เข้าสู่ระบบนัยน์ตาคมจับจ้องภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าบนจอขนาดใหญ่ภายในโรงภาพยนตร์ท่ามกลางแสงริบหรี่และอากาศหนาวเหน็บ แม้สายตาคิลเลียนมองดูสิ่งที่อยู่ข้างหน้าแต่ในใจร้อนรุ่มคะนึงหาถึงพิมพ์ดาวด้วยอาการกระสับกระส่าย
“พี่คิลเลียนคะ”
“หืม” หันขวับมองคนข้างกาย
“นิรินไม่อยากดูแล้ว หิวข้าว”
“ขอโทษนะนิรินแต่ฉันต้องไปแล้ว” สิ้นคำพูดชายหนุ่มวิ่งออกจากโรงภาพยนตร์รวดเร็ว ไม่เหลียวหลังมองนิรินสักนิดเดียว จะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตัวเอง วินาทีนี้เขาเป็นห่วงพิมพ์ดาวมากราวกับมีลางสังหรณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้น
ชายหนุ่มใช้เวลาในการขับรถถึงคอนโดประมาณหนึ่งชั่วโมง เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ตัวเองไม่ได้ให้กุญแจห้องกับคนตัวเล็ก
หลังจากรถจอดสนิทไม่รอช้าวิ่งเข้าข้างในตึก กวาดสายตามองทั่วล็อบบี้แต่กลับพบความว่างเปล่า เลยตัดสินใจไปถามพนักงานแต่คำตอบที่ได้รับคือพิมพ์ดาวยังไม่กลับมา
“หายไปไหนของเธอวะ” เอ่ยขึ้นพลางกดโทรหาพิมพ์ดาวถี่รัว ก่อนวิ่งหาคนตัวเล็กบริเวณใกล้เคียงของคอนโด
ตัดมาทางพิมพ์ดาว เธอไม่รู้ตัวเลยตอนนี้กี่โมงเนื่องจากผล็อยหลับตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หนำซ้ำแบตโทรศัพท์ดันหมดอีกต่างหาก เมื่อลืมตาขึ้นกลับพบกับความมืดและความเงียบสงัด
“ค่ำแล้วเหรอ” พยุงกายลุกขึ้นนั่งพร้อมกวาดสายตาหันมองรอบกาย “ทำไมปวดหัวอย่างนี้” ว่าพลางกุมขมับ แถมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอีกต่างหาก
“น้องสาวจ้ะ มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว”
“…” พิมพ์ดาวไม่ตอบโต้ เธอลุกขึ้นจากม้านั่งอย่างไวเตรียมจะย่างเท้าหนี ทันใดนั้นชายฉกรรจ์หนึ่งในสองคนคว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนเล็กพร้อมกระชากหญิงสาวจนเซ
“จะไปไหน”
“ปล่อยนะ” เธอพยายามดื้อสุดขีดก่อนถีบไปยังหว่างขาชายตรงหน้าจนอีกฝ่ายจุกและเผลอปล่อยเธอเป็นอิสระ
พิมพ์ดาวอาศัยจังหวะนั้นหนีแต่ช้าไปกว่าชายอีกคนเข้ามากระชากเส้นผมยาวสลวยแล้วตบแก้มนวลอย่างจังทำเอาคนตัวเล็กล้มลงคาพื้น
“โอ๊ย!!”
“อวดดีนักนะมึง” จ้องเขม็งคนบนพื้นด้วยสายตาเคียดแค้น จากนั้นไม่รอช้าผลักพิมพ์ดาวนอนราบกับพื้นหญ้าและคร่อมร่างเล็กก่อนพยายามฉีกทึ้งเสื้อผ้าหญิงสาว
“อย่านะ ไปให้พ้น” แขนเรียวปัดป้องฝ่ามือหยาบกระด้างพร้อมดิ้นกายไปมาหวังให้หลุดพ้นจากสัมผัสน่ารังเกียจ
“อยู่นิ่ง ๆ สิคนสวย”
“ไปให้พ้นนะ ไอ้พวกบ้า”
“เฮ้ยมึง!! จับแขนมันสิ น่ารำคาญฉิบหาย” หันไปบอกกับเพื่อนก่อนแขนขาวเนียนถูกรวบขึ้นเหนือศีรษะโดยชายฉกรรจ์อีกคน
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ใครก็ได้ช่วยด้วย” ร่างเล็กดิ้นสุดฤทธิ์ ก่อนโดนกำปั้นหนักต่อยเข้าที่หน้าท้องแบนราบจนจุกและหยุดขัดขืนในที่สุด
“กว่าจะสิ้นฤทธิ์นะมึง” แสยะยิ้มกับผลงานตรงหน้าสามารถทำให้พิมพ์ดาวนอนนิ่งเป็นท่อนไม่ได้สำเร็จ
“คิลเลียนช่วยด้วย” เอ่ยเสียงแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน จากนั้นหลับตาพริ้มเพราะไม่อยากรับรู้อะไรทั้งสิ้น นอกจากภาวนาขอให้มีคนมาช่วยสักที นาทีนี้ไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้กับพวกมันอีกแล้ว
ผลัวะ!
