ตอนที่ 9
แบบฝันนั่งแท็กซี่มาบ้าน เมื่อลงจากรถก็พบแม่ของเธอยืนเท้าเอวจ้องเขม็งมองด้วยแววตาขึงขัง
“มานี่เลยนังลูกตัวดี” ยังไม่ทันก้าวเข้าไปในรั้วบ้าน ผู้เป็นแม่ก็รีบเดินเข้ามาจิกเส้นผมกลางศีรษะของเธอ แล้วลากเธอมาใกล้ตัว
“แม่! ฝันเจ็บนะ”
“ไม่ต้องทำเป็นสำออย เดี๋ยวนี้หัดทำตัวเหลวไหลนักนะ” เธอเงยหน้ามอง เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฝันไม่ได้ทำอะไรเลยนะแม่”
“พ่อแกเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว ว่าแกหนีไปกับผู้ชาย หน็อย งานการไม่ทำแต่หนีไปกับผู้ชายมันใช้ได้ที่ไหน!” ผู้เป็นแม่ว่าพลางเอามือทุบตีเข้าที่เนื้อตัวของเธอจนดัง
“โอ๊ย! ฝันเจ็บนะแม่ มันไม่ได้เป็นอย่างที่ไอ้ชั่วนั่นบอกเลย” เธอพูดทั้งน้ำตาแล้วปรายตามองคนขี้ฟ้องอย่างเคียดแค้น
“นี่แกกล้าด่าผัวฉันเหรอ” ฝ่ามือกระหน่ำทุบดีหนักกว่าเดิมจนผิวขาวขึ้นรอยแดงช้ำ
“ที่รักอย่าทำลูกเลยนะ” ถึงปากจะห้าม แต่กลับลอบยิ้มเยาะเย้ยเธอ ที่เธอบังอาจทำเขาเจ็บตัวแล้วหนีไปกับชายอื่น
“ดูสิคนที่แกด่า เขารักแกแค่ไหน เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ”
“แม่ก็ดีแต่ฟังมันพูด เมื่อไหร่แม่จะฟังฝันพูดบ้าง” เธอว่าทั้งน้ำตาไหลพราก
“จะให้ฉันฟังอะไรเด็กขี้โกหกอย่างแก ฮะ วันนี้ฉันจะตีให้แกหลาบจำเลย” แบบฝันหลับตารับชะตากรรมปล่อยให้น้ำตาไหลปลอบใจ ฝ่ามือของแม่ที่ง้างเตรียมทุบตี กลับถูกมือของใครบางคนรั้งไว้
“จะทำอะไร” เสียงเรียบอันคุ้นเคบเอ่ยขึ้นจนเธอเงยหน้ามอง
“แกเป็นใครมายุ่งอะไรด้วย” หญิงวัยกลางคันหันขวับจ้องมองด้วยความไม่เป็นมิตร
“ไอ้นี่แหละที่รักคนที่พาลูกเราหนีออกจากบ้านเมื่อวาน” พ่อเลี้ยงรีบชี้หน้าคนตัวสูงที่กำลังจับข้อมือของภรรยาตัวเองอยู่
“อ๋อ แกเองสินะที่พาลูกฉันเสียงานเสียการ”
เขาคราง หึ ในลำคอ
“นี่เธอต้องอยู่ในสภาพครอบครัวเส็งเคร็งขนาดนี้เลยเหรอ” เขาหันไปถามแบบฝันที่มองอยู่ไม่ไกล
“แกว่าใครเส็งเคร็งฮะ”
“ถ้าฉลาดมากพอน่าจะพอรู้นะ”
“แก!” เจ้าของบ้านตลาดลั่น เมื่อมือข้างขวาถูกอีกคนพันธนาการ จึงใช้มืออีกข้างง้างมือหมายจะตบหน้าคนที่ดูถูกพวกเธอ มือหนาคว้าข้อมือคนตรงหน้าได้ทัน แล้วออกแรงผลักจนคนอายุมากกว่าเซหงายไปข้างหลัง
“ไปกันเถอะแบบฝัน” เขาว่าแล้วคว้าแขนดึงเธอมาข้างตัว
“แกจะพาลูกฉันไปไหน” คนอายุมากกว่ายันตัวลุกขึ้น แม้จะรู้สึกเจ็บบริเวณบั้นท้ายที่เพิ่งล้มจุ่มพื้นก็ตาม
“ไปจากที่สวะอย่างนี้ไง”
“หน็อยแน่! ปล่อยมือลูกฉันนะ ฉันไม่ให้มันไป” แล้วคว้าแขนอีกข้างของแบบฝันมาทางตัวเอง
“โอ๊ยเจ็บ” เธอส่งเสียงร้อง คณิณรีบปล่อยแขนของเธออย่างอิสระ ทำให้ตัวของเธอเซไปทางด้านหลังของผู้เป็นแม่
