แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: สาริศา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-21 13:20:07

นรินทร์นารถ ปิยบุตร ชาร์ลสตัน นึกถึงเมื่อแปดปีก่อน ในวันแรกที่เธอได้พบกับบิดาบุญธรรม ผู้ที่เธอไม่กล้าอาจเอื้อมแม้แต่จะเรียกเขาว่าพ่อ

เธอเป็นแค่เด็กสาวที่ติดตามนงนุช มารดาม่ายชาวไทยมาทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดในบริษัท ชาร์ลสตัน เทรดอิน คอร์ปอเรชั่น ของตระกูลชาร์ลสตัน... แม้จะเป็นแค่ลูกจ้างระดับล่างที่พูดภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้ แต่ความที่มารดาของเธอเป็นคนขยันขันแข็งและยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ เคนเน็ธจึงสะดุดตาและรู้สึกเมตตาเป็นพิเศษ...

หลังจากทำงานอยู่ได้เพียงไม่กี่ปี มารดาของเธอก็โชคร้ายล้มป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมและเสียชีวิตไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเคนเน็ธผู้อยู่ในฐานะเจ้านายใหญ่ได้รับข่าวจึงได้เดินทางไปร่วมพิธีฝังศพด้วย... เขาพอจะรู้มาจากปากพนักงานคนอื่นๆ ว่าแม่บ้านชาวไทยยังมีบุตรสาววัยสิบห้าปีที่กำลังไร้ที่พึ่งพิงอยู่อีกหนึ่งคน และเพียงแค่พบนรินทร์นารถครั้งแรก เคนเน็ธก็เกิดความรักใคร่เอ็นดูเธออย่างบอกไม่ถูก...

เนื่องจากในเวลานั้นเขาก็กำลังผิดหวังกับความประพฤติของบุตรชายอยู่ เขาจึงเสนอความอุปการะด้านการศึกษาให้แก่เธอ หากเคนเน็ธก็ต้องประหลาดใจเมื่อเด็กสาวกลับปฏิเสธเขาอย่างสุภาพ และเลือกที่จะขอโอกาสในการทำงานแลกเปลี่ยนกับค่าจ้างแทน

เคนเน็ธชื่นชมกับทัศนคติของนรินทร์นารถจึงพาเธอกลับมายังคฤหาสน์ชาร์ลสตัน มอบหมายให้เธอช่วยดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์แลกกับการอุปการะด้านการศึกษารวมทั้งอาหารและที่พักอาศัย ความขยันขันแข็งและใฝ่เรียนรู้ของเธอนี่เองที่สร้างความประทับใจให้แก่ชายสูงวัย จนภายหลังเมื่อเธอสำเร็จการศึกษาชั้นไฮสคูล เขาจึงจดทะเบียนรับนรินทร์นารถเป็นบุตรบุญธรรมโดยไม่สนใจคำทักท้วงของเธอแม้แต่น้อย

มหาเศรษฐีเฒ่าตั้งใจจะส่งเสียหญิงสาวให้ได้ศึกษาต่อถึงระดับปริญญาเสียด้วยซ้ำ โดยหวังในใจว่าเธออาจจะกลายเป็นกำลังช่วยเขาดูแลและบริหารกิจการต่อไปในอนาคตแทนบุตรชายผู้เหลวไหล แต่ขณะนั้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่เคนเน็ธตัดสินใจนำตัวเจโคบีวัยสามขวบกลับมาเลี้ยงดู นรินทร์นารถจึงปฏิเสธเรื่องการเรียนต่อ และหันมารับหน้าที่พี่เลี้ยงของเด็กชายอย่างเต็มใจเพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณเขานั่นเอง

***

ฝ่ามือเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยค่อยๆ ลูบเรือนผมยาวสลวยนุ่มละมุนของหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเมตตา... ใครจะคิดว่าคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือด ยังมีความรักความห่วงใยในตัวเขาและเจโคบีมากกว่าอัลเบิร์ตซึ่งเป็นบุตรชายและบิดาแท้ๆ เสียอีก...

“คนเอเชียเหมือนกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้ผิดกันราวฟ้ากับเหว...” เคนเน็ธบ่นพึมพำ “เสียดายจริงๆ ที่ไอ้อัลเบิร์ตมันชิงแต่งงานกับเมียจีนนั่นไปเสียก่อน นี่ถ้าได้แต่งงานกับคนอย่างเธอ ไม่แน่มันอาจจะไม่เสียคนถึงขนาดนี้... แล้วเธอก็จะได้ยอมเรียกฉันว่าพ่อเสียที...” ประโยคสุดท้ายกลั้วหัวเราะ ทำเอาใบหน้าของนรินทร์นารถร้อนวูบ

“ท่านอย่าแหย่ดิฉันเล่นเลยค่ะ... คนอย่างดิฉันจะไปเหมาะสมอะไรกับ... เอ่อ คุณอัลเบิร์ต...”

“มันต่างหากล่ะที่ไม่คู่ควรกับเธอ นีนา...” ขายสูงวัยหลับตา ถอนหายใจเบาๆ ราวกับปลงตก “ขึ้นไปช่วยแอนนาดูเจค็อบเถอะ ฉันไม่อยากให้เขาบังเอิญลงมาเจอพ่อที่ไร้ความรับผิดชอบ ส่วนทางนี้ฉันจะจัดการเอง...”

“ค่ะ... ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” เคนเน็ธพยักหน้า เฝ้ามองหญิงสาวเดินกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ลมเย็นที่โชยมาจากทิศหน้าผากระตุ้นให้เขากระชับเสื้อโค้ตเข้าหาตัว ในใจที่ว้าวุ่นพยายามบอกตัวเองให้เด็ดเดี่ยว แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต้องคอยปฏิเสธคำขอร้องของบุตรชายคนเดียว กระนั้นมือก็ผลักบานประตูที่เปิดค้างอยู่แล้วก้าวตามเข้าไป

***

อัลเบิร์ตทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ด้านหลังโต๊ะทำงานของบิดา มือยกแก้ววิสกี้เทใส่ปากก่อนจะเอนหลังลงบนพนักพิง พร้อมกับตวัดขาทั้งสองข้างขึ้นมาวางไขว้กันบนโต๊ะเบื้องหน้าอย่างสบายอารมณ์ ดวงตาสีเขียวกวาดมองไปทั่วห้อง หากก็ยังไม่กล้าสบสายตาคนที่กำลังเดินตามเข้ามาแม้แต่แวบเดียว

“มันจะไม่สบายไปหน่อยเหรอ อัลเบิร์ต” น้ำเสียงนายชาร์ลสตันผู้เป็นพ่อแสดงความไม่พอใจกิริยาไร้มารยาทของนายชาร์ลสตันผู้เป็นลูกอย่างชัดเจน

“คุณพ่อก็อย่าเจ้าระเบียบนักเลยครับ ทำอย่างกับผมไม่เคยเข้ามานั่งในห้องนี้...” ถ้าเป็นวันอื่นชายหนุ่มอาจจะแกล้งสำรวมและทำตัวเรียบร้อยมากกว่านี้ แต่วันนี้แผนการที่ภรรยาเพิ่งวางไว้ให้ทำให้เขารู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องเป็นพิเศษ... อย่างไรก็ตาม ในที่สุดอัลเบิร์ตก็ยอมยกขาลงจากโต๊ะ มือวางแก้ววิสกี้ แล้วลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับร่างสูงใหญ่ของบิดาด้วยท่าทีลังเลอยู่บ้าง...

