ซูหว่านก็เตรียมข้าวร้อนๆ ในถ้วยที่ล้างจนสะอาด อาหารมื้อแรกบนอิสรภาพกลับมีค่ามากมายในตอนนี้ คนเรามันอยู่ที่ใจหรอกจบอกว่าสุขก็สุข ฮ่าาาาจริงไหมนี่เอิ้กกกกฉ้านนนนนนนมีความสุข
“หน้าตาดูดีไม่น้อยทีเดียว” เสิร์ฟข้าวพร้อมกับผัดผักบุ้งกลิ่นหอมฟุ้งบนโต๊ะที่ทำมาจากไม้เก่าๆ
“อาอวี่...อาเยวี่ยน มานี่เร็ว ลูกร้ากกกกก” ซูหว่านเรียกเด็กๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งสองพยักหน้าและรีบเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหาร
อาเยวี่ยนมองข้าวร้อนๆ และผัดผักบุ้งที่กลิ่นหอมลอยมาเต็มห้อง เขายิ้มออกมาอย่างอิ่มใจ
“ท่านแม่เก่งจัง หอมที่สุดเลย หอมจริงๆ แค่ผัดผักบุ้งแต่หอมไปสามบ้าน”
ซูหว่านยิ้ม เด็กๆ พุ้ยข้าวใส่ปากแก้มป่อง คีบผัดผักบุ้งใส่ปาก อาอวี่นิ่งงันอ้าปากค้าง
“อืออร่อยจัง ผักนี่หวานจังเลยค่ะท่านแม่ อร่อยมากๆ เลยค่ะ” อาอวี่พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ใบหน้าเล็กๆ เปล่งประกายไปด้วยความสุขจากการได้ทานอาหารร้อนๆ รสชาติอร่อยที่ซูหว่านปรุงกับมือ
“ผักที่อร่อยต้องสดใหม่เท่านั้น ผักเก็บมาจากต้นปรุงอาหารได้รสดีที่สุดและผักบุ้งมีสรรพคุณมากมายแต่ที่สำคัญในตอนนี้คือช่วยลดอาการปวดศีรษะและอ่อนเพลีย จากการที่เราสามคนหนีนางปีศาจเมื่อคืนฮ่าาาาา แบบดีจึงดีต่อสุขภาพ”
อาอวี่อ้าปากค้างรู้สึกว่าแม่ของพวกเขาเปลี่ยนไปแต่ดีจริงๆ นะ
ซูหว่านนั่งลงข้างๆ เด็กๆ ใช้ตะเกียบพุ้ยข้าวในถ้วยขึ้นมาทานบ้าง ผักบุ้งมีรสหวานและน้ำผัดที่มีรสเผ็ดเค็มและกลิ่นหอมจากกระเทียมเจียวเข้ากันได้ดีกับข้าวร้อนๆ อร่อยเฉย
“กินให้เยอะๆ นะ” ซูหว่านพูดเสียงเบา ก่อนจะยิ้มให้กับลูกๆ เห็นพวกเขากินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย ทุกคำที่พวกเขาทานก็เหมือนกับการเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตใหม่ของพวกเขา
“เอาล่ะพออิ่มแล้วเราจะมาช่วยกันจัดบ้านเพราะฉะนั้นกินให้มากๆ จะได้มีแรง พวกเราต้องใช้แรงเพื่อเนรมิตที่นี่ให้เป็นที่อยู่ และต้องอยู่ให้ได้ ฮึบบบ” เด็กสองคนมองตากันงงงันกับท่าทีของมารดาที่เข้าถึงง่ายไม่เหมือนท่านแม่คนก่อน
…………………………………………………………………………………………………………………
ซูหว่านเดินออกไปข้างนอกบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อยขบจากการทำความสะอาดบ้านทั้งวัน จัดนั่นยกนี่เลื่อนนั่น
รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่สะอาดเริ่มมีแรงกายขึ้นมาบ้างคงเพราะได้กินอิ่มนอนอุ่นแม้บ้านจะยังรกเรื้อแต่ซูหว่านสัญญาว่าจะทำให้บ้านหลังนี้สะอาดและน่าอยู่ที่สุด
โครมซ่าาาา
ก่อนที่ซูหว่านจะได้ทำอะไร ยายป้าคนนั้นก็ก้าวออกมาพร้อมกับถังน้ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำขุ่นๆ และสาดน้ำใส่ซูหว่านทันที