ชายฉกรรจ์ที่คร่อมร่างพิมพ์ดาวถูกถีบกระเด็นไปอีกด้าน ตามด้วยเพื่อนของมันกระเด็นไปกองตำแหน่งเดียวกัน โดยฝีมือคิลเลียน
“มึงเป็นใครวะ”
“…” คิลเลียนไม่ตอบโต้พวกมัน เหลือบมองคนตัวเล็กครู่หนึ่ง จากนั้นตรงไปหาพวกมันและทำการซัดหมัดรัว ๆ ใส่ชายฉกรรจ์แบบไม่ยั้ง ไม่มีท่าทีจะปรานีแม้แต่น้อย
“คิลเลียน”
เสียงดังกระทบหูทำให้พิมพ์ดาวปรือตาแล้วฉีกยิ้มด้วยความดีใจที่เห็นเขามาช่วยตนเองให้รอดพ้นจากสิ่งเลวร้าย
“พิมพ์ดาว” ชายหนุ่มเดินมาหาเธอหลังจากพวกนั้นหนีหัวซุกหัวซุนไปคนละทิศทาง เขาคว้าคนบนพื้นขึ้นมาโอบกอด
“เธอโง่หรือไงพิมพ์ดาวถึงมาอยู่ที่นี่” ตะคอกถามเสียงดังลั่นด้วยอารมณ์เดือดพล่านพลางกระชับกอดคนตัวเล็กแน่น
“ฮึก ฮือ ๆ คิลเลียน…ฉันกลัว” คนตัวเล็กร้องไห้ตัวสั่นราวกับลูกนกน้อย
“เธอนี่มันซื่อบื้อจริง ๆ” เขายังคงตำหนิหญิงสาวอย่างหัวเสีย
“ขอโทษ” เสียงหวานสั่นเครือ เธอรู้แล้วว่าตัวเองผิดมากเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องลำบากมาช่วยตัวเองในยามวิกาล
“เธอนี่มันจริง ๆ เลย” ผละออกจากพิมพ์ดาวก่อนจับไหล่มนทั้งสองข้าง ช้อนตามองคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกมากมาย
‘ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นคิลเลียนทำเหมือนห่วงใยฉันเลย’
ตั้งแต่เกิดมาเท่าที่จำได้ไม่เคยมีใครแสดงท่าทีห่วงใยเธอเลยสักครั้งแม้กระทั่งป้าแท้ ๆ แต่เขาดันทำหน้าเช่นนั้นทำราวกับเธอคือคนสำคัญของเขานั่นแหละ
“พิมพ์ดาว” เขย่าเรียกคนตัวเล็กสองสามครั้ง อยู่ ๆ เป็นลมหมดสติต่อหน้าต่อตา
“โธ่เว้ย!!” เขารีบช้อนเธอในท่าเจ้าสาวพาไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้
หลังแพทย์ตรวจอาการพิมพ์ดาวก็สั่งให้เธอนอนพักฟื้นหนึ่งคืน โดยคิลเลียนนั่งเฝ้าคนตัวเล็กข้างเตียงไม่ห่าง
“ทำไมถึงโง่แบบนี้” คิลเลียนกุมมือเรียวไม่ปล่อยพร้อมชำเลืองมองหน้าสวยหวานของคนตัวเล็ก ก่อนซบศีรษะข้างเตียงและเข้าสู่ห้วงนิทรา
เช้าวันใหม่แสงแดดข้างนอกห้องเล็ดลอดเข้ามา ส่งผลให้คิลเลียนตื่นจากการหลับใหล ชายหนุ่มเด้งตัวจากเก้าอี้ไปหาคนหลับก่อนก้มจุมพิตหน้าผากเกลี้ยงเกลาแผ่วแล้วหมุนตัวเข้าห้องน้ำ
หญิงสาวลืมตาขึ้นในช่วงเวลาแปดโมงเช้า สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานห้องสีขาวล้วนซึ่งไม่คุ้นเอาเสียเลยสำหรับเธอ เมื่อหันไปด้านข้างพบกับสายน้ำเกลือข้างหัวเตียงทำให้รู้ได้ทันทีตอนนี้ตนเองอยู่ไหน
“คิลเลียน” ชำเลืองมองคนตัวโตนั่งตรงโซฟา คิลเลียนไม่ได้เอ่ยสิ่งใดย่างเท้ามาหยุดข้างเตียงและทำหน้าบึ้งใส่
เธอคาดเดาไม่ได้เลยอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่หรือจะโมโหเรื่องเมื่อคืนที่ทำให้เขาลำบากช่วยเหลือเธอจากชายฉกรรจ์ เมื่อคิดเช่นนั้นแอบรู้สึกผิดเหลือเกิน
