บทที่ 5 อบอุ่นหัวใจ
เพียงเธอปิดประตูห้องแน่นหนาแล้วเดินกลับไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดิมที่ใช้เป็นที่นอนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ความนุ่มนิ่มของมันเล่นเอาเธอปวดหลังเลยล่ะ กำปั้นน้อย ๆ ทุบเอวตัวเองเบา ๆ แล้วขยับไปทุบหลังด้วย ก่อนจะเดินดูรอบห้องขุนเขาเมื่อมีโอกาสตอนที่เขาไม่อยู่
"ว้าว..อันนี้ราคาท่าจะแพง" เธอมองชุดถ้วยน้ำชาที่ตั้งอยู่ในตู้โชว์ด้วยดวงตาแววตาเป็นประกาย เพียงเธอกำมือตัวเองแน่นเพื่อหักห้ามใจไม่ให้ยกขึ้นมาจับสิ่งของสวยงามตรงหน้าแล้วรีบหันหลังเดินกลับไปนั่งที่โซฟาตัวเดิม นี่ก็เพิ่งเจ็ดโมงเช้าเองจะให้เธอนั่งเหงา ๆ รอเขาจนถึงเที่ยงมันก็ยังไงอยู่
"เปิดทีวีดูก็ยังดี" ว่าแล้วก็กวาดสายตามองหารีโมททีวีแต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอจนรู้สึกท้อใจ จนกระทั่งเห็นรีโมทอันหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นรีโมททีวีแต่พอได้มาถือไว้ในมือแล้วกลับไม่กล้าเปิด เธอจึงเดินไปที่โต๊ะตั้งโทรศัพท์บ้าน "จะโทรไปถามพี่ขุนดีไหม.." เพียงเธอคิดไม่นานก็โทรไปหาพนักงานที่อยู่หน้าล็อบบี้ตามเบอร์ที่ติดไว้บนโต๊ะแล้วขอเบอร์โทรศัพท์ขุนเขามาก่อนจะโทรไปหาเขา
ณ ร้านสักลาย
"ไอ้ขุน..โทรศัพท์มึงดังอะ ให้กูรับให้ไหม" ปรินที่กำลังนั่งเล่นเกมอยู่ด้านนอกตะโกนเรียกขุนเขาที่ทำงานอยู่ในห้องอีกฝั่ง
"ใครโทรมาวะ" เขาตะโกนถามปริน
"แป๊บเดี๋ยวดูให้" ว่าจบปรินก็ชะเง้อมองเบอร์โทรที่ปรากฏอยู่หน้าจอแล้วตะโกนบอกเขาไป "น่าจะเป็นเบอร์ห้องมึงไหมวะ ลงท้ายด้วยศูนย์สองอะ" ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นขุนเขาก็รีบลุกออกมารับสายขณะที่ยังทำงานให้ลูกค้าอยู่ "อะไรวะไอ้นี่..ลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนเมียโทรมาตามกลับบ้าน"
"ว่าไง"
(พะ..พี่ขุนเขาไหมคะ)
"บอกแล้วไงว่าห้ามหยิบจับอะไรในห้องฉัน"
(คือเพียงแค่จะโทรมาถามพี่ขุนว่าเปิดทีวีได้ไหม เพียง..เหงา)
"ได้ แค่มันต้องใช้ระบบเสียง"
(คะ?) เพียงเธอที่อยู่ปลายสายทำหน้ามึนงงอย่างหนัก เดี๋ยวนี้โทรศัพท์เขามีสั่งการด้วยเสียงแล้วเหรอ เธอหัวโบราณที่ชินกับการกดรีโมทเปิดทีวีหรือเทคโนโลยีมันไปไกลกว่านั้นแล้วเนี่ย
"พูดคำว่า…ทีวีที่รัก ฉันอยากเปิดเธอ" คำพูดของขุนเขาที่เอ่ยบอกคนปลายสายแต่ทว่าคนที่อยู่ด้วยกันกับเขากลับได้ยิน
"ที่รัก…อยากเปิดเธอ..โห! ไอ้ห่านี่ร้ายกาจจริง แอบซุกหญิงไว้แดกเองเหรอวะ เห็นเงียบ ๆ แบบนี้ร้ายกาจไม่เบา" ปรินพึมพำกับตัวเองเสียงเบาแล้วเงี่ยหูฟังอีก แต่เหมือนขุนเขาจะรู้ตัวเดินออกไปคุยไกล ๆ อีก
(คะ?..ให้พูดแบบนั้นแล้วมันจะเปิดเองเหรอ)
"อืม" เพียงเธอรู้สึกกระดากปากที่ต้องพูดแบบนั้นแม้จะอยู่ในห้องคนเดียวก็เถอะ "ไหนพูดให้ฉันฟัง"
(เอ่อ..)
