้อน
“ความเร็วตอนตอกไข่ก็ไม่ได้น้อย ตอกรวมกันไว้แต่แรกน่าจะดีกว่าแฮะ” ชายพยายามออกแบบขั้นตอนการผลิตขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งให้หุ่นสามสหายทำงานต่อไป พวกมันแบ่งไข่ในหม้อให้มีน้ำหนักเท่ากันแล้วก็รับซุปจากบิ๊กมาผสม กรองส่วนผสมผ่านตะแกรงลงหม้ออีกใบเพื่อให้ได้เนื้อไข่เนียนนุ่ม จากนั้นก็นำส่วนผสมใส่ลงในเครื่องบรรจุอาหารสำเร็จรูป เสร็จแล้วก็นำไปนึ่ง
ขณะที่หุ่นสามเกลอทำงานกันอย่างแข็งขัน หุ่นพี่ใหญ่อย่างบิ๊กก็จัดการยกวัตถุดิบตกแต่งหน้าไข่ตุ๋นไปนึ่งตามที่ได้รับมอบหมาย ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ทำให้มันมีแขนถึงสี่ข้าง ความเร็วในการทำงานจึงมากขึ้นเป็นเท่าตัว
พอไข่ตุ๋นสุกเครื่องเคียงก็พร้อมที่จะนำมาวางแต่งหน้า ขั้นตอนนี้เป็นหน้าที่ของสามเกลอส่วนบิ๊กมีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพขั้นสุดท้ายและจบงานด้วยการนำบรรจุภัณฑ์เข้าไปปิดผนึกในเครื่องบรรจุอาหารอัตโนมัติอีกครั้งหนึ่ง
ผลงานการร่วมมือของหุ่นยนต์ทั้งสี่นับเป็นที่น่าพอใจ แต่มันจะดีกว่านี้หากเขาจัดระเบียบงานให้เป็นระบบมากขึ้น ดังนั้นหลังจากส่งอาหารสำเร็จรูปชุดที่สองออกไปแล้วชายก็นั่งร่างแผนการผลิตอย่างเคร่งเครียด ส่วนเครื่องครัวต่างๆ ก็ให้หุ่นยนต์ทั้งสี่จัดการให้เรียบร้อย
๐๐๐
๓
ระหว่างที่ชายกำลังหัวหมุนกับการปรับปรุงกระบวนการผลิตอาหาร ผู้คนในกาแล็กซีอันโดรเมดาก็กำลังตื่นเต้นกับอาหารสำเร็จรูปรูปแบบใหม่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอาหารปรุงสุก
“มันเป็นรสชาติเลิศล้ำแบบที่ไม่คิดว่าจะหาได้ในเครื่องขายอาหารสำเร็จรูป” แลนดอน หลี่ นักวิจารณ์อาหารชื่อดังกล่าวกับผู้ดำเนินรายการในช่วงสัมภาษณ์พิเศษ
ชายวัยกลางคนหลับตาทำสีหน้าเพ้อฝันแล้วก็เล่าถึงรสชาติของอาหารสำเร็จรูปที่เขาประมูลมาได้
“เมื่อแรกที่กินเข้าไปสัมผัสเนียนนุ่มของไข่ตุ๋นให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเจลลีอาหารก็จริง แต่เมื่อลองเคี้ยวดูคุณจะพบว่ามันแทบจะละลายในปากเลยทีเดียว รสชาติแฝงในเนื้อไข่ก็ยากที่จะบรรยาย ผมที่เคยกินบะหมี่ถ้วยในตำนานมาแล้วต้องขอบอกเลยว่ารสชาติมันกลมกล่อมว่าซุปของบะหมี่ถ้วยเสียอีก เครื่องเคียงที่วางเรียงไว้ด้านบนก็มีรสชาติดี เนื้อสัมผัสก็แตกต่างจากไข่ตุ๋นเนียนนุ่มทำให้ไม่รู้สึกเบื่อเวลากิน นับว่าไข่ตุ๋นของครัวคุณชายตอบโจทย์คุณสมบัติของอาหารสำเร็จรูปได้อย่างครบถ้วนเลยทีเดียว”
“แต่ผมได้ยินมาว่าคุณค่าทางโภชนาการของไข่ตุ๋นจากครัวคุณชายค่อนข้างต่ำ” ผู้ดำเนินรายการกล่าว เพื่อความเป็นกลางเขาไม่อาจละเลยประเด็นที่ผู้ประกอบการอาหารสำเร็จรูปติเตียนมาได้
