Share

บทที่ 4

last update Last Updated: 2025-06-21 13:14:41

“ลมแรงขึ้นทุกทีแล้ว ตากลมนานๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ปู่ว่าเรากลับไปที่บ้านกันดีกว่า” เคนเน็ธพยายามชักจูงให้หลานชายลืมเรื่องที่เขาพูดไปเสีย

“จริงด้วยสิฮะ ป่านนี้นีนาคงรอนานแล้วล่ะ” เจโคบีพูดพลางกระชับนิ้วมือเล็กๆ เข้ากับฝ่ามือหยาบย่นตามกาลเวลาของเคนเน็ธ ก่อนจะออกแรงดึงให้ร่างสูงใหญ่ที่นั่งยองๆ อยู่ลุกขึ้นยืน “คุณปู่ฮะ อาทิตย์หน้าคุณปู่ต้องกลับมาช่วยผมทาสีเจ้าซีเซอร์เพนต์นะฮะ”

“มันคืออะไรกันเหรอ เจค็อบ” ชายสูงวัยถามด้วยความแปลกใจ

“มันก็คือชื่อของเรือบังคับวิทยุที่คุณปู่ซื้อมาฝากผมเมื่อเช้านี้ยังไงล่ะฮะ ผมตั้งชื่อมันว่าเจ้างูทะเล” เด็กน้อยตอบฉะฉาน ขณะพยายามใช้สองมือจูงปู่ของเขาให้ก้าวตามไป

“แล้วทำไมเราจะต้องไปทาสีมันด้วยล่ะ เรือที่ปู่ซื้อมาให้มันไม่สวยหรือไง หือ...”

“ผมอยากให้มีรูปงูบนเรือด้วยนี่นา ไม่อย่างนั้นจะสมกับชื่อเจ้างูทะเลได้ยังไงกันล่ะฮะ” พูดจบก็กระโดดโลดเต้น วิ่งนำไปข้างหน้า

เคนเน็ธส่ายหน้ายิ้มๆ กับความร่าเริงไร้เดียงสาของเจโคบี ก้าวเท้าตามเด็กน้อยไปด้วยความสบายใจ ชีวิตบั้นปลายในวัยหกสิบสี่ปี ถึงจะต้องผิดหวังกับลูก แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีหลานที่เฉลียวฉลาดน่ารักมาทดแทน เพียงเท่านี้ก็นับว่าคุ้มค่าและมีความสุขมากพอแล้ว

ร่างของคนต่างวัยเดินเคียงคู่กันไปจนถึงหน้าคฤหาสน์ ขณะที่มือของเคนเน็ธกำลังเอื้อมไปยังห่วงเหล็กเคาะประตู บานประตูด้านหนึ่งก็เปิดออกอย่างกะทันหันพร้อมกับเสียงอุทานและใบหน้าหญิงสาวที่กำลังตกใจ

“อุ๊ย ขอโทษด้วยค่ะท่าน ดิฉันไม่ทันได้ยินเสียง...”

“มีอะไรเหรอนีนา...” มหาเศรษฐีเฒ่าขมวดคิ้วด้วยความฉงน น้อยครั้งที่เขาจะเคยเห็นท่าทีร้อนรนของเธอ

“นีนาหิวข้าวแล้ว ก็เลยจะออกมาตามหาผมกับคุณปู่ยังไงล่ะฮะ” เจโคบีชิงตอบด้วยรอยยิ้ม

“เอ่อ ชะ...ใช่จ้ะ พี่มาตามหาเจค็อบกับคุณปู่...” นรินทร์นารถอึกอัก พยายามส่งสายตาบอกความนัยบางอย่างกับเคนเน็ธ ซึ่งสีหน้าและท่าทางกระวนกระวายของพี่เลี้ยงสาวชาวไทยก็ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจความหมายได้ทันที

“วันนี้ปู่อนุญาตให้เอาข้าวขึ้นไปกินที่ห้องนอนได้...” เขาก้มตัวลงกระซิบเบาๆ ข้างหูเด็กชาย “บอกแอนนาให้ยกสำรับตามขึ้นไป ส่วนเราก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน เสร็จแล้วก็เล่นอยู่แต่ข้างบนนั่นแหละ ไม่ต้องลงมา รู้ไหม”

“ได้ฮะ” เด็กน้อยรีบรับคำแล้ววิ่งตื๋อเข้าไปด้านในอย่างว่าง่าย

“อัลเบิร์ตใช่ไหม...” เมื่อเห็นร่างเล็กๆ ลับสายตาไปแล้ว ชายสูงวัยจึงหันมาเอ่ยถาม

“ค่ะท่าน... คุณอัลเบิร์ตเพิ่งโทรมาเมื่อซักครู่ บอกว่าจะเข้ามาพบท่านน่ะค่ะ...”