ป้าข้างบ้านที่ยืนอยู่ริมรั้วและจ้องมองมาที่ซูหว่านด้วยสายตาเย็นชาและเย้ยหยัน
"นี่ นางแพศยา ฆ่าสามีแล้วมาพาลูกมาอยู่ที่บ้านร้างใกล้ๆ ข้าอีกหรือ เสนียดจัญไรจริงๆ ชิ้วๆ ไปให้พ้น ตายแล้วเจ้าข้าเอ๊ยยยยย นางปีศาจซูหว่านอยู่นี่แล้ว พาลูกมาอยู่ที่นี่พวกเรามาช่วยกันไล่นาง นางจะฆ่าลูกของตัวเองอีกแล้วววว"
เสียงของป้าคนนั้นดังลั่นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่ไม่รู้มาจากไหน
น้ำเย็นที่สาดใส่ทั้งตัวทำให้ซูหว่านสะดุ้งขณะที่เปียกไปทั่วตัว รู้สึกถึงความเย็นของน้ำที่ชุ่มไปทั่วร่างกาย ราวกับถูกดูถูกและทำร้ายจากคำพูดที่ป้าคนนั้นกล่าวหาและไล่เหมือนหมูเหมือนหมา ยกมือขึ้นลูบหยดน้ำที่เกาะบนใบหน้า
ในขณะเดียวกันอีกฟากหนึ่งของถนนเล็กๆ บุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งกำลังยืนทอดสายตาอยู่เงียบๆ เขาสวมอาภรณ์ยาวเนื้อผ้าอย่างดี สีเข้มตัดขอบด้วยลวดลายปักดิ้นทอง งามสง่าคุณชายหวงจากตระกูลสูงศักดิ์ ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ดวงตาคมเข้ม เฝ้ามองเหตุการณ์ตรงหน้าระคนสงสัย
เขาคือหวงเซิ่นเหยี่ยนบุตรชายท่านคหบดีเมืองต้าจงผู้มากับรัศมีสูงศักดิ์ยากจะหาใครเทียบเคียง
ด้านหลังเขามีบ่าวร่างท้วมท่าทางตลกอยู่ผู้หนึ่ง สวมเสื้อผ้าธรรมดาๆ แต่แววตากลมโตเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขามีนามว่าเสี่ยวเปา พูดมาก ขี้เล่นแต่จงรักภักดี
เสี่ยวเปามองภาพซูหว่านถูกสาดน้ำแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนรีบหันไปกระซิบเจ้านาย
“คุณชายขอรับ โปรดอย่าได้ใส่ใจนางเลยขอรับ นางเป็นตัวซวยที่เลื่องลือกันทั้งหมู่บ้านนะ ได้ยินหรือไม่…ฉายาของนางคือหญิงโหดฆ่าสามี ขืนท่านไปข้องเกี่ยว เกรงว่าฟ้าดินยังจะพิโรธเอา” เซิ่นเหยี่ยนแค่เพียงหลุบตามองพื้นเสีย
“ท่านแม่ๆๆๆๆๆ”
อาอวี่ที่วิ่งมายืนอยู่ข้างๆ เห็นซูหว่านเปียกไปทั้งตัวเพราะถูกรังแก ทั้งตกใจและหวาดกลัว น้ำตาเริ่มปริ่มขอบตาของเด็กหญิงตัวน้อย
สิ่งที่เก็บกดไว้ในใจของซูหว่านเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ซูหว่านไม่เคยโกรธใครขนาดนี้ ที่เป็นแบบนี้อาจเพราะความที่ถูกรังแกจนเกินไป
"ยัยป้า เจ้าเห็นตอนที่ข้าฆ่าผัวหรือไร" ซูหว่านถามด้วยเสียงเย็นเยียบ ดวงตาของนางจ้องไปที่ป้าข้างบ้านที่ยืนยิ้มเยาะดูหมิ่น
"ถึงกล้ามาบอกว่าข้าฆ่าผัว หรือว่าฟังจากคนอื่นพูดมาเท่านั้น"
ซูหว่านกล่าวต่ออย่างเย็นชา ขณะที่ยกมือเท้าสะเอว ค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าไม่ได้เกรงกลัวอะไรอีกแล้ว
อาเยวี่ยนยืนอยู่ข้างๆ และมองซูหว่านด้วยความกังวล พยายามดึงมือแม่ไว้แต่ซูหว่านโบกมือห้ามไว้
“อย่าเข้ามานะ” ยัยป้าเริ่มหวั่นๆ ชาวบ้านเริ่มมุง
"เอาตามจริงนะ ข้าไม่เคยทำผิดอะไรต่อเจ้า วันนี้ถือว่าไม่เอาความ ชิ"
