LOGINศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศเรียกเขมมิกาไปพบเขาที่ห้อง เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปทำกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกปี ทว่าในปีนั้นต้องขึ้นดอย เพื่อนำอุปกรณ์กีฬารวมทั้งเครื่องเขียนต่าง ๆ ไปมอบให้กับทางโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ
“ที่ผมเรียกคุณมาพบ เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้าเดี๋ยวผมจะขับรถไปรับที่บ้าน”
“บุคลากรในมหาลัยมีตั้งมากมายทำไมต้องเป็นฉันล่ะคะ” หญิงสาวชักสีหน้าใส่เขาด้วยความไม่พอใจ
“มันเป็นระเบียบของทางมหาลัย อาจารย์คนใหม่ต้องไปช่วยสังคมกับผม”
“ใช้ตรรกะอะไรคะเนี่ย บ้าชัดๆ” เขมมิการู้ดีว่าเธอกำลังถูกมัดมือชก ทว่าศาสตราจารย์หนุ่มกลับแสยะยิ้มร้าย เมื่อเขากำลังต้อนให้เธอจนมุมได้
“คุณกลับไปเตรียมตัวเถอะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้า”
“ใครบอกว่าฉันจะไปกับคุณ” ความพยศของเขมมิกายังคงแสดงทีท่าไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาง่าย ๆ
“ที่นี่ผมคือผู้บริหารสูงสุด ถ้าคุณกล้าปฏิเสธจะฉีกสัญญาทิ้งก็ได้นะ”
“ถ้าฉันรู้ว่าที่นี่มีผู้ผู้บริหารอย่างคุณ ฉันคงไม่หลวมตัวไปเซ็นสัญญาจ้างฉบับนั้นแน่นอน”
“แต่คุณก็เซ็นไปแล้วนี่ครับ คุณก็รู้ว่าผมมีอำนาจอยู่ในมือ แค่กระดิกนิ้วสิ่งที่ผมต้องการก็จะถูกใส่พานมาวางไว้ตรงหน้า”
“ทำตัวยังกับบรรพบุรุษให้คนอื่นคอยบูชา” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ให้พลุ่งพล่านจนเกินไป
“ผมยังไม่ตายครับคุณภรรยา”
“นั่นมันอดีต!” เธอตวาดพลางจ้องหน้าเขาเขม็ง เมื่ออีกฝ่ายกำลังจงใจปั่นหัวเธอ
“ปัจจุบันในทางพฤตินัยคุณก็ยังคงเป็นภรรยาของผม”
“ไปความมั่นใจมาจากไหน คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงอยู่เหนือคนอื่นได้ตลอดเวลา เอ๊ะ! หรือว่าเป็นเทพเจ้าองค์ไหนเหรอ... ชิ!” เขมมิกาเบ้ปากมองบนด้วยความท้าทาย เธอไม่คิดว่าเขาจะใช้ไม้ตายหลอกล่อให้ขึ้นเขาไปด้วยกัน
“ผมอาจจะไม่ใช่เทพเจ้า แต่ผมคือเทพบุตรที่ถูกกำหนดมาให้ปกป้องและดูแลคุณกับลูกต่างหากละครับ”
“น้ำเน่า!”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงคนเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทำให้คนทั้งคู่หันไปมอง ซึ่งเป็นจังหวะที่ญานินเปิดประตูเดินเข้ามาพอดี
“ศาสตราจารย์ค่ะ อุ้ย! ตายแล้ว ขอโทษนะคะไม่คิดว่ามีแขก” หล่อนปรายหางตามองเขมมิกาด้วยท่าทีรังเกียจ
“ฉันคุยธุระเสร็จแล้วขอตัวนะคะ”
“เชิญครับ” ศาสตราจารย์หนุ่มไม่อยากมีปัญหากับญานิน เพราะเขาห่วงความปลอดภัยของเขมมิกา จึงอนุญาตให้เธอเดินออกไปจากห้องทันที ซึ่งในทางกลับกันหญิงสาวเองก็คิดว่าอดีตสามีของเธอคงต้องการเวลาส่วนตัวกับญานิน