“นี่มันยังกล้ามาเหยียบที่นี่อีกเหรอ ฉันเพิ่งตะเพิดมันกลับไปเมื่อไม่กี่วันนี้แท้ๆ... มันบอกหรือเปล่าว่ามีธุระอะไร นีนา” เขาไม่น่าถาม จะมีเรื่องอะไรเสียอีกล่ะนอกจากเงิน...

“คุณอัลเบิร์ตไม่ได้บอกอะไรค่ะ” นรินทร์นารถตอบอย่างลำบากใจ

“ก็คงมาทู่ซี้ขอเงินอีกนั่นแหละ” เคนเน็ธพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปถามต่อ “มันถามถึงเจค็อบบ้างไหม”

“มะ...ไม่ค่ะ” หญิงสาวก้มหน้า ตอบไม่เต็มเสียง มหาเศรษฐีเฒ่าส่ายหน้าด้วยความรู้สึกหม่นหมอง

“แล้วเมียนักร้องของมันล่ะมาด้วยหรือเปล่า”

“เอ่อ ดิฉันก็ไม่ทราบค่ะ...”

อันที่จริงเขาก็รู้คำตอบอยู่แล้ว อย่าว่าแต่จะมาหาเลย แค่คำว่าคิดถึง เขาก็ไม่แน่ใจว่าโรสจะมีให้ลูกชายของเธอหรือเปล่า เคนเน็ธไม่ได้ชอบหน้าลูกสะใภ้ชาวจีนนักหรอก แต่เขาก็อดหดหู่ไม่ได้ทุกครั้งเวลาที่เจโคบีถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของบิดามารดา

“เป็นพ่อแม่ประสาอะไรกัน นอกจากเรื่องเงินแล้วมันไม่ห่วงลูกของมันบ้างเลยเหรอ ไม่อยากเชื่อเลยว่าไอ้บัดซบนั่นมันจะเป็นลูกชายแท้ๆ ของฉัน...” น้ำเสียงแฝงด้วยความขมขื่น

“เจค็อบเป็นเด็กดีและเข้มแข็งร่าเริง... เอ่อ ดิฉันคิดว่า... ที่ผ่านมาเขาก็มีความสุขและไม่จำเป็นต้องมีใครนอกจากท่านแล้วล่ะค่ะ...” พี่เลี้ยงสาวกล่าวจากใจจริง

เคนเน็ธส่ายหน้าเบาๆ อย่างไม่เห็นด้วย “นีนา เธออย่าปลอบฉันเลยจะดีกว่า ฉันเองก็เอาแต่ทำงาน ในแต่ละอาทิตย์จะมีเวลาให้เขาบ้างก็ยังไม่เต็มวันเลย ถ้าไม่มีเธอคอยช่วยดูแลเจค็อบแทนล่ะก็ เขาก็คงไม่เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กดีและว่าง่ายอย่างนี้หรอก” ฝ่ามือเหี่ยวย่นและหยาบกร้านตบเบาๆ บนไหล่ของนรินทร์นารถ เธอได้แต่ก้มมองมือของตัวเองที่ประสานกันอยู่ด้านหน้าชุดกระโปรง “ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรให้เป็นห่วงหรอก...” เคนเน็ธถอนหายใจเสียงดัง หันมองหน้าเธอยิ้มๆ “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันสร้างสมมาตลอดชีวิต เคยตั้งใจจะเก็บเอาไว้ให้ลูก แต่อัลเบิร์ตมันคงไม่มีปัญญารักษาเอาไว้แน่ๆ... ความหวังของฉันตอนนี้ก็มีแค่เจค็อบคนเดียว... ตัวฉันเองก็แก่แล้ว ถ้าเกิดเป็นอะไรไปเสียก่อนที่เขาจะบรรลุนิติภาวะ... คนที่ฉันพอจะไว้ใจให้ช่วยดูแลเขาแทนได้ก็คงจะมีแต่เธอเท่านั้นล่ะนะ นีนา...”

“ท่าน!...” หญิงสาวอุทาน “ท่านอย่าพูดอะไรอย่างนั้นสิคะ ท่านยังแข็งแรงออกอย่างนี้...”

