LOGIN
ริมถนนทางเดินในยามค่ำคืนช่วงเวลาเกือบสองทุ่ม หญิงสาวหน้าตาสะสวย เอวบาง ร่างอรชร วัยยี่สิบห้าปีอย่างพิมพ์ดาวกำลังถูกป้าแท้ ๆ กระชากพาไปยังสถานที่หนึ่ง ทว่าเธอพยายามหยุดรั้งไม่ยอมให้หญิงวัยกลางคนทำตามความปรารถนา แต่เธอสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้เลยด้วยความที่ว่าอีกคนรูปร่างท้วมและแข็งแรงกว่าเธอ
“รีบตามมาสินังพิมพ์ อย่าให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้” หันหน้าไปตำหนิหลานสาวเพียงคนเดียว
“ป้าจะพาพิมพ์ไปไหน” เธอเพิ่งกลับจากงานอยู่ ๆ ถูกป้าลากออกจากบ้าน โดยไม่บอกกล่าวสักคำทำเอางุนงงทีเดียว
“พาแกไปขายไง”
“ว่าไงนะ!!” คำตอบของมาลิสาส่งผลให้พิมพ์ดาวชะงักก่อนหน้าถอดสี เธอแหงนหน้ามองคนตรงหน้าอย่างเชื่องช้า คาดไม่ถึงนั่นจะเป็นคำพูดของผู้มีพระคุณที่ตนเองเคารพรักดั่งมารดา
“ที่นี้รู้แล้วก็รีบตามมา”
“พิมพ์ไม่ไป” ปัดแขนเรียวให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของมือเหี่ยว
“นังพิมพ์ นี่แกกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ”
เพียะ!
หลังจบประโยค มาลิสายกมือเหี่ยวฟาดเข้ากับใบหน้างดงามของพิมพ์ดาวอย่างจังจนหันไปอีกด้าน
หญิงสาวเอื้อมมือขึ้นสัมผัสบริเวณโดนตบเมื่อสักครู่ แล้วค่อย ๆ เงยหน้ามองป้าด้วยน้ำตาคลอเบ้า แม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาป้าจะไม่รัก หนำซ้ำยังทำร้ายสารพัดแต่ไม่คิดเลยจะพาเธอไปขายซึ่งไม่ต่างจากสิ่งของ
“มองหน้าฉันทำไมนังพิมพ์ อย่าลีลารีบตามมา”
“พิมพ์ไม่ไป” ถอยหลังหนีหนึ่งก้าวพลางส่ายหน้าปฏิเสธ
“นี่แกคงลืมไปแล้วใช่ไหม ฉันเป็นคนเลี้ยงดูแก หัดตอบแทนบุญคุณกันบ้างสิ”
“บุญคุณ พิมพ์ตอบแทนแน่แต่พิมพ์จะไม่ยอมให้ป้าขายพิมพ์เด็ดขาด พิมพ์เป็นคนนะคะไม่ใช่สิ่งของ”
จ้องมาลิสาด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว เธอยอมหญิงวัยกลางคนมากพอแล้ว ถึงเวลาแสดงจุดยืนของตัวเองสักที
เพียะ!
