LOGIN“อ๋อ! อันนี้ให้ผมเหรอ?” เจมีไนน์ก้มลงมองเหรียญในมืออย่างสนใจ รอยยิ้มบางคลี่ออกบนใบหน้าคมสัน
“ใช่ค่ะ... ศาลเจ้าจัดทำไว้แค่ 299 ชิ้น แล้วนี่ก็เป็นชิ้นสุดท้ายพอดีเลยนะคะ” มือบางยื่นเหรียญระลึกให้อีกครั้ง พลางหลบตาคมกริบอย่างเงอะงะ แก้มแดงระเรื่อคล้ายลูกแมวที่เพิ่งถูกลูบหัว
“ขอบคุณนะคะ” น้ำเสียงนุ่มนวลของชายรูปงามพร้อมรอยยิ้มจริงใจ ดวงตาประกายด้วยความเอ็นดู
“วันนี้โชคดีจริง ๆ หลังจากนี้ผมคงมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาแล้วสิ”
“เอ่อ... แล้วก็…ขอรบกวนคุณผู้ชายช่วยเช็คอินที่ศาลเจ้าด้วยนะคะ เปิดเป็นสาธารณะได้ไหมคะ เรากำลังโปรโมตให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวของพังงา... เผื่อจะเป็นจุดแวะก่อนเข้าภูเก็ตด้วยน่ะค่ะ”
“ได้เลย เดี๋ยวผมจะแนะนำกับคนรู้จักด้วย” เขารับคำโดยไม่ลังเล ยิ้มให้ปรมาอีกครั้งอย่างใจดี
“เอ่อ...คือ ไม่ทราบว่าคุณมาเที่ยวพังงาเหรอคะ?”
“บ้านผมอยู่ภูเก็ตครับ จริง ๆ เคยมาที่นี่เมื่อนานมาแล้ว...น่าจะสักยี่สิบหกปีได้” ความทรงจำเก่า ๆ ผุดวาบขึ้นมาในหัว เจมีไนน์จำได้ดีเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยมาที่นี่กับผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิต…อังศุมาริน
“โห! ตอนนั้นถิงยังไม่เกิดเลยค่ะ”
สาวน้อยหัวเราะเขิน ๆ เผลอแทนตัวด้วยชื่อเล่นโดยไม่รู้ตัว แต่มันกลับทำให้บรรยากาศดูเป็นกันเองอย่างน่าประหลาด
“ชื่อถิงเหรอ? ลุงชื่อเจมส์นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เขาแกล้งเน้นเสียงคำว่า ลุง พร้อมหัวเราะเบา ๆ
“ค่ะ...ลุงเจมส์—เอ๊ะ?! ลุงเหรอคะ? ใช่จริงเหรอ”
ปรมามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่มีวี่แววของร่องรอยวัยเลยแม้แต่นิดเดียว หน้าเนียน ผิวดี หุ่นแน่นเหมือนนายแบบวัยสามสิบต้น ๆ มากกว่า
“ยังไง...คราวหน้าเรียนเชิญใหม่นะคะ ลุงเจมส์” เธอเน้นคำว่า ลุง คืนบ้าง พร้อมส่งยิ้มทะเล้นกลับไป
ตามคาด... อินสตาแกรมของศาลเจ้าได้รับการเช็คอินพร้อมภาพถ่าย และไม่กี่นาทีต่อมา โปรไฟล์ของเขาก็ปรากฏบนฟีดของเธอ:
gemini_dylan
World class and champion Bartender
🇦🇺/🇨🇳 Aussie-Chinese man
Uncle!
DM for work. WORK ONLY PLZ!
“เจมีไนน์เหรอ... งั้นชื่อจริงของลุงเจมส์คือเจมีไนน์สินะ... แปลว่าราศีมิถุน?” ปรมาพึมพำขณะไถหน้าจอผ่านรูปภาพและคลิปวิดีโอของเขาทั้งตอนทำโชว์บาร์เทนเดอร์และโชว์ซิกแพ็คระหว่างเวทเทรนนิ่ง
รูปล่าสุดคือเหรียญที่ระลึกวางบนฝ่ามือยาว ฉากหลังเป็นศาลเจ้าปึกกง พร้อมแคปชันว่า:
“Make A Merit!”
