LOGINครืด!
เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังถี่รัวปลุกคิลเลียนตื่นจากการหลับใหล เขาเอื้อมมือไปคว้าแล้วนำมาแนบหู
“มีอะไร” เอ่ยถามเสียงงัวเงีย
(พี่คิลเลียนเพิ่งตื่นเหรอคะ)
“อืม”
(วันนี้ว่างไหมคะ นิรินจะชวนไปดูหนังด้วยกัน)
“ไม่” เขาเหนื่อยเกินกว่าจะออกไปไหนทั้งนั้น ขณะเดียวกันสายตาคมกริบช้อนตามองคนตัวเล็กหลับสนิทกำลังซุกอกล่ำสัน
(ไม่สบายเหรอคะ เสียงฟังดูไม่ค่อยดีเลย) คนปลายสายยังคงเซ้าซี้ไม่เลิก
“แค่นี้แหละ” กล่าวจบรีบตัดสาย เมื่อเห็นพิมพ์ดาวกำลังลืมตา
“นอนต่อเถอะ” ว่าพลางเกลี่ยเส้นผมปรกหน้าหวานไปทัดหู แล้วลูบไล้พวงแก้มขาวใสแผ่วเบา
“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่า” เงยหน้ามองเจ้าของอ้อมกอดอันอบอุ่น เบี่ยงสายตาไปทางอื่นด้วยความเขินอาย เพราะทำให้เธอเผลอนึกถึงบทรักสุดเร่าร้อนเมื่อคืนทำเอาไม่กล้ามองหน้าหล่อคม
“แต่ฉันยังง่วง” ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขากระชับกอดคนตัวเล็กแน่น บ่งบอกให้รับรู้ว่าห้ามคิดหนีแม้แต่น้อยไม่งั้นเจอดี
“นายก็นอนไปสิ”
“นี่คือคำสั่งพิมพ์ดาว เธอต้องนอนกับฉัน” คนเผด็จการสั่งเสียงเข้มพลางเชยปลายคางมนให้หันมามองกัน
“ก็ได้” ยอมจำนนต่อคำสั่งของคนตัวโต พิมพ์ดาวหลับตาลงอีกครั้งด้วยความเหนื่อยล้าจึงเข้าสู่ห้วงนิทราง่ายดายก่อนคิลเลียนจะนอนตามโดยโอบกอดเธอไม่ปล่อย
เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบสี่โมงเย็น พิมพ์ดาวลืมตาขึ้นเชื่องช้าก่อนรับรู้ของหนักตรงเอวคอด เมื่อก้มหน้ามองพบแขนแกร่งพาดส่วนเว้าส่วนโค้ง เธอพยายามจะยกแขนกำยำออกห่างแต่อีกคนไม่ยอม
“อื้อ อยู่นิ่ง ๆ พิมพ์ดาว ฉันยังง่วง” บอกด้วยเสียงงัวเงีย นัยน์ตาคมกริบทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท ไม่แม้เบิกขึ้นมองเธอซึ่งทำหน้าบึ้งตึงที่ได้ยินคำพูดนั้น
“ปล่อยฉันนะคิลเลียน อึดอัดชะมัด” มือเรียวผลักหัวไหล่บึกบึนหวังให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมแต่ไม่สำเร็จสุดท้ายทำได้แค่พ่นลมหายใจยืดยาวอย่างเบื่อหน่าย
“คนบ้า” เสียงหวานบ่นพึมพำ กวาดสายตามองทั่วใบหน้าคมคาย พออยู่ในระยะใกล้ทำให้รู้ว่าเขาดูดีมากแค่ไหน
ด้วยความหลงใหลกับหน้าตาของคิลเลียน พิมพ์ดาวเผลอเอื้อมมือแตะแก้มสากแผ่วเบา ก่อนนิ้วเรียวจะสัมผัสจมูกโด่งคมสันแล้วลากไล้มาถึงริมฝีปากหยัก
“จะลักหลับฉันเหรอ” คว้าหมับข้อมือเล็กอย่างไว
“เปล่านะ”
“แน่ใจเหรอ” เชยคางกลมกลึงขึ้นก่อนประทับจูบลงบนกลีบปากสีหวาน
“คิลเลียน” เบือนหน้าหนีอย่างไวอยู่ ๆ โดนจูบถึงจะแผ่วเบาแต่กลับสร้างความรู้สึกซาบซ่าน
“มากกว่านี้เราก็ทำมาแล้ว” กระซิบข้างใบหูขาวสะอาด ขบเม้มติ่งหูเบา ๆ เพื่อหยอกล้อคนตัวเล็ก