“กล้าเถียงฉันเหรอนังพิมพ์ หัดจำใส่สมองอันน้อยนิดของแกด้วยเพราะใครทำให้น้องชายฉันตาย แถมยังทิ้งภาระอย่างแกให้ฉันอีก ถ้าไม่ใช่เพราะแม่แกสำส่อนหนีตามผู้ชาย พ่อแกคงไม่ตรอมใจตายและฉันคงไม่ต้องเลี้ยงดูแกถึงทุกวันนี้ จำไว้ซะบ้าง!!” นิ้วชี้จี้ไปยังขมับของพิมพ์ดาวอย่างไม่ปรานี หญิงสาวถึงกับเซตามแรง
เธอผิดมากเหรอ การเกิดมาท่ามกลางครอบครัวไม่สมบูรณ์ แม่ทิ้งพ่อหนีตามชายอื่น เธอเลยอยู่กับป้าตั้งแต่เด็ก ทั้งที่ไม่เคยทำตัวเหลวไหล ปฏิบัติตนดีเสมอ พยายามเล่าเรียนหนังสือให้ได้เกรดดี ๆ แถมยังหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว ทว่ากลับไม่เคยเป็นที่ยอมรับของมาลิสาสักครั้ง เรียกได้ว่าทำอะไรก็ผิดไปหมด
ปัญหาทั้งหมดเริ่มต้นจากมาลิสาติดหนี้พนันหลายแสนบาท ไม่มีเงินชดใช้เจ้าหนี้ หญิงวัยกลางคนหวังนำตัวพิมพ์ดาวไปขายให้กับแม่เล้าในซ่องโสเภณี
“เลิกยืนซื่อบื้อสักทีแล้วตามมา” คว้าหมับข้อมือพิมพ์ดาว ไม่วายโดนหญิงสาวกัด
“แกกัดฉันเหรอ นังสารเลว” ผลักพิมพ์ดาวล้มกระแทกพื้นก่อนคร่อมร่างหลานสาว จากนั้นตบใบหน้าสวยหลายครั้ง โดยหญิงสาวไม่ได้โต้ตอบเพียงแค่ปัดป้องตัวเองจากฝ่ามือเหี่ยว
“หยุดเดี๋ยวนี้!!”
ทันใดนั้นเสียงบุคคลที่สามดังแทรกขึ้น มาลิสาหยุดชะงักพร้อมหันไปมองคนข้างหลัง
“แกเป็นใคร ยุ่งอะไรด้วย” กวาดสายตามองชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ลักษณะการแต่งกายบ่งบอกถึงการมีฐานะของอีกฝ่าย
“คิลเลียน” เสียงหวานเอ่ยขึ้นแผ่วเบา เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลาย ตั้งแต่เรียนจบไม่เคยเจอหน้ากันเลยนานนับปี คาดไม่ถึงเขาจะมาปรากฏตัวตรงหน้า
“ถ้าไม่ให้ผมยุ่งคงไม่ได้หรอก คุณกำลังทำร้ายเธอ” ปรายตามองพิมพ์ดาวครู่หนึ่ง จากนั้นจ้องหน้ามาลิสา
“นี่มันเรื่องในครอบครัว”
“ต่อให้เป็นเรื่องในครอบครัว แต่หากทำร้ายร่างกายกันก็ถือว่าเป็นความผิดทางอาญา ถ้าคุณยังไม่หยุดผมคงต้องโทรแจ้งตำรวจ”
ถ้อยคำของชายหนุ่ม ส่งผลให้มาลิสาเลิกคร่อมร่างพิมพ์ดาวและลุกขึ้นออกห่างด้วยความไม่พอใจ
“ฉันหยุดแล้ว”
“ลุกขึ้นเถอะ” คิลเลียนยื่นมือให้คนบนพื้น พิมพ์ดาวพยุงกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วไปยืนข้างกายคนตัวโต เธอก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาผู้เป็นป้าจ้องมองปานกินเลือดกินเนื้อ
“ขอบคุณนะ” กระซิบให้ได้ยินแค่สองคน
“เป็นผัวมันเหรอถึงได้เข้ามายุ่ง” มาลิสาได้ทีสวนกลับชายหนุ่ม
“เปล่าครับ” ตอบอย่างสุภาพ
“งั้นก็ส่งตัวมันมา ฉันจะพามันไปสักทีเสียเวลาชะมัด”
“ถ้าเจ้าตัวไม่อยากไป คุณไม่มีสิทธิ์บังคับเธอนะครับ” เหลือบมองคนข้างกายก่อนเอ่ยตอบมาลิสา
“นังนั่นเป็นหลานฉัน ฉันจะทำอะไรกับมันก็ได้”
“คุณจะพาเธอไปไหน”