“สารอาหารน้อยกว่าอาหารสำเร็จรูปยี่ห้ออื่นได้ยังไง?” แลนดอนขมวดคิ้ว เขาประกาศด้วยน้ำเสียงติดจะแข็งกร้าวเล็กน้อยว่า “ถ้ามันอร่อยขนาดนี้ให้กินวันละสิบถ้วยยังได้เลย”
“แต่กินอาหารซ้ำๆ กันมันจะไม่ดีต่อสุขภาพนะคุณหลี่”
“ใช่ เพราะฉะนั้นผมจะกินไข่ตุ๋นวันละถ้วยแล้วกินอาหารสำเร็จรูปชนิดอื่นอีกสองถ้วยก็ได้เหมือนกัน วันหนึ่งๆ คนเรากินอาหารแค่มื้อเดียวซะที่ไหนกันล่ะ”
พอหลี่พูดมาแบบนั้นผู้ดำเนินรายการก็ไร้เหตุผลจะโต้เถียงอีก เขากระแอมเบาๆ เพื่อเรียกสติก่อนออกความเห็นแก้เก้อเล็กน้อยว่า “แต่ถึงอย่างนั้นหากครัวคุณชายเติมสารอาหารเพิ่มลงไปในไข่ตุ๋นก็น่าจะดีนะ”
“ถ้ามันไม่ทำให้รสชาติเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ” คราวนี้หลี่ไม่คัดค้าน เขายังเสริมอีกว่า “และหากเป็นไปได้ผมก็อยากให้ครัวคุณชายเพิ่มจำนวนการผลิตให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นผลประโยชน์จะตกไปอยู่กับนักเก็งกำไรแทน”
“พูดถึงนักเก็งกำไร ได้ยินว่าราคาไข่ตุ๋นพุ่งขึ้นสูงมากเลยใช่ไหมคุณหลี่” พอแขกรับเชิญเปิดประเด็นขึ้นมาผู้ดำเนินรายการก็ดึงเข้าสู่ประเด็นใหม่ในทันที
“ใช่ ผมประมูลมันมาในราคาหลักหมื่นแต่ตอนที่ของมาถึงมือได้ยินว่ามันพุ่งไปถึงหลักแสนแล้ว”
“โอ้! แบบนั้นใครที่ซื้อทันนี่ถือว่าพลิกชีวิตได้เลยนะคุณหลี่” พิธีกรทำสีหน้าตื่นเต้นเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม และแขกรับเชิญก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
เขาพยักหน้าแล้วยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ทอดเวลาให้กล้องได้จับภาพเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “แต่ก็คงไม่เท่ากับสองพี่น้องปาฏิหาริย์หรอกนะ”
แล้วเนื้อหาในรายการก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องของสองพี่น้องผู้ได้รับโชคครั้งใหญ่จากการถ่ายทำคลิปวิดีโอสั้นๆ คลิปหนึ่ง
๐๐๐
อย่างไรก็ตามเมื่อมีคนชอบก็ย่อมมีคนชังเป็นธรรมดา และบรรดาผู้ที่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกับความโด่งดังของครัวคุณชายย่อมหนีไม่พ้นผู้ประกอบการขายอาหารสำเร็จรูป พวกเขาอาจจะไม่ได้ออกมารวมตัวกันก็จริงแต่ในตอนนี้กลับกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดประหนึ่งว่าบริษัทของตนกำลังจะล้มละลายอย่างไรอย่างนั้น
กลุ่มหนึ่งยังต่อสู้กันอยู่ในตลาดประมูล ราคาหลักแสนที่ แลนดอน หลี่ พูดถึงนั้นบัดนี้ทะยานขึ้นสู่หลักล้านแล้ว ส่วนผู้ประกอบการที่อยู่ในรัฐอดาเนียก็พากันไปเฝ้ารอที่ตู้ขายอาหารอัตโนมัติ
