LOGINตอนที่เธอประคองพ่อเขาลงมาชั้นล่าง หยานหยุ่นโจวก็เดินเข้ามาในสภาพทุลักทุเล แล้วยืนมองเธออยู่ด้านล่างอย่างเหม่อลอยภาพเช่นนี้ช่างคุ้นเคยเหลือเกิน ก่อนหน้านี้เสิ่นซวงเหมียนก็เคยประคองพ่อของเขาลงมานับครั้งไม่ถ้วน ในความรู้สึกพร่าเลือน เขานึกไปเองว่าเธอได้กลับมาแล้ว เรื่องเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น และพวกเขายังมีอนาคตร่วมกันถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอจะต้องมองเขาเป็นคนแรก แล้วยิ้มให้เขา พูดคุยด้วยความอ่อนโยน แต่ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะมองเธอแรงแค่ไหน เสิ่นซวงเหมียนก็ทำเหมือนเขาเป็นเพียงธาตุอากาศทุกสิ่งที่เกิดขึ้นยังเป็นความจริงเธอจะไม่ย้อนกลับมา และพวกเขาก็ไม่มีวันข้างหน้าอีกแล้วความจริงข้อนั้นเหมือนใบมีดที่มองไม่เห็นแทงเข้ากลางอกของหยานหยุ่นโจว ทุกครั้งที่หายใจเจ็บแสบเหมือนหัวใจถูกฉีกออกทีละชิ้นในมื้ออาหารเย็น หยานหยุ่นโจวนั่งอยู่ตรงข้ามกับเสิ่นซวงเหมียน ดวงตาจับจ้องเธออย่างร้อนรน และคอยตักกับข้าวที่เธอชอบให้เป็นระยะแต่เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง แต่กลับสนทนากับพ่อของเขาอย่างตั้งใจ อาหารที่เขาตักให้ เธอก็เลือกคีบออกไปใส่จานใส่เศษอาหารอย่างไม่ไยดีหลังอาหารเย็น เธอคุยกับพ่อเขาต่ออีกสักพักก่อนล่ำลา
เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เห่อซิงเยว่ขับรถมาส่งเธอถึงหน้าบ้าน แต่คราวนี้เธอกลับรู้สึกว่าอะไรบางอย่างมันต่างออกไปตอนลงจากรถ เขายื่นกล่องของขวัญให้เธอ “ของขวัญวันเกิดครับ”ระยะทางจากประตูทางเข้าโครงการไปจนถึงชั้นล่างของอาคาร เธอเดินเร็วกว่าปกติเล็กน้อย เพราะอยากกลับบ้านไปแกะของขวัญเมื่อเดินไปถึงชั้นล่าง และเห็นหยานหยุ่นโจว เธอก็หยุดฝีเท้าลงทันทีเธอยืนอยู่ที่เดิมมองดูเขาอยู่ห่างๆ หยานหยุ่นโจวถือเค้กและของขวัญชิ้นหนึ่ง เดินตรงเข้ามาหาเธอเขายื่นของขวัญมาให้เธอด้วยท่าทีตื่นเต้น แล้วพูดเสียงแหบพร่าว่า “สุขสันต์วันเกิดนะ เสิ่นซวงเหมียน ผมเคยพูดไว้ ว่าวันเกิดของคุณทุกปี ผมจะอยู่ด้วยทุกครั้ง ดีนะที่ปีนี้ผมไม่พลาด”จริงอยู่ที่วันเกิดของเธอทุกครั้งในอดีต หยานหยุ่นโจวไม่เคยขาดแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะยุ่งจนมีคิวผ่าตัดทั้งวัน เขาก็จะเจียดเวลามาฉลองวันเกิดให้เธอ แม้จะต้องแลกกับการผ่าตัดโต้รุ่งก็ตาม เขาก็ไม่เคยขาดแต่ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว เสิ่นซวงเหมียนรับของขวัญมาตรงหน้า ก่อนที่หยานหยุ่นโจวจะได้แสดงความยินดี เธอก็โยนมันทิ้งลงในถังขยะข้างๆ อย่างไม่ไยดีสีหน้าของเขาซีดลงทันที หัวใจเห
