"เด็กๆ วันนี้เราจะเริ่มต้นกันใหม่โดยการทำความสะอาดบ้าน" ซูหว่านพูดเสียงมั่นคง ก่อนจะหันไปมองลูกๆ
"เราจะหาทางอยู่ให้ได้ และไม่ต้องหนีอีกต่อไป"
ซูหว่านยืนอยู่กลางห้อง มองไปรอบๆ บ้านร้างที่ไม่มีใครจับจอง ภายในบ้านท่ามกลางความเงียบสงัด รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ค้างคาในใจ เด็กๆ ก็ดูจะตื่นเต้นมาก
"ฮึบบบบ…" ซูหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเดินสำรวจไปรอบๆ บ้านอย่างตั้งใจ แม้ภายในบ้านจะเต็มไปด้วยฝุ่นและข้าวของเก่าๆ แต่ในทุกมุมที่มองดูก็เห็นบางสิ่งที่ยังพอใช้ได้
“ปัดฝุ่นเสียหน่อยก็ใช้ได้แล้วล่ะ”
บนผนังห้องครัวเก่าๆ ซูหว่านพบกับอุปกรณ์ครัวที่เก่าแต่ยังพอใช้งานได้ น้ำมันเก่าๆ ในโถดีๆ ที่ยังไม่เหม็นหืนอาจเพราะอากาศเย็น ถูกวางอยู่บนชั้นไม้ที่ดูเหมือนจะเก็บไว้ไม่ได้ใช้มานาน ข้างฝาที่เป็นซี่คล้ายลูกกรง
มีเชือกที่ผูกพริกแห้งที่ยังไม่ได้ใช้จนแห้งสนิท กระเทียมกับผักชีแห้งๆ ผักเครื่องหอมที่แห้งแต่ยังหอมและฝักข้าวโพดแห้งที่อยู่ในมุมหนึ่งถูกวางทิ้งไว้ เกลือกับเครื่องเทศในห่อกระดาษแห้งสนิทของแค่นี้ก็พอจะทำให้อาหารได้
ดวงตากลมเลิกคิ้วสูง ด้านในสุดข้างเตามีกระทะแขวนไว้ ซูหว่านเอื้อมมือไปดึงถังไม้เปิดฝาเห็นข้าวสาลีเก่าๆ มีมอดขึ้นเล็กน้อย
“ดีจังมีกระทะ มีข้าวสารเก่าๆ ล้างหลายๆ น้ำคงพอหุงได้นะ…เด็กๆ คงหิวแล้วสิ”
ซูหว่านมองสิ่งเหล่านี้ด้วยสายตาที่มีความหวัง แม้ว่ามันจะดูเป็นแค่ของเหลือใช้ที่เก่าหมดแล้ว แต่สำหรับซูหว่านในตอนนี้มันเหมือนเป็นสมบัติที่ล้ำค่า
"อย่างน้อยก็มีพวกนี้…" ซูหว่านพูดเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกมา อย่างน้อยก็สามารถทำอะไรให้ลูกๆ ได้ทานอะไรที่พอจะเป็นอาหารได้บ้างในตอนนี้ ซูหว่านหยิบหม้อกอบเอาข้าวสาลีเก่าลงไปในหม้อเทน้ำซาวข้าวหลายน้ำหน่อย
ทันใดนั้นเสียงในหัวของซูหว่านดังขึ้นอีกครั้ง
"เช็กอินครัวเสร็จสมบูรณ์ รับไข่ทองคำ20ฟอง หากเช็กอินเป็นเวลาติดต่อกัน3วันรับทันที120ฟองไข่ทองคำ และเปิดใช้งานระบบแบบเต็มรูปแบบ ทั้งโต้ตอบและช่วยบริหารจัดการ เช็กอินครบเจ็ดวัน รับไข่ทองคำ50ฟอง พร้อมกับอัตราแลกเปลี่ยนและพร้อมเมนูแลกเปลี่ยนที่เหมาะสำหรับคุณ"
"อีกแล้วเหรอ นี่ฉันมีเสียงในหัวตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ หรือเพราะตกมาจากหน้าผาสูงสติสตังไปหมดแล้ว" ซูหว่านหัวเราะเบาๆ ที่คิดถึงเสียงของระบบที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าคืออะไรอาจจะแค่ความคิดที่มีเสียง
“ไข่ทองคำเอาไปทำอะไรได้กัน ทอดกินได้ไหม”
“..........”