ปรมากดหัวใจ ส่งคอมเมนต์ว่า:
“ขอบคุณมากค่ะ 🙏✨” แล้วก็กดติดตามเขาโดยไม่ทันคิดอะไร
ไม่ถึงครึ่งวัน...
เจมีไนน์ติดตามเธอกลับ พร้อมตอบกลับคอมเมนต์ว่า:
“ยินดีค่ะ”
“ตอบเป็นภาษาไทยเป๊ะเลย... ลุงเจมส์เป็นคนไทยปลอมตัวเป็นคนต่างชาติหรือเปล่านะ?” ปรมาอดหัวเราะเบา ๆ กับตัวเองไม่ได้
………………..
‘ถ้าเล่าให้หมอฟังโดนหาว่าเพ้อเจ้อแน่ ๆ ไอ้ตาลเอ๊ย’ ร่างบางปรือเปลือกตาคู่งาม ยกแขนเอี้ยวตัวบิดขี้เกียจ อ้าปากหาวอย่างไม่อายหมอกับพยาบาลมารุมตรวจร่างกาย
อัยยาลิณณ์มองปฏิทินจึงทำให้รู้ว่ารอบนี้เธอหลับเกือบ 6 วันเลยทีเดียว แต่คราวนี้อยากลงตัวนอนหลับแล้วกลับไปที่เดิมยังไงก็ไม่รู้สินะ หลังออกจากโรงพยาบาลคนที่บ้านจะเชิญหมอทำขวัญมาทำพิธีรับขวัญเหมือนทุกครั้ง ข้อมือสองข้างของเธอจึงเต็มไปด้วยสายสิญจ์ ส่วนกับข้าวเย็นนี้คงหนีไม่พ้นเมนูไข่ต้มจากพิธีเช่นเคย
“วันนี้กินยำไข่ต้มกันนะพวกเรา” บิดาวางจานกับข้าวลงบนโต๊ะอาหาร
“รอบนี้คุณหมอว่าไงบ้างล่ะตาล”
“ก็…เหมือน ๆ ทุกครั้งน่ะแหละแม่ ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” เธอเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ จนแก้มป่อง
“งั้นก็กินเยอะ ๆ แล้วกัน ดูสิ ทำไอเอฟมาตั้งห้าวัน หุ่นลีนไปอีก” อธิพงษ์ผู้เป็นน้องชายและโค้ชดูแลสุขภาพพูดแซวพี่สาว
ถ้าพี่สาวชื่อขนมตาล น้องชายจะชื่อเป็นอื่นไม่ได้นอกจากขนมต้ม
ผู้ใหญ่ในซอยบ้านจะเรียกติดปากว่า ‘ไอ้ตาลกับไอ้ต้ม’ หรือไม่ก็ ‘ไอ้รักกับไอ้ยม’ กุมารคุมซอย
“แม่ว่ายังดีนะที่ธันวาทำงานในแผนกนั้นพอดี เลยฝากให้เป็นหูเป็นตาแทนได้ นี่ถ้าเขาไม่ติดเข้าเวร แม่จะชวนมาเลี้ยงข้าวขอบคุณสักหน่อย” มารดากล่าวถึงนักเทคนิคการแพทย์รุ่นพี่ที่เรียนโรงเรียนเดียวกับลูก ๆ ที่สำคัญบ้านยังอยู่ละแวกเดียวกันเห็นหน้าค่าตากันมาแต่เด็กจึงสนิมสนมหมือนญาติ
“พี่ธันปีนี้ก็สามสิบแล้วนะยังโสดอยู่เลย เป็นเกย์หรือเปล่า ดูติ๋ม ๆ เหนิบ ๆ มาแต่ไหนแต่ไรละ รอเปิดตัวหรือเปล่าไม่รู้”
“ไอ้ต้มแกอย่าบู้บี้สิยะ คนเรียบร้อยต้องเป็นเกย์ทุกคนเลยเหรอ อีกอย่างคนสมัยนี้เขาเน้นอยู่เป็นโสดไม่แต่งงานกันย่ะ แกนี่หัวโบราณนะ” อัยยาลิณณ์หันมาแหวใส่ แต่อธิพงษ์รู้ดีว่าทำไมพี่สาวถึงดูเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องทำนองนี้นัก
“อยากหาเพื่อนขึ้นคานแบบตัวเองล่ะสินะ ยี่สิบแปดแล้วนะ เบาได้เบานะเมียทิพย์ดาราเกาหลี”
“เอาสมองหมู ๆ คิดบ้างสิโว้ย ผู้ชายคนไหนจะยอมรับสิ่งที่ฉันเป็นได้วะไอ้ต้ม วันดีคืนดีเกิดฉันหลับยาวไป มันฉวยโอกาสไปมีเมียน้อยกันพอดี” อีกอย่างความคลั่งไคล้ไอดอลเกาหลีทำให้เธอไม่เคยสนใจหนุ่ม ๆ คนไหน
เรียกว่าหน้าตาไม่เทียบเท่าดาราขวัญใจแม่ก็ไม่เอาทำผัว!
