น้ำเสียงนี้มันทำเอาเธอตกใจจนนั่งตัวแข็ง เธอจำได้ดีเลย เธอไม่เคยลืม เป็นเขาหรอกเหรอที่อยากเจอเธอ ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้
มือเล็กกุมท้องของตัวเองไว้แน่น ท้องใหญ่แบบนี้จะปกปิดก็คงไม่ได้แล้วสินะ
“หายไปหลายเดือน ฉันคิดว่าเธอจะติดต่อกลับมา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ก่อนจะหันมองเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน สายตาที่แข็งกร้าวนั้นมันทำให้เธอรีบหลบสายตาของเขาด้วยความกลัว
“คือว่า...”
“จะพูดอะไรอีก?”
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ เด็กในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของคุณหรอก ฉันแต่งงานมีสามีแล้วค่ะ”
“หน้าตาของฉันเหมือนคนโง่ขนาดนั้นเลยหรือไง?!”
น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของเขาทำเอาเธอตกใจจนสะดุ้ง คอหดเหมือนกับสัตว์ที่กำลังหวาดกลัว แหงล่ะ น้ำเสียงของเขามันทุ้มน่ากลัวมากเลยด้วย
“ปะ เปล่านะคะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลย”
“แต่งงานแล้วไหนล่ะสามีของเธอ ทำไมไม่เห็นมาช่วยเธอทำงาน ฉันเห็นเธอทำงานอยู่คนเดียว”
“เอ่อ...ระ เราแยกกันอยู่ค่ะ เขาทำงานอยู่อีกที่นึง”
“ขนาดนี้แล้ว เธอยังจะโกหกอีกเหรอ หน้าตาฉันเหมือนเด็กอมมือหรือยังไง?”
“คะ คุณพูดอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ”
พรึ่บ!
เอกสารซองสีน้ำตาลถูกยื่นให้แก่เธอ ถึงจะยังตกใจอยู่แต่ก็จำใจต้องรับเอกสารมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่เธอนั้นจะเปิดดูข้อความด้านใน
“นะ นี่มัน...”
“คิดว่าฉันจะเข้ามาหาเธอสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีหลักฐานหรือไง ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ”
เอกสารที่ว่ามันคือเอกสารที่เป็นผลตรวจของเธอตั้งแต่เริ่ม ข้อมูลต่างๆ จากทางโรงพยาบาลที่เธอเคยกรอก ตอนนี้มันอยู่ในมือของเขาแล้ว และก็แน่นอนว่าเขารู้หมดทุกอย่างแล้วด้วย
หมดสิทธิ์ที่จะหาเรื่องปฏิเสธเสียแล้วสิ หลักฐานมาแน่นขนาดนี้ เธอจะไปหลีกเลี่ยงได้ยังไงกัน
“คุณไปเอา...”
“เอามาจากไหนไม่สำคัญ ทำไมถึงไม่ทำตามที่ฉันพูด?”
“เอ่อคือ...”
“ถ้าตอบไม่ได้ ฉันก็ไม่ให้เธอลงจากรถหรอกนะ”
“เรื่องมันยาว อีกอย่างความรู้สึกมันก็อธิบายยาก”
“พูดมา ฉันมีเวลาฟัง”
น้ำเสียงเรียบเฉยเปล่งออกมาจากปากของเขา ด้วยท่าทางที่เหมือนคนสบายใจมันทำเอาเธออึดอัดมากๆ เลย
“ฉันมีงานต้องทำ ฉันไม่มีเวลามาพูดหรอกนะ” เธอกำลังจะเปิดประตูออกไป แต่ก็ออกไม่ได้เพราะประตูรถนั้นถูกล็อคโดยเขา
“ฉันบอกว่าออกไปไหนไม่ได้ ก็คือไม่ได้”
“แต่คุณมาขังฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ”
“ได้สิ ฉันจะทำแล้วใครมันจะทำไม?”
“คุณ!”
“เด็กแฝดในท้องของเธอก็คือลูกของฉัน อย่ามาปฏิเสธว่าไม่ใช่”
“คุณยังไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอเลยนะ จะมั่นใจได้ยังไง”
“เธอมั่วผู้ชายขนาดนั้นเลยหรือไง”
“ใช่ค่ะ ฉันมั่วมาก เอาจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จนท้องฉันก็ไม่มั่นใจว่าใครคือพ่อของเด็กในท้อง”
“งั้นฉันจะทำให้เธอรู้เอง ฉันจะให้คนของฉันไปจับตัวผู้ชายที่เธอรู้จักดีมั้ย จะได้รู้ว่าใครคือพ่อของเด็ก จากนั้นก็ฆ่าทิ้งให้หมด จะเป็นพ่อเด็กหรือไม่เป็นก็ตาม”
“จะบ้าเหรอคุณ ทำแบบนั้นได้ยังไง ชีวิตคนทั้งชีวิตเลยนะ จะมาฆ่ากันเป็นผักเป็นปลาได้ยังไงกัน!”
“แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้?”
“ก็ได้ๆ ฉันยอมรับก็ได้ เดี๋ยวจะบอก จะพูดให้ฟังหมดเลย แต่ตอนนี้ฉันขอออกไปข้างนอกได้มั้ย มันเวียนหัวจนคลื่นไส้แล้ว”
“.....” เขาทำหน้าเหมือนกำลังชั่งใจแต่แล้วก็ยอมให้เธอนั้นออกมาจากรถของเขา “ฉันจะรอเธอที่นี่ เสร็จแล้วรีบออกมา”
เพียงขวัญพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน ยังดีที่อุบายนี้มันได้ผล เพราะเธอไม่รู้จะหาวิธีไหนให้ตัวเองหลุดออกมาแล้วจริงๆ ขืนยังอยู่แล้วถูกเขานั้นข่มขู่บังคับให้พูด มีหวังเธอได้เครียดหนักแน่ๆ แค่นี้ก็ตกใจจนทำตัวไม่ถูกแล้ว
จู่ๆ เขาก็โผล่มา ก่อนหน้านั้นหายไปไหนกัน
เวลาต่อมา...
เพียงขวัญต้องออกมาเจอกับเขา เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมกลับไปเลย ครั้นเธอจะเอาแต่อยู่ในบริษัทก็เห็นทีว่าไม่ดีนักหรอก เขาหัวรั้นไม่ยอมกลับขนาดนั้น เธอจะทำยังไงถ้าไม่ออกไป คนอื่นๆ อาจจะพากันเดือดร้อนก็ได้
“ไง คิดคำตอบได้แล้วเหรอ หายไปนานเหมือนกันนะ” ถึงเธอจะหายไปนานแต่เขาก็ดูเหมือนไม่ร้อนรนอะไรเลย กลับกันท่าทีของเขายังดูใจเย็นไม่เปลี่ยนเลยด้วย
“ฉัน...มีเรื่องจะตกลงกับคุณ”
“ว่ามาสิ”
“เรื่องเด็กฉันไม่ได้อยากผูกมัดตั้งแต่แรก เพราะมันเป็นเรื่อง...ที่เราไม่ได้อยากให้เกิด คุณเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ฉันคงไม่กล้าแบกหน้าอุ้มท้องไปให้คุณรับผิดชอบหรอก”
“ฉันเคยบอกว่าไง?”
“เอ่อ...”
“เธอกล้ามากนะ ถ้าลูกของฉันเป็นอะไรขึ้นมา เธอจะทำยังไง”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า ส่วนเรื่องที่คุณคิดว่าฉันจะเอาเด็กออก ลบไปได้เลยฉันไม่ได้คิดแต่แรกอยู่แล้ว”
“.....” ชายหนุ่มถอนหายใจแรง ก่อนที่เขาจะขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ กับเธอ แต่ถูกเธอนั้นถอยหนี เพราะสิ่งที่เขาสร้างเป็นภาพจำไว้ก่อนหน้านี้คือผู้ชายที่น่ากลัว
“คุณจะทำอะไรคะ?”