“เฮ้อหรือจะเสียงในหัว ฮะฮะฮ่าาาหิวจนตาลายสินะ”
ซูหว่านก่อกองไฟสำหรับหุงข้าว หันไปมองเด็กๆ ที่กำลังช่วยกันเก็บกวาดบ้านร้าง ทำความสะอาดพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น มองเห็นความเหนื่อยล้าของพวกเขาที่แม้จะยังเล็กแต่ก็พยายามช่วยแม่ทุกอย่าง
"กองทัพเดินด้วยท้อง" ซูหว่านพูดขึ้นเบาๆ ขณะเดินไปที่มุมบ้าน เดินไปข้างนอกซึ่งมีต้นผักบุ้งขึ้นอยู่เต็มพื้นที่ มีพริกสดที่คงงอกเองมีเมล็ดสีแดงเต็มต้น ต้นขิงอยู่ริมรั้วไม้ผุๆ กับต้นกะเพราที่ออกดอก ฟักเขียวที่ลูกขาวหม่นแต่เถาของมันแห้งไปหมดแล้ว
ผักบุ้งยอดอ่อนๆ สีเขียวสดอยู่ข้างบ้าน ซูหว่านมองไปที่มันแล้วคิดในใจ นี่แหละ…ผักบุ้ง เป็นอาหารง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้เวลานานในการทำและมันก็พอจะมีประโยชน์สำหรับการทำอาหารมื้อแรกจากฝีมือของซูหว่านให้กับเด็กๆ ได้
"ผัดผักบุ้ง…ก็เป็นตัวเลือกที่ดีนะ" ซูหว่านคิดในใจ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในสวนเก็บยอดผักบุ้งขาวอวบสดๆ ขึ้นมา
เดินกลับไปในบ้าน โดยที่ยังไม่หยุดคิดเรื่องการทำอาหาร เห็นเด็กๆ ยังคงเก็บกวาดบ้านอย่างทุ่มเท แม้ว่าพวกเขาจะเหนื่อยแล้วแต่ก็ยังคงยิ้มและช่วยกันทำงานอย่างเต็มใจ
"อืมมมม ก็ไม่ได้แย่นะ อย่างน้อยก็มีผักบุ้งมีเด็กๆ ให้รับผิดชอบ"
ซูหว่านพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ ก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหารด้วยสิ่งที่มี ใช้พริกแห้งเล็กน้อย น้ำมันหมู เกลือและผักบุ้งที่เก็บมา เตรียมทำผัดผักบุ้งง่ายๆ ให้กับเด็กๆ
หลังจากที่ซูหว่านเปิดดูหม้อข้าวที่หุงด้วยไฟอ่อนๆ ทิ้งไว้กลิ่นข้าวสุกใหม่ๆ หอมดีเหลือเกิน
“เอาล่ะฉันจะโชว์ฝีมือทำอาหารของเชฟกระทะทองให้ดูล่ะนะ”
ผักบุ้งที่เก็บมาจากข้างบ้านถูกล้างสะอาดและนำมาหันเฉียงพอดีคำ วางกระทะลงบนเตา ตักน้ำมันหมูสีขาวลงละลาย ทุบกระเทียมและพริกแห้งลงไปผัด ในกระทะเหล็กเก่าๆ จนหอมกรุ่นลอยอบอวลในบ้าน เสียงกระทะฟู่ฟ่าจากการผัดผักบุ้ง ทำให้ห้องที่เงียบสงัดเริ่มเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
ซูหว่านผัดผักบุ้งไปพลาง ยิ้มไปพลางด้วยความพึงพอใจ มองไปที่บ้านที่เริ่มสะอาดตาบ้างแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“เสร็จแล้ววววววว” ผัดผักบุ้งมันว๊าวได้ขนาดนี้เลยหรือ หอมยั่วใจที่สุด