"ถ้าไม่พูดตอนนี้ โทรมาอีกทีไม่รับสายแล้วนะ ฉันจะทำงาน" น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้นขณะที่อีกฝ่ายไม่กล้าพูดแบบนั้นให้เขาฟัง เธอคิดว่าพูดคนเดียวมันน่าจะดีกว่าที่ต้องมาพูดให้เขาฟัง
(ทีวีที่รัก..ฉันอยากเปิดเธอ โอ๊ะ! เปิด เปิดแล้วค่ะ)
ตู๊ด…
ขุนเขาที่ตั้งท่าจะตอบกลับก็ไม่ทันแล้ว เขาส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วกลับเข้าไปทำงานต่อ ปรินที่แอบนั่งฟังอยู่ก็รีบโทรหาปกป้องกับธันวาทันที
(มีไรวะโทรมาแต่เช้า) ปกป้องที่อยู่ในสายถามก่อน
(กูง่วง..) ธันวาหาวเสียงดัง
"กูมีอะไรจะพูด"
(เรื่องไร) สองหนุ่มถามขึ้นพร้อมกันปรินหันไปมองต้นทางแล้วบอกคนปลายสายเสียงเบา
"ได้ขุนมันคุยโทรศัพท์ ที่รักอย่างนั้นอย่างนี้ อยากเปิดกันด้วยนะ ไอ้นี่แม่งร้ายมาก"
(มันคุยกับใครวะ กิ๊กเหรอหรือเด็ก) ปกป้องถามกลับ
"ไม่แน่ใจ แต่กูว่ามันซุกกิ๊กไว้แดกเองแน่นอน พูดกันหวานเชียว"
(เออ เดี๋ยวค่อยคุยได้ไหมล่ะ กูนอนก่อน)
(เออกูเหมือนกัน) ธันวาว่าตามปกป้องก่อนที่ทั้งสองจะตัดสายปรินไป
"สงสัยกูต้องรับบทนักสืบอีกแล้วสินะ.." ปรินหรี่ตามองแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิมในขณะที่ขุนเขายังนั่งทำงานอยู่ในห้อง
"ปินเดี๋ยวเที่ยงนี้กูกลับไปเอาของที่ห้องก่อนนะ จะเข้าร้านอีกทีตอนสองทุ่ม"
"อืม กูก็คงต้องกลับด้วย"
"กลับไหน" ขุนเขาถาม
"ก็ไปกับมึงไง"
"ไปเหี้ยไรกูไปทำธุระกว่าจะเสร็จ ไปด้วยเดี๋ยวก็บ่นอีกไม่ให้ไป" ปรินหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิดแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ
"มึงแอบซุกใครไว้ในห้องหรือเปล่า ท่าทางมีพิรุธนะเนี่ย"
"ซุกเหี้ยไรล่ะ มีแต่ปืนเอาไหม"
"เออ ๆ ไม่ไปแล้วก็ได้วะ งั้นแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน" ว่าจบสองหนุ่มก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ส่วนขุนเขาขับรถกลับห้องพักแต่ก็ไม่ลืมซื้อข้าวกลับไปให้เพียงเธอด้วย
พอมาถึงเขาก็ต้องหยุดชะงักเท้าที่จะเดินไปทางห้องนั่งเล่นเมื่อเสียงทีวีดังกระหึ่มออกมา
"หูไม่หนวกเหรอ เปิดอะไรเสียงดังขนาดนั้น"
"กลับมาแล้วเหรอคะ.." เพียงเธอยิ้มหวานแล้วลุกขึ้นมาหาเขา เธอผสานมือไว้ด้านหน้าพลางส่งยิ้มหวานละมุนให้เขา
"อืม นี่ข้าว"
"ข้าวเหรอ"
"ยังไม่ได้กินข้าวไม่ใช่เหรอ แล้วเธอหายไข้หรือยัง" เพียงเธอหันมาพยักหน้าให้เป็นคำตอบแล้ววางถุงกล่องข้าวไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา จู่ ๆ หัวใจดวงน้อยก็เต้นแรงผิดปกติ ก็แค่คำถามธรรมดาแต่ทำไมเธอรู้สึกว่ากำลังถูกใส่ใจอยู่นะ 'เพียงเธอ เธอมันชอบมโนไปเองอยู่เรื่อยเลย พี่เขาจะมาใส่ใจอะไรก็แค่ความสงสาร เขาเห็นใจผู้หญิงตาดำ ๆ ที่ไม่มีที่ซุกหัวนอนแค่นั้น'
"รีบกินข้าวแล้วจะพาออกไปข้างนอก"
"ค่ะ" เพียงเธอถือกล่องข้าวไปนั่งกินที่โต๊ะอาหารอย่างเรียบร้อย และเมื่อกินเสร็จก็รีบเดินมาหาขุนเขา "พร้อมแล้วค่ะ" เพียงเธอยิ้มแป้น
"อ่า..ลืมไปเลยว่าเธอไม่มีเสื้อผ้าใส่"
"ไปชุดนี้ได้ไหมคะ"
"ถ้าไม่อายก็ไปได้ แล้วแต่เธอ" พอเขาพูดมาแบบนั้นความเอียงอายก็เข้ามาแทรก เพียงเธอก้มมองตัวเองที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยก่อนจะถอยออกมาหนึ่งก้าว
"งั้นเพียง.."