“ผมมีธุระต้องเข้าบริษัท ไม่ทราบว่าอาจารย์มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” เขาพูดออกมาราวกับรำคาญ อยากหนีให้พ้นหล่อนเต็มที ถ้าหากไม่ถูกบิดาของญานินขู่เรื่องความปลอดภัยของเขมมิกากับลูก ป่านนี้เขาคงจัดการสองพ่อลูกนี้ไปแล้ว
“ทำไมปีนี้ต้องเป็นผู้หญิงคนนั้นล่ะคะ”
“คำถามนี้ผมไม่จำเป็นต้องตอบใคร ขอตัวนะครับ”
“ศาสตราจารย์ค่ะ ศาสตราจารย์ กรี๊ด!” ญานินถึงกับฟิวส์ขาดร้องตามหลังศาสตราจารย์หนุ่มออกไปอย่างไม่อายใคร แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจ เพราะได้ขับรถออกไปจากมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว
จุดมุ่งหมายของเขาคือบริษัท เพราะนทีได้ข้อมูลที่สามารถเอาผิดรองอธิการบดีฐานินได้แล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่ามันจะมากพอหรือเปล่า ถ้าหากจะจัดการกับอดีตมาเฟียก็ต้องทำอะไรให้รัดกุม ไม่อย่างนั้นลูกกับภรรยาของเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้
“นี่ครับบอสหลักฐานส่วนหนึ่งที่หามาได้”
“ส่งคนไปคุ้มกันลูกกับเมียฉันด้วย”
“ครับบอส โชคดีที่คุณเขมมิกาให้คุณมาลิครับรองบุตร ไม่อย่างนั้นคุณหนูมิราคงตกอยู่ในอันตรายนับครั้งไม่ถ้วนไปแล้ว”
“เขารู้ว่าจุดอ่อนของฉันคือเขมมิกา ฉันจึงต้องพาเธอไปด้วย”
“ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะครับ ผมคิดว่ารองอธิการฐานินไม่วางมือแน่”
“ฉันอยากจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”
“รองอธิการฐานิน ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจสีเทา เขาใช้หน้าตาทางสังคมสร้างความเชื่อถือให้กับสังคม เบื้องหลังมีทั้งฟอกเงินและนำเข้าสินค้าหนีภาษีหลายอย่าง”
“หลักฐานการฟอกเงินสำคัญมาก ยังไงก็อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”
“ตอนนี้ผมกำลังส่งคนไปจับตามอง บอสไม่ต้องห่วงนะครับยังไง คนผิดก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย”
“เก็บหลักฐานให้ดี อย่าให้เขาหลุดไปได้ ไม่อย่างนั้นลูกกับเมียของฉันจะไม่ปลอดภัย เขมมิกาคงไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย”
“ไม่ต้องห่วงครับบอส ยังไงผมก็ไม่ปล่อยให้คนชั่วลอยนวล”
“ฉันก็หวังว่าครั้งนี้จะไม่ผิดพลาดอีก”
“ไม่ผิดพลาดแน่นอนครับ”
“อย่างน้อยต้องขอบคุณมาลิคที่รับรองบุตรให้กับเขมมิกาไม่อย่างนั้นชีวิตของมิราคงต้องตกอยู่ในอันตรายมากไปกว่านี้” ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศยังคงไม่วางใจเรื่องความปลอดภัยของลูกสาวกับภรรยาของเขา เพราะคนอย่างรองอธิการฐานินไม่มีทางหยุดแค่นี้แน่
“ช่วงที่บอสกับคุณเขมมิกาออกเดินทางไปต่างจังหวัดมาลิคกับคุณเนเน่จะคอยดูแลคุณหนูมิราเป็นอย่างดี บอสวางใจได้เลยครับ”