ซูหว่านลงมือเก็บตำลึงหอบใหญ่ไว้ในอ้อมแขนเดินกลับบ้านทันที เมื่อมาถึงบ้านยัยป้าข้างบ้านชะเง้อชะแง้ตามประสาคนขี้เสือกซูหว่านเก็บฟักเขียวลูกโตไปวางไว้ในห้องครัว พลางหยิบมีดหั่นเปลือกบางๆของมันออก เผยให้เห็นเนื้อในที่เขียวสดใส ก่อนที่เสียงเบาๆจากในหัวจะดังขึ้นมาติ้ง……เสียงดังก้องในหูของซูหว่าน พร้อมกับข้อความที่ปรากฏขึ้นในอากาศจางๆเป็นรูปจอสี่เหลี่ยมโปร่งแสง"เช็คอินเป็นเวลาติดต่อกัน 3 วัน รับทันที 120 ฟองไข่ทองคำและเปิดใช้งานระบบแบบเต็มรูปแบบ ทั้งโต้ตอบและช่วยบริหารจัดการ""อะไรเนี่ย..." ซูหว่านหยุดมือที่กำลังหั่นฟักเขียว มองไปรอบๆตัวเองด้วยความงุนงง ทันใดนั้น เสียงหนุ่มหล่อแปลกประหลาดก็เอ่ยขึ้นจากในหัวของนาง ราวกับว่าเป็นเสียงที่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือหรือระบบคอมพิวเตอร์ที่ปรากฎอยู่ในอากาศ"ออนไลน์…ยินดีต้อนรับสู่ระบบครัววิเศษ ข้าน้อยเสี่ยวปังเรียกง่ายๆก็ขนมปัง ยินดีให้บริการ ถามอะไรก็ได้ในทันที….."เสียงนี้มีความนุ่มนวลและคมชัด ราวกับเสียงพากษ์พระเอกในซีรีส์จีนสุดเท่ เสียงของมันเต็มไปด้วยความมั่นใจและความตื่นเต้นที่อยากจะช่วยเหลือซูหว่านเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ
เช้าวันต่อมาซูหว่านเดินออกจากบ้านไปโดยมีความกังวลอยู่เต็มอกเด็กๆ ป่วยอยู่บนแท่นนอนตัวร้อนจัดจนแทบจะจับไม่ได้แล้วเพราะที่ผ่านมาก็เจ็บตัวประจำอาหารการกินก็ไม่สมบูรณ์และไหนจะความเครียดสะสม ซูหว่านเช็ดตัวให้ทั้งสองคนแล้วขยับตัวลุกขึ้น“แม่จะลองไปที่ร้านหมอเพื่อขอยาดูนะ…” ซูหว่านพึมพำเบาๆ เด็กทั้งสองยังไม่รู้สึกตัวเหงื่อซึมโชกอยู่บนหน้าผากเล็กๆ ของพวกเขา บางครั้งก็มีอาการตัวเกร็งเหมือนกับจะมีไข้สูงขึ้นไปอีก รู้ว่าเวลานี้ต้องรีบหายามาช่วยเหลือไม่อย่างนั้นพวกเขาจะทรมานจนทนไม่ไหว"ต้องหายามาให้ได้ ต้องไปร้านหมอไปหายามาให้พวกเขากินแก้ไข้"เมื่อถึงร้านขายยา ซูหว่านผ่านประตูเข้าไปในร้านที่เงียบสงัด มีกลิ่นยาหอมฟุ้งไปทั่ว "ท่านหมอได้โปรด ข้าอยากขอยาให้เด็กๆ" ซูหว่านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ แต่ในใจลึกๆ ก็เต็มไปด้วยความห่วงใยหมอชราในร้านซึ่งนั่งอยู่หน้าตู้เก็บสมุนไพร ก้มมองซูหว่านด้วยสายตาเย็นชา เขาคงรู้ดีถึงชื่อเสียงของซูหว่านมาบ้าง “มีเงินหรือไม่” คำพูดเบาๆ แต่ชัดเจนทุกถ้อยคำ ซูหว่านส่ายหน้าไปมา"ไม่ได้ อยากได้ยาก็ต้องมีเงิน" หมอชราพูดสั้นๆ ก่อนที่จะหันไปทำอย่างอื่นต่อซูหว่านถูกปฏิเสธอย่า