“อื้อ คิลเลียน” ขนกายลุกซู่ด้วยความเสียวซ่าน แค่โดนสัมผัสนิดหน่อยร่างกายของเธอก็ตอบสนองเขาอย่างไว
“อาบน้ำกันเถอะ ฉันจะพาเธอไปซื้อของต่อ”
“นายไปอาบก่อนเถอะ” ส่งสายตาอ้อนวอนคนตัวโต วินาทีนี้เธอขอเวลาคิดทบทวนอะไรสักหน่อย
“อืม” คิลเลียนไม่ได้รบเร้าพิมพ์ดาว ยอมปล่อยให้หญิงสาวอยู่ตามลำพัง
หลังพ้นร่างสูงใหญ่ของคิลเลียน พิมพ์ดาวพยุงกายพิงหลังกับหัวเตียงพลางนำผ้าห่มคลุมร่างเปลือยจนถึงเนินอก หน้าจิ้มลิ้มซบกับหัวเข่าแล้วครุ่นคิดอะไรมากมาย
เธอแทบไม่อยากเชื่อกับเรื่องเมื่อคืนเลย เพียงแค่คืนเดียวชีวิตของเธอเปลี่ยนไป หนำซ้ำยังต้องมาเป็นนางบำเรอของเพื่อนสมัยมัธยมปลายอีกต่างหาก
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้” นัยน์ตาคู่หวานหลับพริ้มด้วยความเหนื่อยล้า โดยไม่อาจรับรู้เสียงฝีเท้าใหญ่ย่างกรายมาหาเธอ
“พิมพ์ดาว” เอื้อมมือหนาแตะหัวไหล่บอบบาง
“หืม” เอี้ยวหน้ามองคนตัวโต
“ไปอาบน้ำสิ”
“อืม” ทอดสายตามองชายหนุ่มในสภาพชุดคลุมอาบน้ำ ก่อนเท้าเล็กก้าวลงจากเตียงพร้อมกระชับผ้าห่มแล้วก้าวเดินเข้าในห้องน้ำ
หญิงสาวใช้เวลาชำระร่างกายเกือบครึ่งชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อย เธอสวมใส่เพียงชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมา ขณะเดียวกันเหลือบมองคนตัวโตนั่งอยู่ปลายเตียงแต่งกายด้วยชุดลำลอง
“ชุดของเธออยู่ในถุงนั้น” ชี้ไปยังถุงกระดาษวางบนที่นอน
“อืม” พยักหน้าหงึกอย่างเข้าใจ
“ฉันไปรอข้างนอก” พูดจบคิลเลียนย่างเท้าออกจากห้องนอน ทิ้งคนตัวเล็กจัดการธุระส่วนตัวตามสะดวก
“เฮ้อ” พ่นลมหายใจเฮือกหนึ่งก่อนหยิบชุดในถุงดังกล่าวขึ้นมาใส่อย่างไวด้วยความกลัวอีกคนจะคอยนาน เมื่อเสร็จสิ้นจึงเดินออกจากห้องไปหาชายหนุ่มที่นั่งรออยู่บริเวณโซฟา
“คิลเลียน”
ใบหน้าคมคายหันมองตามเสียงเรียก ก่อนพบกับพิมพ์ดาวในชุดเดรสกระโปรงสีหวาน เขามองดูเธอราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด เธอสวยมากจนเขาไม่อาจละสายตาสักวินาทีเดียว
“คิลเลียน”
“หืม” ช้อนตามองคนตรงหน้าซึ่งไม่รู้เดินมาหาตั้งแต่ตอนไหน
“เอ่อ…” มือเล็กลูบท้ายทอยอย่างประหม่า
“ไปกันเถอะ” ตัดบทแล้วเด้งตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
ชายหนุ่มก้าวเท้าเดินฉับ ๆ ไม่สนใจมองคนข้างหลังจะตามมาหรือไม่ เขารู้เพียงอย่างเดียวคือการพาตัวเองออกจากบริเวณนั้นไว ๆ
“อะไรของเขา” เธอบ่นอุบอิบ ถึงอย่างนั้นรีบเดินตามเขาให้ทัน
คิลเลียนพาพิมพ์ดาวไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มแวะพาคนตัวเล็กรับประทานอาหารก่อนแวะซื้อของใช้
ระหว่างกำลังเลือกเสื้อผ้า ทันใดนั้นสายตาคมกริบปะทะกับร่างเพรียวของใครคนหนึ่ง ก่อนอีกฝ่ายหันมาเห็นเข้าพอดีซึ่งกำลังเดินมาหาตัวเอง