“อะไรๆ มันก็ไม่แน่นอนไม่ใช่เหรอ... เธอก็รู้นี่ว่าลูกชายคนเดียวของฉันเป็นคนยังไง ถ้าฉันปล่อยอนาคตเจค็อบเอาไว้ในมือมันล่ะก็ ท้ายที่สุดหลานชายของฉันก็คงโตเป็นหนุ่มโดยไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรติดตัว... ว่าแต่เธอเถอะ นีนา ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉันจริงๆ เธอจะเต็มใจช่วยดูแลเจค็อบแทนฉันได้ใช่ไหม”

“ท่าน...” เสียงครวญอยู่ในลำคอ ดวงตาคลอไปด้วยหยดน้ำตาที่กลั่นออกมาจากความตื้นตัน “สำหรับดิฉัน เจค็อบก็เหมือนน้องชายแท้ๆ... ท่านอย่าพูดอะไรเป็นลางอีกเลยนะคะ ดิฉันไม่สบายใจเลย...” ว่าพลางนรินทร์นารถก็รีบยกมือขึ้นปาดดวงตาชื้นๆ ของเธอทันที ขณะที่ใบหน้าก้มต่ำเพื่อปิดบังความสะเทือนใจที่เกิดจากคำพูดของมหาเศรษฐีเฒ่า

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทส่งท้าย

    ทันทีที่ประตูห้องชั้นบนสุดของตึกหน้าเปิดออก อัลเฟรโดก็ดึงแขนนรินทร์นารถซึ่งมีท่าทีไม่เต็มใจ ให้เดินตามเข้าไปจนถึงชุดโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนด้านใน ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งเป็นการบังคับกลายๆ ให้เธอนั่งตามตั้งแต่เขาพาตัวเธอและเจโคบีกลับมาถึงคฤหาสน์ทะเลทราย ชายหนุ่มก็เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว ทำให้ในใจของนรินทร์นารถเต็มไปด้วยความวิตกกังวล กลัวว่าหลังนี้เขาจะควบคุมตัวเธอเอาไว้แต่ในตึกหลังโดยไม่อนุญาตให้เจอกับเจโคบีเพื่อป้องกันไม่ให้เธอมีโอกาสพาเด็กชายหนีไปอีก“คุณอัลเฟรโดคะ...” หลังจากทิ้งตัวลงบนโซฟายาวที่อยู่เยื้องกัน ถึงจะยังหวั่นๆ กับความผิดของตัวเอง แต่หญิงสาวก็ตัดสินใจเอ่ยปาก ดีกว่าต้องทนอยู่ในบรรยากาศที่น่าอึดอัดอย่างนี้ต่อไป “ฉันรู้ว่าทำให้คุณโกรธ... แต่ว่าฉัน...” เธอเคยบอกเขาหลายครั้งแล้วว่าเธอจำเป็นต้องพาเจโคบีกลับไปคืนให้เคนเน็ธ“ฉันไม่ได้โกรธเธอ...” ชายหนุ่มพูดขัดคอด้วยน้ำเสียงที่คาดเดาไม่ถูก“แล้วคุณ... พาฉันมาที่นี่ทำไมคะ...”นรินทร์นารถไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร แต่ไม่คิดว่าอัลเฟรโดจะพาเธอขึ้นมาถึงที่นี่เพื่อลงโทษด้วยการร่วมรักอย่างโหดเหี้ยมอำมห

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 55

    “นะ...นี่ตกลงว่าจะเอายังไงกันแน่!” เขาตะคอกอย่างลืมตัว“ฉันทิ้งลูกชายเอาไว้ที่ตลาด... ให้ฉันไปรับตัวเขามาที่นี่ก่อน ไม่อย่างนั้นฉันก็ยังให้ของคุณไม่ได้หรอกค่ะ...”ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งมายังใบหน้าของหญิงสาวชาวเอเชีย ตอนแรกเขาคิดว่าถ้าเธอเกิดเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันเพราะเสียดายตุ้มหูเพชรคู่นั้นขึ้นมา เขาก็ยังพอตัดใจได้ แต่เมื่อได้เห็นสร้อยเพชรที่น่าจะหนักมากกว่าสามสิบกะรัต สตินึกคิดและความยับยั้งชั่งใจก็ขาดผึง“อย่าต่อรองกับฉันดีกว่าน่า! หรืออยากจะให้ฉันเรียกตำรวจมาก่อน หา!”กัปตันเรือสินค้าวัยกลางคนปักใจเชื่อว่านรินทร์นารถจะต้องเป็นทาสหรือไม่ก็นางบำเรอของเศรษฐีคนใดคนหนึ่งที่พยายามหลบหนีไปจากที่นี่พร้อมๆ กับของมีค่าที่เธอขโมยมา แล้วเรือของเขาก็เป็นทางเดียวที่จะช่วยเธอได้... เพราะฉะนั้น อย่างน้อยๆ เขาก็น่าจะรีดเอาเครื่องเพชรของเธอมาได้มากกว่าแค่ตุ้มหูคู่นั้น จึงเจตนาข่มขู่ให้เธอหมดทางเลือก...“ฉัน... ฉันไม่ไปกับคุณแล้ว... ฉันจะกลับไปหาเจค็อบ...” หญิงสาวละล่ำละลัก สภาพการณ์ที่เห็นทำให้เธอเกิดไม่ไว้เขาขึ้นมาหลังจากผ่านเหตุการณ์มากมาย ถูกสองกุ๊ยชาวจีนลักพาตัวมาขังบนเรือประมง ถูกคนหัวล้านท่าทาง