ก่อนเข้านอนคืนนั้นอัยยาลิณณ์อดนึกถึงคนทางไกลไม่ได้
“หมอเจย์กำลังทำอะไรอยู่นะ หัวค่ำแบบนี้น่าจะเข้าเวรแหละ ส่วนเราก็ทำขนมตาลกับขนมต้มรอขายพรุ่งนี้เช้า สู้โว้ย!” มันคือของดีที่อยู่คู่กับร้านข้าวแกงตาล – ต้มมานาน
‘พี่ธันก็นะ เรียนจบสายวิทย์ ทำงานสายวิทย์ ทำไมยังเชื่อว่าผีมาตามเอาชีวิตตาลอยู่ได้’ อัยยาลิณณ์เคยพูดไว้เมื่อนานมาแล้ว
โรคหลับลึกจะเกิดจากการเล่นพิเรนท์ในคราวนั้น?
ธันวาและพรรคพวกไปลองดีในบ้านร้างที่ลือว่าเคยมีคนฆ่ากันตาย เขาท้าให้อัยยาลิณณ์ไปหยิบตุ๊กตานางรำในบ้านเพื่อแลกเงินทุกอย่างผ่านไปด้วยดีที่สำคัญไม่มีใครเจอเหตุการณ์แปลก ๆ
ทว่ารุ่งขึ้นอัยยาลิณณ์นอนไม่ตื่นถึง 4 วันเต็ม ๆ ความจริงก็คือบ้านหลังนั้นไม่มีประวัติน่ากลัวอย่างที่ร่ำลือ ตุ๊กตานางรำก็เป็นของใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเพื่อสร้างบรรยากาศ
อันที่จริงอัยยาลิณณ์เริ่มมีอาการแปลก ๆ มาได้สักระยะแล้ว มันไม่เกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ
แต่ธันวายังโทษตัวเองเรื่อยมา
ธันวามองว่าการเป็นเจ้าหน้าที่ในโครงการวิจัยคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะดูแลเธออย่างใกล้ชิดโดยหวังว่าวันหนึ่งอัยยาลิณณ์จะเข้าใจและยอมเปิดใจให้เขาบ้าง หลังเคยสารภาพรักแต่ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า…
ไม่เคยคิดเกินคำว่าพี่ชาย
ชายหนุ่มขยับแว่นใสให้กระชับใบหน้าหวานแบบหนุ่มเมืองเหนือ เรือนผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเล็กน้อยปรกหน้าผากได้ลุควันหยุดสบาย ๆ ในฐานะลูกค้าประจำของข้าวแกงตาล – ต้ม
“วันนี้น้าแถมให้นะธันวา ขอบใจที่อุตส่าห์ดูแลลูกน้านะ”
“ขอบคุณครับน้าแอน อันที่จริงธันก็แค่เข้ามาดูกราฟบนเครื่องวัดเท่านั้นเอง คนที่ดูแลขนมตาลหลัก ๆ จะเป็นพี่พยาบาลน่ะครับ ธันไม่ค่อยได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ แหะ ๆ” ธันวายกมือไหว้ขอบคุณแทบไม่ทันพลางยกยิ้มจนตาหยีปิดด้วยความเคอะเขิน