“ทำไมถึงไม่บอกฉันเรื่องลูก ไม่นับเรื่องที่เธอบอกว่าไม่อยากให้ฉันรับผิดชอบ ฉันเป็นพ่อฉันมีสิทธิ์รับรู้”
“ก็ฉันไม่รู้จะติดต่อคุณยังไงนี่คะ”
“แล้วคิดเหรอว่าจะเลี้ยงเด็กแฝดได้ บริษัทของเธอก็เล็กเท่ารูหนู รายได้ก็แค่เศษเงิน”
“นี่คุณ อย่าดูถูกเงินคนอื่นสิคะ”
“แล้วฉันพูดผิดหรือไง”
“.....” เธอไม่กล้าตอบ เพราะที่เขาพูดมันก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย มันก็ถูกอย่างว่านั่นแหละ
“ไปกับฉัน ไปอยู่กับฉัน”
“ดะ เดี๋ยวสิ คุณบ้าไปแล้วเหรอ อยู่ๆ จะมาบังคับให้ฉันไปอยู่ด้วย ฉันเองก็มีบ้านนะ มีคนที่บ้านต้องดูแลด้วย ไหนจะงานอีก”
“คนที่บ้านของเธอขนไปอยู่ที่บ้านของฉันให้หมด เสื้อผ้าของใช้ขนออกมา ต่อไปนี้เธอจะต้องอยู่กับฉัน อยู่ในความดูแลของฉัน ในสายตาของฉัน เข้าใจหรือเปล่า?”
บังคับกันขนาดนี้เธอไม่เข้าใจได้ด้วยเหรอ แต่มันก็ยังขัดใจอยู่ดีนั่นแหละ เขาทำเหมือนกับว่าเธอเป็นเด็กที่ไม่รู้จักการดูแลตัวเองระหว่างที่ท้อง ที่ผ่านมาเธอก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ไม่รู้ความตรงไหนกัน
“คะ คุณ แบบนี้มัน...”
“ไม่ใช่การบังคับ แต่ฉันต้องการที่จะดูแลลูกของฉัน ที่อยู่ในท้องของเธอ!”
ที่แท้เขาก็ต้องการแค่เด็กในท้องนี่เอง ทำเป็นพูดใหญ่โตไปซะได้ พูดตามตรงกับเธอตั้งแต่แรกก็จบแล้ว
“แล้วหลังจากที่คลอดล่ะเราจะเป็นยังไงต่อ แต่บอกก่อนนะลูกฉันฉันไม่ยกให้คุณเด็ดขาด”
“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที”
ถึงเธอจะไม่ได้รวยแต่เธอก็รู้กฎหมายอยู่นะ ลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ย่อมเป็นสิทธิ์ขาดของคนเป็นแม่อยู่แล้ว ต่อให้เขาจะรวยหรือใช้วิธีสกปรกแค่ไหน เธอก็จะสู้เพื่อลูกของตัวเอง ในฐานะแม่คนนึงที่อุ้มท้องมาเก้าเดือน
“ละ แล้วฉันต้องไปเมื่อไหร่”
“วันนี้ เดี๋ยวนี้เลย”
“ห๊ะ!! มะ มันเร็วไป ฉันขอเวลาหน่อยได้หรือเปล่า”
“ไม่ได้ ไม่มีเวลาอะไรให้ทั้งนั้น โทรกลับไปบอกคนที่บ้านของเธอให้เก็บของและเตรียมย้ายเข้ามาที่บ้านของฉัน ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยภายในสามวัน”
“.....” นี่มันเป็นการบังคับกันชัดๆ อยากรับผิดชอบแบบไหนเอาแต่ใจตัวเองขนาดนี้
“ฉันพูดคำไหนคำนั้น ไม่คืนคำ ไม่มีต่อรอง”
“ค่ะ”