“พิมพ์ดาวหลบไปก่อน”
“ฮะ” หันมองหน้าหล่อคม จู่ ๆ โดนสั่งให้ทำอะไรสักอย่าง
“ฉันบอกว่าให้เธอหลบไปก่อน” สั่งเสียงเข้ม พิมพ์ดาวยอมทำตามอย่างงุนงง ร่างเล็กหลบไปยังมุมหนึ่งแต่คอยมองปฏิกิริยาของคิลเลียนก่อนเห็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเข้าประชิดตัวเขา
“พี่คิลเลียนมาซื้อของเหรอคะ”
“อืม” ตอบรับพลางชำเลืองมองพิมพ์ดาว
“คนเดียวเหรอ” นิรินมองเข้าไปในร้านเสื้อผ้าเพื่อดูว่าเขามากับใครหรือเปล่า เพราะเมื่อสักครู่เธอเห็นผู้หญิงแวบ ๆ ยืนคุยกับเขา
“มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า” ส่ายหน้าปฏิเสธ ฉีกยิ้มหวานแก่คนตัวโตจากนั้นเอื้อมมือจับท่อนแขนแกร่งด้วยท่าทางออดอ้อน
“พี่คิลเลียนหายป่วยแล้วเหรอ”
“อืม”
“งั้นไปดูหนังกับนิรินนะคะ”
“อืม” เขาเงียบครู่หนึ่งก่อนตอบตกลง
“เย้…พี่คิลเลียนใจดีที่สุดเลย” ไม่พูดเปล่า นิรินแนบหน้ากับแขนกำยำด้วยความดีใจสุดฤทธิ์ “ไปกันเถอะ”
การกระทำและบทสนทนาระหว่างคิลเลียนกับนิริน พิมพ์ดาวได้เห็นและได้ยินทุกอย่างทำเอาเจ็บแปลบทั้งหัวใจ มือน้อยยกขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายพร้อมบีบแน่น
“คนรักคิลเลียนเหรอ” ทำได้แค่ตั้งคำถามกับตัวเองแต่ไร้คำตอบ เธอไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเหมือนกัน
คิลเลียน : กลับไปก่อนเลย ฉันติดธุระ
เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น พิมพ์ดาวกดเปิดอ่านแต่ไม่ตอบโต้ ไม่คิดเลยเพิ่งแลกเบอร์กันบนรถจะได้ใช้ในการติดต่อครั้งนี้
เมื่อเขาสั่งให้เธอกลับ หญิงสาวไม่ดื้อรั้นจะเดินเล่นในห้างต่อ จำยอมนั่งรถแท็กซี่กลับคอนโด แต่ลืมคิดไปตัวเองเพิ่งมาอยู่ยังไม่มีกุญแจห้อง สุดท้ายแบกร่างเล็กไปนั่งเล่นแถวสวนสาธารณะย่านคอนโด
ครั้นจะโทรหาเขาก็ไม่อยากรบกวน เลยต้องมานั่งเหงาหงอยริมแม่น้ำบริเวณม้านั่งตัวยาวสีขาวใต้ต้นไม้ใหญ่
หญิงสาวนั่งเหม่อลอยจ้องมองผิวน้ำเบื้องหน้า ยามนี้ท้องฟ้าใกล้มืดมิดเต็มทีแต่ยังไร้การติดต่อกลับมาจากคิลเลียน ผู้คนต่างเริ่มทยอยกลับแต่เธอยังนั่งอยู่ดั้งเดิม ไม่มีท่าทีจะลุกขึ้นง่ายดาย
พิมพ์ดาวพ่นลมหายใจทิ้งหลายรอบ บางครั้งเธอก็เบื่อหน่ายกับชีวิตแบบนี้เหลือเกิน ไม่เคยมีอะไรเป็นดั่งหวังสักครั้ง ต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวไม่ว่าจะอยู่กับป้าแท้ ๆ หรือคิลเลียน
“หนาวจัง” โอบกอดตัวเองปรายตามองรอบกายเริ่มไร้ผู้คน