“เรื่องของฉัน…” มาลิสาเว้นคำพูดก่อนสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าอย่างละเอียดแล้วพ่นประโยคถัดมา
“ถ้าอยากได้นังนั่น จ่ายเงินมา” ไม่พูดเปล่าแบมือขอเงินคิลเลียน “ถ้าไม่จ่ายอย่า…”
“เท่าไร” รีบแทรกขึ้นทันใด
“คิลเลียน” หญิงสาวแหงนมองคนข้างกาย ชายหนุ่มไม่ตอบโต้เพียงแค่มองพิมพ์ดาวด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนมีเสียงตอบกลับของมาลิสา
“ห้าแสน ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็อดตัวนังนี่”
“ป้า!!” พิมพ์ดาวร้องเสียงหลง มองป้าด้วยสายตาผิดหวังทำราวกับเธอเป็นสิ่งของไร้ค่าตีราคาด้วยเงินตรา
“ผมให้หนึ่งล้าน”
“คิลเลียน!!” หันขวับมองเขา คนทั้งสองเป็นอะไรกันทำเหมือนเธอเป็นสินค้าเอาไว้แลกเปลี่ยนอยู่นั่นแหละ
“งั้นจ่ายมาเลย” มาลิสายิ้มกรุ้มกริ่มกับคำตอบของชายหนุ่มที่ดังกระทบโสตประสาท นัยน์ตาลุกวาวเป็นประกายจะได้เงินก้อนโต
“ผมขอไปหยิบเช็คในรถมาให้คุณก่อน” หมุนตัวเดินจากไป ทิ้งสองป้าหลานให้อยู่ด้วยกัน
“ป้าทำแบบนี้กับพิมพ์ได้ไง” พ้นร่างกำยำเปิดประเด็นทันใด
“ฉันทำอะไร” แสร้งตีหน้ามึน
“ป้าขายพิมพ์ให้เขาได้ยังไง พิมพ์เป็นคนนะคะไม่ใช่สิ่งของ”
“แกอย่าโง่ไปหน่อยเลยนังพิมพ์ เงินเยอะแยะขนาดนั้นชาตินี้ทั้งชาติแกคงไม่มีปัญญาหามาได้หรอก ฉันขายแกให้เขาดีแล้วดีกว่าขายให้กับซ่องไม่รู้ว่าคืนหนึ่งแกต้องรับแขกกันกี่คน”
“ป้าคิดจะขายพิมพ์จริงเหรอ” ถามเสียงสั่นเครือ อย่างน้อยอยากฟังคำยืนยันจากปากป้าแท้ ๆ อีกสักครั้ง
“เออสิ แกคิดว่าฉันจะทนใช้เศษเงินของแกไปตลอดเหรอ”
“ไม่คิดเลยป้าที่พิมพ์นับถือจะเป็นคนแบบนี้ขายได้แม้กระทั่งหลานตัวเอง”
“นังพิมพ์!” มาลิสาง้างมือหมายจะตบพวงแก้มขาวเนียน ทว่าเสียงคิลเลียนดังแทรกขึ้นเสียก่อน
“มาแล้วครับ” ชายหนุ่มส่งเสียงก่อนมาถึงคนทั้งสอง เพราะไม่อยากให้พิมพ์ดาวโดนทำร้าย
“รีบเอามาสักทีสิ”
“คุณรับปากมาก่อนหลังจากนี้อย่ามายุ่งกับเธออีก”
“เออ ๆ ฉันขายนังนี่ให้คุณแล้วเป็นสิทธิ์ของคุณจะทำอะไรกับมันก็ได้” เธอร้อนใจอยากจับเช็คใบนั้น จึงพ่นคำพูดน่ารังเกียจออกมา
“ตกลง” พูดแล้วส่งเช็คแก่หญิงวัยกลางคน มาลิสารับมาและฉีกยิ้มกว้างกับจำนวนตัวเลข
“ขอตัวก่อนละกัน” หันหลังเดินจากไปด้วยท่าทางอารมณ์ดีกับจำนวนเงิน ไม่แม้เหลียวมองพิมพ์ดาวเป็นครั้งสุดท้ายทำเอาคนตัวเล็กยืนร้องไห้กระซิก
“ไปกันเถอะ” คิลเลียนไม่รอคอยคำตอบจากปากนุ่ม ชายหนุ่มยกแขนแกร่งโอบไหล่มนและพาเธอเดินไปยังรถเพื่อมุ่งหน้าสู่สถานที่พัก
พิมพ์ดาวไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง ในเมื่อตอนนี้เธอถูกป้าขายให้กับเขาแล้ว จำใจย่างกรายพร้อมคนตัวโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แค่คืนเดียวชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันทำเอาตั้งรับไม่ทัน ใครจะคาดคิดหลังกลับจากงานจะโดนป้าแท้ ๆ กระทำอย่างนี้ทำเหมือนเธอไม่ใช่คน