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 54

    ขณะที่ยืนลังเลตัดสินใจอะไรไม่ถูกอยู่นั้น จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงเอ็ดตะโรที่ท่าเรือด้านใน จึงรีบหันไปมองด้วยความตกใจ หญิงสาวพบว่าเจ้าของเสียงเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ เขากำลังยืนชี้นิ้วตวาดคนงานที่ขนลังสินค้าอะไรสักอย่างขึ้นไปบนเรือขนาดใหญ่ลำหนึ่งชายคนนั้นมีศีรษะล้านเลี่ยน หนวดเครารุงรัง ดูจากการแต่งตัวลำลองแบบชาวตะวันตกและท่าทางวางอำนาจกับเหล่าคนงานพื้นเมืองแล้ว ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเขาจะต้องเป็นกัปตันของเรือขนส่งสินค้าลำนั้นอย่างแน่นอน...ถึงแม้ว่าใบหน้าที่เธอมองเห็นจะบอกถึงความดุร้ายเจ้าอารมณ์ แต่สิ่งที่ทำให้ดวงตานรินทร์นารถต้องเบิกกว้าง หัวใจเต้นระทึก ก็คือรูปร่างหน้าตาของเขา... มันเป็นลักษณะของชาวตะวันตกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะดวงตาสีฟ้าอมเทา ผมสีทอง หรือผิวที่กลายเป็นสีแดงจัดเพราะถูกแดดเผา...“เอ่อ... ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณพอจะพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่า...” ด้วยเวลาแห่งความปลอดภัยที่มีเหลืออยู่เพียงน้อยนิด หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว นอกจากเสี่ยงดวงเดินเข้าไปทักเขาตรงๆ“มีอะไร” เขาถามเธอกลับแทนคำตอบ “เห็นหรือเปล่าว่าฉันกำลังยุ่งอยู่ เธอมีธุระอะไรกับฉันก็รีบว่ามาเร็วๆ” น้ำเสียง

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 53

    “เฮ้ย! อย่ามานอนแถวนี้ ลุกออกไปเร็วๆ เข้า ลุกๆ!” เสียงโหวกเหวกโวยวายของชายแปลกหน้าชาวโมร็อกโกปลุกร่างสองร่างที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้ากระสอบผืนใหญ่ให้ตื่นขึ้นด้วยความตกใจ ขณะที่เขาไม่สนใจปฏิกิริยาของคนทั้งคู่ เดินเข้ามายกลังไม้เปล่าๆ สองสามใบที่ตั้งอยู่ข้างๆ เธอกลับออกไปถึงแม้จะไม่เข้าใจภาษาอาหรับที่เขาใช้ แต่ดูจากสีหน้าท่าทางของเขาเมื่อสักครู่ เธอก็รู้ว่าเขาไม่ต้องการให้เธอและเจโคบีอยู่ที่นั่นต่อนรินทร์นารถรีบประคองเด็กชายยืนขึ้น เขายังมีสีหน้างัวเงีย แต่ก็ยอมลุกเดินตามเธอออกจากซอกอาคารแคบๆ แห่งนั้นโดยดีหญิงสาวเหลือบมองชายวัยกลางคนคนเดิมวางลังไม้ลงบนพื้นแล้วปูด้วยเสื่อเก่าๆ ผืนหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปยกเอาลังกระดาษใบใหญ่จากด้านในตัวอาคารมาวางตั้ง ก่อนที่จะหยิบอินทผลัมสุกหลายทะลายในลังออกมาวางเรียงรายบนนั้น“ยังจะมองอะไรอยู่อีก! ไปๆๆ! อย่ามายืนขวางหน้าร้าน” เขาเงยหน้าขึ้นพูดด้วยถ้อยคำที่เธอยังคงฟังไม่รู้เรื่องพลางโบกไม้โบกมือไล่ “แต่งเนื้อแต่งตัวก็ดี หอบหิ้วลูกออกมาเร่ร่อนเป็นขอทานซะได้... ไม่ไหวจริงๆ ผู้หญิงสมัยนี้...” พ่อค้าผลไม้คนเดิมบ่นไล่หลังชายคนนั้นไม่ได้แปลกใจที่เห็นเธอและเจโคบี