“เอาน่าพวกน้าก็ถือว่าธันช่วยดูแลก็แล้วกัน” นางรู้สึกเสียดายที่ลูกสาวไม่ได้ชอบพอกับหนุ่มคนนี้ คนอะไรเรียนก็เก่ง หน้าตาก็ดี หน้าที่การงานก็เริ่ดเพราะงั้นจึงมีแต่คนอยากได้ธันวาเป็นลูกเขย
“พี่ธันกินอะไรเป็นอาหาร” อัยยาลิณณ์ตะโกนทักทายจากหลังร้านก่อนจะโผล่หน้ามาทักทาย
กินอะไรเป็นอาหาร…ถามเหมือนสารคดีสัตว์โลกน่ารักไม่มีผิด
“วันนี้วันพระ พี่เลยกินผักกินหญ้าจ๊ะ” หมายถึงกินมังสวิรัสทุกวันพระ~หล่อแล้วจิตใจงามอีกนะพ่อคุณ
“ตาลยุ่งอยู่เปล่า พอดีอาจารย์ฝากมาติดตามผลน่ะ”
“มีอะไรน่ากังวลเหรอพี่ธัน” อัยยาลิณณ์เสร็จงานพอดีก็มาทรุดนั่งตรงข้ามกับธันวา
“จริง ๆ ไม่ถือว่าน่ากังวลนะ แต่น่าสนใจตรงนี้” เขากางแผ่นกระดาษแสดงค่ากราฟให้เธอดู เหมือนจะมีบางอย่างแตกต่างจากครั้งก่อน
“ก่อนหน้ายังดูเรียบ ๆ นะ แต่มันพุ่งขึ้นไปแล้วลดลงมาเท่าเดิมมันคือคลื่นสมองของคนตกใจน่ะ มันเกิดขึ้นหลายครั้งเลยนะ แถมคาดเดาไม่ได้ด้วย”
“อ๋อ สงสัยตาลฝันละมั้ง” ดูจากช่วงเวลาและวันที่ก็รู้เลยว่าคงเป็นตอนที่เจอจักรทัศน์ครั้งแรกแล้วโดนกล่าวหาว่าบุกรุกห้องรวมถึงเหตุระทึกที่ห้องตรวจคืนนั้น
“มันไม่เคยเป็นนี้มาก่อนน่ะสิ ตาลบอกว่าตอนหลับลึกก็ไม่เคยฝันด้วย อาจารย์สนใจความเปลี่ยนแปลงนี้นะ เพราะคนที่ฝันคือคนหลับไม่ลึก” ที่ผ่านมาอัยยาลิณณ์ไม่เคยฝันเลยสักครั้ง มันก็แค่มืดลงแล้วตื่นขึ้นมาก็เท่านั้น
“แปลว่าภาวะหลับลึกอาจจะค่อย ๆ ดีขึ้นใช่มั้ยพี่ธัน” ดวงตาคู่งามส่องประกายความหวังเป็นข่าวดีาสำหรับเธอ ส่วนธันวาพยักหน้ารับนิ่ง ๆ
“เป็นแค่สมมติฐานเบื้องต้นนะ เดี๋ยวอาจารย์คงเรียกไปถามเพิ่มเติมน่ะ” รุ่นพี่หลบสายตาจากอัยยาลิณณ์ขณะยกน้ำขึ้นมาจิบและเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
แต่จะให้ตอบยังว่ามันไม่ใช่ความฝัน
เพราะเมื่อเอาชื่อคนและสถานที่ไปหาในอินเทอร์เน็ตปุ๊บก็เจอปั๊บ โดยเฉพาะจักรทัศน์และพี่สาวฝาแฝดก็เป็นถึงทายาทหมื่นล้านแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์เลย
“ตาลจะได้เจอหมอเจย์อีกมั้ยนะ” อัยยาลิณณ์บ่นหาแต่นิ้วลั่นกดติดตามมนุษย์ลุงรูปหล่อ gemini_dylan ไปแล้ว
ฮัดชิ้ว!