"เธอจะเอาอะไรบ้างก็จดมา เดี๋ยวฉันขับรถไปเอาให้ อย่าเยอะแล้วกัน" ประโยคสุดท้ายเขาเน้นเสียงเข้มแล้วชี้ไปที่ชั้นวางของเพื่อให้เพียงเธอเดินไปหยิบสมุดกับปากกามาจดของที่ต้องการ "แล้วเดี๋ยวฉันแวะดูห้องให้ด้วย จะถ่ายรูปมาให้ดู"
"ขอบคุณค่ะ" เพียงเธอมองหน้าขุนเขาด้วยความอบอุ่นหัวใจแล้วรีบจดของที่ต้องการไปหนึ่งหน้ากระดาษเต็มแล้วเอาไปให้ขุนเขา เขารับกระดาษมาแล้วพับเก็บใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินออกมาทันที
รถยนต์หรูขับมาจอดเทียบทางเดินเข้าห้องเช่าของเพียงเธอแต่ทว่ามีป้าวัยกลางคนร่างท้วมเดินมาเคาะกระจกรถเขา ขุนเขากดลดกระจกแล้วเลิกคิ้วถาม
"มาหาเพียงเธอเหรอ" ป้าถาม
"อืม ทำไม" ขุนเขาหันไปมองห้องเช่าเพียงเธอแล้วตวัดสายตามองป้า
"ฉันเป็นเจ้าของห้องเช่า เพียงเธอค้างค่าเช่าอยู่ ถ้ารู้จักเธอก็บอกให้เธอเอาเงินมาจ่ายด้วย"
ขุนเขาเปิดประตูก้าวลงจากรถแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ใบหรูออกมา "เท่าไหร่" ขุนเขาถามเสียงเรียบ
"สองพันห้า" ทันทีที่ได้รับคำตอบขุนเขาก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาแล้วยืนให้ป้าจากนั้นจึงเดินไปที่ห้องของเพียงเธอ แต่ยัยป้ายังเดินตามมาอีก
"เป็นผัวมันเหรอ"
"…" ขุนเขาชะงักค้างกับคำว่า 'ผัว' ที่ป้าถามมาตรง ๆ "เรื่องส่วนตัวเขาไม่ถามกันหรอกนะ อีกอย่างเป็นแค่เจ้าห้องไม่มีสิทธิ์มาถามเรื่องส่วนตัวคนอื่น" เขามองด้วยสายตาดุดันจนป้าแกต้องเดินหนีไปทันที "เสือกไม่เข้าเรื่อง!" ขุนเขาพูดคำหยาบคายออกมาด้วยความหงุดหงิดแล้วเปิดประตูเข้ามาในห้องเพียงเธอ
กระดาษถูกคลี่ออกแล้วเขาก็จัดของตามที่เธอสั่งจนมาถึงสองข้อสุดท้าย
"กางเกงใน กับเสื้อใน…เฮ้อ~ ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย" แม้ปากจะบ่นพึมพำแต่มือก็เปิดลิ้นชักออก เขากวาดตามองชุดชั้นในที่ถูกพับเป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะหยิบใส่กระเป๋าโดยไม่มอง เมื่อได้ของครบทุกอย่างแล้วก็ออกมาจากห้องเช่านั้น แต่สังเกตเห็นป้าแอบมองอยู่ไกล ๆ เขาจึงตวัดสายตาดุ ๆ มองแล้วเปิดประตูเข้ามาในรถ ขับออกไปจากห้องเช่าโดยเร็ว