หลังจากไปส่งเห่อหลานกลับบ้านแล้ว เสิ่นซวงเหมียนก็เพิ่งได้กลับบ้านหลังจากอาบน้ำล้างหน้าเสร็จ เธอนอนลงบนเตียง พอนึกถึงคำว่ารักที่หยานหยุ่นโจวพูดออกมา เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้งการที่หยานหยุ่นโจวพูดคำว่ารักกับเธอนั้น ช่างเป็นการดูถูกคำๆ นี้เสียจริงวันรุ่งขึ้น ไม่มีตารางการแสดง และกำหนดการฝึกซ้อมเดิมก็ถูกยกเลิกไปด้วย เสิ่นซวงเหมียนอ่านประกาศในกลุ่ม แล้วโยนโทรศัพท์ไว้ข้างตัว มองเพดาน เธอพบว่าตัวเองไม่มีอะไรทำเลยนอกจากการฝึกซ้อมเพื่อการแสดงความว่างเปล่าเพิ่งโผล่ขึ้นมาไม่ทันไร เห่อซิงเยว่ก็โทรเข้ามา “วันนี้ไม่มีซ้อมใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมไปรับนะ จะพาคุณออกไปเดินเล่นหน่อย”เสิ่นซวงเหมียนคิดว่าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว จึงตกลง ลุกจากเตียงค่อย ๆ เตรียมตัว พอลงมาก็เห็นเห่อซิงเยว่รออยู่ด้านล่างเรียบร้อยเธอชะงักไปนิด แล้วรีบเดินไปนั่งเบาะข้างคนขับ “รอนานไหมคะ? ฉันน่าจะเร็วกว่านี้”เห่อซิงเยว่สตาร์ทรถอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดกลับว่า “สำหรับคุณ ผมมีความอดทนมาก จะลงมาเมื่อไหร่ก็ได้”ช่วงนี้เขามักพูดจาแบบมีนัยแบบนี้อยู่บ่อย ๆ เสิ่นซวงเหมียนก็เริ่มชินแล้ว เธอยิ้ม “ได้ค่ะ งั้นครั้งหน้าฉันนอนอ
เสิ่นซวงเหมียนหยุดยืน หันกลับมา แล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “พ่อคุณให้คุณมาตามฉันเหรอ?”เพราะนอกจากเหตุผลนี้ เธอก็นึกเหตุผลอื่นไม่ออกแล้วหยานหยุ่นโจวได้ยินดังนั้นก็ตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนรีบอธิบายอย่างเร็วว่า “ไม่ใช่ ผมมาตามคุณเอง” “คุณต้องการอะไร?” เสิ่นซวงเหมียนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วพูดเสียงแข็งเมื่อเห็นท่าทีห่างเหินและระแวดระวังของเธอ ใจเขาเจ็บราวถูกมีดเฉือน ความขมขื่นเอ่อล้นไม่หยุดแววตาเขาเต็มไปด้วยความเศร้าและคำวิงวอน “เสิ่นซวงเหมียน กลับไปกับผมเถอะ ผม…”“ยังอยากตอบแทนบุญคุณอีกเหรอคะ?” เสิ่นซวงเหมียนมองเขาด้วยสายตาเย็นชา และพูดต่อ “ไม่จำเป็นแล้วค่ะ บุญคุณนั้นพวกคุณตอบแทนหมดแล้ว คุณไปเถอะ เราไม่ติดหนี้กันอีกต่อไป”พูดจบ เธอก็ก้าวผ่านเขาไป แต่กลับถูกมือใหญ่คว้าไว้“ไม่ใช่เรื่องตอบแทนบุญคุณ” เขารีบจับเธอไว้ราวกลัวจะหลุดหาย “ผมแค่อยากให้คุณกลับมา ผมมันโง่เอง จนเสียคุณไปถึงได้รู้ว่าความรู้สึกของตัวเองคืออะไร”เสิ่นซวงเหมียนฟังแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น สัมผัสที่มือทำให้เธอรู้สึกไม่สบาย จึงใช้กำลังเล็กน้อยสะบัดออกหยานหยุ่นโจวรู้สึกฝ่ามือว่างเปล่า หัวใจเหมือนยุบลงไปกลางอก เจ็บราวถูกเข็มนับ