คิลเลียนก้าวออกจากห้องนอนด้วยสภาพโซซัดโซเซเพื่อตรงไปหาพิมพ์ดาวที่นั่งยังโซฟา แม้ตอนนี้จะปวดหัวมากแต่ยังพยายามจะแบกร่างไร้เรี่ยวแรงไปหาคนตัวเล็กพิมพ์ดาวเหลือบมองคนตัวโตแวบหนึ่งแต่ไม่ได้แยแสนัก หน้าจิ้มลิ้มหันมองบรรยากาศนอกคอนโดที่มีแสงแดดจ้า ก่อนรู้สึกตัวเมื่อคิลเลียนมานอนหนุนตักตัวเอง“ทำอะไรของนาย” ปรายตามองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังพูดจาไม่ดีใส่เธออยู่เลยแล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ“ฉันขอโทษ” คว้ามือเล็กขึ้นมากุมพร้อมกับแหงนหน้ามองเธอ“เฮอะ! ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ” แค่นหัวเราะในลำคอเหตุการณ์ในห้องนอนเมื่อสักครู่ เธอยังจำได้ดีไม่ลืมเลือนเขาพูดอะไรไว้บ้างและทำร้ายจิตใจเธอมากแค่ไหน“เธออย่าเข้าใจฉันผิดสิพิมพ์ดาว ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”“ไม่ต้องสนใจฉันหรอก ไปนอนข้างในเถอะ” เธอทำเป็นไม่แยแสคนป่วย“อย่าไล่กันเลยนะพิมพ์ดาว” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเว้าวอน“ฉันไม่กล้าไล่เจ้าของห้องอย่างนายหรอก”“ฉันปวดหัวมากเลยพิมพ์ดาว” คิลเลียนดึงแขนเล็กมากอดพร้อมทำท่าออดอ้อนหวังให้คนตัวเล็กเห็นใจ“ก็ไปนอนข้างในให้มันดี ๆ สิ”“ฉันอยากอยู่กับเธอ” ช้อนตามองคนตัวเล็กซึ่งสื่อไปด้วยความรู้สึกมากมาย จ
คนตัวเล็กบนโซฟากลางห้องนั่งเหม่อลอย มองวิวนอกคอนโดในยามเช้าด้วยใจล่องลอยก่อนถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความเบื่อหน่ายยิ่งนานวันความรู้สึกที่มีต่อคิลเลียนมากขึ้น จากคำว่าชอบเริ่มผันเปลี่ยนเป็นคำว่ารัก ไม่อยากจินตนาการถึงวันต้องแยกจากกันเลยจะรู้สึกอย่างไร คงเจ็บปวดไม่ใช่น้อย“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” หน้างดงามซบลงกับหัวเข่ามนพร้อมปรายตามองประตูห้องที่มีคนตัวโตอยู่ในนั้นกำลังหลับใหลเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ไร้ร่างกำยำของคิลเลียนย่างเท้าออกมาจากห้องนอน พิมพ์ดาวเหลือบมองนาฬิกาฝาผนังซึ่งขณะนี้เป็นเวลาเก้าโมง“ทำไมคิลเลียนยังไม่ออกมา ไม่ทำงานเหรอวันนี้” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเชิงสงสัย เธอตัดสินใจหย่อนเท้าเล็กแตะพื้นเข้าไปหาคนในห้องหญิงสาวเดินไปนั่งข้างคนตัวโต ยื่นแขนเล็กแตะหัวไหล่แกร่ง ก่อนรู้สึกถึงความร้อนแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา“ไม่สบายเหรอ” เธอจับพลิกเขาให้นอนหงายพร้อมยื่นหลังมือแตะหน้าผากของคิลเลียน แล้วรีบชักมือกลับอย่างไว “ร้อนจัง”พิมพ์ดาวไม่ปล่อยให้เวลาเดินอย่างไร้ประโยชน์ เธอเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง หายออกจากห้องประมาณสิบนาทีและกลับมาอีกครั้งพร้อมอุปกรณ์เช็ดตัว“อื้อ หนาว”“อดทนห