ตอนพิเศษ 5เช้าวันต่อมาเพียงเธอนอนกะพริบตาปริบ ๆ อยู่ใต้ผ้าห่มขณะที่ขุนเขานอนกอดเธอแนบแน่นแถมยังเอาหน้ามาซบหน้าอกเธออีก เมื่อคืนเขาทั้งดุและกินจุจนเธอเพลียหลับไปตอนไหนไม่รู้ นี่ก็สายมากแล้วด้วย แม่บ้านคงกำลังถามหากันวุ่นว่าทำไมเราสองคนไม่ลงไปกินข้าวเช้าสักที"อื้อ~ ทำไมตื่นเร็วจัง เมื่อคืนไม่เหนื่อยเหรอ" ขุนเขางัวเงียถามแฟนสาวที่นอนนิ่งอยู่ เขารู้สึกตัวตั้งแต่เธอขยับตัวครั้งแรกแต่รู้สึกล้าเลยไม่ตื่นขึ้นมา เพียงเธอยิ้มบาง ๆ แล้วเท้าแขนไปด้านหลังดันตัวลุกขึ้นมานั่งทำเขาต้องลุกขึ้นตามเธอด้วย"วันนี้เราไปหาแม่อรอีกไหมคะ เมื่อคืนนี้แม่อรทักมาหาบอกคิดถึงเราสองคน" เธอชวนคนรักที่นั่งทำหน้าง่วงอยู่ ขุนเขาไม่ได้ขัดใจเธอและพยักหน้าหงึก ๆ เป็นคำตอบ เพียงเธอยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินนวยนาดไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาคลุมตัวไว้"ขอเฮียนอนอีกแป๊บนะ เมื่อคืนหนักไปหน่อย""แล้วเมื่อคืนสนุกไหมคะ" เธอหย่อนตัวนั่งลงขอบเตียงพลางเสยผมออกจากหน้าให้แฟนหนุ่มด้วย ขุนเขาหยักหน้าหงึก ๆ"สนุกมากเลย เมื่อคืนไอ่ปินมันพาพี่ชายไปเที่ยวด้วย"“ไม่น่าเชื่อนะคะว่าพี่ปินมีพี่ชายด้วย" เพียงเธอยิ้มบาง ๆ"อืม พี่ปลาพี่ชา
ตอนพิเศษ 4ขุนเขาที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวติดกระดุมไม่เรียบร้อยก้าวขาลงจากรถพร้อมบดินทร์และปรินที่ขับรถตามหลังเขามาติด ๆ แต่วันนี้มีแขกคนพิเศษเพราะพี่มันขอมาเที่ยวด้วย"เด็ก ๆ" พี่ปลาพี่ชายไอ้ปินเดินเข้ามากอดทักทายขุนเขากับบดินทร์ด้วยความคิดถึง "ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะ หล่อขึ้นเป็นกองเลย""ครับ" ขุนเขาไล่สายตามองพี่ปลาอย่างยิ้ม ๆ วันนี้เหมือนจะมีนกแก้วบินว่อนอยู่ในผับหนึ่งตัวนะ พอนึกอย่างนั้นได้เขาจึงรีบเดินเข้ามาในผับก่อนเพราะกลัวจะหลุดขำกับสีหน้าเบื่อหน่ายของปรินที่ต้องดูแลพี่ชายมัน"ตามมาทำเชี่ยไรก็ไม่รู้ รำคาญ"ป๊าบ!ฝ่ามืออรหันต์ประทับที่หัวเขาทันทีที่พูดจบ ปรินสะบัดหน้าไปมองพี่ชายอย่างเอาเรื่องสุด ๆ"ไอ้เชี่ยปลา!""ไม่รู้แหละ กูเป็นพี่มึง ยังไงมึงต้องดูแลกู" ว่าจบปลาก็เดินเข้าไปในผับหน้าตาเฉย ปรินกรอกตาไปมาแล้วหันไปพยักหน้าให้บอดี้การ์ดที่ตามมาดูแลพี่ชายเสียงเพลงดังกระหึ่มตั้งแต่เดินเข้ามาทำให้ไอ้พี่ปลาเต้นจนถึงโต๊ะที่จองกันเอาไว้ ปรินส่ายหน้าอย่างเอือมระอาแล้วคว้าแก้วเหล้าขึ้นมากระดกเข้าปากอึกใหญ่"ถามจริง มึงสองคนพี่น้องกันจริงไหมวะ" ขุนเขากระซิบถามข้างหูเพื่อนรัก เพราะหน้าตาไม