คิลเลียนก้าวออกจากห้องนอนด้วยสภาพโซซัดโซเซเพื่อตรงไปหาพิมพ์ดาวที่นั่งยังโซฟา แม้ตอนนี้จะปวดหัวมากแต่ยังพยายามจะแบกร่างไร้เรี่ยวแรงไปหาคนตัวเล็กพิมพ์ดาวเหลือบมองคนตัวโตแวบหนึ่งแต่ไม่ได้แยแสนัก หน้าจิ้มลิ้มหันมองบรรยากาศนอกคอนโดที่มีแสงแดดจ้า ก่อนรู้สึกตัวเมื่อคิลเลียนมานอนหนุนตักตัวเอง“ทำอะไรของนาย” ปรายตามองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังพูดจาไม่ดีใส่เธออยู่เลยแล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ“ฉันขอโทษ” คว้ามือเล็กขึ้นมากุมพร้อมกับแหงนหน้ามองเธอ“เฮอะ! ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ” แค่นหัวเราะในลำคอเหตุการณ์ในห้องนอนเมื่อสักครู่ เธอยังจำได้ดีไม่ลืมเลือนเขาพูดอะไรไว้บ้างและทำร้ายจิตใจเธอมากแค่ไหน“เธออย่าเข้าใจฉันผิดสิพิมพ์ดาว ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”“ไม่ต้องสนใจฉันหรอก ไปนอนข้างในเถอะ” เธอทำเป็นไม่แยแสคนป่วย“อย่าไล่กันเลยนะพิมพ์ดาว” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเว้าวอน“ฉันไม่กล้าไล่เจ้าของห้องอย่างนายหรอก”“ฉันปวดหัวมากเลยพิมพ์ดาว” คิลเลียนดึงแขนเล็กมากอดพร้อมทำท่าออดอ้อนหวังให้คนตัวเล็กเห็นใจ“ก็ไปนอนข้างในให้มันดี ๆ สิ”“ฉันอยากอยู่กับเธอ” ช้อนตามองคนตัวเล็กซึ่งสื่อไปด้วยความรู้สึกมากมาย จ
คนตัวเล็กบนโซฟากลางห้องนั่งเหม่อลอย มองวิวนอกคอนโดในยามเช้าด้วยใจล่องลอยก่อนถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความเบื่อหน่ายยิ่งนานวันความรู้สึกที่มีต่อคิลเลียนมากขึ้น จากคำว่าชอบเริ่มผันเปลี่ยนเป็นคำว่ารัก ไม่อยากจินตนาการถึงวันต้องแยกจากกันเลยจะรู้สึกอย่างไร คงเจ็บปวดไม่ใช่น้อย“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” หน้างดงามซบลงกับหัวเข่ามนพร้อมปรายตามองประตูห้องที่มีคนตัวโตอยู่ในนั้นกำลังหลับใหลเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ไร้ร่างกำยำของคิลเลียนย่างเท้าออกมาจากห้องนอน พิมพ์ดาวเหลือบมองนาฬิกาฝาผนังซึ่งขณะนี้เป็นเวลาเก้าโมง“ทำไมคิลเลียนยังไม่ออกมา ไม่ทำงานเหรอวันนี้” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเชิงสงสัย เธอตัดสินใจหย่อนเท้าเล็กแตะพื้นเข้าไปหาคนในห้องหญิงสาวเดินไปนั่งข้างคนตัวโต ยื่นแขนเล็กแตะหัวไหล่แกร่ง ก่อนรู้สึกถึงความร้อนแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา“ไม่สบายเหรอ” เธอจับพลิกเขาให้นอนหงายพร้อมยื่นหลังมือแตะหน้าผากของคิลเลียน แล้วรีบชักมือกลับอย่างไว “ร้อนจัง”พิมพ์ดาวไม่ปล่อยให้เวลาเดินอย่างไร้ประโยชน์ เธอเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง หายออกจากห้องประมาณสิบนาทีและกลับมาอีกครั้งพร้อมอุปกรณ์เช็ดตัว“อื้อ หนาว”“อดทนห