สี่เดือนต่อมาโรงพยาบาลเอกชนเพียงขวัญเข้าห้องเตรียมพร้อมคลอดลูกแล้ว ท้องที่สองแล้วแต่เธอก็ยังไม่หายตื่นเต้นเลย มือของเธอนั้นเย็นเฉียบไปหมด แต่ในใจก็ยังอยากจะเห็นลูกเร็วๆ และก็แน่นอนว่าคนที่ตื่นเต้นมากกว่าเธอก็คือโอนิกซ์"เจ็บหรือเปล่า หืม?""นิดหน่อยค่ะ""อดทนหน่อยนะ เพื่อลูกของเรา""ค่ะ"เพียงขวัญพยักหน้าตอบกลับ ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าห้องคลอดหรอก เพราะเพิ่งจะให้ยาไป และยังอยู่ในช่วงเตรียมคลอด แต่เมื่อไหร่ที่ยาออกฤทธิ์เต็มที่ก็จะถูกเข็นเข้าห้องคลอดทันทีโอนิกซ์จับมือที่เย็นเฉียบของภรรยาไว้แน่น พร้อมกับให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง"ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะอยู่ข้างๆ เธอเอง""ขอบคุณนะคะ"...สิบนาทีต่อมาเพียงขวัญถูกพาเข้าห้องคลอด จากนั้นขั้นตอนการคลอดก็ดำเนินการไปเรื่อยๆ เหมือนกับตอนที่คลอดสองแฝดเลย ไม่เห็นอะไรเบื้องหน้า ทุกอย่างถูกปกคลุมไปด้วยผ้าสีเขียว จะเห็นก็แต่โอนิกซ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ"คุณนิค..""ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร""ลูกล่ะคะ พรีมกับเพิร์ซ""อยู่ข้างนอกน่ะ หมอไม่ให้เข้ามา ไม่ต้องห่วงมีเพื่อนอยู่ด้วย ตอนนี้กำลังรอเจอน้องๆ อยู่""อย่าไปไหนนะคะ""ครับ ไม่ไปไหนหรอกจะอยู่ตรงนี้ตลอดเลย สัญญาครับ
เวลาต่อมาบริษัทโอนิกซ์"มะม่วงห่าอะไรวะ! รสชาติจืดฉิบหาย!""เอ่อ...งั้นลองเป็นแบบสดดีมั้ยครับ""นี่ก็หวาน พวกมึงเนี่ย ฟังภาษาไทยไม่ออกหรือไงวะ บอกให้ซื้อมะม่วงเปรี้ยว มึงซื้อมะม่วงพวกนี้มาทำห่าอะไร!?" โอนิกซ์หงุดหงิดใส่ลูกน้องถึงขีดสุด เพราะลูกน้องดันซื้อของมาไม่ถูกใจ อยากกินมะม่วงเปรี้ยว แต่ที่ได้มาคือมะม่วงหวานและมะม่วงที่ไม่มีรสชาติ"ผมถามกับแม่ค้าแล้วนะครับ มะม่วงดองจะมีรสชาติเปรี้ยวเค็ม ส่วนมะม่วงสดก็จะมีรสชาติเปรี้ยวนำครับ ไม่หวานนะครับ""มึงก็ลองกินดิ จะได้รู้ แม่ง!!"พักนี้ลูกน้องเอาใจไม่ค่อยถูกเท่าไหร่เลย บางวันก็อารมณ์ดี แต่บางวันก็อารมณ์เสียถึงขั้นไม่พอใจอะไรซักอย่างเลย บางครั้งก็พาลทะเลาะกับของที่ไม่มีชีวิต โต๊ะเก้าอี้ กระดาษปากกา หรือแม้กระทั่งเอกสารต่างๆใช่แล้วล่ะ เขากำลังเข้าสู่ภาวะแพ้ท้องแทนภรรยา จากที่เพียงขวัญนั้นแพ้ท้องอยู่ไม่เท่าไหร่ คนที่เป็นต่อมาก็คือเขา น่าจะเป็นช่วงหลังจากกลับจากทะเล..ผ่านไปสักพัก"มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงออกมาข้างนอกกัน" เพียงขวัญเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทของโอนิกซ์ ปกติสองคนนี้จะอยู่ตัวติดกับเขาตลอดเวลานี่นา"คุณเพียงขวัญ" สีหน้าของทั้งสองเหมือ