ซูหว่านพูดออกมาเสียงดังบอกว่าไม่เอาความทั้งที่อยากจะกระโจนใส่เต็มกำลัง เต็มไปด้วยความโมโหขั้นสุดที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของซูหว่าน หยุดยืนอยู่ตรงหน้าป้าคนนั้นและสายตาของซูหว่านที่จ้องไปที่ป้าก็ยิ่งดุดันขึ้น
"รู้ไหมตอนนี้ ความจริงแล้ว...อยากจะฆ่าเจ้าทั้งที่ข้าไม่เคยฆ่าใครมาก่อน" เสียงของซูหว่านแข็งกร้าวและข่มขู่ ป้าข้างบ้านถอยหลังเล็กน้อยแต่ยังคงยิ้มหยัน
เสียงสัญญาณการประกวดการแข่งขันดังขึ้นจากทุกทิศทาง ผู้เข้าแข่งขันต่างเตรียมพร้อมและทำอาหารด้วยความมุ่งมั่น บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความคาดหวังจากทุกฝ่าย ท่ามกลางกลิ่นหอมของอาหารหลากหลายชนิดที่เต็มไปด้วยความพิเศษและรสชาติที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนท่านฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรไปยังเหล่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละรายพร้อมกับขันทีข้างกายที่คอยรายงานข้อมูลและชี้ชวนให้ดูยังจุดต่างๆ ภายในบริเวณงาน การมองลึกๆ ของพระองค์สะท้อนถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียด และความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการประกวดในครั้งนี้"นั่นใช่ไหม เปิ่นหลี่ของอ๋องแปด"ฮ่องเต้ถามพร้อมกับมองไปยังผู้เข้าแข่งขันในชุดประดับที่เด่นชัดขันทีข้างกายยิ้มและตอบอย่างนอบน้อม "พ่ะย่ะค่ะ ความจริงแล้วโรงเตี๊ยมที่ลงแข่งขันทั้งหมดล้วนมีจุดเด่น และเปิ่นหลี่ของอ๋องแปดก็เป็นหนึ่งในนั้น ข้าว่าท่านอ๋องแปดคงคิดหนักหน่อยเมื่อเห็นผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ ทุกคนล้วนมาเพื่อแข่งขัน"ฮ่องเต้พยักหน้าแล้วทอดพระเนตรต่อไปที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ก่อนจะเลื่อนสายตามาหยุดที่ซูหว่าน ที่กำลังก้มลงเติมฟืนในเตาอย่างมุ่งมั่นท่ามกลางเตาอาหารที่ยังคงคุกรุ่นไปด้วยความร้
ไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวแต่ก็ประมาทไม่ได้ โรงเตี๊ยมผิงจื้อมีชื่อด้านสุราหอมหวนอาหารที่ทำล้วนแต่เป้นกับแกล้มที่คยนกินรุ้สึกสึกปากเมื่อต้องกินคู่กับสุราฉะนั้นประมาทไม่ได้เรื่องรสชาติอาหารที่จัดจ้าน” ซูหว่านพยักหน้ายิ้มๆด้านข้างหอโอชารสที่เข้าแข่งขันครั้งนี้ด้วย ป้ายแผ่นไม่ด้านหลังงดงามด้วยตัวอักษรที่พลิ้วไหว“หอโอชารส”“หอโอชารส ส่วนมากจะปรุงอาหารที่นิยมในหมู่ขุนนางและคนในราชสำนักนับว่ายกระดับอาหารจากที่ชาวบ้านกิน ส่วนมากแล้วขุนนางในราชสำนัมักจะนัดพบปะพูดคุยหารือเรื่องต่างๆ หรือตกลงกันด้วยเรื่องการเมืองมักจะมากินอาหารที่นี่เสมอมีทั้งสุราดีและนารีที่งดงาม” ซูหว่านยิ้ม“แล้วนั่นล่ะค่ะ” ชี้มือไปที่ด้านนซ้ายนถัดจากโรงเตี๊ยมไห้ถัง“นั่นโรงเตี๊ยม จือฮวาที่แค่คงตั้งใจเข้ามาร่วมการแข่งขันเพื่อให้คนรู้จักมากขึ้นเพราะข้าเพิ่งเห้นว่าดรงเตี๊ยมแห่งนี้เพิ่งจะเปิดได้ไม่กี่วัน” ฟงหงเหวินชี้มือไปที่โรงเตี๊ยม เปิ่นหลี่“เปิ่นหลี่”“นั่นคือคู่แข่งคนสำคัญเพราะเป็นโรงเตี๊ยมที่ขายให้เฉพาะคนในราชสำนักีรุ้ใจเข้าใจคนในวังหลวงว่าชมชอบอาหารแบบไหนซึ่งคนในวังหลวงก็มีฝ่าบาทในนั้นด้วยเกรงวาสครึ่งใจของฝ่าบาทจะเทไปที่เ