“ขอโทษ”
“เธอนี่มันซื่อบื้อชะมัด”
“ว่าไงนะ” หันขวับมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้ารู้ตัวไม่มีกุญแจทำไมไม่โทรหาฉันวะ” ถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ฉันไม่อยากรบกวนนาย” ตอบแบบหลบสายตา กลัวเขาเห็นถึงความสั่นไหวจากนัยน์ตางาม
“เฮอะ!!”
“ฉันขอโทษจริง ๆ คิลเลียน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายลำบากไปช่วยฉันสักหน่อย” เธอบอกด้วยความรู้สึกผิด
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับเธอดี พิมพ์ดาว” เธอตอบกลับมาแบบนั้นเอาซะเขาไปไม่เป็นเลย เขาไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันแค่เห็นเธอตกอยู่ในอันตราย ใจร้อนรนจนทรมานยิ่งนัก
“ขอโทษคิลเลียน โกรธฉันมากเลยเหรอ” มือเรียวเอื้อมไปจับชายเสื้อของเขาแล้วกระตุกเบา ๆ จ้องมองเขาอย่างคนสำนึกผิด
ความจริงตอนนั้นที่เธอไปนั่งเล่นแถวสวนสาธารณะ เธอตั้งใจจะกลับไปรอเขาต่อยังล้อบบี้ของคอนโด แต่ความง่วงมากบวกกับสายลมเย็น ๆ จึงผล็อยหลับง่ายดาย กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มืดสนิทแล้วดันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น
“เธอนี่มัน”
“ฉันขอโทษคิลเลียน ฉันรู้ฉันทำให้นายลำบากเพราะฉันนายเลยต้องสู้กับคนพวกนั้น คงแย่มากสินะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เธอนี่มันไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ” บอกอย่างไม่สบอารมณ์
“จะบอกว่านายเป็นห่วงฉันเหรอ”
“เออ”
“ฮะ!!” หันขวับมองคนตรงหน้า เมื่อครู่เธอไม่ได้หูฝาดใช่ไหม
“รอหมอมาตรวจเธอจะได้ออกจากโรงพยาบาล” จู่ ๆ เปลี่ยนเรื่องทันใด
“อืม”
“ขอตัวละกัน” ไม่รอให้คนตัวเล็กเอ่ยประโยคใด คิลเลียนเดินฉับ ๆ ออกจากห้องพักฟื้นทันที
“เมื่อกี้คืออะไรกัน” ดวงตากลมโตมองไปยังประตูห้องที่เพิ่งพ้นร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มไปหมาด ๆ อย่างไม่เข้าใจ
เมื่อคืนก็รอบหนึ่ง เช้าวันนี้ก็รอบหนึ่ง สรุปแล้วคือยังไงกันแน่เธอไม่กล้าการันตีหรอกเขามีใจให้ เพราะเหมือนไม่ใช่อย่างนั้นเลย ต่อให้รู้จักกันสมัยมัธยมปลายแต่ใช่จะรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน เนื่องจากแทบไม่เคยคุยกันเลย มีแค่เธอฝ่ายเดียวแอบมองเขาบ่อยครั้ง เรื่องที่เธอมาเป็นผู้หญิงของเขาก็เหลือเชื่อเต็มที