เคนเน็ธไม่ได้สนใจคำพูดของบุตรชาย ไพล่สองแขนไว้ด้านหลังแล้วเอ่ยถาม “วันนี้แกมีธุระอะไรกับฉันอีก ถ้าเป็นเรื่องเดียวกับเมื่อวันก่อน ฉันแนะนำให้แกออกไปสตาร์ตรถแล้วรีบขับกลับลอนดอนไปซะเถอะ เพราะอยู่ไปก็เสียเวลาเปล่าๆ...” ถ้อยคำเสียดสีสร้างความขุ่นเคืองให้อีกฝ่ายไม่น้อย

“ผมไม่เข้าใจจริงๆ... ทีกับลูกชายแท้ๆ เจอกันทีไรคุณพ่อก็เอาแต่พูดจาขับไล่ไสส่ง... กับเมียของผมคุณพ่อก็เอาแต่ตั้งแง่รังเกียจตั้งแต่ก่อนแต่งงานกันแล้ว... แต่ทีกับนังเด็กกำพร้านั่น คุณพ่อกลับประคบประหงมมัน พามันเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย อย่าบอกว่าคุณพ่อคิดจะรับมันเป็นเมีย...”

“แกไม่มีสิทธิ์มาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของฉัน ที่นี่เป็นบ้านฉัน จะให้ใครอยู่หรือไปมันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน” มหาเศรษฐีเฒ่าตวาดกลับโดยไม่รอให้บุตรชายพูดจบ

“เอาเถอะครับ วันนี้ผมไม่ได้มาเพื่อจะชวนคุณพ่อทะเลาะ ผมแค่คิดถึงลูกชายของผม...”

เคนเน็ธได้ยินน้ำคำของอัลเบิร์ตผู้เป็นลูกถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยความฉงน “นี่แกหัดคิดถึงลูกเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กันอัลเบิร์ต”

“เจค็อบเป็นลูกชายของผม ผมก็ต้องคิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลานั่นแหละครับ ที่ผมไม่เคยถามถึงลูก ไม่เคยขอพบลูก ก็แค่ไม่อยากให้เจค็อบต้องเห็นพ่อของเขาในสภาพคนสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างนี้...”

แม้ถ้อยคำเหล่านั้นจะฟังดูผิดวิสัยของคนพูด แต่ด้วยหัวอกคนเป็นพ่อ มหาเศรษฐีเฒ่าก็อดที่จะเกิดความรู้สึกเวทนาบุตรชายของตัวเองไม่ได้

“ฉันไม่เคยให้เจค็อบรับรู้ถึงความเหลวไหลของแกหรอก ถ้าแกอยากจะเจอเขา ฉันก็จะเรียกให้เขาลงมาหาแก... ขึ้นชื่อว่าพ่อลูก ยังไงก็ควรได้ทำความสนิทสนมกันบ้าง ฉันไม่อยากให้เจค็อบโตขึ้นมาโดยไม่เคยรู้จักพ่อของเขาหรอกนะ...” น้ำเสียงของชายผู้สูงวัยอ่อนลง ทำท่าจะหันไปตะโกนเรียกสาวใช้สักคนเพื่อให้ขึ้นไปตามเจโคบี แต่ชายหนุ่มชิงร้องห้ามเสียก่อน

“เอ่อ... อย่าดีกว่าครับคุณพ่อ... ผมไม่ยังไม่พร้อม...” เขาอึกอัก

“ก็ไหนว่าแกมาที่นี่เพราะคิดถึงลูก” เคนเน็ธมองบุตรชายด้วยความเคลือบแคลง

“คือ... ผมแค่แวะมาถามข่าวคราวเท่านั้น ได้ยินว่าเจค็อบยังสบายดีก็พอแล้ว... อีกอย่าง ผมยังมีธุระอยากจะคุยกับคุณพ่ออีกซักเรื่องสองเรื่องน่ะครับ”

“...” มหาเศรษฐีเฒ่านิ่งไปชั่วอึดใจ เขาพอจะคาดเดาได้ทันทีว่าธุระของอัลเบิร์ตคือเรื่องอะไร “แกมีอะไรจะคุยกับฉัน” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง

“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับคุณพ่อ... หลังจากกลับไปทบทวนถึงเรื่องต่างๆ ที่คุณพ่อเคยตำหนิ ตอนนี้ผมก็เข้าใจแล้วว่าตัวเองสร้างความผิดหวังให้คุณพ่อมากแค่ไหน... ยิ่งคิดถึงลูกที่กำลังโตขึ้นทุกวัน ผมก็อยากจะปรับปรุงตัวเองเสียใหม่ เพื่อจะได้เป็นพ่อที่ดีของเจค็อบ...” ชายหนุ่มหยุดคำพูดไว้ครู่หนึ่งเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แต่เคนเน็ธไม่ได้พูดอะไรกลับไป นอกจากจ้องมองบุตรชายด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ หากในใจนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองที่ปะทุขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน

เคนเน็ธ ชาร์ลสตัน เป็นนักธุรกิจที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองในชั่วอายุเดียว แล้วคนอย่างเขาน่ะหรือจะอ่านเกมของเด็กเมื่อวานซืนไม่ออก

นี่มันเวรกรรมอะไรกันหนอ ทำไมเขาถึงได้มีลูกที่อับจนความคิดขนาดนี้...

ถึงขนาดกล้าเอาลูกมาเป็นข้ออ้างต่อหน้าเขา

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 5

    นรินทร์นารถ ปิยบุตร ชาร์ลสตัน นึกถึงเมื่อแปดปีก่อน ในวันแรกที่เธอได้พบกับบิดาบุญธรรม ผู้ที่เธอไม่กล้าอาจเอื้อมแม้แต่จะเรียกเขาว่าพ่อเธอเป็นแค่เด็กสาวที่ติดตามนงนุช มารดาม่ายชาวไทยมาทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดในบริษัท ชาร์ลสตัน เทรดอิน คอร์ปอเรชั่น ของตระกูลชาร์ลสตัน... แม้จะเป็นแค่ลูกจ้างระดับล่างที่พูดภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้ แต่ความที่มารดาของเธอเป็นคนขยันขันแข็งและยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ เคนเน็ธจึงสะดุดตาและรู้สึกเมตตาเป็นพิเศษ...หลังจากทำงานอยู่ได้เพียงไม่กี่ปี มารดาของเธอก็โชคร้ายล้มป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมและเสียชีวิตไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเคนเน็ธผู้อยู่ในฐานะเจ้านายใหญ่ได้รับข่าวจึงได้เดินทางไปร่วมพิธีฝังศพด้วย... เขาพอจะรู้มาจากปากพนักงานคนอื่นๆ ว่าแม่บ้านชาวไทยยังมีบุตรสาววัยสิบห้าปีที่กำลังไร้ที่พึ่งพิงอยู่อีกหนึ่งคน และเพียงแค่พบนรินทร์นารถครั้งแรก เคนเน็ธก็เกิดความรักใคร่เอ็นดูเธออย่างบอกไม่ถูก...เนื่องจากในเวลานั้นเขาก็กำลังผิดหวังกับความประพฤติของบุตรชายอยู่ เขาจึงเสนอความอุปการะด้านการศึกษาให้แก่เธอ หากเคนเน็ธก็ต้องประหลาดใจเมื่อเด็กสาวกลับปฏิเสธเขาอย่างสุภาพ และเลือกที่จะขอ