“อ๊า พิมพ์ดาวทำไมถึงหวานทั้งตัวแบบนี้” เสียงทุ้มเอ่ยชมเชยคนตัวเล็กด้วยความหลงใหลกับเรือนร่างงดงามเขาผละออกจากดอกบัวตูมแล้วเลื่อนลงต่ำ ไม่วายกดจูบหน้าท้องแบนราบและไปหยุดยังกลีบกุหลาบงดงามห่อหุ้มด้วยชั้นใน คนใจร้อนอย่างคิลเลียนรีบถอดปราการชิ้นสุดท้ายออกห่างกายสาวอย่างไว“อึก อ๊ะ คิลเลียน” ทันทีที่ปลายลิ้นสากแตะช่องทางรัก พิมพ์ดาวถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความเสียวซ่านพร้อมยกหลังมือขึ้นปิดปาก หน้างดงามส่ายไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงแผ่เต็มหมอน เม็ดเหงื่อค่อย ๆ ผุดขึ้นทีละนิดแม้เครื่องปรับอากาศราคาแพงจะให้ความเย็นมากแค่ไหนก็ไม่อาจดับความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นขณะนี้ระหว่างคนทั้งสอง“พิมพ์ดาว ฉันไม่ไหวแล้ว” คิลเลียนชันเข่าก่อนจับหัวเข่ามนแยกออกจากกันให้กว้าง ๆ สอดแทรกความเป็นชายเข้าในตัวเธอพรวดเดียวจนสุดลำ จากนั้นซอยสะโพกสอบเข้าออกตามจังหวะพิศวาสการร่วมรักครั้งนี้สำหรับพิมพ์ดาวค่อนข้างดิบเถื่อนกว่าที่ผ่านมา จนคนตัวเล็กทนไม่ไหวเปล่งเสียงครวญครางดังลั่นทั่วห้องนอน“อื้อ คิลเลียนรุนแรงเกินไปแล้ว” เธอกำผ้าปูเตียงแน่นพร้อมทั้งดิ้นพล่าน“ฉันคิดถึงเธอ ขอเอาแรง ๆ นะ” คิลเลียนปรายตามองนิ้วเรียวก่อนประสานนิ้วยาว
“โธ่เว้ย! ทำไมไม่รับสายวะ” ทางด้านคิลเลียนเขาพยายามกระหน่ำโทรหาพิมพ์ดาวหลายสายแต่ไร้การตอบกลับจากคนตัวเล็กทำเอาหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ก่อนจะสบถด้วยคำหยาบคายอย่างหัวเสีย“พี่คิลเลียนขา อาหารเสร็จแล้วค่ะ” เสียงของนิรินทำให้ผละจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วก้าวเดินไปหาเจ้าของห้อง“อาหารน่าทานจัง” ปรายตามองอาหารเต็มโต๊ะแต่เขาไม่รู้สึกอยากกินสักนิดเดียวเพราะมัวแต่พะวงถึงพิมพ์ดาว“ของโปรดพี่คิลเลียนทั้งนั้นเลย นั่งสิคะ” เธอลากเก้าอี้ให้ชายหนุ่มนั่ง“ไม่กินด้วยกันเหรอ” ช้อนตามองนิรินซึ่งยังคงยืนนิ่งข้างหลังตัวเอง ไม่มีท่าทีจะนั่งทำเอาอดสงสัยไม่ได้“กินค่ะ” พูดพร้อมหย่อนก้นนั่งลง แต่นิรินไม่ได้ตักอาหารกินทันใดยังคงจับจ้องมองคิลเลียนอย่างรอลุ้นหลังจากชายหนุ่มรับประทานอาหารคำแรก นิรินเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่ไปเป็นตามความคาดหวัง“อร่อยไหมคะ”“อืม”“ทานเยอะ ๆ เลยนะคะ” พูดพร้อมตักอาหารใส่จานของเขา“ไม่กินเหรอ” เหลือบมองคนข้างกายเอาแต่ตักอาหารให้ตัวเอง“นิรินไม่ค่อยหิวค่ะ แค่เห็นพี่คิลเลียนกินก็อิ่มแล้ว”“อืม” ชายหนุ่มไม่ได้เซ้าซี้มากนักยังคงนั่งรับประทานอาหารต่อเรื่อย ๆ กระทั่งผ่านไปสักพักเริ่มรู้สึกร้อนรุ่