คนที่อยู่ห่างออกไป 1,600 กิโลเมตรลูบปลายจมูกเบา ๆ ระหว่างเดินตรวจคนไข้ในหอผู้ป่วย
บาร์รูฟท๊อปที่คืนนี้เต็มไปด้วยแสงไฟอบอุ่นและเสียงเปียโนคลอเบา ๆ เจมีไนน์ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ในสูทสีดำเข้ารูป เงาสะท้อนในแก้วคริสตัลทำให้ใบหน้าคมเข้มของเขาดูอ่อนกว่าที่เป็นจริงนิดหน่อย เขายิ้มต้อนรับลูกค้าเหมือนเช่นทุกคืน แต่สายตากลับสะดุดกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาหนุ่มคนนั้นอายุราว 26 – 27 ปี หน้าตาคมคายเหมือนจะเคยเห็นผ่านจอทีวีหรือบทสัมภาษณ์ทางออนไลน์ ที่สำคัญแววตาของเขายามสบกับตนมีแววเขินอายเล็ก ๆ จนคนที่ผ่านโลกมามากอย่างเจมีไนน์ยังเผลอหัวใจสะดุด“สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณผู้ชาย จะรับอะไรดีครับ?” บาร์ทนเดอร์หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงนุ่ม“เอ่อ…เอาเป็น เอ่อ อะไรก็ได่แก้วนึงครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มบางอย่างเก้ ๆ กัง ๆ คล้ายไม่คุ้นชินกับบรรยากาศบาร์หรู“ได้ครับ รบกวนรอสักครู่นะครับ”เจมีไนน์โชว์ลีลาการผสมเครื่องดื่มที่ใครเห็นก้ต้องหยุดมอง ครู่ต่อมาค็อกเทลสีอำพันจะถูกดันมาตรงหน้า หนุ่มใหญ่ยกยิ้มมุมปากพลางโน้มตัวลงเล็กน้อย แสงไฟนวลเหนือบาร์ทอดเงาบนกรอบหน้าคมเข้มที่แม้ผ่านกาลเวลามากว่า 50 ปี แต่ยังดูน่าหลงใหลไม่ต่างจากชายหนุ่มวัยกลางคนทั่วไปหรืออาจจะยิ่งกว่านั้น“ลองชิมดูสิครับ สูตรพิเศษคืนนี้
ปีแรกในนอร์เวย์คือการเดินทางที่โหดหินที่สุดของชีวิตอัยยาลิณณ์ที่นี่ไม่ใช่เชียงราย อุณหภูมิที่หนาวจัด การสื่อสารที่ไม่คล่องแคล่วและกระบวนการรักษาที่ซับซ้อนกว่ามาก ทำให้ทุกวันเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจทุกครั้งที่เข้าสู่การทดลองปรับคลื่นสมอง เธอต้องนอนในห้องแล็บสีขาวที่มีเครื่องมือรุงรังติดเต็มศีรษะ แสงไฟจ้าและเสียงเครื่องจักรดังต่อเนื่อง จนบางทีแอบน้ำตาไหลเงียบ ๆ ใต้ผ้าห่มแต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่เคยคิดถอย เพราะรู้ว่ามีใครบางคนที่เฝ้ามองจากแดนไกล[สู้ ๆ นะ ตาลเอ๊ย พ่อแม่กับต้มอยู่ตรงนี้เสมอ][อีกไม่นานนะตาล รอเจย์ก่อน]ข้อความจากครอบครัว เพื่อนฝูงและจักรทัศน์ในวิดีโอคอลคือกำลังใจสำคัญแม้บางคืนเธอจะหลับลึกไปโดยไม่ตั้งใจ แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าวิญญาณก็ไม่เคยหลุดจากร่างอีกเลย มันคือสัญญาณว่าการรักษากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง“อีกไม่นาน…เราจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติแล้ว” อัยยาลิณณ์พึมพำกับตัวเองพร้อมกับกำมือแน่นและทุกครั้งที่เหนื่อยล้า ภาพรอยยิ้มของเขาก็จะปรากฏขึ้นในความคิดเสมอหนึ่งปีเต็มหลังยื่นเอกสารขอทุนเรียนต่อ ชีวิตของจักรทัศน์คือการวิ่งวนระหว่างงานโรงพยาบาล การสอนรุ่นน้องแ