“มันเป็นลูกของฉัน ฉันจะทำอะไรกับมันก็ได้” ว่าอย่างกับผู้ชนะ เขาไม่ได้ตอบโต้อะไร ทำเพียงหยิบปากกาจากกระเป๋าเสื้อมาขีดอะไรบางอย่าง แล้วโยนต่อหน้าเจ้าของบ้าน พ่อเลี้ยงหยิบกระดาษขึ้นมาดูก่อนจะอุทานเสียงสั่นตาโต
“สะสิบล้าน” ว่าพลางยื่นเช็คให้ภรรยาดู
“ถ้าไม่โง่จนเกินไปคงรู้ว่าต้องเอาไปทำอย่างไงต่อ” เขาว่าแล้วเข้าไปดึงตัวของแบบฝันออกมาข้างตน
“ต่อไปนี้ อย่ายุ่งกับเธออีก นี่ถือเป็นค่าน้ำนมที่เลี้ยงดูเธอ ถึงจะดูไม่ถึงก็เถอะ” คำพูดดูแคลนเปล่งออกมา แต่ก็ไม่ได้เรียกความสนใจออกจากเช็คจำนวนเงินสิบล้านตรงหน้า
“เราจะรวยกันแล้วที่รัก” ผู้เป็นแม่หันไปกระโดดโลดเต้นกับสามีใหม่
“แม่...” เสียงเรียกแผ่วเบา นี่เธอมีค่าน้อยกว่าเงินสิบล้านสินะ ความน้อยเนื้อต่ำใจประเดประดังขึ้นมา มือหนาบีบมือเธอแน่นขึ้นราวกำลังปลอบหัวใจดวงน้อยที่บอบช้ำ
“ไปกันเถอะ”
เขาจูงเธอมายังรถ เมื่อเข้ามาข้างในไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร มีเพียงเสียงสะอื้นเสียใจของหญิงสาวดังขึ้นตลอดทาง
“จากนี้ เธอก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ซะ”
ถึงจะพูดว่าให้เริ่มต้นใหม่ มันไม่ง่ายเลยกับการต้องเริ่มต้นตัวคนเดียว ตั้งแต่จำความได้ในชีวิตเธอไม่มีใครเลยนอกจากพ่อและแม่ พ่อที่เธอรักก็มาจากไปเพราะอุบัติเหตุ ส่วนผู้เป็นแม่ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจก็ดันติดสามีใหม่ไม่ลืมหูลืมตา ชีวิตเธอไม่เหลือใครเลย เพื่อนก็แทบจะไม่มี เพราะเธอมัวแต่ทำงานส่งเสียเงินให้แม่และเก็บเงินเพื่อหวังว่าสักวันตัวเองจะได้กลับมาเรียนอีกครั้ง ชีวิตนี้เหมือนดับสิ้นมืดแปดด้านไร้ซึ่งทางออก
“ขอบคุณ คุณคณิณมากเลยนะคะ ที่ช่วยฉัน จะว่าดีใจก็ไม่กล้าพูดเต็มปาก” เธอแค่นหัวเราะออกมา “ชีวิตฉันไม่เหลืออะไรเลย” น้ำตาที่เคยกักกลั้นไว้ไหลราวกับเขื่อนทำนบแตก
“ใครว่าเธอไม่เหลืออะไรล่ะ” เธอเงยหน้ามองคนที่กำลังใช้สายตาจ้องมองถนนตรงหน้า
“เธอยังเหลือหัวใจตัวเองที่ยังต้องดูแล ไม่ต้องห่วงเรื่องที่พักนะ ฉันจะช่วยหาให้เธอเอง”
“คุณคณิณคะ” เธอเรียกแผ่วเบาราวกระซิบ
“ทำไมถึงช่วยเหลือฉันขนาดนี้ หรือว่าคุณเอง ก็หวังแบบนั้น...” เธออดคิดไม่ได้ว่าจะมีผู้ชายใจดีกับเธอได้ขนาดนี้เลยหรือ ถ้าไม่ได้หวังเรื่องอย่างว่า
“ฉันมีเกียรติและศักดิ์ศรีมากพอ” ประโยคสั้น ๆ ห้วน ๆ ที่เปล่งออกมาเรียกรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าใส
“งั้นถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย บอกได้เลยนะคะ ฉันพร้อมช่วยเหลือคุณเสมอค่ะ” ถึงแม้เธอจะทำอะไรมากไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แค่รู้ว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณที่เธอต้องตอบแทนก็พอ