หากถามว่าพวกเขามาอุดหนุนคู่แข่งทางการค้าทำไมคำตอบนั้นง่ายดายยิ่ง มันเป็นเพราะว่าพวกเขากำลังแกะสูตรอาหารสำเร็จรูปของครัวคุณชายอยู่นั่นเอง และหนึ่งในกลุ่มคนที่เหนื่อยยากที่สุดย่อมหนีไม่พ้นนักวิจัยอาหารและบรรดาพ่อครัว
ทานากะเป็นหนึ่งในนักวิจัยอาหารที่นั่งจ้องผลการวิเคราะห์ไข่ตุ๋นมาทั้งคืนแล้ว จริงอยู่ว่าเขาไม่ต้องรับผิดชอบเรื่องการทำตัวไข่ตุ๋นอย่างพวกฝ่ายครัว แต่กระนั้นการสร้างรสชาติสังเคราะห์ที่ดีกว่าไข่ตุ๋นของครัวคุณชายก็ไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแหล่งข้อมูลของเขามีเพียงผลวิเคราะห์หนึ่งชุดกับไฟล์ห้าสัมผัสเท่านั้น
“ให้ตายเถอะ มันผิดที่ตรงไหนกันนะ” ชายหนุ่มขยุ้มผมตัวเองอย่างอับจน เขาทดลองทำผงปรุงรสมาหลายแบบแล้วแต่ก็ยังไม่เจอสูตรที่ใช่สักที หรืออันที่จริงคงต้องบอกว่ารสชาติที่ได้ยังไม่ถูกใจเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นต่างหาก
พอคิดถึงหัวหน้าฝ่ายประเมินคุณภาพทานากะก็พลันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะมีอคติต่อคนผู้นั้นเพราะอีกฝ่ายมักจะวิจารณ์ผงปรุงรสของเขาในเชิงไม่ดีอยู่เสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกันในขณะที่คนทั้งแผนกวิจัยบอกว่าผงปรุงรสที่เขาผสมออกมานั้นมีรสชาติเหมือนต้นฉบับทุกประการ แต่หัวหน้าฝ่ายประเมินคุณภาพกลับบอกว่ามันยังใช้ไม่ได้ หรือหากจะให้ทวนคำพูดของคนคนนั้นแล้วก็คงจะเป็น...
“ห่วยแตก” เสียงเรียบๆ ดังขึ้นจากทางด้านหลัง กว่าทานากะจะรู้ตัวเขาก็พบว่าตนถูกกักอยู่ระหว่างสองแขนของผู้มาใหม่เสียแล้ว
ชายหนุ่มมองมือหนาที่กำลังวางช้อนชิมรสลงบนโต๊ะด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งประหลาดใจ ทั้งไม่พอใจ และอย่างหลังดูจะทรงอิทธิพลมากกว่า
“คุณมาทำอะไรที่นี่?” เขาถามเสียงแข็ง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันตามอารมณ์ที่เริ่มจะติดลบ การทำงานล่วงเวลาภายใต้แรงกดดันมหาศาลนั้นไม่เป็นผลดีต่อจิตใจของเขา และตอนนี้ผลของมันก็เริ่มแสดงออกมาแล้ว
“จริงอยู่ว่าเราต้องเร่งทำสินค้าใหม่ออกมาแข่งกับไข่ตุ๋นของครัวคุณชาย แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องหักโหมหรอกนะ” อีกฝ่ายพูดเหมือนหวังดีทว่าประโยคที่ตามมานั้นกลับทำให้ทานากะยิ่งโมโห “คุณควรพักแล้วออกไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ บ้าง เผื่อจะเจอแนวทางที่ดีกว่านี้”
“คุณมีปัญหาอะไรกับผมก็พูดมาตรงๆ เลยดีกว่า” ทานากะผลักคู่กรณีออกไปแล้วลุกขึ้นประกาศกร้าวอย่างเหลืออด
หัวหน้าฝ่ายประเมินคุณภาพดันแว่นตาของตนให้เข้าที่ก่อนกล่าวว่า “ผมไม่ได้มีปัญหากับคุณ”
“อย่ามาเฉไฉ ด่ากันขนาดนั้นจะบอกว่าไม่มีอะไรงั้นเหรอ?”
“ผมแค่ให้คำแนะนำ ทำไมคุณถึงคิดว่าผมหาเรื่องกันล่ะ?”