วันนี้คฤหาสน์วิวทะเลอันดามันของเจมีไนน์บรรยากาศคึกคักกว่าทุกครั้งเพราะมีนัดถ่ายภาพครอบครัวประทานชัยเซ็ตใหม่ภาพที่มีสมาชิกพร้อมหน้าอย่างแท้จริงกล้องตั้งอยู่บนขาตั้งหันหน้าออกไปทางวิวทะเลสีคราม เด็กชายวัยสามขวบอย่างขุนพลซึ่งเป็นลูกชายของพลพยัคฆ์วิ่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่หน้ากล้องทำเอาทุกคนเรียกหาด้วยความเอ็นดู เขาพยายามจะอุ้มแต่ก็โดนลูกชายดิ้นหนีเล่นซ่อนหากับคุณพ่อแทนสมาชิกใหม่อีกหนึ่งคนที่วัยเพียงหกเดือนในอ้อมกอดของคุณปู่สุดเฮี๊ยบอย่างเอื้อมพัฒน์ที่ประกาศกร้าวว่า…คืนนี้จะไม่เมาทำเอาทุกคนส่ายหัวพร้อมกัน“ขอบใจที่ให้ยืมบ้านจัดปาร์ตี้นะแดน” เมธากรพูด“ยินดีครับพี่เรย์”เจมีไนน์เองก็ไม่นึกว่าจะได้มีช่วงเวลานี้ ขณะยืนมองทุกคนด้วยแววตาอิ่มเอม หันไปมองไดอาน่าแล้วเหลือบมาทางหลานฝาแฝด จักรทัศน์กับเจนีนที่กำลังจัดแจงยืนบังแสงไฟให้พอดี เขาสูดลมหายใจลึกรู้สึกเหมือนฝันที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้“ในที่สุด…ก็ไม่ต้องใช้วิธีตัดต่อโง่ ๆ อีกแล้วเนอะ” เขาพูดพลางหัวเราะแห้ง ๆ แล้วสารภาพกับทุกคนว่าเคยหยิบภาพถ่ายจากคอนโดมาสแกนตัต่อดตัวเองลงไป เพื่อให้รู้สึกว่ามีส่วนอยู่ด้วยเจนีนที่นั่งแต่งหน้าเติมปากแดงอยู่ก็ร้อง
หนึ่งสัปดาห์สุดท้ายของอัยยาลิณณ์ก่อนเดินทางไปนอร์เวย์ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำไหลที่ไม่เคยหยุด ทุกวันเต็มไปด้วยการเตรียมตัว ทั้งด้านเอกสารและสภาพร่างกายเธอต้องจัดเก็บแฟ้มรายงานการรักษาที่ผ่านมาทั้งหมด เอกสารภาษาไทยที่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงหนังสือรับรองแพทย์ที่จักรทัศน์ช่วยประสานมาให้อย่างละเอียดบนโต๊ะทำงานเล็ก ๆ ในห้องนอนมีกองเอกสารที่เรียงเป็นตั้ง ๆ พร้อมปากกาไฮไลท์ที่ใช้เน้นข้อความสำคัญทุกคืนก่อนนอนเธอจะนั่งตรวจเช็กทีละหน้าเหมือนกลัวว่าจะตกหล่นอะไรสักอย่างในอีกด้านหนึ่ง อัยยาลิณณ์ก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ พ่อกับแม่แทบจะไม่ปล่อยให้ลูกสาวอยู่ห่างสายตา ทำอาหารโปรดให้แทบทุกมื้อ ตั้งแต่แกงฮังเลสูตรคุณแม่ ไปจนถึงข้าวซอยเนื้อที่พ่อภูมิใจนำเสนอบ่อยครั้งที่เธอนั่งหัวเราะทั้งน้ำตา เพราะรู้ดีว่าทุกจานคือความรักและความห่วงใยที่ครอบครัวอยากส่งมอบให้ก่อนที่จะจากบ้านไปไกลแสนไกลอธิพงษ์ก็คอยตามติดแทบตลอดเวลา ชวนพี่สาวดูหนัง ตัดต่อคลิปเล่น ๆ หรือแม้แต่เล่นเกมคอนโซลด้วยกันเหมือนสมัยเด็ก แม้จะเถียงกันหยอกล้อเหมือนเคย แต่ในแววตาของน้องชายก็เต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปิดไม่มิดคื