ซูหว่านก้มมองตัวเองพร้อมกับรอยยิ้ม แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องเข้ามาทำให้ดูสง่างามอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ชุดกี่เพ้าแบบฟ้าขาวทำให้ดูสวยงามและสงบเยือกเย็น แต่ก็มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เข้ากับบุคลิกของซูหว่านอย่างลงตัวฉายหยาเลิกคิ้วขึ้น พลางมองไปที่ซูหว่านจากหัวจรดเท้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงใสซื่อ"อ่อ พี่เซิ่นหยี่ยนเข้าใจหาลูกค้านะคะ นางกำลังจะลงแข่งขันการปรุงอาหาร สวมอาภรณ์ที่มาจากผ้าเนื้อดีและตัดเย็บมาจากร้านหวงฝูเหอแบบนี้ เท่ากับช่วยโฆษณาสินค้าของร้านหวงฝูเหอสินะคะ เพราะว่านางเป็นหญิงเพียงคนเดียวที่ลงแข่งขันในครั้งนี้ ทุกสายตาในงานเทศกาลจะต้องจับจ้องมาที่นาง อาภรณ์ชุดนี้พออยู่บนตัวนางยิ่งทำให้นางดูงดงาม แบบนี้หญิงงามทั้งเมืองจะต้องอยากได้ชุดแบบนี้บ้างสินะคะแล้วร้านหวงฝูเหอก็จะ ทำยอดขายเป็นกอบเป็นกำสินะคะ พี่เซิ่นเหยี่ยนนี้สุดยอดจริงๆ"คำพูดของฉายหยาเหมือนมีแรงกดดันบางอย่าง และเมื่อพูดถึงร้านหวงฝูเหอ น้ำเสียงนั้นก็เหมือนจะตีความว่าเซิ่นเหยี่ยนกำลังใช้ซูหว่านเป็นเครื่องมือในการโฆษณา แม้ว่าคำพูดของฉายหยาออกจะดูเหมือนการชมเชย แต่ก็แฝงไปด้วยการวิจารณ์บางอย่างเซิ่นเหยี่ยนถอนหายใจ เขากลับรู้ส
เซิ่นเหยี่ยนก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ข้างๆ ฉายหยาที่เกาะแขนของเขาเดินไปติดๆ ในขณะที่ทั้งคู่เดินไปข้างหน้า หยางลู่ที่เดินอยู่ข้างหลังอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง ทั้งๆ ที่พยายามทำใจให้สงบ แต่ทว่าความรู้สึกบางอย่างกลับฉุดรั้งให้ไม่สามารถละสายตาจากแผ่นหลังของเซิ่นหยี่ยนได้เซิ่งเจี๋ยที่ยืนอยู่ข้างหน้าเห็นหยางลู่ที่เดินเข้ามาใกล้ก็ยกมือขึ้นมาโบกให้กับหยางลู่รอยยิ้มบนใบหน้า แม้จะเป็นเพียงการแสดงออกธรรมดา แต่ก็ไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกบางอย่างในเมื่อหยางลู่สวมชุดสีแดงเพลิงสะดุดตาขนาดนั้นฉายหยาที่เห็นเซิ้งเจี๋ยโบกมือก็พูดขึ้นยิ้มๆ"พี่จะไปหาพี่เซิ่งเจี๋ยก็ได้นะคะ ส่วนข้ากับพี่เซิ่นเหยี่ยนเราจะได้ใช้เวลาด้วยกันเพียงลำพัง พี่เองก็จะมาเดินตามเราทำไมกัน" เสียงของฉายหยาที่พูดด้วยท่าทางไร้เดียงสาแทรกเข้ามาในหูของหยางลู่ แม้รอยยิ้มใสใสที่ส่งมาเป็นเพียงแค่การแสดงออกภายนอก แต่หยางลู่กลับเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแววตาของฉายหยาความเย้ยหยันที่แฝงมาในท่าทีที่แสนสงบ ทำให้รู้สึกไม่พอใจ"อืม เข้าใจแล้ว ก็น่าเห็นใจเจ้านะฉายหยานานๆ ครั้งไม่สิคงไม่มีโอกาสได้เดินเคียงข้างคุณชายหวงสินะ วันนี้จึงอยากจะใช้โอกาสนี้ใ