คิลเลียนก้าวออกจากห้องนอนด้วยสภาพโซซัดโซเซเพื่อตรงไปหาพิมพ์ดาวที่นั่งยังโซฟา แม้ตอนนี้จะปวดหัวมากแต่ยังพยายามจะแบกร่างไร้เรี่ยวแรงไปหาคนตัวเล็กพิมพ์ดาวเหลือบมองคนตัวโตแวบหนึ่งแต่ไม่ได้แยแสนัก หน้าจิ้มลิ้มหันมองบรรยากาศนอกคอนโดที่มีแสงแดดจ้า ก่อนรู้สึกตัวเมื่อคิลเลียนมานอนหนุนตักตัวเอง“ทำอะไรของนาย” ปรายตามองชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังพูดจาไม่ดีใส่เธออยู่เลยแล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ“ฉันขอโทษ” คว้ามือเล็กขึ้นมากุมพร้อมกับแหงนหน้ามองเธอ“เฮอะ! ตบหัวแล้วลูบหลังเหรอ” แค่นหัวเราะในลำคอเหตุการณ์ในห้องนอนเมื่อสักครู่ เธอยังจำได้ดีไม่ลืมเลือนเขาพูดอะไรไว้บ้างและทำร้ายจิตใจเธอมากแค่ไหน“เธออย่าเข้าใจฉันผิดสิพิมพ์ดาว ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”“ไม่ต้องสนใจฉันหรอก ไปนอนข้างในเถอะ” เธอทำเป็นไม่แยแสคนป่วย“อย่าไล่กันเลยนะพิมพ์ดาว” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเว้าวอน“ฉันไม่กล้าไล่เจ้าของห้องอย่างนายหรอก”“ฉันปวดหัวมากเลยพิมพ์ดาว” คิลเลียนดึงแขนเล็กมากอดพร้อมทำท่าออดอ้อนหวังให้คนตัวเล็กเห็นใจ“ก็ไปนอนข้างในให้มันดี ๆ สิ”“ฉันอยากอยู่กับเธอ” ช้อนตามองคนตัวเล็กซึ่งสื่อไปด้วยความรู้สึกมากมาย จ
คนตัวเล็กบนโซฟากลางห้องนั่งเหม่อลอย มองวิวนอกคอนโดในยามเช้าด้วยใจล่องลอยก่อนถอนหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความเบื่อหน่ายยิ่งนานวันความรู้สึกที่มีต่อคิลเลียนมากขึ้น จากคำว่าชอบเริ่มผันเปลี่ยนเป็นคำว่ารัก ไม่อยากจินตนาการถึงวันต้องแยกจากกันเลยจะรู้สึกอย่างไร คงเจ็บปวดไม่ใช่น้อย“ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย” หน้างดงามซบลงกับหัวเข่ามนพร้อมปรายตามองประตูห้องที่มีคนตัวโตอยู่ในนั้นกำลังหลับใหลเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ไร้ร่างกำยำของคิลเลียนย่างเท้าออกมาจากห้องนอน พิมพ์ดาวเหลือบมองนาฬิกาฝาผนังซึ่งขณะนี้เป็นเวลาเก้าโมง“ทำไมคิลเลียนยังไม่ออกมา ไม่ทำงานเหรอวันนี้” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเชิงสงสัย เธอตัดสินใจหย่อนเท้าเล็กแตะพื้นเข้าไปหาคนในห้องหญิงสาวเดินไปนั่งข้างคนตัวโต ยื่นแขนเล็กแตะหัวไหล่แกร่ง ก่อนรู้สึกถึงความร้อนแผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา“ไม่สบายเหรอ” เธอจับพลิกเขาให้นอนหงายพร้อมยื่นหลังมือแตะหน้าผากของคิลเลียน แล้วรีบชักมือกลับอย่างไว “ร้อนจัง”พิมพ์ดาวไม่ปล่อยให้เวลาเดินอย่างไร้ประโยชน์ เธอเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง หายออกจากห้องประมาณสิบนาทีและกลับมาอีกครั้งพร้อมอุปกรณ์เช็ดตัว“อื้อ หนาว”“อดทนห