วันต่อมา"อือ อย่ากวนสิคะ ฉันจะนอน""ตื่นสายนะเรา โดนเอาแค่ไม่กี่ครั้งเอง""....." พอได้ยินอย่างนั้น เพียงขวัญก็ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที ก่อนจะพยายามผละตัวออกมาจากเขา แต่ก็ยังไม่วายโดนเขาดึงกลับไปกอดอยู่เหมือนเดิม "ฉันจะลุกแล้วค่ะ""เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าอย่ากวน""ฉันจะไปหาลูก""ป่านนี้แล้ว ลูกคงออกไปเล่นกับคนอื่นแล้วล่ะ เธอก็รู้ เวลามาที่นี่ทีไร เรากลายเป็นหมาหัวเน่าตลอด""แต่ฉัน...""จะรีบไปไหนล่ะ มีคนคอยดูแลลูกอยู่แล้ว""ดะ เดี๋ยวคุณ อึก.."เป็นเพราะรั้งกันไปมาหรือเปล่านะ อยู่ดีๆ เธอก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา จากที่ตื่นมาแล้วรู้สึกสดชื่น ก็รู้สึกหม่นไปหมด รู้สึกเหมือนมีลมร้อนปะทะหน้า เช้านี้นี่มันเป็นอะไรกัน"คะ คุณนิค ฉันรู้สึกแปลกๆ ปล่อยฉันก่อนค่ะ""เป็นอะไร?"เพียงขวัญหยัดกายลุกขึ้นมานั่งได้ครู่เดียว จู่ๆ เธอก็รู้สึกพะอืดพะอมจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันทีแหวะ! แหวะ!"เพียงขวัญ!""อืม...ฉะ ฉันโอเคค่ะ" เธอตอบเสียงแผ่ว เพราะไม่อยากให้เขาเข้ามาเห็นในสภาพนี้ เลย"เป็นอะไรไป?""......" เธอส่ายหัวเป็นคำตอบ ในตอนนี้ไม่มีความคิดอะไรอีกเลย ทุกอย่างมันมารวดเร็วจนเธอไม่ได้ตั้งรับสักนิด"กินอะไรไ
หลายเดือนต่อมา"ฮายนิค~""หวัดดีวานิล""สบายดีนะ""อืม สบายดี""สวัสดีครับคุณลุงนิค""หวัดดีครับตะวัน โตเป็นหนุ่มแล้วนะเรา"เพียงขวัญได้แต่ยืนมองหญิงสาวที่ลงเครื่องมาพร้อมกับเด็กน้อยรุ่นราวคราวเดียวกับลูกแฝดของเธอ ผู้หญิงคนนั้นเธอสวยมากดูดีมาก และก็พอจะรู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครชื่ออะไร ที่ผ่านมาได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเห็นตัวจริงสักที เธอดูดีและสวยกว่าที่คิดไว้ในหัวเยอะเลยการแสดงท่าทางสนิทสนมของทั้งสอง ไม่ได้ทำให้เพียงขวัญรู้สึกแย่แต่อย่างใด กลับกันเธอมองว่าเขาทั้งสองคนผูกพันกันมากกว่า ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากพี่น้องท้องเดียวกัน เธอไม่ได้หึง ไม่ได้อะไรเลย"สวัสดีค่ะคุณเพียงขวัญ""เอ่อ สวัสดีค่ะคุณวานิล ได้เจอตัวจริงสักทีนะคะ คุณสวยกว่าในรูปเยอะเลย""แหะๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่ก็ขอบคุณนะคะ"วานิล เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและดูดี แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเธอนั้นค่อนข้างจะเข้าถึงยากยังไงไม่รู้สิหลังจากนั้นเธอก็ได้เจอกับวานิลอยู่บ่อยๆ จนพอจะได้รู้เรื่องราวต่างๆ ของเธอมาบ้าง เกี่ยวกับวานิลและลูก และผู้ชายที่เป็นพ่อของลูกเธอ และก็เข้าใจว่าเธอไม่ใช่คนเข้าถึงยากอะไรเลย แค่ต้องเข้มแข็ง เพื่อปกป้องห