“ทำไมใครๆ เขาก็รู้ว่าเจ้าฆ่าสามี ข้าพูดแล้วจะทำไมข้า คนอื่นเขาพูดกันทั่วไป ไม่ได้พูดแต่ข้าเสียหน่อยเจ้าก็ตามไปฆ่าทุกคนสิ”ซูหว่านยิ้มเหยียดเดินเข้าหายายป้าข้างบ้าน“ชิ อย่างนั้นหรือพูดกันทั่วไป ข้าไม่ได้ยินถือว่าไม่พูดแต่คนที่พูดให้ข้าได้ยินนี่ อย่างไงดีน้าาาา”“เจ้าอย่ามาทำนิสัยเหมือนที่ผ่านมา มิน่าเล่าแม่สามาีเจ้าถึงได้ไล่เจ้าออกจากบ้านเพราะเจ้ามาจิตใจต่ำทรามชอบฆ่าคนแบบนี้นี่เอง”“หุบปากเจ้านะไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้าย”“เจ้าจะทำอะไรข้า” ยัยป้าเริ่มหวั่นๆ ไม่กล้าสบตาซูหว่าน"คราวหลังอย่ามากล่าวหาข้าอีก...ไม่อย่างนั้นข้า…ที่ไม่เคยฆ่าใครจะฆ่าเจ้านั่นแหละคนแรก" ซูหว่านพูดเสียงดังคำพูดของซูหว่านดังก้องไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านที่มามุงดูเงียบเสียงลงไป ป้าข้างบ้านมองซูหว่านด้วยสายตาที่ตื่นตระหนกในชั่วขณะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็กัดฟันและพูดกลับด้วยเสียงสั่นๆ ซูหว่านชี้มือไปยังยัยป้าอย่างคาดโทษ"เจ้า...เจ้ายังจะกล้าทำร้ายข้าอีกหรือ อ่อแน่ละซี้ เจ้ามันชอบฆ่าคนนี่ อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปได้ง่ายๆ ข้าจะไล่เจ้าทุกวันคอยดูเถอะ"ซูหว่านที่ยังคงยืนอยู่ด้วยท่าทางมั่นคงยิ้มเย็น พูดกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ
ซูหว่านก็เตรียมข้าวร้อนๆ ในถ้วยที่ล้างจนสะอาด อาหารมื้อแรกบนอิสรภาพกลับมีค่ามากมายในตอนนี้ คนเรามันอยู่ที่ใจหรอกจบอกว่าสุขก็สุข ฮ่าาาาจริงไหมนี่เอิ้กกกกฉ้านนนนนนนมีความสุข“หน้าตาดูดีไม่น้อยทีเดียว” เสิร์ฟข้าวพร้อมกับผัดผักบุ้งกลิ่นหอมฟุ้งบนโต๊ะที่ทำมาจากไม้เก่าๆ“อาอวี่...อาเยวี่ยน มานี่เร็ว ลูกร้ากกกกก” ซูหว่านเรียกเด็กๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งสองพยักหน้าและรีบเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารอาเยวี่ยนมองข้าวร้อนๆ และผัดผักบุ้งที่กลิ่นหอมลอยมาเต็มห้อง เขายิ้มออกมาอย่างอิ่มใจ “ท่านแม่เก่งจัง หอมที่สุดเลย หอมจริงๆ แค่ผัดผักบุ้งแต่หอมไปสามบ้าน”ซูหว่านยิ้ม เด็กๆ พุ้ยข้าวใส่ปากแก้มป่อง คีบผัดผักบุ้งใส่ปาก อาอวี่นิ่งงันอ้าปากค้าง“อืออร่อยจัง ผักนี่หวานจังเลยค่ะท่านแม่ อร่อยมากๆ เลยค่ะ” อาอวี่พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ใบหน้าเล็กๆ เปล่งประกายไปด้วยความสุขจากการได้ทานอาหารร้อนๆ รสชาติอร่อยที่ซูหว่านปรุงกับมือ“ผักที่อร่อยต้องสดใหม่เท่านั้น ผักเก็บมาจากต้นปรุงอาหารได้รสดีที่สุดและผักบุ้งมีสรรพคุณมากมายแต่ที่สำคัญในตอนนี้คือช่วยลดอาการปวดศีรษะและอ่อนเพลีย จากการที่เราสามคนหนีนางปีศาจเมื่อคืนฮ่าาาาา แ