รถม้าหลายคันเคลื่อนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ล้อไม้ดังเสียงกรอบแกรบขณะที่พาหนะแต่ละคันวิ่งเข้ามาหยุดยังบริเวณงาน บริเวณนี้เต็มไปด้วยคนของโรงเตี๊ยมทั้งใหญ่และเล็ก ทุกคนต่างช่วยกันจัดเตรียมทั้งอุปกรณ์ทำอาหารและการก่อเตาฟืนกลางแจ้งเพื่อใช้ในการแข่งขันครั้งนี้"ทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหม" เสียงของเซิ่งเจี๋ยดังขึ้นในระหว่างที่เขากำลังเดินไปมาในพื้นที่ เขายืนอยู่ในชุดสูทที่ทันสมัย ดูสง่างามและนอบน้อม ในขณะที่ขุนนางที่มีตำแหน่งสูงต่างๆ เดินผ่านมา พวกเขาหยุดและกล่าวทักทายเขาด้วยท่าทางสุภาพ จนทำให้บรรยากาศรอบๆ ยิ่งดูเป็นทางการและยิ่งใหญ่“จอมปลอม” ซูหว่านเผลอพึมพำเบาๆรุ้สึกหนักอึ้งกับภาพตรงหน้าเซิ่งเจี่ยคนเดียว“เจ้าว่าอะไรนะ”“อ่อเปล่า…….ข้ากำลังรู้สึกว่าฮ่าาาๆๆๆๆบางอย่างมันดูยิ่งใหญ่ที่สุดเลยจริงๆไม่เคยเห้นอะไรแบบนี้มาก่อนงานปีใหม่นี่ดีจริงๆนะฮ่าาาาา”"หลังจากจบการแข่งขันการทำอาหารข้าจะพาเจ้าเดินชมงานเทศกาลรอบๆ ที่นี่มีของขายมากมายและยังมีการแสดงหุ่นกระบอกกับการร่ายรำกระบี่ที่หาดูยากแล้วในตอนนี้อีกด้วย" ซุหว่านพยักหน้ายิ้มๆ"ขอบคุณคุณชายมากๆเลยคะ ข้าคงใจจดจ่อที่การแข่งขันในตอนนี้ แต่พวกเด็กๆไม่รอแล้ว
ก่อนจะตอบออกไปอีกทีอย่างรวดเร็ว "ไม่ ไม่ยกเว้นใครทั้งนั้น!"หยางลู่ผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองไปข้างนอกที่มีแสงจากพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า "เราจะต้องเหนือกว่าทุกคนที่นี่โดยเฉพาะซูหว่านนางขอทานนั่น ที่นี่เรามีเงิน มีอำนาจ ทุกอย่างที่คนธรรมดาไม่มี คุณจะกลัวทำไม ซูหว่านก็แค่ผู้หญิงไร้พิษสงคนหนึ่งเท่านั้น!"คำพูดของหยางลู่ยังดังก้องในห้อง แต่เซิ่งเจี๋ยกลับมองไปที่หยางลู่ด้วยแววตาที่ไม่อาจบอกได้ว่ากำลังคิดอะไร เขายังคงเงียบ และท่าทางนั้นทำให้หยางลู่หันกลับมามองเขาด้วยความสงสัย"คุณไม่เชื่อใช่ไหมคอยดูก็แล้วกัน ซูหว่านจะต้องไร้ที่ยืนที่นี่" หยางลู่ถามเสียงต่ำเซิ่งเจี๋ยพยักหน้าอย่างช้าๆ เขารู้ดีว่าไม่ใช่แค่ซูหว่านที่เขาต้องระวัง แต่ยังมีคนอื่นๆ ที่เขาต้องคิดถึงอีกมากมาย... " คุณเกลียดอะไรเขาหนักหนาผมไม่เข้าใจ ผมก็แค่ไม่อยากเห็นความผิดพลาดครั้งใหญ่" เขาพูดเบาๆหยางลู่ยิ้มหยัน"ไม่ต้องห่วง คุณชายเซิ่งเจี๋ย ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ที่นี่จะไม่มีคำว่าผิดหวังในเมื่อต้นทุนเรามาดีขนาดนี้ฉันถึงปฏิเสธระบบบ้าบอนั่นอย่างไรเล่า"หยางลู่พูดก่อนจะหันกลับไป และจากไปด้วยท่าทีที่มั่นใจ จะไม่ยอมให้ใ