สองอาทิตย์เต็ม ๆ นับจากวันที่ส่งเอกสารชุดสุดท้ายไปยังนอร์เวย์ อัยยาลิณณ์ค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด อาการเหนื่อยล้าเมื่อเดินไม่กี่ก้าวลดลง กล้ามเนื้อที่เคยอ่อนแรงกลับมามีเรี่ยวแรงมากขึ้น แม้แพทย์จะยังย้ำว่าเธอควรใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง แต่อัยยาลิณณ์ก็รู้สึกเหมือนได้กลับมาหายใจเต็มปอดอีกครั้งส่วนจักรทัศน์ แม้งานโรงพยาบาลที่ภูเก็ตจะรุมเร้า ทั้งเวรกลางวันกลางคืน แต่เขาไม่เคยพลาดจะโทรหรือวิดีโอคอลหาอัยยาลิณณ์ บางวันคุยเพียงไม่กี่นาทีก่อนเขาเข้าเคสฉุกเฉิน บางวันคุยนานจนเสียงหัวเราะของเธอดังไปทั้งบ้าน เหมือนทุกวินาทีของวันไม่วุ่นวายเกินกว่าจะหาเวลาให้กันได้กระทั่งคืนหนึ่ง ที่ห้องพักแพทย์“หือ ใครอะ!?” จักรทัศน์สะดุ้งเฮือก เมื่อหันมาเห็นเงาคนยืนอยู่ข้างเตียง“ตาลไง จะใครเล่า” ร่างเล็กมือเล็กไขว้ไว้ด้านหลัง รอยยิ้มหวานส่งมาให้“อ๋อ ตาลเองเหรอ เอ่อ…อืม ๆ เดือนนึงแล้วสินะ” เขาดันร่างขึ้นจากที่นอนพร้อมใบหน้าสะลืมสะลือ แต่ยังจำรายละเอียดได้แม่น วันนี้ครบเดือนพอดี หลังการหลับยาวจนเข้าขั้นวิกฤตของเธอ“ไหน ๆ ตาลก็มาคือตาลมีเรื่องจะสารภาพน่ะ ตาลพูดกับหมอก็ไม่ได้ พูดที่บ้านไม่ได้ มันอึดอัดมากเลย”
“หน๊อย! ไอ้ฝรั่งมึง”จักรทัศน์สบถออกมาโดยลืมไปว่าพ่อตัวเองก็เป็นฝรั่งกว่าจะรวบรวมเอกสารได้ครบก็ปาเข้าไปเกือบสองสัปดาห์ ครอบครัวอัยยาลิณณ์ช่วยกันแทบทุกวัน ทั้งถ่ายเอกสาร เก็บแฟ้ม เรียงผลตรวจย้อนหลังตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอมีอาการ ทุกคนเห็นพ้องกันว่ามันยุ่งยากสิ้นดี แต่ถ้านี่คือความหวังเดียวที่จะช่วยให้เธอหายขาด ทุกคนก็ยอมกัดฟันสู้โชคดีที่ระหว่างนั้นอัยยาลิณณ์ไม่ได้หลับลึกเพิ่ม อาการยังทรงตัวเมื่อเอกสารครบ ทุกอย่างก็ถูกสแกนส่งไปศูนย์วิจัยนอร์เวย์ ทุกคนถอนหายใจโล่งอก คิดว่าต่อจากนี้ก็เหลือเพียงรอผลการพิจารณาเท่านั้นแต่แล้วอีเมลตอบกลับก็มาพร้อมรายการยาวเหยียด ทั้งรายละเอียดเพิ่มเติม หนังสือรับรอง และที่สำคัญที่สุดคือ หนังสือยืนยันจากผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเชียงราย ว่าอัยยาลิณณ์เข้ารับการรักษาที่นั่นจริงปัญหาคือผู้อำนวยการเดินทางไปสัมมนาต่างประเทศและกว่าจะกลับอีกก็เกือบสองสัปดาห์ จักรทัศน์อ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมาจนแทบขึ้นใจ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“นี่มันอะไรกันนักหนา…หรือพวกนั้นกำลังเล่นตุกติก”“ถ้าต้องรออีกสองอาทิตย์…ตาลก็รอได้” อัยยาลิณณ์ถอนหายใจเบา ๆ“สองอาทิตย์?” จักรทัศน์เงยหน้าขึ