“ยังไงก็อย่าประมาทดีกว่า เอาบอดี้การ์ดฝีมือดีคอยคุ้มกันมิราอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด”
“ครับบอส” เมื่อนทีรับปากจึงทำให้เขาสบายใจขึ้นมาในระดับหนึ่ง ถึงแม้ยังไม่สามารถเปิดเผยความสัมพันธ์นี้ได้ แต่เขาก็เชื่อว่าลูกสาวตัวน้อยต้องเข้าใจ ที่พ่อของเธอต้องทำแบบนี้
////////
เมื่อรู้ว่าตัวเองต้องออกเดินทางไปต่างจังหวัดหลายวัน เขมมิกาจึงพามิรามาซื้อของใช้ที่จำเป็น โดยมีมาลิคเป็นคนขับรถให้กับเธอ สามคนเดินชอปปิงอย่างเพลิดเพลิน
ก่อนจะเจอกับทับทิมด้วยความบังเอิญ บทสนทนาระหว่างพวกเขานั้น กำลังกลายเป็นจุดสนใจของคนที่แอบฟัง หล่อนแสยะยิ้มร้ายมุมปากอย่างผู้มีชัยชนะ
“เนเน่เอ๊ย! ยังไงแกก็แพ้ฉันวันยังค่ำ ที่แท้เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงอีกคนที่คุณมาลิคแอบซ่อนเอาไว้สินะ” ทับทิมพูดออกมาเบา ๆ ด้วยแววตาเย็นเยียบดุจน้ำค้างชวนหนาวสั่นสะท้าน แต่แฝงความร้อนระอุไว้ในดวงตาคู่สวย ประหนึ่งเป้าหมายของหล่อนกำลังจะถูกต้อนให้จนมุม
“สวัสดีค่ะคุณเขมมิกา คุณมาลิค”
“ทับทิม!” เขมมิกาตกใจเล็กน้อย เพราะเธอไม่คิดว่าจะเจอกับผู้หญิงอย่างทับทิมที่นี่ หล่อนใจร้ายกับเนเน่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“แด๊ดดี้ขา... มิราขอซื้อขนมไปฝากคุณลุงด้วยได้ไหมคะ... นะคะคุณแม่” มิราถือกระปุกคุกกี้เดินเข้ามาพลางใช้น้ำเสียงออดอ้อนปนขอร้องอยู่ในที
“แม่บอกแล้วไงห้ามไปบ้านหลังนั้นอีก”
“ไม่เอาน่าเขม... มิราอยากได้อะไรหยิบได้เลยครับ”
“มาลิค” เธอพูดเอ็ดเขาออกไป เพราะชายหนุ่มชอบตามใจมิรา
“แหม... ครอบครัวดูน่ารักดีนะคะ” คราวนี้ทับทิมได้พูดแขวะหญิงสาวด้วยท่าทีเย้ยหยัน เพราะหล่อนแอบเสียดายที่มาลิคถูกผู้หญิงอย่างเขมมิกาฉกไป
“ก็อบอุ่นดีค่ะ”
“ระวังงูพิษที่เลี้ยงเอาไว้บ้างก็ดีนะคะ บางทีความไว้ใจก็อาจทำให้ต้องเสียคนข้างกายไปก็ได้”
“ขอบคุณนะคะสำหรับความหวังดี”
“เพื่อนรักแอบแซบสามีเพื่อนรู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
“พูดบ้าอะไรของเธอ เราไปกันเถอะค่ะมาลิค” ดูเหมือนเขมมิกาจงใจ อยากทำให้ทับทิมสัมผัสได้ถึงสิ่งที่หล่อนเคยทำไว้กับเนเน่บ้าง บางทีการการอยากเอาชนะของหล่อนอาจนำมาซึ่งความพ่ายแพ้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศเรียกเขมมิกาไปพบเขาที่ห้อง เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปทำกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกปี ทว่าในปีนั้นต้องขึ้นดอย เพื่อนำอุปกรณ์กีฬารวมทั้งเครื่องเขียนต่าง ๆ ไปมอบให้กับทางโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ “ที่ผมเรียกคุณมาพบ เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้าเดี๋ยวผมจะขับรถไปรับที่บ้าน” “บุคลากรในมหาลัยมีตั้งมากมายทำไมต้องเป็นฉันล่ะคะ” หญิงสาวชักสีหน้าใส่เขาด้วยความไม่พอใจ“มันเป็นระเบียบของทางมหาลัย