ตอนที่ 52ตลอดทั้งวันคณิณไม่ได้กลับไปไหน เขาคอยช่วยยกของและจัดอาหารให้กับเด็กและทุกคน รวมถึงยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลาย ๆ อย่างด้วยท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจากฟ้าใสกลายเป็นม่วงเข้ม เหล่าดาวระยิบระยับเรียงรายเหนือลานกิจกรรม เสียงหัวเราะและการพูดคุยค่อย ๆ เบาลง เมื่อเด็ก ๆ เริ่มทยอยกลับหลังเสร็จกิจกรรมตลอดวันแบบฝันเดินเข้าไปหาคณิณที่ยังนั่งอยู่ใต้แสงไฟสนามเล็ก ๆ เขากำลังคุยเล่นกับเด็ก ๆ ที่ยังไม่กลับบ้าน“น้ำค่ะ” เธอยื่นแก้วน้ำเปล่าส่งให้“ขอบคุณครับ” เขายิ้มดีใจที่เธอยังใส่ใจเขาอยู่“คุณกลับได้แล้วนะคะ มืดกว่านี้จะขับรถกลับลำบาก”“พี่ฝัน นี่ก็ค่ำแล้ว ให้คุณเขาพักกับพวกเราดีกว่าไหมคะ” น้อยหน่ารีบพูด“นั่นสิพี่ แถวนี้ขับรถยากจะตาย กลับตอนนี้มีแต่อันตราย” มาวินเสริมพลางมองหน้าขอความเห็นใจกับเธอแบบฝันมองบรรยากาศโดยรอบก็พบว่าตอนนี้ฟ้ามืด แล้วทางเข้าหมู่บ้านก็ทางโค้งค่อนข้างเยอะ ระยะทางหลายสิบกิโลเมตรกว่าจะเข้าสู่ถนนใหญ่ที่ไฟเริ่มเยอะ“แล้วจะให้เขาพักที่ไหน ห้องพักเต็มหมดแล้ว” เธอว่า“พักกับพี่ฝันไงคะ เดี๋ยวน้อยหน่าย้ายไปนอนกับเจนเอง มีนัดปาร์ตี้บอร์ดเกมกันน่ะค่ะ”“ถ้าเธอไม่สะดวก ฉันไปหาโรงแรม
ตอนที่ 51ณ ห้องประชุมขนาดกลางของคณะ โต๊ะยาวถูกดันต่อกันเป็นแนวยาวเต็มพื้นที่กลางห้อง รอบ ๆ มีแบบฝันและรุ่นน้องกำลังช่วยกันจัดเตรียมอุปกรณ์สื่อการสอน และเกมที่จะใช้ในค่าย พวกเขาตกลงกันว่าจะไปจัดค่ายสอนภาษาอังกฤษให้เด็กนักเรียนด้อยโอกาส ทุกคนขะมักเขม้นกับงานในมือ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ“การ์ดคำศัพท์เราเตรียมกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” แบบฝันถามขณะเดินตรวจสอบความเรียบร้อย“ใช่ครับ วินกับเพื่อนช่วยกันเช็กดูเรียบร้อยแล้ว” เสียงมาวินดังขึ้นจากอีกฝั่ง เขาชูถุงพลาสติกขนาดใหญ่ที่บรรจุการ์ดคำศัพท์ไว้หลายชุด“ได้แยกคำศัพท์เป็นหมวดหมู่ไหม”“แยกแล้วครับ แถมใส่ซองกันน้ำ เผื่อเจอสภาพอากาศไม่ดีด้วย”“โอเค ดีมากเลย”นอกจากจะเตรียมพวกการ์ดคำศัพท์และรูปภาพประกอบแล้ว พวกเขายังช่วยกันเตรียมเกมภาษาอังกฤษอย่างบิงโกคำศัพท์ และเกมจับคู่กับภาพด้วย“เราไปออกค่ายตั้ง 2 วัน พี่ได้บอกแฟนหรือยังคะ” น้อยหน่ารุ่นน้องกระซิบถาม“ไม่ใช่แฟนสักหน่อย” เธอแก้มแดงแล้วทำเป็นเสียงเข้มใส่“คนจีบก็ได้ค่ะ” คนอายุน้อยกว่าทำหน้าล้อเลียน “แต่จะว่าไปก็ไม่เห็นเขาตั้งหลายวันแล้วนะคะ ไม่ใช่ว่าเขาถอดใจไปแล้วนะ”“ก็เร