“คำว่า ‘ห่วยแตก’ กับ ‘เจอทางที่ดีกว่านี้’ มันถือเป็นคำแนะนำตรงไหนกัน” ทานากะขึ้นเสียง สองมือกำหมัดแน่นแทบจะชกอีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอดไป
ด้านผู้ถูกกล่าวหาพอได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไป นัยน์ตาคมฉายแววประหลาดใจวูบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะจุดยิ้มบางๆ ที่มุมปาก “ผมคงเลือกใช้คำไม่ดีเท่าไหร่เลยทำให้คุณเข้าใจผิดไป เรื่องนี้ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
“นั่นคือ ‘เลือกใช้คำไม่ดีเท่าไหร่’ งั้นเหรอ?” ทานากะทวนคำ มือที่กำอยู่สั่นระริกและสีหน้าก็น่าเกลียดขึ้นทุกที ทว่าคู่กรณีกลับไม่มีท่าทีขุ่นเคืองแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขาสายตาที่มองมายังอ่อนโยนลงหลายส่วน และมุมปากก็ยังประดับรอยยิ้มอยู่เหมือนเดิม
ร่างสูงขยับเดินเข้าไปประชิดตัวทานากะ โน้มหน้าลงมาเล็กน้อยแล้วกระซิบที่ข้างหูของคนตัวเล็กกว่าว่า “ของห่วยๆ ก็คือของห่วยๆ ถ้าคุณอยากรู้ว่าผมหมายถึงอะไรก็ตามมาสิ” พูดจบเขาก็ยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ยกยิ้มกวนๆ และส่งสายตาท้าทายไปหนึ่งทีก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ท่าทีเช่นนั้นแน่นอนว่าย่อมกระตุ้นความอยากเอาชนะของทานากะได้เป็นอย่างดี สุดท้ายนักวิจัยหนุ่มก็ยอมเก็บข้าวของแล้วตามหัวหน้าแผนกประเมินคุณภาพไป การทำเช่นนี้แน่นอนว่าจะต้องถูกตำหนิในภายหลังแน่ แต่เขาก็เตรียมใจเอาไว้แล้วสำหรับผลที่ตามมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมรสชาติสังเคราะห์ของเขาถึงได้ไม่ดีพอสำหรับหัวหน้าฝ่ายประเมินคุณภาพ
๐๐๐
ตอนที่ 42: มาเที่ยววันแรกก็เกิดเรื่องซะแล้วการกินโซเม็งรางน้ำทำให้ทุกคนเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก กว่าจะอิ่มหนำเวลาก็บ่ายคล้อยไปแล้ว และจากการถ่ายทอดสดของชายในครั้งนี้ยอดขายเส้นโซเม็งก็เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันกับที่มีการออกสินค้าใหม่เป็นรางน้ำแบบประกอบเองจากผู้ประกอบการหลายๆ เจ้า และบางบริษัทก็ออกแบบชุดจ่ายเส้นโซเม็งที่ดูหวือหวาราวกับสวนสนุกในตำนานขึ้นมา การตลาดครั้งนี้อดาเนียกรุปไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่ง เหตุก็เพราะว่าพวกเขาตัดสินใจทำร้านอาหารที่มีบริการรางน้ำขึ้นมาโดยเฉพาะ เรื่องการทำรางน้ำเองที่บ้านนั้นก็ให้เป็นเรื่องของคนอื่นไปกลับมาที่บ้านพักตากอากาศกลางป่า เด็กๆ ที่กินจนพุงกางกำลังนอนอาบแดดอยู่ในสนามหญ้า มองเห็นเป็นก้อนขนสองสีที่ดูน่ารักน่าเอ็นดู ส่วนนีลก็เข้ามานั่งเอกเขนกอยู่ตรงโซฟา เฝ้ามองพ่อครัวร่างเล็กที่ไม่ยอมพักผ่อนด้วยสีหน้าซับซ้อนชายพยายามทำตัวให้ยุ่งจริงๆ อย่างที่จิตแพทย์ลาล่าบอก คล้ายกับกลัวว่าหากว่างแล้วจะมีเรื่องน่ากลัวเกิดขึ้น แต่กระนั้นสีหน้าท่าทางผ่อนคลายยามจัดการกับวัตถุดิบก็ทำให้มองไม่ออกเลยว่าอีกฝ่ายมีเรื่องมากมายอยู่ภายในใจ