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 4

    “ลมแรงขึ้นทุกทีแล้ว ตากลมนานๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา ปู่ว่าเรากลับไปที่บ้านกันดีกว่า” เคนเน็ธพยายามชักจูงให้หลานชายลืมเรื่องที่เขาพูดไปเสีย“จริงด้วยสิฮะ ป่านนี้นีนาคงรอนานแล้วล่ะ” เจโคบีพูดพลางกระชับนิ้วมือเล็กๆ เข้ากับฝ่ามือหยาบย่นตามกาลเวลาของเคนเน็ธ ก่อนจะออกแรงดึงให้ร่างสูงใหญ่ที่นั่งยองๆ อยู่ลุกขึ้นยืน “คุณปู่ฮะ อาทิตย์หน้าคุณปู่ต้องกลับมาช่วยผมทาสีเจ้าซีเซอร์เพนต์นะฮะ”“มันคืออะไรกันเหรอ เจค็อบ” ชายสูงวัยถามด้วยความแปลกใจ“มันก็คือชื่อของเรือบังคับวิทยุที่คุณปู่ซื้อมาฝากผมเมื่อเช้านี้ยังไงล่ะฮะ ผมตั้งชื่อมันว่าเจ้างูทะเล” เด็กน้อยตอบฉะฉาน ขณะพยายามใช้สองมือจูงปู่ของเขาให้ก้าวตามไป“แล้วทำไมเราจะต้องไปทาสีมันด้วยล่ะ เรือที่ปู่ซื้อมาให้มันไม่สวยหรือไง หือ...”“ผมอยากให้มีรูปงูบนเรือด้วยนี่นา ไม่อย่างนั้นจะสมกับชื่อเจ้างูทะเลได้ยังไงกันล่ะฮะ” พูดจบก็กระโดดโลดเต้น วิ่งนำไปข้างหน้าเคนเน็ธส่ายหน้ายิ้มๆ กับความร่าเริงไร้เดียงสาของเจโคบี ก้าวเท้าตามเด็กน้อยไปด้วยความสบายใจ ชีวิตบั้นปลายในวัยหกสิบสี่ปี ถึงจะต้องผิดหวังกับลูก แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีหลานที่เฉลียวฉลาดน่ารักมาทดแทน เพียงเท่านี้

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 3

    บนเนินผาสูงชันซึ่งทอดยาวจนสุดอาณาเขตพื้นที่คฤหาสน์ชาร์ลสตัน มองไกลออกไปสุดสายตา เห็นผืนน้ำสีครามและท้องฟ้ายามเย็นที่ถูกแสงสีทองอาบไล้ ตัดกับทุ่งหญ้าสูงซึ่งโบกสะบัดไปมาราวกับคลื่นสีเขียวสดยามลมทะเลโชยพัดเข้าสู่แผ่นดิน ประภาคารเก่าแก่ทาสีขาวนวลตั้งตระหง่านเป็นจุดดึงดูดสายตามองเห็นได้แต่ไกลบันไดไม้ที่นำขึ้นไปยังกระโจมไฟด้านบนถูกปิดตายและเริ่มผุพังตามเวลา เบื้องหน้ามีชายวัยหกสิบสี่ปียืนจับมืออยู่กับหลานชายตัวน้อย ทอดสายตาออกไปยังเวิ้งทะเล จ้องมองภาพของเรือยอชต์ลำใหญ่กำลังแล่นห่างและเลือนหายไปในแสงของดวงอาทิตย์“ถ้าผมโตเมื่อไหร่ ผมจะเป็นกัปตันเรือลำใหญ่ๆ แบบเรือลำนั้นให้ได้เลยฮะคุณปู่!” เด็กชายวัยเจ็ดขวบหันมายิ้มอย่างเริงร่า ในแววตาไร้เดียงสาคู่นั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและปรารถนา“จะเอาอย่างนั้นจริงๆ เหรอ เจค็อบ... เป็นกัปตันเรือไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะลูก...” ชายสูงวัยก้มลงสบตาเด็กน้อย “ลูกผู้ชายน่ะ ถ้าตัดสินใจแล้วต้องไม่ล้มเลิกกลางคันนะ”“ผมแน่ใจฮะ” เขาพยักหน้า ตอบชัดถ้อยชัดคำ“ดีมาก... ปู่เชื่อว่าซักวันเราจะต้องเป็นกัปตันเรือที่เก่งที่สุดในอังกฤษแน่ๆ...” พูดพลางหัวเราะอารมณ์ดี พร้อมกับขยี