ตอนที่ 50คณิณยืนใต้ต้นไม้ใหญ่ตำแหน่งเดิมที่เขามักจะมารอเธอ เขามองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า พยายามหาจังหวะให้ตัวเองกล้าที่จะเดินเข้าไปหาแบบฝันที่เพิ่งเดินออกจากห้องเรียนพร้อมเพื่อน ๆเมื่อสายตาของเธอสบกับเขา ความแปลกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่เธอพยายามรักษาสีหน้าสงบไว้ เธอบอกลาเพื่อนและเดินตรงมาหาเขา“มาที่นี่ทำไมคะ”คณิณยิ้มเล็กน้อย ยื่นถุงกระดาษที่ใส่กล่องเบนโตะไว้ในมือ“ฉันทำข้าวกล่องมาให้เธอ”แบบฝันมองเขาด้วยสายตาฉงนปนประหลาดใจ“คุณทำเองเหรอคะ”“ใช่” คณิณตอบเสียงเบา พยายามปั้นยิ้มให้ดูมั่นใจ แต่แล้วแบบฝันก็สังเกตเห็นปลาสเตอร์สีเนื้อที่พันรอบนิ้วชี้ข้างซ้ายของเขา เธอเลิกคิ้วด้วยความกังวล“นิ้วคุณไปโดนอะไรมาคะ” เธอถามพลางเอื้อมมือมาจับมือเขาดูเบา ๆ เพื่อดูให้ชัด ๆแม้จะรู้สึกดีใจที่อีกคนเป็นห่วง แต่เขาก็รีบชักมือกลับอย่างเขิน ๆ“ไม่มีอะไรหรอก แค่อุบัติเหตุตอนทำอาหารนิดหน่อย”“อุบัติเหตุนิดหน่อย?” แบบฝันขมวดคิ้วจ้องมองเขาไม่วางตา“ฉันไม่ชินกับอุปกรณ์ในครัวน่ะ เลยมีผิดพลาดบ้าง” คณิณหัวเราะแห้ง ๆ พลางหลบสายตา “แต่ไม่ต้องห่วงนะ ไม่มีเลือดตกลงไปในอาหารแน่นอน”แบบฝันมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เธ
ตอนที่ 49หลังจากที่เขาไปหาเธอที่มหาวิทยาลัย ซึ่งก็มีนกบ้างไม่นกบ้าง เพราะบางช่วงที่เขาไปเธอไม่มีเรียนในช่วงนั้น เขาจึงตัดสินใจแอบขอตารางเรียนของเธอจากรุ่นน้องกลุ่มเดียวกับเธอ เพราะถ้าต้องขอจากเธอโดยตรง เธอน่าจะไม่ให้แน่นอนวันนี้แบบฝันมีเรียนช่วงเช้า เขาเลยว่าจะทำข้าวกล่องไปฝากเธอช่วงพักกลางวัน เลยกะว่าจะแค่แวะเอาข้าวกล่องไปฝากแล้วรีบกลับ เพราะตอนบ่ายเขามีประชุม แม้จะได้เห็นหน้าเธอแค่ไม่กี่นาทีก็น่าจะพอเยียวยาหัวใจที่เหี่ยวเฉาของเขาได้คณิณยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ในห้องครัว เขาสวมผ้ากันชนเปื้อนสีเข้มที่เพิ่งแกะจากห่อ เพราะปกติเขาไม่เคยทำอาหารทานเอง เลยเพิ่งจะไปซื้อผ้ากันเปื้อนสด ๆ ร้อน ๆ มาไว้ที่คอนโด เขาเปิดตำราอาหารที่เพิ่งลงทุนเดินเข้าร้านหนังสือในรอบหลายปีวางบนเคาน์เตอร์ทำอาหาร พร้อมเปิดไอแพดดูคลิปประกอบ แต่ถึงจะมีตัวช่วยมากมายแต่เขาก็ยังดูเงอะงะในทุกขั้นตอน“เริ่มจากหุงข้าว... ง่าย ๆ” เขาพึมพำให้กำลังใจตัวเองเขาตวงข้าวญี่ปุ่นใส่หม้อหุงข้าวแล้วเดินไปล้างข้าว แต่เผลอเปิดน้ำแรงเกินไปจนข้าวกระเด็นออกจากหม้อไปกว่าครึ่ง“ให้มันได้อย่างนี้สิ” เขาพึมพำพลางกวาดข้าวที่หกกลับมาใส่ในหม้ออย่างทุ