“อ๊า พิมพ์ดาวทำไมถึงหวานทั้งตัวแบบนี้” เสียงทุ้มเอ่ยชมเชยคนตัวเล็กด้วยความหลงใหลกับเรือนร่างงดงามเขาผละออกจากดอกบัวตูมแล้วเลื่อนลงต่ำ ไม่วายกดจูบหน้าท้องแบนราบและไปหยุดยังกลีบกุหลาบงดงามห่อหุ้มด้วยชั้นใน คนใจร้อนอย่างคิลเลียนรีบถอดปราการชิ้นสุดท้ายออกห่างกายสาวอย่างไว“อึก อ๊ะ คิลเลียน” ทันทีที่ปลายลิ้นสากแตะช่องทางรัก พิมพ์ดาวถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความเสียวซ่านพร้อมยกหลังมือขึ้นปิดปาก หน้างดงามส่ายไปมาจนผมเผ้ายุ่งเหยิงแผ่เต็มหมอน เม็ดเหงื่อค่อย ๆ ผุดขึ้นทีละนิดแม้เครื่องปรับอากาศราคาแพงจะให้ความเย็นมากแค่ไหนก็ไม่อาจดับความร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นขณะนี้ระหว่างคนทั้งสอง“พิมพ์ดาว ฉันไม่ไหวแล้ว” คิลเลียนชันเข่าก่อนจับหัวเข่ามนแยกออกจากกันให้กว้าง ๆ สอดแทรกความเป็นชายเข้าในตัวเธอพรวดเดียวจนสุดลำ จากนั้นซอยสะโพกสอบเข้าออกตามจังหวะพิศวาสการร่วมรักครั้งนี้สำหรับพิมพ์ดาวค่อนข้างดิบเถื่อนกว่าที่ผ่านมา จนคนตัวเล็กทนไม่ไหวเปล่งเสียงครวญครางดังลั่นทั่วห้องนอน“อื้อ คิลเลียนรุนแรงเกินไปแล้ว” เธอกำผ้าปูเตียงแน่นพร้อมทั้งดิ้นพล่าน“ฉันคิดถึงเธอ ขอเอาแรง ๆ นะ” คิลเลียนปรายตามองนิ้วเรียวก่อนประสานนิ้วยาว
“โธ่เว้ย! ทำไมไม่รับสายวะ” ทางด้านคิลเลียนเขาพยายามกระหน่ำโทรหาพิมพ์ดาวหลายสายแต่ไร้การตอบกลับจากคนตัวเล็กทำเอาหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ก่อนจะสบถด้วยคำหยาบคายอย่างหัวเสีย“พี่คิลเลียนขา อาหารเสร็จแล้วค่ะ” เสียงของนิรินทำให้ผละจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วก้าวเดินไปหาเจ้าของห้อง“อาหารน่าทานจัง” ปรายตามองอาหารเต็มโต๊ะแต่เขาไม่รู้สึกอยากกินสักนิดเดียวเพราะมัวแต่พะวงถึงพิมพ์ดาว“ของโปรดพี่คิลเลียนทั้งนั้นเลย นั่งสิคะ” เธอลากเก้าอี้ให้ชายหนุ่มนั่ง“ไม่กินด้วยกันเหรอ” ช้อนตามองนิรินซึ่งยังคงยืนนิ่งข้างหลังตัวเอง ไม่มีท่าทีจะนั่งทำเอาอดสงสัยไม่ได้“กินค่ะ” พูดพร้อมหย่อนก้นนั่งลง แต่นิรินไม่ได้ตักอาหารกินทันใดยังคงจับจ้องมองคิลเลียนอย่างรอลุ้นหลังจากชายหนุ่มรับประทานอาหารคำแรก นิรินเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่ไปเป็นตามความคาดหวัง“อร่อยไหมคะ”“อืม”“ทานเยอะ ๆ เลยนะคะ” พูดพร้อมตักอาหารใส่จานของเขา“ไม่กินเหรอ” เหลือบมองคนข้างกายเอาแต่ตักอาหารให้ตัวเอง“นิรินไม่ค่อยหิวค่ะ แค่เห็นพี่คิลเลียนกินก็อิ่มแล้ว”“อืม” ชายหนุ่มไม่ได้เซ้าซี้มากนักยังคงนั่งรับประทานอาหารต่อเรื่อย ๆ กระทั่งผ่านไปสักพักเริ่มรู้สึกร้อนรุ่