ตอนพิเศษ 3หลายวันต่อมา"ทำหน้าเหมือนโดนตีนมาเลยนะ" ขุนเขาเอ่ยถามปรินที่เดินกระแทกเท้าตึงตังเอาแต่ใจมาหาเขากับบดินทร์ที่นั่งดื่มชากันอยู่"เบื่อว่ะ อยากไปดื่มฉิบหาย ผับไหนก็ได้ที่มีเด็กแจ่ม ๆ อะรู้จักกันบ้างไหม" บดินทร์ถึงกับส่ายหน้าไปมาแล้ววางแก้วชาลง"มีน่ะมันมี แต่มึงจะไปเที่ยวหลีหญิงทุกวันไม่ได้ไหมวะ ไหนจะเลิกทำตัวเชี่ยเพื่ออาจารย์อิงฟ้าไง" บดินทร์เลิกคิ้วถามอย่างจริงจังแต่ปรินกลับเบ้ปากอย่างเบื่อหน่าย"กูเบื่ออะสิ ไม่เร้าใจเลย""เหรอ…" ขุนเขาพเยิดหน้าให้อย่างประชดแล้วรินน้ำชาให้เพื่อนหนึ่งแก้ว "ทำไมไม่ชวนเฮียปลามาด้วย" จู่ ๆ ขุนเขาก็ถามถึงพี่ชายปรินที่ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเท่าไหร่ ปรินหันขวับไปมองเพื่อนตาเขียว"ถามหามันทำไม""ก็กูเห็นว่าเป็นพี่ชายมึงหนิ ถามหาไม่ได้เลย" ปรินแยกเขี้ยวใส่ขุนเขาแล้วเอ่ยตอบเสียงเกรี้ยว"ไอ้เพี้ยนนั่นมันจะออกไปไหนได้ วัน ๆ อยู่แต่บ้านทำอะไรของมันไม่รู้ วันไหนออกจากบ้านนะพาคนของป๊าไปเป็นโขย่งหนึ่ง แถมยังแต่งตัวเหมือนคนบ้าอะ กูไม่อยากรับมันเป็นพี่ชาย""ก็พี่มึงมันเฟียสหนิ กูออกจะชอบ" ขุนเขายังล้อเลียนเพื่อนไม่หยุดก่อนจะหันไปมองคนรักที่ถือจานขนมเดินเข้ามาใ
ตอนพิเศษ 2เพียงเธอชะงักค้างในตอนตักข้าวใส่ปาก เธอเหลือบตามองขุนเขาที่เอาแต่ยิ้มร่าชอบใจกับคำถามแม่อร"คือเพียงยังไม่พร้อมค่ะ แม่อรกับพ่อพลคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ" เพียงเธอย่นหัวคิ้วเข้าหาขอความเห็นใจจากทั้งสองท่าน ขุนเขาเลิ่กลั่กเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นพ่อกับแม่กำลังตกเป็นทาสลูกอ้อนของเมียเขา"แม่!" เขาเรียกแม่เสียงดังแล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อแม่กับพ่อหันมามอง อรพิณเลิกคิ้วถามลูกชายส่วนอำพลหนี่ตามองอย่างเป็นคำถามเหมือนกัน "กินข้าวเถอะครับ เรื่องลูก..เดี๋ยวเอาไว้ค่อยคุยกัน""ก็ได้ ๆ อย่าช้านักนะแม่อยากอุ้มหลานแล้ว""ได้ครับ.." ขุนเขายิ้มกว้างเพราะพอใจกับสิ่งที่แม่ขอในขณะที่เพียงเธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนปากอมน้ำไว้ก็ไม่ปาน พยายามหาเรื่องมาแย้งในสิ่งที่ขุนเขาบอกกับพ่อแม่แต่ก็เหมือนจะไม่มีอะไรให้เธอแย้งขึ้นเลย เพียงเธอถอนหายใจเบา ๆ แล้วกินข้าวต่อจนอิ่มกันทุกคน เธอกับขุนเขาถูกอรพิณพาไปที่ห้องนั่งเล่น ไม่นานแม่บ้านก็ยกจานผลไม้สดมาเสิร์ฟ"กินสิลูก นี่ชมพู่จากสวนแม่เองเลยนะรู้ไหม" เพียงเธอตาโตแล้วหยิบชมพู่ชิ้นพอดีคำมาใส่ปากเคี้ยวตุ้ย ๆ อรพิณยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นลูกสะใภ้กินชมพู่อย่างเอร็ดอร่อย"