ตอนที่ 48วันต่อมา คณิณกลับมายังมหาวิทยาลัยอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้มาตัวเปล่า เขานำดอกไม้ช่อโตพร้อมจดหมายที่เขาเขียนความรู้สึกของตัวเองมาตลอดทั้งคืน ตรงมายังคณะที่แบบฝันเรียนเขานั่งรอเธอที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ ร่มรื่นและเงียบสงบเช่นเคย ดวงตาคมเข้มจ้องไปยังอาคารเรียน รอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าของนักศึกษาทยอยออกจากคลาสเริ่มเบาบางลง เขาก็เห็นร่างเล็กของแบบฝันเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคนคณิณรีบลุกขึ้นทันที ก้าวตรงไปหาเธอด้วยหัวใจที่เต้นแรง เมื่อแบบฝันเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขา ดวงตาของเธอก็ฉายแววตกใจชั่วครู่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา“คุณมาทำอะไรที่นี่อีกคะ” เสียงของเธอเรียบเฉย ราวกับไม่อยากให้ใครบริเวณนี้สังเกตเห็นเหตุการณ์แปลก ๆ“ฉันมาหาเธอ มาง้อเธอไง” คณิณพูดตรงไปตรงมา เพราะจากประสบการณ์สอนให้เขาต้องกล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง เขายื่นช่อดอกไม้ช่อโตให้เธอ แต่เธอกลับไม่ยื่นมือออกมารับ“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว” แบบฝันตอบ น้ำเสียงชัดเจนเช่นกันเมื่อคนตรงหน้าดูจะใจแข็งกับเขา เขาจึงหันไปสบตากับนักศึกษาสาวที่เดินออกมาพร้อมกับแบบฝัน ที่กำลังยืนมองดูพวกเขาจากด้
ตอนที่ 47แบบฝันพาคณิณมาหยุดที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ใหญ่ จุดที่ค่อนข้างเงียบสงบของมหาวิทยาลัย ใบไม้พลิ้วไหวตามแรงลมพัดอ่อน ๆ เธอยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาทางเขา“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันคะ” น้ำเสียงของเธอนิ่งเรียบ แฝงไปด้วยความระมัดระวังคณิณยืนนิ่งไปชั่วอึดใจ สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธอราวกับพยายามกลั่นกรองคำพูดที่อัดแน่นภายในใจ“แบบฝัน...” เขาเอ่ยชื่อเธอเบา ก่อนจะถอนหายใจยาว “ฉันแค่อยากขอโทษเธอ ขอโทษที่รู้ตัวช้า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันเพิ่งรู้ว่าใครคือคนที่ฉันรัก”แบบฝันชะงัก เธอกะพริบตา พยายามจับความหมายในคำพูดนั้น“คุณหมายความว่าอย่างไง” เธอถาม น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจคณิณก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างของเขากำแน่นอยู่ข้างตัว ราวกับพยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี “ฉันหมายความว่า... ไม่ใช่แค่เธอที่รู้สึกดีกับฉัน ที่จริงแล้วฉันก็รู้สึกดีกับเธอเหมือนกัน แต่ฉันมันขี้ขลาด ไม่กล้าพูดความรู้สึกของตัวเองให้เธอรู้ เพราะฉันยังลังเล สับสนกับความรู้สึกที่มีต่อแพรวา”แบบฝันนิ่งไป ใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อย แต่พยายามไม่แสดงออกทางสีหน้า“ฉันมันโง่ที่เพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือคนที่ฉันอยากใช้ชีวิตด้วยใน