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 2

    ครั้งที่ อัลเบิร์ต ชาร์ลสตัน ยังเป็นนักศึกษาหนุ่มอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี เขาบังเอิญได้รู้จักและมีความสัมพันธ์กับโรส นักร้องสาวในบาร์ผู้มีอายุมากกว่าถึงสามปี และทันทีที่รู้ว่าเขาเป็นทายาทของมหาเศรษฐีผู้มีชื่อเสียงของลอนดอน เธอก็ตัดสินใจใช้เสน่ห์ เรือนร่าง และกลเม็ดเด็ดพรายทุกอย่างของผู้หญิง มัดใจชายหนุ่มอ่อนประสบการณ์อย่างเขาเอาไว้จนดิ้นไม่หลุด ด้วยหวังว่าเธอจะมีชีวิตบั้นปลายอันแสนสุขสบาย ได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับหรูหราไม่ต่างจากคนในวงสังคมชั้นสูงแต่ลางร้ายก็เริ่มปรากฏเสียตั้งแต่แรก เมื่อว่าที่พ่อสามีในขณะนั้นเกิดไม่เห็นดีเห็นชอบกับการแต่งงาน เพราะเห็นว่าบุตรชายของเขายังเด็กเกินไป ยังไม่เคยทำงานหรือแม้แต่รับผิดชอบชีวิตตัวเองเสียด้วยซ้ำกระนั้นเคนเน็ธก็ยังพยายามทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่ออย่างดีที่สุด เขายกแมนชั่นขนาดใหญ่บนถนนพิกคาดิลลี ย่านใจกลางเมืองลอนดอนให้เป็นเรือนหอของทั้งคู่ มิหนำซ้ำยังมอบบัญชีเงินฝากจำนวนยี่สิบล้านปอนด์ให้เป็นทุนรอนติดตัวอีก ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้นักร้องจากบาร์ข้างถนนอย่างโรสได้มีโอกาสใช้ชีวิตเฉิดฉายเหมือนในวิมานที่เธอวาดไว้อยู่หลายปีแต่หลังจาก

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 1

    เพล้ง!!เสียงแจกันดอกไม้บนโต๊ะริมผนังถูกมือหญิงสาวชาวจีนกวาดกระเด็นลงไปกระทบพื้นจนแตกกระจายไม่มีชิ้นดี คิ้วของเธอขมวดแน่น ขณะที่ดวงตาชั้นเดียวตวัดมองไปยังชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่อีกฟากของห้องด้วยแววตาเกรี้ยวกราด ริมฝีปากบางเฉียบถูกเม้มกัดจนแน่น ทำให้ใบหน้างดงามของเธอดูร้ายกาจราวกับคนละคน“ไม่รู้ล่ะ! ยังไงคราวนี้คุณก็ต้องเอาเงินไอ้แก่นั่นมาให้ได้!” หญิงสาวตวาดลั่น ยิ่งเห็นสามีชาวอังกฤษเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมพูดจาอะไร โรสก็ยิ่งเกิดโทสะ กระทืบรองเท้าส้นสูงลงบนดอกลิลีสองสามช่อที่ร่วงกระจายอยู่โดยไม่ใส่ใจว่าเศษแจกันอาจทิ่มตำพื้นรองเท้าของเธอจนทะลุได้ทำไมอัลเบิร์ตถึงไม่ได้เรื่องได้ราวขนาดนี้นะ... เสียแรงที่เป็นถึงลูกชายของมหาเศรษฐี กับอีแค่เงินแสนสองแสนปอนด์ เขาก็ยังไม่มีปัญญาหามาให้เธอได้... แล้วที่เธอยอมแต่งงานอยู่กินกับเขามาจนถึงป่านนี้มันเพื่ออะไรกัน... เพื่อเศษเงินที่พ่อผัวขี้เหนียวโยนมาให้ใช้เดือนละไม่กี่เพนนีอย่างนั้นน่ะหรือ...“ผมก็อ้อนวอนพ่อจนแทบจะกราบอยู่แล้วนะโรส แต่ในเมื่อท่านไม่ยอมให้ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ...” ผู้เป็นสามีตอบเสียงอ่อย ยืนคอตก ไหล่ห่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status