จากวันนั้นผ่านมาสองสัปดาห์ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขาเรียกได้ว่าค่อนข้างดีมากสำหรับพิมพ์ดาวเพราะไม่เคยได้รับการเอาใจใส่แบบนี้มาก่อนจึงเคลิ้มชีวิตของเธอในตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า ตั้งแต่มีเขาอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไป จนกลัววันหนึ่งถ้าแยกจากกันเธอจะทำใจลำบาก“พิมพ์ดาว”“หืม” คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ ก่อนแหงนหน้ามองคนตัวโต“เหม่ออะไรของเธอ”“เปล่า” เผยยิ้มอ่อน“ฉันจะไปทำงานแล้ว” คิลเลียนรวบเอวคอดพร้อมกับดึงคนตัวเล็กเข้าสู่วงแขน จากนั้นจุมพิตหน้าผากมนด้วยความอ่อนโยนแล้วกดจูบแก้มขาวเนียน“ไปทำงานดี ๆ นะ” โบกมือลาคนตัวโตก่อนปิดประตูห้อง หมุนตัวเดินไปนั่งยังโซฟาหรูกลางห้องทุกวันช่วงเช้าคิลเลียนมักรบเร้าให้พิมพ์ดาวไปส่งเขาเป็นประจำ บ่อยครั้งทำเอาใจสาวหวั่นไหวกับการกระทำอีกฝ่ายอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ย่อมทราบดีตอนจบเป็นเช่นไรแต่ไม่วายเผลอไผลและหลงใหลไปกับสิ่งนั้น“เฮ้อ…” เธอรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปไวเหลือเกิน แค่ไม่เท่าไรผ่านมาแล้วสองสัปดาห์รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาข้างในรั้วคฤหาสน์ แล่นไปจอดยังโรงรถก่อนเจ้าของจะเปิดประตูก้าวลงมา เผยให้เห็นร่างของคิลเลียนนัยน์ตาคมกริบจ้องมองเบื้อง
นัยน์ตาคมจับจ้องภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าบนจอขนาดใหญ่ภายในโรงภาพยนตร์ท่ามกลางแสงริบหรี่และอากาศหนาวเหน็บ แม้สายตาคิลเลียนมองดูสิ่งที่อยู่ข้างหน้าแต่ในใจร้อนรุ่มคะนึงหาถึงพิมพ์ดาวด้วยอาการกระสับกระส่าย“พี่คิลเลียนคะ”“หืม” หันขวับมองคนข้างกาย“นิรินไม่อยากดูแล้ว หิวข้าว”“ขอโทษนะนิรินแต่ฉันต้องไปแล้ว” สิ้นคำพูดชายหนุ่มวิ่งออกจากโรงภาพยนตร์รวดเร็ว ไม่เหลียวหลังมองนิรินสักนิดเดียว จะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตัวเอง วินาทีนี้เขาเป็นห่วงพิมพ์ดาวมากราวกับมีลางสังหรณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้นชายหนุ่มใช้เวลาในการขับรถถึงคอนโดประมาณหนึ่งชั่วโมง เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ตัวเองไม่ได้ให้กุญแจห้องกับคนตัวเล็กหลังจากรถจอดสนิทไม่รอช้าวิ่งเข้าข้างในตึก กวาดสายตามองทั่วล็อบบี้แต่กลับพบความว่างเปล่า เลยตัดสินใจไปถามพนักงานแต่คำตอบที่ได้รับคือพิมพ์ดาวยังไม่กลับมา“หายไปไหนของเธอวะ” เอ่ยขึ้นพลางกดโทรหาพิมพ์ดาวถี่รัว ก่อนวิ่งหาคนตัวเล็กบริเวณใกล้เคียงของคอนโดตัดมาทางพิมพ์ดาว เธอไม่รู้ตัวเลยตอนนี้กี่โมงเนื่องจากผล็อยหลับตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ หนำซ้ำแบตโทรศัพท์ดันหมดอีกต่างหาก เมื่อลืมตาขึ้นกลับพบกับความมืดและความเงียบสง