ตอนที่ 41: มาเที่ยวก็ต้องหาเรื่องสนุกๆ ทำในที่สุดครอบครัวอดาเนียก็เดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศตามที่ตั้งใจไว้ ชายและเด็กๆ ตื่นเต้นกับบ้านหลังนี้มาก ออซซี่กับเฮคเตอร์ไม่เคยเห็นบ้านที่สร้างด้วยท่อนซุงใหญ่ ส่วนชายก็คิดถึงสัมผัสของเนื้อไม้ธรรมชาติ เขาถึงกับเผลอสูดดมกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของไม้สนเข้าไปเต็มปอดเลยทีเดียว“คุณชอบไหม?” อยู่ๆ นีลก็ก้าวมายืนข้างๆ แล้วถามขึ้น ชายสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกประชิดตัวแต่ก็สงบใจลงได้อย่างรวดเร็ว“บ้านดูอบอุ่นมาก ครัวแบบเคาน์เตอร์เปิดก็สวยจริงๆ อุปกรณ์ก็ครบมาก ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะจริงจังกับครัวบ้านพักตากอากาศแบบนี้” พ่อครัวหนุ่มเอ่ยชมขณะที่เด็กๆ วิ่งไปกลิ้งเล่นบนพรมขนสัตว์เทียมนุ่มๆ แล้วฝ่ายนีลได้ฟังแล้วก็ยิ้มกริ่ม นึกดีใจที่ทุ่มงบไม่อั้นกับห้องครัว “ด้านหลังมีน้ำตกจำลองกับลานก่อกองไฟด้วยนะ”“ลานก่อกองไฟ?”“ผมเห็นจากในรูปโบราณ เป็นลานหิน แล้วก็มีการก่อหินเตี้ยๆ เอาไว้ใช้ก่อไฟให้ความอบอุ่น” พร้อมกับพูดนีลก็เปิดภาพโบราณที่ว่าให้ดู ชายมองภาพโฆ
ตอนที่ 40: ออกเดินทางเช้าวันรุ่งขึ้นชายกับครอบครัวอดาเนียก็ออกเดินทางไปยังดาวตากอากาศตามแผนที่วางไว้ สัมภาระที่จะนำไปใช้ที่บ้านพักถูกแยกส่งไปต่างหาก ส่วนที่ติดตัวแต่ละคนก็มีเพียงกระเป๋าใบเล็กสำหรับใช้ระหว่างการเดินทางเท่านั้น“ต้องใช้ยานสาธารณะแบบนี้อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่เอาไว้คุณเป็นพลเมืองอดาเนียเต็มตัวแล้วผมจะพาไปลงทะเบียน ต่อไปจะได้ใช้ยานของบ้านเราได้เลย” นีลกล่าวกับชายระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางไปยังท่าอากาศยาน“แสดงว่าพวกคุณสามคนสามารถใช้ยานส่วนตัวเดินทางไปได้ใช่ไหม?” ชายคาดเดา “แบบนี้ทำไมคุณกับเด็กๆ ไม่ใช้ยานส่วนตัวล่ะ จะได้ไม่ลำบาก ผมเคยขึ้นยานสาธารณะแล้ว เดินทางคนเดียวได้ไม่ต้องห่วงหรอก”“ไม่เอา! ออซอยากเที่ยวกับพี่ชายนี่นา!” เด็กชายออซซี่รีบค้านความคิดของชายทันทีโดยมีเฮคเตอร์พยักหน้าสนับสนุน ส่วนนีลก็ยิ้มบางๆ ให้ชายคล้ายกับจะบอกว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธการตัดสินใจในครั้งนี้ได้‘ทำไมต้องทำทหน้าภูมิใจแบบนั้นด้วย’ ชายนึกหมั่นไส้พ่อเสือดำตงิดๆ หากแคทนิปไม่มีผลข้างเคียงท
ตอนที่ 39: พักร้อน?“คุณว่าอะไรนะ?” ชายที่ถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดถามทั้งขี้ตา เขาไม่คิดว่านีลจะกลับมาก่อนกำหนดแถมยังพูดเรื่องน่าเหลือเชื่อออกมาด้วย“เราสี่คนจะไปพักร้อน ผมอยากพาเด็กๆ ไปเที่ยวชดเชยเวลาที่มัวยุ่งกับงาน คุณเองก็ยังไม่เคยไปเที่ยวที่ไหน ถือโอกาสไปเปิดหูเปิดตาด้วยกันเถอะ” นีลทวนความประสงค์ของตนอีกครั้ง“ผมว่าคุณกลัวจะไม่มีคนทำอาหารให้มากกว่า” ชายทำทีเป็นไม่เชื่อถือคำพูดของอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ในใจก็ทราบดีว่านีลหมายความตามที่พูดจริงๆ แต่ความกระอักกระอ่วนในใจก็ทำให้ชายเลือกพูดไปแบบนั้น นีลกลับบ้านมาก่อนกำหนดทำให้เขามีเวลาทำใจไม่พอ ดังนั้นชายจึงตั้งใจจะซื้อเวลาให้ตัวเองอีกหน่อย “จริงๆ แล้วผมสอนหุ่นพ่อบ้านให้ทำอาหารได้หลายอย่างแล้วนะ คุณไม่จำเป็นต้องพาผมไปด้วยหรอก” เขากล่าว“ออซกับเฮคคงเสียใจแน่ถ้าคุณไม่ไปด้วย” นีลยังไม่ละความพยายาม “ลองดูดาวตากอากาศของผมก่อนก็ได้ เผื่อว่าจะมีที่ไหนถูกใจคุณบ้าง” พูดจบเขาก็เปิดภาพดาว
ตอนที่ 38: เรื่องของใจข้าวห่อสาหร่ายที่สามารถสร้างสรรค์ลวดลายต่างๆ ได้อย่างไม่มีขีดจำกัดกลายเป็นกระแสใหม่ในสตาร์เน็ตเวิร์กตามคาด รูปภาพข้าวห่อสาหร่ายมากมายถูกเผยแพร่ออกมาประชันกัน ผู้ขายอาหารหลายรายเริ่มทำข้าวห่อสาหร่ายออกจำหน่าย นอกจากนี้หน่วยงานตลอดจนองค์กรต่างๆ เริ่มจัดประกวดการทำข้าวห่อสาหร่ายด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้ยอดขายผงโรยข้าวและสาหร่ายพุ่งทะยานอย่างฉุดไม่อยู่แน่นอนว่านีลย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะกอบโกยผลประโยชน์จากกระแสในครั้งนี้อดาเนียกรุปไม่ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ พวกเขาเพียงจัดสินค้าเดิมเป็นชุดพร้อมด้วยเครื่องมือกับคู่มือประกอบอีกเล็กน้อย เป็นต้นว่าชุดข้าวกล่องคุณหมีก็จะประกอบไปด้วยกล่องถนอมอาหารแบบแบ่งช่อง วัตถุดิบที่ปรุงเสร็จแล้ว และวิดีโอสอนทำข้าวกล่องคุณหมีตั้งแต่ต้นจนจบ อย่างนี้เป็นต้นด้วยความสะดวกและเข้าใจได้ง่ายทำให้ชุดทำข้าวกล่องรูปต่างๆ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คนเป็นพ่อแม่หัดทำข้าวกล่องให้ลูกๆ คนเป็นครูจัดกิจกรรมฝึกทักษะให้กับนักเรียน และเหล่าเจ้าของช่องสตาร์เน็ตเวิร์กทั้งหลายก็พยายามอวดฝีไม้ลายมือกันเต็มที่เพื่อกอบโกยผลประโย
ตอนที่ 37: ศิลปะกับอาหาร“คุณไม่คิดว่าเสือดำน่ากินบ้างหรือ?”ชายไม่คิดเลยว่าประโยคสองแง่สองง่ามเช่นนี้จะออกมาจากปากของนีล กว่าเขาจะตั้งตัวได้ใบหน้าก็ร้อนผ่าวจนแทบจะต้มไข่สุกได้ อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วครอบครัวเมอร์แรงเสือดำกับเสือดาวก็ถูกทำออกมาจนได้ และตอนนี้เด็กๆ ก็กำลังจดจ้องเมอร์แรงในจานอยู่อย่างตื่นเต้น“เป็นไงชอบกันหรือเปล่า?” ชายที่รอลุ้นมานานเอ่ยถาม แล้วเด็กๆ ก็หันมาส่งยิ้มสดใสให้เขา“ชอบมากเลย!”“พี่ชายทำได้ยังไง!”“ถ้ารู้ก่อนก็ไม่สนุกสิ” พ่อครัวหนุ่มหัวเราะ เมื่อเย็นทางรายการติดต่อมาแจ้งแล้วว่าโจทย์ของวันนี้จะเป็นเมอร์แรง ขนมที่เขาตัดสินใจทำขึ้นภายหลัง ไม่ใช่เหล่าตระกูลทองทั้งหลายที่ตั้งใจทำตั้งแต่แรก ตอนแรกที่ทราบเรื่องชายก็ทักท้วงไปด้วยเรื่องเวลาในการอบ แต่ทางรายการมั่นใจในเตาอบรุ่นใหม่ที่เพิ่งได้รับการสนับสนุนมาจากบริษัทผลิตเครื่องครัวชื่อดัง พวกเขาบอกว่า “เตาอบรุ่นนี้ช่วยร่นระยะเวลาได้ถึงสามเท่าจากปกติเลยล่ะ” ดังนั้นชายจึงไม่คัดค้านอะไรอีกและรอ