เนื่องจากคนเยอะเกินไป จึงต้องแบ่งออกเป็นรถสองคันเสิ่นซวงเหมียนกับเห่อหลานนั่งรถของเห่อซิงเยว่ ส่วนคนอื่นก็เรียกแท็กซี่กันไปและเนื่องจากเธอเมารถเลยมานั่งเบาะข้างคนขับ ส่วนเห่อหลานที่อยู่เบาะหลังยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วพลางพูดว่า “ผู้ชายคนเมื่อกี้หล่อจังเลยค่ะ ถึงแม้จะดูซูบผอมไปบ้าง แต่ก็ปิดบังความหล่อไว้ไม่มิดเลย อยากได้ช่องทางติดต่อจังเลยค่ะเสิ่นซวงเหมียนไม่พูดอะไรสักคำ แต่เห่อซิงเยว่ที่สังเกตเห็นความเงียบของเธอ จึงหันไปพูดกับคนนั่งหลังว่า “เธอหุบปากไปเลย ผู้ชายที่เธอบอกว่าหล่อถ้าไม่ถึงร้อยคนก็คงเก้าสิบคนแล้วมั้ง? ไม่รู้ว่าตาเธอมองยังไง”ทันใดนั้นความสนใจของเห่อหลานก็ถูกดึงไปทันที ลืมเรื่องหยานหยุ่นโจวไปเลย แล้วก็หันมาปะทะปากกับเห่อซิงเยว่แทนเสิ่นซวงเหมียนมองเงาต้นไม้ที่ไหลผ่านอย่างรวดเร็วข้างนอกหน้าต่าง ใจของเธอเอาแต่คิดถึงเสียงเรียกของหยานหยุ่นโจวเมื่อครู่ในน้ำเสียงเขาไม่มีความตกใจเลย นั่นแปลว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แล้วเขามาตามหาเธอทำไมกันแน่?ตอนนี้เวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เขากับเซี่ยหร่านหร่านก็น่าจะแต่งงานกันแล้วสิ ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งไม่ควรมาตามหาเธอเลยด้วยซ้ำคิด
หลังผ่าตัดเสร็จ เสิ่นซวงเหมียนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่ไม่กี่วันก็ออกได้แล้ว เสียงของกลับมาเป็นเหมือนปกติเหมือนเดิมด้วยโอกาสที่บังเอิญ เธอได้เข้าร่วมวงดนตรีวงหนึ่ง ซึ่งมีน้องสาวคนหนึ่งชื่อ เห่อหลาน ที่ชอบเกาะติดเธอมาก และเป็นคนชักชวนเธอเข้าวงด้วยเพราะเธอมีประสบการณ์อยู่แล้ว ไม่นานก็มีงานแสดงเล็ก ๆ ในบาร์เข้ามาหลังจากห่างหายเวทีไปหนึ่งปี การได้ขึ้นเวทีอีกครั้งทำให้เสิ่นซวงเหมียนรู้สึกราวกับว่าได้พบตัวเองกลับคืนมา รอยยิ้มของเธอก็เพิ่มขึ้นมามากหลังการแสดงจบ เธอยังเหมือนหลุดออกจากบรรยากาศนั้นไม่หมด เดินไปหลังเวทีแล้วก็ได้ยินเห่อหลานที่อยู่ข้าง ๆ ร้องเสียงดังว่า “พี่?! ทำไมมาที่นี่ล่ะคะ พี่ไม่เคยมาดูหนูเล่นเลยนี่?”เสิ่นซวงเหมียนมองพื้นตรงหน้าอย่างตั้งใจ ไม่ได้เงยหน้า จนกระทั่งได้ยินเสียงคุ้นเคยเอ่ยขึ้นว่า“สบายใจได้ ไม่ได้มาดูเธอหรอก”เธอชะงักไป ก่อนเงยหน้าขึ้น เห็นว่าเป็นเห่อซิงเยว่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ที่ทางเดิน หลังเอ่ยประโยคเมื่อครู่ ดวงตาที่งดงามของเขาก็เลื่อนไปหยุดที่เสิ่นซวงเหมียนเขาตอบกลับว่า “พี่มาดูสิว่าคนไข้ของพี่ฟื้นตัวเป็นยังไงบ้าง” และยิ้มมุมปากอย่างนุ่มนวลเห่อหลา







