ฤชากำลังฝัน...เขาฝัน ฝันถึงเหตุการณ์ในอดีตตั้งแต่วัยเด็กตั้งแต่จำความได้ จนกระทั่งพ่อแม่มีน้องชายให้เขาสองคน เขาจำความดีใจที่ได้สมาชิกในครอบครัวเพิ่มนั้นได้ดี ต่อมาน้องชายทั้งสองก็เริ่มเติบโต ชีวิตก็ดำเนินไปอย่างราบเรียบ เขาผู้ซึ่งชื่นชอบทำขนมก็เลือกอาชีพเชฟทำขนม และเลือกทำขนมไทย ขนมบ้านเกิดของตนชัวเอง เมื่อเรียนจบไม่นาน เหตุการณ์ก็มาถึงตอนที่พ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต เขาซึ่งเสียใจเป็นอย่างมากหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายครั้งแรกนับตั้งแต่โตมา แม้ว่าจะเสียใจมากเพียงใด เขาก็ต้องดูแลน้องชายทั้งสองให้เติบโตจนสามารถดูตัวเองได้ เขาต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวถัดจากพ่อแม่ เป็นพ่อและแม่ให้น้องชายคนเล็กที่ยังเล็กนัก เขาทำงานงก ๆ ส่งเสียน้องชายทั้งสองเรียนหนังสือ เมื่อน้องชายคนรองจบ ก็มาช่วยแบ่งเบาภาระงานบริหารให้แก่เขา ทำให้เขาได้ใข้เวลากับสิ่งที่รักมากขึ้น เรื่องราวก็ดำเนินไปต่อจนกระทั่งวันที่เขาชนะการแข่งขันได้ทุนไปฝึกงานที่ครัวขนมของโรงแรมชื่อดังในประเทศ F เขาจำได้ดีถึงความดีใจและภาคภูมิใจ และความกังวลที่ต้องทิ้งน้องชายทั้งสองเอาไว้ที่ไทยเป็นเวลาหลายเดือน คนหนึ่งพึ่งจบ อีกคนก็ยังเรียนชั้นมัธยมปลาย แต่ทั้งคู่ก็ให้กำลังใจเขาและผลักดันให้เขาไปตามความฝันทำสิ่งที่รัก เขาจำได้ดีถึงความรู้สึกแรกที่เหยียบลงบนผืนแผ่นดินประเทศ F จำได้ดีถึงชายคนหนึ่งที่เข้ามาช่วยเหลือ จำได้ดีถึงความทรงจำแสนหวานและขมขื่นที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสามเดือนที่อยู่ด้วยกัน วันเวลาผ่านไป บุตรสาวของเขาก็ถือกำเนิด บุตรสาวตัวเล็กน่ารัก ผิวยับย่นยู่เหมือนลูกลิง ตัวสีแดง ร้องไห้เสียงดัง แต่นี่คือสิ่งมีชีวิตที่น่ารักและสวยที่สุดในสายตาของเขา จิตใจทั้งดวง ความรักทั้งหมด ถูกยกให้เธอในวินาทีแรกที่สบตากับดวงตาคู่น้อยนั่น เขาตกหลุมรักเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น วินาทีนั้น เขาเข้าใจถึงความรักที่พ่อกับแม่มีต่อพวกเขาเฉกเช่นเดียวกัน เด็กน้อยเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรัก แม้จะไม่มีพ่ออีกคนคอยช่วยเลี้ยงดู เด็กน้อยเข้าใจเพียงว่า ตนเองมีแม่แต่แม่ไปสวรรค์เป็นนางฟ้าไปแล้ว และกำลังมองดูเธอและพ่อจากบนฟ้า คอยคุ้มครองพวกเขาทั้งสองอย่างเงียบ ๆ พวกเขาสี่คนพ่อลูกและคุณอาทั้งสองใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได้ยินเสียงระเบิดและทุกอย่างก็ดำมืดไปหมด เขาเคยได้ยินมาว่า คนใกล้ตายมักจะนึกย้อนเหตุการณ์ในอดีตขึ้นมาตามลำดับ หรือเขาจะใกล้ตายแล้วกันนะ " ลูกยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกนะชา " เสียงที่ไม่ได้ยินมานานทำเอาเขาตาแดงก่ำ น้ำตาเริ่มหลั่งรินอีกรอบ " แม่.... ผมคิดถึงแม่มาก " " ฮะ ฮะ แม่ก็คิดถึงลูก หลานแม่น่ารักมากเลยนะ " " ใช่ หลานพ่อน่ารักมาก " พ่อของเขาปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า ฤชาไม่ทำอะไรทั้งสิ้น ผวาเข้าไปกอดพ่อบังเกิดเกล้าที่เขาไม่ได้พานพบมาหลายปี ร้องไห้สะอึกสะอื้น เหมือนกับว่าภาระที่แบกไว้บนบ่ามันหนักหนาเหลือเกิน การได้พบบุพการีเหมือนได้รับการปลดปล่อย " โตแล้ว ยังร้องไห้เป็นเด็กอีกนะเราน่ะ " พ่อลูบหัวของเขาก่อนจะดุไม่จริงจัง " ผมคิดถึงพ่อจังครับ " " อืม พวกเราก็คิดถึงลูกมาก " พวกเขาคุยกันไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ จนไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ " ชา ถึงเวลากลับไปได้แล้ว มีคนรอหนูอยู่อีกเยอะเลยนะ " แม่ของเขาพูดขึ้น " ชา...ชาไม่อยากจากพ่อกับแม่ไปเลย " " มันยังไม่ถึงเวลาเจอกัน แต่เราจะได้เจอกันอีกในอนาคต ดูแลตัวเองดี ๆ ดูแลน้องและหลานของพวกเราด้วย " พ่อเขากำชับ " ครับพ่อ " " บอกนาวีให้หาภรรยาหรือสามีสักทีแม่อยากเห็นหลานแล้ว ทำตัวลอยไปลอยมาจนจะสามสิบแล้วยังไม่ลงหลักปักฐานอีก " แม่ของเขาบ่นขึ้นมา " ฮะ ฮะ เกรงว่าแม่ต้องไปบอกเจ้าตัวเองแล้วล่ะครับ ผมพูดจนปากจะฉีกแล้วก็เหมือนเดิม " " แล้วก็บางอย่างอาจจะไม่ใช่ที่ตาเห็น มีเรื่องราวหลายเรื่องที่ซับซ้อน และสิ่งที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกที่สุด อย่าโกรธแค้นนาน ชีวิตคนเราสั้นนักนะลูก ถ้ามีโอกาสมีความสุข อย่าลืมหาความสุขให้ตัวเอง อย่าทิฐินะลูกนะ " แม่กล่าวเป็นนัยกับเขา และเขาก็รู้ดีว่าแม่หมายถึงเรื่องอะไร มีข้อสงสัยที่อยากถามแต่เหมือนแม่ของเขาส่งสายตาว่าตนไม่สามารถพูดไปมากกว่านี้ได้แล้ว " ฝากบอกวีและน้ำด้วยว่าพ่อและแม่คิดถึงและรักพวกหนูเสนอนะ " พ่อกับแม่พูดพร้อมกัน จากนั้นก็มีแสงสีขาวสาดส่องมาที่ตัวของเขา เขาลอยขึ้นไปในอากาศสูงขึ้นเรื่อย ๆ เขามองพ่อกับแม่ที่ยืนอยู่บนพื้นด้านล่าง กำลังโบกมืออำลา ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะค่อย ๆ สว่างจ้าจนมองอะไรไม่เห็นอะไรนอกจากแสงสีขาวที่ทำให้ต้องหลับตาแน่น " เฮือก " " พี่ชา/ชา " นาวีและชลธีรีบวิ่งมาดูพี่ชายที่พึ่งฟื้นขึ้นมาหลังจากสลบและไม่ได้สติไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม พวกเขากลัวมากว่าฤชาจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก กลัวว่าฤชาจะตาย ฤชามองใบหน้าของน้องชายที่ใต้ตาดำคล้ำเป็นแพนด้ากันแล้วหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ " ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก ไอ้พี่บ้า! " นาวีแหวใส่ แต่น้ำตาก็ไหลไปได้ ก่อนจะผวากอดพี่ชายแน่น " โอ๊ย ๆ เจ็บ ๆ ระวังหน่อย แผลยังไม่หายดีเลย " " ขอโทษ ลืมตัว " นาวีรีบปล่อยพี่ชายตนเองออกจากอ้อมแขน " น้ำมานี่มา