อาจารย์คนใหม่ต้องไปช่วยสังคมกับผม” “ใช้ตรรกะอะไรคะเนี่ย บ้าชัดๆ” เขมมิการู้ดีว่าเธอกำลังถูกมัดมือชก ทว่าศาสตราจารย์หนุ่มกลับแสยะยิ้มร้าย เมื่อเขากำลังต้อนให้เธอจนมุมได้ “คุณกลับไปเตรียมตัวเถอะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้า” “ใครบอกว่าฉันจะไปกับคุณ” ความพยศของเขมมิกายังคงแสดงทีท่าไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาง่าย ๆ“ที่นี่ผมคือผู้บริหารสูงสุด ถ้าคุณกล้าปฏิเสธจะฉีกสัญญาทิ้งก็ได
เวลาผ่านไปคนทั้งคู่ได้กลับมาถึงคอนโดมิเนียมหรู พอเดินเข้ามาในห้องนอนเนเน่ตัดสินใจถามมาลิคเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นั้นอีกครั้ง ซึ่งพ่อบุญธรรมของเธอคงกำลังกลัดกลุ้มใจ ส่วนมาลิคเองก็เสียผลประโยชน์อยู่เช่นกัน “คุณไม่เปลี่ยนใจแน่นะคะ” “พวกเขาเคยทำอะไรไว้กับคุณบ้าง ผมจะเป็นคนตามคิดบัญชีให้คุณเองเนเน่” ครานี้ดวงตาของมาลิคแฝงไปด้วยร่องรอยเย็นเยียบจนชวนให้หนาวสะท้าน รอบกายแผ่รังสีคุกคามอำมหิตออกมา เมื่อเขาโกรธแค้นคนในบ้านหลังนั้นแทนภรรยา “คุณคือสามีแห่งชาติชัด ๆ” หญิงสาวพูดพลางเขย่งปลายเท้า ก่อนจะโน้มริมฝีปากเข้าไปกดจูบชายหนุ่มด้วยความดูดดื่ม เมื่อคนตัวเล็กเปิดโอกาสให้เขาได้สัมผัสกับรสจูบแสนหวาน มาลิคไม่รอช้าเขาตอบสนองเธอด้วยความเต็มใจ ปลายลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของเธอ “อืม... อื้อ
ณ ห้องอาหารสุดหรู เนเน่เดินเข้ามาพร้อมกับมาลิค ทว่าสามีของเธอเจอเพื่อนเก่าพอดี จึงให้หญิงสาวเดินเข้าไปข้างในก่อน เพราะเขามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเพื่อนสักครู่ พอหญิงสาวเดินเข้ามาถึง เธอถึงกับชะงักเมื่อเห็นสองพ่อลูกกำลังพูดถึงท่านประธานหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นสามีของเธอ ซึ่งดูเหมือนทับทิมกำลังคิดจะเป็นศัตรูหัวใจกับเนเน่อย่างไม่รู้ตัว “คุณมาลิคทั้งหล่อทั้งรวยเขาโสดแน่นะคะ ทับทิมแอบปลื้มเขามานาน คุณพ่อคิดว่าคุณมาลิคชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอคะ” หล่อนจีบปากจีบคำตั้งคำถามกับบิดาอย่างไม่มีท่าทีเขินอายเลยสักนิด “พ่อได้ข่าวว่าคุณมาลิคเพิ่งมารับช่วงต่อจากประธานคนเก่า แต่ก็ไม่เคยได้ยินคนวงในพูดถึงภรรยาเขาเลยนะ” นายประจักษ์นักธุรกิจผู้มั่งมั่งกล่าวถึงอีกฝ่ายด้วยความชื่นชม เขายังแอบคิดในใจอยากได้มาลิคมาเป็นลูกเขยอีกด้วย