"เด็กๆ วันนี้เราจะเริ่มต้นกันใหม่โดยการทำความสะอาดบ้าน" ซูหว่านพูดเสียงมั่นคง ก่อนจะหันไปมองลูกๆ "เราจะหาทางอยู่ให้ได้ และไม่ต้องหนีอีกต่อไป"ซูหว่านยืนอยู่กลางห้อง มองไปรอบๆ บ้านร้างที่ไม่มีใครจับจอง ภายในบ้านท่ามกลางความเงียบสงัด รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ค้างคาในใจ เด็กๆ ก็ดูจะตื่นเต้นมาก"ฮึบบบบ…" ซูหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเดินสำรวจไปรอบๆ บ้านอย่างตั้งใจ แม้ภายในบ้านจะเต็มไปด้วยฝุ่นและข้าวของเก่าๆ แต่ในทุกมุมที่มองดูก็เห็นบางสิ่งที่ยังพอใช้ได้“ปัดฝุ่นเสียหน่อยก็ใช้ได้แล้วล่ะ”บนผนังห้องครัวเก่าๆ ซูหว่านพบกับอุปกรณ์ครัวที่เก่าแต่ยังพอใช้งานได้ น้ำมันเก่าๆ ในโถดีๆ ที่ยังไม่เหม็นหืนอาจเพราะอากาศเย็น ถูกวางอยู่บนชั้นไม้ที่ดูเหมือนจะเก็บไว้ไม่ได้ใช้มานาน ข้างฝาที่เป็นซี่คล้ายลูกกรงมีเชือกที่ผูกพริกแห้งที่ยังไม่ได้ใช้จนแห้งสนิท กระเทียมกับผักชีแห้งๆ ผักเครื่องหอมที่แห้งแต่ยังหอมและฝักข้าวโพดแห้งที่อยู่ในมุมหนึ่งถูกวางทิ้งไว้ เกลือกับเครื่องเทศในห่อกระดาษแห้งสนิทของแค่นี้ก็พอจะทำให้อาหารได้ดวงตากลมเลิกคิ้วสูง ด้านในสุดข้างเตามีกระทะแขวนไว้ ซูหว่านเอื้อมมือไปดึงถังไม้เปิดฝาเห็นข้าวสาล
ซูหว่านหันหลังกลับเด็กๆ ยืนข้างๆ ด้วยท่าทางหวาดกลัว สายตาของซูหว่านมองไปที่จอบที่พิงผนัง เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่พอจะใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้ ซูหว่านเอื้อมมือไปคว้าจอบนั้นมาอย่างรวดเร็ว ตายเป็นตายวะอย่างดีก็แค่ตายอีกที เสียงฝีเท้าของสาวใช้วิ่งเข้ามา ใจซูหว่านร้อนรนแต่ไม่มีเวลาคิดมากกว่านี้ ขณะที่สาวใช้พุ่งเข้ามาหา ซูหว่านคว้าจอบยกขึ้นทันที แล้วทุบลงไปที่แผ่นหลังของสาวใช้อย่างเต็มแรง"โอ๊ยยย" เสียงร้องของสาวใช้ดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ตัวจะงอไปข้างหน้า ใช้ลงไปกับพื้น หมดแรงที่จะขยับต่อไปฮูหยินซูที่อ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าซูหว่านที่ไม่เคยมีปากเสียงครั้งนี้กลับสู้คน “พวกเจ้ามาเร็วๆ มาช่วยกันจับนาง”เสียงแหลมและแข็งกร้าวสั่งการให้ทุกคนทำตาม แต่ยังไม่มีใครมาสักคันก็มันดึกแล้ว มีแต่ฮูหยินซูเท่านั้นที่อยู่คนจับผิดซูหว่านซูหว่านรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะลังเลอีกแล้ว การเผชิญหน้ากับฮูหยินซูในตอนนี้หมายถึงการสู้ หากเอาแต่หนีทั้งยังพาเด็กๆ ไปด้วยคงถูกไล่ตามมาจับได้แน่ ไม่มีทางเลือกนอกจากสู้แล้ว จะต้องทำให้ฮูหยินซูไม่กล้ากับซูหว่านอีกต่อไปซูหว่านหันไปมองฮูหยินซูที่ยืนอยู่ไม่ไกล มือยังคงกำจอ