มาให้พี่กอดหน่อย " ชลธีที่น้ำตาซึมอยู่ก่อนหน้าร้องไห้โฮเมื่อได้ยินพี่ชายเรียกก่อนจะเข้าไปสวมกอดพี่ชายคนโตหลวม ๆ แต่น้ำตาก็ทำเอาเสื้อผู้ป่วยเปียกแฉะเป็นด่างดวง " พี่หลับไปนานแค่ไหน " ฤชาถาม " หนึ่งสัปดาห์เต็ม " ถึงว่า พวกน้องชายของเขาถึงหน้าตาดูไม่ได้ซักคน หลังจากฤชาฟื้น นาวีก็ออกไปเรียกหมอกับพยาบาลเข้ามาตรวจอาการของฤชาอย่างรวดเร็ว พบว่าไม่มีอาการผิดปกติอะไร แค่ต้องดูอาการใกล้ชิดอีกสองถึงสามวัน เพื่อความแน่ใจ นาวีเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุให้พี่ชายตนเองฟังอย่างละเอียด " น้องเนยล่ะ ลูกพี่อยู่ที่ไหน " " อยู่กับพ่อกับแม่ของพลครับ " ชลธีกล่าวบอกพี่ชาย " ช่วงนี้น้ำกับพี่วีผลัดกันเฝ้าพี่ พลเลยอาสาพาน้องเนยไปดูแลร่วมกับพ่อแม่ของเขา " " แล้วเนยเป็นอย่างไรบ้าง ร้องไห้ไหม เกเรไหม " เขาเป็นห่วงบุตรสาว การเห็นพ่อนอนหลับไม่รู้สึกตัว อาจก่อให้เกิดฝันร้ายฝังใจแก่เด็กน้อยได้ " ไม่ต้องห่วงพี่ น้องเนยคิดว่าพี่แค่หลับพักผ่อน แต่เจ้าตัวอ้วนกลมดีอยู่ดีกินดี มีคนตามใจมีความสุขดีมาก " ฤชาได้ฟังก็ค่อยโล่งใจหน่อย อย่างน้อยบุตรสาวของเขาจะได้ไม่มีแผลใจ " เดี๋ยวน้ำติดต่อพลให้พาน้องเนยมานะครับพี่ " " อืม " ฤชาพยักหน้า เขาก็คิดถึงบุตรสาวจับใจ ยิ่งหลังจากเจอพ่อกับแม่แล้วเขายิ่งคิดถึงอีกฝ่ายอย่างมาก " พี่ชา ตำรวจมาด้านล่าง ผมขอไปรับก่อนนะ เขาจะมาสอบปากคำพี่ " นาวีบอก และกำชับให้น้องชายคนเล็กเฝ้าพี่ชายให้ดี หลังนาวีเดินออกไป ชลธีก็ลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้างเตียงของฤชา ก่อนจะพูดขึ้น " พี่...เอ่อ คุณชาคริตเขามาเยี่ยมพี่ทุกวันเลยนะ แต่...โดนพี่วีไล่กลับทุกวันเหมือนกัน " " อืม " ฤชาฟังน้องชายเงียบ ๆ ไม่ได้พูดหรือทำท่าสนใจอะไรต่อ ชลธีเห็นพี่ชายนิ่งไปก็นึกว่าไม่พอใจ จึงหุบปากฉับ ไม่กล่าวต่ออีกแม้ครึ่งคำ ไม่นานประตูห้องพักก็เปิดออกและตำรวจสามนายชุดเดิมก็เข้ามาสอบปากคำของฤชา ฤชาให้การตามความจริง พร้อมกับแจ้งว่าจะให้นาวีส่งเอกสารการตรวจเช็กสภาพอุปกรณ์และความปลอดภัยประจำทุกสัปดาห์ให้ตำรวจไปเช็กดู บริษัทที่เช็กก็เป็นบริษัทขื่อดังได้มาตรฐานรับรอง ตำรวจสอบถามเหตุการณ์ตอนเกิดเหตุอีกนิดหน่อย ก่อนจะขอตัวกลับ " พี่...คิดว่าเพราะอุปกรณ์ร้านเราจริงหรอ " ฤชานิ่งไปสักครู่ก่อนจะพูดต่อ " ไม่ใช่หรอก " ฤชามั่นใจที่ตอบแบบนี้ แต่เขาไม่แน่ใจว่าข้อสันนิษฐานของตนเองเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน จนกว่าจะได้คุยกับใครอีกคน " ถ้าชาคริตมา ปล่อยให้เขาเข้ามาหาพี่ด้วย " ฤชาบอกน้องชายทุกคน " ทำไม?! " นาวีเริ่มจะโวยวายแบบหัวร้อนขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ " พี่มีเรื่องจะคุยกับเขา " ฤชาพูดเสียงหนักแน่น ซึ่งทำให้นาวีและชลธีไม่อาจปฏิเสธความต้องการของพี่ชายได้ ชาคริตมาเยี่ยมฤชาตามปกติ แม้ไม่อาจเข้าไปในห้องได้และโดนไล่เหมือนหมูเหมือนหมา แต่เขาก็ยอม อย่างน้อยยังได้รู้ว่าฤชายังคงมีลมหายใจอยู่ เขาก็รู้สึกสบายใจ สักวันชาต้องฟื้นขึ้นมา ไม่นาน มันต้องไม่นาน ชาคริตปลอบใจตนเอง วันนี้เขามาเคาะประตูห้องเช่นเคย แต่ต่างกันตรงที่คนออกมารับเป็นชลธี น้องชายคนเล็กของฤชา ซึ่งปกติจะเป็นนาวีที่ออกมา " คุณชาคริต พี่ชาอยากคุยด้วยครับ เชิญด้านใน " ชลธีเปิดประตูให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา " คุณบอดี้การ์ดรอด้านนอกนะครับ " เหล่าบอดี้การ์ดทำตัวไม่ถูก พวกเขามีหน้าที่ติดตามเจ้านายตลอดเวลา จะไม่ให้ตามเข้าไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะจะถือว่าพวกเขาบกพร่องในหน้าที่ จนกระทั่งชาคริตโบกมือให้สัญญาว่าไม่ต้องตามเข้ามา เหล่าบอดี้การ์ดจึงรอด้านนอกอย่างสงบ แต่ละก้าวที่เดินไปบนพื้นของโรงพยาบาลหนักอึ้ง ชาฟื้นแล้ว แต่ชามีอะไรจะพูดกับเขางั้นหรือ คงไม่ได้จะบอกให้เขาออกไปจากชีวิต ไสหัวไปไกล ๆ ใช่ไหม ชาคริตได้แต่หวั่นใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ในเมื่อสาเหตุพวกนี้มาจากเขาคนเดียว ชาคริตเดินมาหยุดที่ข้างเตียงของฤชาและลากเก้าอี้มานั่ง ก่อนจะมองใบหน้าหวานตรงหน้าที่ประทับตราตรึงในใจของเขามาหลายปีและไม่เคยเลือนลางไปสักเสี้ยววินาที " วี น้ำ ออกไปก่อน ไปหาอะไรกินหรือเดินเล่น พี่มีเรื่องจะคุยกับชาคริตตามลำพัง " นาวีทำท่าไม่พอใจส่วนชลธีได้แต่อึ้ง " พี่ไม่เป็นอะไรหรอก ออดเรียกพยาบาลก็มี มีอะไรไม่ต้องห่วงพี่กดเรียกแน่ " ด้วยเหตุนี้ นาวีจึงได้แต่เดินปึงปังออกไปอย่างไม่พอใจและชลธีก็ตามพี่ชายคนรองออกไปอย่างสงบ " ชาคริต บอกผมมาตรง ๆ เหตุการณ์ระเบิดเกี่ยวข้องกับคุณใช่ไหม " ชาคริตอยากจะโกหก แต่ว่าเขาไม่อาจทำได้ " ใช่ ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับผมเอง " " เกิดอะไรขึ้น เล่ามาให้หมด อย่าให้ตกหล่นแม้แต่นิดเดียว " ฤชาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะจ้องเขม็งไปที่ตาของอีกฝ่าย เหตุการณ์ระเบิดนี้ทำลายชีวิตคนไปสามคนและก่อให้เกิดคนบาดเจ็บอีกมาก เขาไม่อาจเพิกเฉยได้ " เรื่องมันมีอยู่ว่า... " ชาคริตเล่าว่า เหตุการณ์ระเบิดไม่ได้เกิดจากแก๊สรั่วแต่อย่างใดแต่เป็นการจงใจวางระเบิด ตัวคนก่อเหตุเป็นพี่ชายคนละแม่กับเขา ทายาทสายตรงของเจโนเวเซ่ ที่พ่อของเขาไม่ยกกิจการของตระกูลให้และคับแค้นใจ ทั้งสองต่อสู้กับเขามาหลายปีดีดัก ซึ่งส่วนใหญ่เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาพยายามตามเก็บพี่ชายทั้งสอง แต่พวกนั้นหลบหายไปเพราะมีคนช่วยเหลือตลอด ทำให้เขายังไม่ประสบความสำเร็จในการกำจัดอีกฝ่ายให้สิ้นซาก แล้วพอดีเขามาไทย พวกนั้นตามกลิ่นมาสืบรู้ได้ว่า ฤชาและเนยคืออดีตคนรักและบุตรสาวของเขา