เมื่อสองแม่ลูกกลับไป เขมมิกาพยายามคิดหาทางพูดกับศาสตราจารย์ปรเมศ เธอไม่อยากให้เขาได้เข้าใกล้มิรา ทว่าที่ฟังจากลูกสาวเล่ามานั้น เขามีอิทธิพลต่อจิตใจของลูกสาวเธอไปแล้ว คุณลุงข้างบ้านที่มิราพูดถึงบ่อย ๆ ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง “คิดจะเปิดศึกคงอยากเล่นสงครามประสาทกับฉันสินะศาสตราจารย์ปรเมศ” คราวนี้เขามิกาพูดพลางกำหมัดแน่น ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินตรงไปที่บ้านของเขาทันที “คุณพ่อขา...อันนี้ล่ะคะ” “มาเดี๋ยวพ่อช่วยนะ” สองพ่อลูกกำลังช่วยกันสร้างปราสาทเจ้าหญิง ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศจะมีมุมอ่อนโยนละมุนขนาดนี้ เมื่อมาถึงบ้านของคู่กรณี เขมมิกายืนมองคนทั้งคู่ด้วยแววตาสุดแสนเจ็บปวด เธอไม่อยากทำลายความรู้สึกของมิราที่มีต่อเขา แต่จะให้ปล่อยผ่านไปได้อย่างไร ในเมื่อศาสตราจารย์หนุ่มเป็นคนออกคำสั่งให้เธอกำจัดมิราด้วยตัวเอง
หลังจากการวางยาเขมมิกาไม่สำเร็จ ทำให้รองอธิการฐานินโกรธมาก เขาไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยอาจารย์สุชาติ ปล่อยลอยแพเขาไปกับโชคชะตาแสนโหดร้าย “ท่านจะไม่ช่วยเขาจริง ๆ เหรอครับ” มือขวาของชายสูงวัยเอ่ยขึ้น หลังจากรู้ว่าอาจารย์สุชาติกำลังจะถูกส่งตัวออกนอกประเทศ “มันทำงานไม่สำเร็จก็สมควรโดนแล้วไม่ใช่เหรอ” “แต่เขายังมีภรรยากับลูกชายเพิ่งคลอดได้ไม่ถึงเดือนนะครับท่าน” “พูดแบบนี้หรือว่าแกอยากเป็นคนถูกส่งออกนอกประเทศเสียเอง” “ปะ... เปล่าครับท่าน” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธออกไปทันควัน เพราะไม่เช่นนั้นเขาอาจโดนหางเลขไปด้วย“คุณพ่อขา... วันนี้ญาไปหาศาตราจารย์ปรเมศ แต่ก็ไม่เจอถามแม่บ้านก็ไม่ได้คำตอบ ญาโทรหาเขาจนสายจะไหม้เขากลับไม่รับสาย สรุปแล้วเขาเห็นญาเป็นตัวอะไรคะคุณพ่อ” ญานินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ผู้เป็นบิดา พลางบีบน้ำตาร้องไห้ออกมา เมื่อผู้ชายที่หมายปองไม่ยอมแม้แต่จะกดรับสายหล่อน “เขาคงยุ่งอยู่น่ะ”
ณ เวลานี้ มาลิคกำลังวุ่นวายอยู่กับงานที่บริษัท จึงทำให้เขาไม่มีเวลามากพอที่จะไปส่งสาวน้อย หน้าที่นี้จึงต้องตกไปอยู่กับภรรยาของเขา หลังจากไปส่งมิราที่โรงเรียน เนเน่ขับรถตรงมายังบริษัทที่เพิ่งรับเธอเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยนักออกแบบ ซึ่งมีบรรจุภัณฑ์หลากหลายชนิดให้เลือก บรรดาลูกค้าต่างไว้วางใจในความประณีตและใส่ใจของนักออกแบบ ซึ่งเนเน่ไม่รู้ว่าประธานบริษัทคือมาลิค เธอไม่สงสัยเขาเลยสักนิด เพราะคิดว่าชายหนุ่มเป็นเพียงพนักงานบริษัท ตำแหน่งของเขาคงไม่ใหญ่โตอะไร แน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจ เพราะหญิงสาวรักเขาที่เป็นมาลิคไม่ใช่ชื่อเสียงเงินทอง “เนเน่ทำไมมาช้าจัง ผมรอคุณอยู่ตั้งนาน” “อ้าว! ทำไมไม่ขึ้นไปก่อนล่ะคะ” “ผมขึ้นไปแล้ว แต่ก็กลับลงมารอคุณมิรางอแงไหม” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง ให้กับการเอาใจใส่ของสามี เขานั้นช่างแสนดีเป็นเทพบุตร