“อ๊า พิมพ์ดาวทำไมถึงหวานทั้งตัวแบบนี้” เสียงทุ้มเอ่ยชมเชยคนตัวเล็กด้วยความหลงใหลกับเรือนร่างงดงามเขาผละออกจากดอกบัวตูมแล้วเลื่อนลงต่ำ ไม่วายกดจูบหน้าท้องแบนราบและไปหยุดยังกลีบกุหลาบงดงามห่อหุ้มด้วยชั้นใน คนใจร้อนอย่างคิลเลียนรีบถอดปราการชิ้นสุดท้ายออกห่างกายสาวอย่างไว“อึก อ๊ะ คิลเลียน” ทันทีที่ปลายลิ้นสากแตะช่องทางรัก พิมพ์ดาวถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความเสียวซ่านพร้อมยกหลังมือขึ้นปิดปาก หน้างดงามส่ายไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงแผ่เต็มหมอน เม็ดเหงื่อค่อย ๆ ผุดขึ้นทีละนิดแม้เครื่องปรับอากาศราคาแพงจะให้ความเย็นมากแค่ไหนก็ไม่อาจดับความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นขณะนี้ระหว่างคนทั้งสอง“พิมพ์ดาว ฉันไม่ไหวแล้ว” คิลเลียนชันเข่าก่อนจับหัวเข่ามนแยกออกจากกันให้กว้าง ๆ สอดแทรกความเป็นชายเข้าในตัวเธอพรวดเดียวจนสุดลำ จากนั้นซอยสะโพกสอบเข้าออกตามจังหวะพิศวาสการร่วมรักครั้งนี้สำหรับพิมพ์ดาวค่อนข้างดิบเถื่อนกว่าที่ผ่านมา จนคนตัวเล็กทนไม่ไหวเปล่งเสียงครวญครางดังลั่นทั่วห้องนอน“อื้อ คิลเลียนรุนแรงเกินไปแล้ว” เธอกำผ้าปูเตียงแน่นพร้อมทั้งดิ้นพล่าน“ฉันคิดถึงเธอ ขอเอาแรง ๆ นะ” คิลเลียนปรายตามองนิ้วเรียวก่อนประสานนิ้วยาว
“โธ่เว้ย! ทำไมไม่รับสายวะ” ทางด้านคิลเลียนเขาพยายามกระหน่ำโทรหาพิมพ์ดาวหลายสายแต่ไร้การตอบกลับจากคนตัวเล็กทำเอาหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ก่อนจะสบถด้วยคำหยาบคายอย่างหัวเสีย“พี่คิลเลียนขา อาหารเสร็จแล้วค่ะ” เสียงของนิรินทำให้ผละจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วก้าวเดินไปหาเจ้าของห้อง“อาหารน่าทานจัง” ปรายตามองอาหารเต็มโต๊ะแต่เขาไม่รู้สึกอยากกินสักนิดเดียวเพราะมัวแต่พะวงถึงพิมพ์ดาว“ของโปรดพี่คิลเลียนทั้งนั้นเลย นั่งสิคะ” เธอลากเก้าอี้ให้ชายหนุ่มนั่ง“ไม่กินด้วยกันเหรอ” ช้อนตามองนิรินซึ่งยังคงยืนนิ่งข้างหลังตัวเอง ไม่มีท่าทีจะนั่งทำเอาอดสงสัยไม่ได้“กินค่ะ” พูดพร้อมหย่อนก้นนั่งลง แต่นิรินไม่ได้ตักอาหารกินทันใดยังคงจับจ้องมองคิลเลียนอย่างรอลุ้นหลังจากชายหนุ่มรับประทานอาหารคำแรก นิรินเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่ไปเป็นตามความคาดหวัง“อร่อยไหมคะ”“อืม”“ทานเยอะ ๆ เลยนะคะ” พูดพร้อมตักอาหารใส่จานของเขา“ไม่กินเหรอ” เหลือบมองคนข้างกายเอาแต่ตักอาหารให้ตัวเอง“นิรินไม่ค่อยหิวค่ะ แค่เห็นพี่คิลเลียนกินก็อิ่มแล้ว”“อืม” ชายหนุ่มไม่ได้เซ้าซี้มากนักยังคงนั่งรับประทานอาหารต่อเรื่อย ๆ กระทั่งผ่านไปสักพักเริ่มรู้สึกร้อนรุ่