จากวันนั้นผ่านมาสองสัปดาห์ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาเรียกได้ว่าค่อนข้างดีมากสำหรับพิมพ์ดาวเพราะไม่เคยได้รับการเอาใจใส่แบบนี้มาก่อนจึงเคลิ้มชีวิตของเธอในตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ตั้งแต่มีเขาอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป จนกลัววันหนึ่งถ้าแยกจากกันเธอจะทำใจลำบาก“พิมพ์ดาว”“หืม” คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ ก่อนแหงนหน้ามองคนตัวโต“เหม่ออะไรของเธอ”“เปล่า” เผยยิ้มอ่อน“ฉันจะไปทำงานแล้ว” คิลเลียนรวบเอวคอดพร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้าสู่วงแขน จากนั้นจุมพิตหน้าผากมนด้วยความอ่อนโยนแล้วกดจูบแก้มขาวเนียน“ไปทำงานดี ๆ นะ” โบกมือลาคนตัวโตก่อนปิดประตูห้อง หมุนตัวเดินไปนั่งยังโซฟาหรูกลางห้องทุกวันช่วงเช้าคิลเลียนมักรบเร้าให้พิมพ์ดาวไปส่งเขาเป็นประจำ บ่อยครั้งทำเอาใจสาวหวั่นไหวกับการกระทำอีกฝ่ายอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ย่อมทราบดีตอนจบเป็นเช่นไรแต่ไม่วายเผลอไผลและหลงใหลไปกับสิ่งนั้น“เฮ้อ…” เธอรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน แค่ไม่เท่าไรผ่านมาแล้วสองสัปดาห์รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาข้างในรั้วคฤหาสน์ แล่นไปจอดยังโรงรถก่อนเจ้าของจะเปิดประตูก้าวลงมา เผยให้เห็นร่างของคิลเลียนนัยน์ตาคมกริบจ้องมองเบื้อง
นัยน์ตาคมจับจ้องภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าบนจอขนาดใหญ่ภายในโรงภาพยนตร์ท่ามกลางแสงริบหรี่และอากาศหนาวเหน็บ แม้สายตาคิลเลียนมองดูสิ่งที่อยู่ข้างหน้าแต่ในใจร้อนรุ่มคะนึงหาถึงพิมพ์ดาวด้วยอาการกระสับกระส่าย“พี่คิลเลียนคะ”“หืม” หันขวับมองคนข้างกาย“นิรินไม่อยากดูแล้ว หิวข้าว”“ขอโทษนะนิรินแต่ฉันต้องไปแล้ว” สิ้นคำพูดชายหนุ่มวิ่งออกจากโรงภาพยนตร์รวดเร็ว ไม่เหลียวหลังมองนิรินสักนิดเดียว จะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตัวเอง วินาทีนี้เขาเป็นห่วงพิมพ์ดาวมากราวกับมีลางสังหรณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้นชายหนุ่มใช้เวลาในการขับรถถึงคอนโดประมาณหนึ่งชั่วโมง เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ตัวเองไม่ได้ให้กุญแจห้องกับคนตัวเล็กหลังจากรถจอดสนิทไม่รอช้าวิ่งเข้าข้างในตึก กวาดสายตามองทั่วล็อบบี้แต่กลับพบความว่างเปล่า เลยตัดสินใจไปถามพนักงานแต่คำตอบที่ได้รับคือพิมพ์ดาวยังไม่กลับมา“หายไปไหนของเธอวะ” เอ่ยขึ้นพลางกดโทรหาพิมพ์ดาวถี่รัว ก่อนวิ่งหาคนตัวเล็กบริเวณใกล้เคียงของคอนโดตัดมาทางพิมพ์ดาว เธอไม่รู้ตัวเลยตอนนี้กี่โมงเนื่องจากผล็อยหลับตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หนำซ้ำแบตโทรศัพท์ดันหมดอีกต่างหาก เมื่อลืมตาขึ้นกลับพบกับความมืดและความเงียบสง