สองเดือนต่อมา"นั่งดูอะไรอยู่" โอนิกซ์เอ่ยถาม เพราะเห็นภรรยานั่งจ้องอยู่กับอะไรบางอย่างมาพักนึงแล้ว"ใครก็ไม่รู้ค่ะ" เพียงขวัญตอบ ทำให้เขารีบเดินตรงมายังเธอทันที "เขาทักมาว่าอยากเจอ""รู้จักหรือเปล่า?""ไม่รู้จักค่ะ" เธอส่ายหน้า"บล็อคไปสิ น่าจะพวกนักข่าวที่ชอบทำข่าวเสียหาย""ใช่เหรอคะ?"ที่ถามแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อที่เขาพูดหรอกนะ แต่เรื่องของเธอและโอนิกซ์ถูกเปิดเผยไปตั้งนานแล้ว และมันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายถึงขั้นนักข่าวจะต้องให้ความสนใจประหนึ่งเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกเลยนี่นา เพราะเขาแค่ทำให้คนอื่นรู้ว่าเขาแต่งงานมีภรรยาและลูกแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของคนธรรมดามากๆ และที่ผ่านมาไม่สนใจใครก็เพราะเรื่องนี้"แล้วเธอจะคุยไปทำไม เป็นใครก็ไม่รู้จัก""เขานัดฉันออกไปเจอค่ะ""ห๊ะ?""เขานัดเจอที่ร้านอาหารEEค่ะ" เพียงขวัญบอก เป็นร้านอาหารที่เธอพอจะรู้จักอยู่แล้ว มันเป็นร้านใหญ่ ร้านหรู ดาราคนดัง เซเล็บคนรวย ต่างก็มาร้านอาหารนี้กันหมด เธอเองก็เคยไปอยู่เหมือนกัน"เพียงขวัญ...""บางทีเขาอาจจะอยากเจอฉันจริงๆ ก็ได้""เธอนี่ทำไมถึงไม่ฟังฉันเลยนะ ที่ฉันไม่อยากให้ไป เพราะมันอันตราย เพราะไม่รู้ว่าคนที่นัดเธ
เวลาต่อมาพอกลับถึงบ้านโอนิกซ์ก็ยังไม่ได้บอกกับเพียงขวัญว่าเรื่องนั้นเขาโกหกหรือว่าลูกน้องโกหก แต่ดูเหมือนว่าเพียงขวัญจะได้คำตอบแล้วผู้หญิงมักจะได้คำตอบก่อนมาตั้งคำถามเสมอ ซึ่งเขาอาจจะไม่รู้ ผู้หญิงร้ายได้มากกว่าที่เขาคิดไว้เยอะนะ"เพียงขวัญ เพียงขวัญ!" โอนิกซ์รีบเดินตามมาติดๆ วันนี้เธอเดินเร็วมากกว่าทุกวัน ปกติถ้ากลับบ้านมาพร้อมกัน เวลาเข้าบ้านก็จะเข้าพร้อมกัน แต่วันนี้พอลงจากรถเธอก็เดินเข้าบ้านทันที ไม่พูดไม่จาสักคำ จนเขาต้องรีบเดินตามมา"เป็นอะไร บอกหน่อยได้ไหม?" พูดด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนมาก เหมือนลูกหมาที่กำลังครางหงิงๆ อยู่ข้างขาเจ้านาย"เปล่าค่ะ""ฉันรู้...ว่าเธอโกรธเรื่องนั้น""ก็รู้ว่าฉันจะโกรธ ทำไมถึงไม่บอกตามตรงล่ะคะจะโกหกทำไม""คือว่า...""คือว่า...อะไรคะ? บอกไว้ก่อนนะ อย่าได้มาหาข้อแก้ตัวเชียว""ไม่ครับ ไม่แก้ตัว""งั้นจะให้คำตอบฉันได้หรือยังคะ?""....." เขาเงียบ แถมทำหน้าสลดแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน สีหน้าตอนนี้ถ้าลูกน้องมาเห็นคงอายตายเลยที่ผ่านมาเขาไม่ใช่เสือผู้หญิงก็จริง แต่เขาคือเสือที่ไม่กลัวใคร ทว่าตอนนี้กลับต้องมาแพ้ให้กับมนุษย์เมียซะงั้น"ขอโทษ ฉันโกหกเอง""ขอเหตุผลค่