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 52

    เช้าตรู่วันนั้น ภายในตึกเล็กของคฤหาสน์ทะเลทรายก็เกิดความวุ่นวายโกลาหล เมื่อบุตรชายของอัลเฟรโดพบว่าน้องชายคนใหม่ของเขาเกิดหายตัวไปจากห้องอย่างลึกลับ ตอนแรกอิสซามเข้าใจว่าเด็กชายคงจะตื่นและลงไปเดินเล่นที่สวนหน้าตึก แต่เมื่อถามจากปากยามซึ่งมีหน้าที่ดูแลประตู เขาจึงรู้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน“ใครบอกแกว่าเมื่อคืนนี้อัลวาโรไม่สบาย อามีน” อิสซามตะคอกใส่ยามวัยกลางคนที่กำลังยืนก้มหน้างุด ข้างๆ ยังมียามหนุ่มอีกคนซึ่งมีสีหน้าหวาดหวั่นไม่ต่างกันถึงแม้จะมีวัยแค่สิบขวบ แต่เด็กชายผิวคล้ำหน้าตาคมเข้มก็เป็นทายาทเพียงคนเดียวของพ่อค้าอาวุธสงครามผู้ทรงอิทธิพล โดยเฉพาะสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดและบุคลิกเปี่ยมด้วยอำนาจที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้เป็นพ่อ ทำให้ไม่มีใครในคฤหาสน์ของอัลเฟรโดมองเขาเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง“สะ...สาวใช้ที่ราเนียส่งมาดูแลครับ คุณอิสซาม...” อามีนตอบตะกุกตะกัก“ไอ้โง่! บอกแค่นั้นแกก็ยอมให้เข้ามาในตึกแล้วหรือไง ถ้าทำงานได้แค่นี้ฉันบอกให้พ่อเลี้ยงหมายังจะดีซะกว่า”“ไอ้หนู เอ่อ คุณอัลวาโร... หายไปอย่างนั้นเหรอครับ” อีกฝ่ายถามกลับอย่างกล้าๆ กลัวๆ“ก็ใช่น่ะสิ รอให้พ่อ

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 51

    “หนาวไหมจ๊ะ” นรินทร์นารถกระซิบถามเจ้าของร่างน้อยๆ ที่เดินอยู่เคียงข้างเด็กชายส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่การที่เขาคอยเป่าลมหายใจใส่อุ้งมือทั้งสองข้างตลอดเวลามันก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเจโคบีไม่ต้องการให้เธอเป็นห่วงจริงอยู่ที่ทาร์ฟายาเป็นเมืองท่าติดทะเล ได้รับอิทธิพลจากลมทะเลในตอนกลางวัน ทำให้มีอุณหภูมิเย็นสบายตลอดทั้งปี แต่สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่ยังคงรายล้อมไปด้วยทะเลทราย เมื่อถึงเวลากลางคืนอากาศจึงเย็นจัดเนื่องจากพื้นที่ที่เป็นทรายจะไม่สามารถกักเก็บความร้อนเอาไว้ได้เหมือนพื้นดินหญิงสาวเปลื้องผ้าคลุมบนศีรษะ ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขาก่อนจะห่มผ้าผืนนั้นให้“ผมไม่หนาวหรอกฮะ... นีนาเอาเก็บไว้ห่มเองเถอะ...” ปากบอกอย่างนั้นแต่ฟันกระทบกันเสียงดังกึกกักพี่เลี้ยงสาวไม่ฟังคำพูดของเขา กระชับผืนผ้าให้แน่นแล้วยัดชายทั้งสองข้างใส่ไว้ในมือน้อยๆ“ห่มเอาไว้ จะได้ไม่เป็นหวัด...” ยกมือขึ้นหยิกแก้มของเขาเบาๆ “เจค็อบเหนื่อยหรือยัง... อดทนอีกหน่อยนะจ๊ะ อีกไม่นานก็จะถึงในเมืองแล้ว...”“ทำไมเราไม่ไปตามถนนล่ะฮะ... ตอนที่มากับพวกโจรสลัดเราไม่เห็นต้องเดินบนทรายอย่างนี้เลย...”เจโคบีหันไปมองรอบๆ ตัวที่มีแต่ผืนทรายก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status