ทำให้พวกนั้นวางแผนทำลายจุดอ่อนของเขา ฤชาฟังจบ เขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอะไรก่อนดี โกรธ เสียใจ แค้น โมโห เรื่องนี้เริ่มต้นที่ชาคริตแต่เขาก็มีส่วนเช่นกัน เขาไม่อยากโทษอีกฝ่ายแค่คนเดียว เพราะเขาเองที่ไปยุ่งเกี่ยวกับมาเฟีย ไม่นานต่อให้ชาคริตไม่มาไทย พี่น้องของชาคริตก็ต้องหาทางสืบรู้เรื่องของเขากับบุตรสาวได้อยู่ดี " ที่มาไทยเพราะคุณมาปกป้องผมกับลูกสาวงั้นหรอ " ฤชาไม่ใช่คนโง่ ไม่ใช่นางเอกน้ำเน่าที่เอาแต่ตีโพยตีพาย เขาพอจะเดาได้ถึงจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายมาที่นี่ " ใช่ ใกล้เหตุการณ์ปิดฉากแล้ว เอียนและคริสตอฟต้องไม่ปล่อยชากับลูกเอาไว้แน่ ผมมานี่เพื่อดูแลคุณและลูก แม้มันจะมีความเสี่ยงแต่ก็ดีกว่าให้อยู่ห่างตา " ชาคริตตอบตามตรง " และอีกอย่าง ผมคิดถึงคุณมากชา " ชาคริตมองลึกไปในดวงตาของฤชา เหมือนพยายามส่งต่อคำพูดไปให้ลึกถึงจิตวิญญาณของอีกคน ฤชานึกถึงคำพูดของแม่ของเขาขึ้นมา ลังเลใจอยู่นานก่อนจะเอ่ยถามออกไป " ทำไม...ตอนนั้นคุณไม่เลือกผมล่ะ...คริต " ฤชากลั้นใจถามในที่สุด คำตอบของคำถามนี้ เขาเองก็ต้องการมันมาหลายปีเช่นกัน แต่เลือกที่จะปฏิเสธใจตนเองและไม่ยอมค้นหาความจริง เขาคิดว่ามันจะเจ็บปวดน้อยกว่าถ้าไม่รับรู้แต่แรก แต่ที่ไหนได้ แผลไม่เคยหายไป มันยังคงมีตัวตนอยู่เสมอ เหมือนเสี้ยนที่ฝังไปในเนื้อและไม่สามารถเอาออกได้ ทรมานทุกครั้งที่รู้สึกถึงการมีตัวตนของมัน " ชา...คือ " " เล่ามาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว คุณติดค้างความจริงกับผมอยู่นะคริต " ฤชามองลึกลงไปในดวงตาของอีกฝ่ายเช่นกัน แต่คราวนี้เพื่อบ่งบอกการตัดสินใจว่า คำตอบนี้จะทำให้เขาตัดชาคริตออกไปจากชีวิตให้หมดจดหรือจะตัดสินใจทำตรงกันข้าม......
อคิราใจสั่น หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก สาบานว่านี่ไม่ใช่ความฝันหรือเขายังเมาค้างจนหลอนใช่ไหม ที่คุณเดชมาสารภาพรัก" เด็กดี "ใบหน้าหล่อเหลาที่ประหนึ่งหนุ่มวัยสามสิบแม้อายุจริงจะเข้าวัยกลางคนแล้วก็ตาม ก้มลงมาใกล้จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดหน้าตอนนี้สมองเขาช็อกจนคิดอะไรไม่ออกไปแล้วได้แต่ปล่อยเลยตามเลยให้คุณเดชเป็นคนจัดการเขาไม่ได้โง่ เขาติดว่าวันนี้เขาคงจะโดนกิน แต่ เขาก็เต็มใจถูกกิน!!ริมฝีปากหนากร้านและริมฝีปากเต็มอิ่มสีสดประกบเข้าหากัน ร่างบางซึ่งไม่ประสีประสาแต่กลับกระตุ้นอารมณ์กำหนัดของคนแก่กว่าได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากทั้งสอง คลึงเคล้า บดเดบียด หยอกล้อกันไปมา จนริมฝีปากของร่างบางบวมช้ำอัครเดชหยุดพักให้ร่างบางได้หายใจหายคอ ก่อนจะจู่โจมกลับไปอีกที คราวนี้เปลี่ยนจากจูบแบบผิวเผินกลายเป็นดูดดื่มเข้มข้น ลิ้นสากยาวสอดลึกเข้าไปในโพรงปากชุ่มฉ่ำ กวาดต้อนลิ้นเล็กแสนน่ารักที่หลบหนีไปมา พร้อมกับกวาดต้อนดูดชิมน้ำหวานสีใสไปพร้อมกัน" หวาน " คนอายุมากกว่าพึมพัมชิดริมฝีปากของร่างบางอคิราที่ไม่ประสีประสาในบทรักก็โดนชักนำไปตามพายุอารมณ์ของคนแก่กว่าอย่างช่วยไม่ได้ เพียงแค่จูบเขาก็เสียวซ่านแบบไม่เคยเ