จากวันนั้นผ่านมาสองสัปดาห์ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาเรียกได้ว่าค่อนข้างดีมากสำหรับพิมพ์ดาวเพราะไม่เคยได้รับการเอาใจใส่แบบนี้มาก่อนจึงเคลิ้มชีวิตของเธอในตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ตั้งแต่มีเขาอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป จนกลัววันหนึ่งถ้าแยกจากกันเธอจะทำใจลำบาก“พิมพ์ดาว”“หืม” คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ ก่อนแหงนหน้ามองคนตัวโต“เหม่ออะไรของเธอ”“เปล่า” เผยยิ้มอ่อน“ฉันจะไปทำงานแล้ว” คิลเลียนรวบเอวคอดพร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้าสู่วงแขน จากนั้นจุมพิตหน้าผากมนด้วยความอ่อนโยนแล้วกดจูบแก้มขาวเนียน“ไปทำงานดี ๆ นะ” โบกมือลาคนตัวโตก่อนปิดประตูห้อง หมุนตัวเดินไปนั่งยังโซฟาหรูกลางห้องทุกวันช่วงเช้าคิลเลียนมักรบเร้าให้พิมพ์ดาวไปส่งเขาเป็นประจำ บ่อยครั้งทำเอาใจสาวหวั่นไหวกับการกระทำอีกฝ่ายอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ย่อมทราบดีตอนจบเป็นเช่นไรแต่ไม่วายเผลอไผลและหลงใหลไปกับสิ่งนั้น“เฮ้อ…” เธอรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน แค่ไม่เท่าไรผ่านมาแล้วสองสัปดาห์รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาข้างในรั้วคฤหาสน์ แล่นไปจอดยังโรงรถก่อนเจ้าของจะเปิดประตูก้าวลงมา เผยให้เห็นร่างของคิลเลียนนัยน์ตาคมกริบจ้องมองเบื้อง
นัยน์ตาคมจับจ้องภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าบนจอขนาดใหญ่ภายในโรงภาพยนตร์ท่ามกลางแสงริบหรี่และอากาศหนาวเหน็บ แม้สายตาคิลเลียนมองดูสิ่งที่อยู่ข้างหน้าแต่ในใจร้อนรุ่มคะนึงหาถึงพิมพ์ดาวด้วยอาการกระสับกระส่าย“พี่คิลเลียนคะ”“หืม” หันขวับมองคนข้างกาย“นิรินไม่อยากดูแล้ว หิวข้าว”“ขอโทษนะนิรินแต่ฉันต้องไปแล้ว” สิ้นคำพูดชายหนุ่มวิ่งออกจากโรงภาพยนตร์รวดเร็ว ไม่เหลียวหลังมองนิรินสักนิดเดียว จะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตัวเอง วินาทีนี้เขาเป็นห่วงพิมพ์ดาวมากราวกับมีลางสังหรณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้นชายหนุ่มใช้เวลาในการขับรถถึงคอนโดประมาณหนึ่งชั่วโมง เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ตัวเองไม่ได้ให้กุญแจห้องกับคนตัวเล็กหลังจากรถจอดสนิทไม่รอช้าวิ่งเข้าข้างในตึก กวาดสายตามองทั่วล็อบบี้แต่กลับพบความว่างเปล่า เลยตัดสินใจไปถามพนักงานแต่คำตอบที่ได้รับคือพิมพ์ดาวยังไม่กลับมา“หายไปไหนของเธอวะ” เอ่ยขึ้นพลางกดโทรหาพิมพ์ดาวถี่รัว ก่อนวิ่งหาคนตัวเล็กบริเวณใกล้เคียงของคอนโดตัดมาทางพิมพ์ดาว เธอไม่รู้ตัวเลยตอนนี้กี่โมงเนื่องจากผล็อยหลับตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หนำซ้ำแบตโทรศัพท์ดันหมดอีกต่างหาก เมื่อลืมตาขึ้นกลับพบกับความมืดและความเงียบสง