ตอนพิเศษ 1หลายวันต่อมาขุนเขาเดินรอบร้านสักลายเพราะกำลังเก็บของที่เหลือเอาไปไว้บ้าน เขาตัดสินขายร้านแห่งนี้ให้รุ่นพี่ที่เป็นช่างด้วยกันมานานและยังเป็นครูและลูกค้าคนแรกของเขาด้วย"เฮ้ กูอยากสักลายว่ะ" รุ่นพี่ที่เขาเคารพเดินเข้ามาตบบ่าแกร่งเบา ๆ ขุนเขาที่กำลังเก็บของลงกล่องอยู่ชะงักไปเล็กน้อย เขามองมือตัวเองแล้วเอี้ยวหน้ากลับไปมองรุ่นพี่"ล้อเล่นน่าเฮีย ผมทำไม่ได้หรอก""กูไม่ได้ล้อเล่น กูจริงจัง""เฮ้ย..ไม่ได้" เขาพูดกลั้วหัวเราะแล้วเก็บของลงกล่องต่อแต่รุ่นพี่กลับเดินไปเอากล่องที่เป็นเครื่องสักลายที่เขาติดตัวมาด้วยเอามาให้ขุนเขา "เฮ้ยพี่ มันจะติดตัวพี่ไปตลอดนะเว้ย ผมทำไม่ได้หรอกมือมันสั่น ไม่สวยหรอก""กูไม่ได้อยากได้ลายที่สวย แต่กูอยากได้ลายที่มึงสักให้กู เหมือนลายแรกที่กูให้มึงสักลงที่แขนกูไง" ขุนเขามองกล่องอุปกรณ์สักอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าปฏิเสธรุ่นพี่ แต่ทว่ารุ่นพี่เขากลับพยักหน้าให้ สายตาเขาบ่งบอกถึงความเชื่อใจในตัวขุนเขา"เอาจริงเหรอ คือผมไม่..""จริงดิวะ เอาหน่อยไหน ๆ ก็จะไม่สักแล้ว" รุ่นพี่เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟาที่เพิ่งเอามาลงใหม่ เตรียมตัวให้ขุนเขาสักเรียบร้อย"พี่..""มาสิ เอ
บทที่ 77 ตอนจบหลายเดือนต่อมาขุนเขานั่งดีดกีตาร์ร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีอยู่ในสวนหลังบ้านหลังจากส่งงานให้รุ่นน้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขารู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่ได้ทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าจะทำงานที่ตนเองชอบหรือการดีดกีตาร์แบบนี้"ร้องเพลงเสียงดังเชียว" เพียงเธอเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เธอเอ่ยแซวคนรักพลางหยิบคุกกี้ไปป้อนใส่ปากขุนเขาด้วย"อร่อยเหมือนเดิม" ขุนเขายิ้มกรุ้มกริ่มแล้วอ้าปากกินคุกกี้อีก"อร่อยใช่ไหมล่ะ เพียงเป็นคนทำเองกับมือเลย""อะไรที่เมียทำก็อร่อยหมดนั่นแหละครับ" เขายิ้มแล้วดีดทำนองเพลงรักให้เพียงเธอฟัง เธอยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างเขินอายก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง"เขินอะไรก่อน ไม่ชินอีกเหรอ""ก็พี่ขุนทำให้ชินตั้งแต่เมื่อไหร่เล่า ทำให้เพียงรู้สึกหวั่นไหวเหมือนตอนที่เราเจอกันใหม่ ๆ ทุกทีเลย" ขุนเขาหลุดยิ้มแล้วดีดกีตาร์ต่อ ครู่หนึ่งเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาละสายตาจากใบหน้าจิ้มลิ้มหันไปมองโทรศัพท์ที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่บนโต๊ะแล้วกดรับสาย(เฮ้…ออกมาดื่มไหมครับ เย็นนี้มีปาร์ตี้ปิ้งย่างที่บ้านท่านป้อง) ปรินทักทายพร้อมเอ่ยชวนเพื่อนรัก ขุนเขาเงยหน้ามองเพียงเธอเป็