อคิราผู้กำลังถูกสอบสวนหาความจริงถึงกับเหงื่อแตกเต็มหลัง เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรดี พยายามใช้สมองประมวลผลหาข้อแก้ตัวดี ๆ ซักอย่าง แทนที่จะพูดความจริงแล้วเสี่ยงเข้าหน้ากันไม่ติดอีกเลย" เอ่อ...คิน..."" คิน ไม่โกหกแด๊ดนะ " คุณเดชกล่าวเสียงจริงจังอคิราเองก็ไม่อยากโกหก ได้แต่นั่งคอตกเงียบ ๆ น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากหัวตา พร้อมสะอื้นทำไมเขาต้องมาโดนกดดันอะไรแบบนี้ด้วย สาเหตุมาจากเขาที่ไหนกัน เขาอยากออกไปจากตรงนี้!ก่อนที่จะได้พูดหรือทำอะไร เขาก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น" โอ๋ เด็กดี ไม่ร้องนะครับ แด๊ดขอโทษ ค่อย ๆ คุยกันนะ "จากที่คิดว่าจะหยุดร้องไห้ กลับร้องหนักขึ้นอัครเดชไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่กอดปลอบลูบหัวลูบหลังพร้อมกับกดจูบซับน้ำตาให้เด็กน้อยของเขาก็คงจะอดกลั้นมานานมาก ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้สังเกตอะไรนอกจากคิดว่าเด็กน้อยคนนี้เห็นเขาเป็นเพียงญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ผิดกับเขาที่..." ไม่ร้องนะครับเด็กดี น้องคิน "คุณเดชเรียกชื่อผมเหมือนสมัยตอนผมยังเป็นเด็กเล็ก ๆ" อืม "ผมตอบรับ ตนเองหยุดร้องแล้วแต่ยังสะอื้นนิดหน่อย กลไลของร่างกายนี่ทำเอาลำบากจริง ๆ ก่อนจะอื้อมแขนไปโอบกอดคุณเดชแน่น เอาหน้าตัวเอง
รถแท็กซี่สีเขียวเหลือง เข้ามาจอดหน้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ย่านชานเมือง ก่อนที่คนสองคนจะลงจากรถ คนร่างสูงใหญ่ พยุงคนร่างเล็กแบบบางลงจากรถ ก่อนจะบอกให้คนขับเปิดมิเตอร์รอรับคนร่างใหญ่กลับไปด้วยพนักงานรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์เดินออกมาดูก่อนจะเห็นว่าคนร่างเล็กในอ้อมแขนคนร่างใหญ่เป็นใครจึงเปิดประตูทางเข้าเล็กให้ ก่อนจะพาคนทั้งสองขึ้นรถกอล์ฟแบบที่ใช้ในสนามกอล์ฟ ขับพาไปยังตัวคฤหาสน์ด้านในรถถูกขับมาจอดไว้ด้านหน้าบันไดทางขึ้นกัทพยุงร่างบางของเพื่อนลงจากรถก่อนจะช้อนขาขึ้นอุ้มท่าเจ้าหญิง" แกหนักขึ้นนะเนี่ย " เจ้าตัวบ่นพึมพัม" อืม "เจ้าเพื่อนรักที่เมาหมดสภาพได้แต่ตอบรับแกน ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาถามอะไร" ส่งคินมาให้พ่อมา "กัทเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ ร่างสูงใหญ่ ส่วนสูงเกิน 190 กล้ามเนื้อกำยำ แข็งแรงผิดกับคนวันสี่สิบกว่า มองดูดี ๆ เหมือนคนเพิ่งสามสิบอย่างไรอย่างนั้น แถมเปล่งฮอร์โมนเพศผู้อย่างเข้มข้นออกมา เหมือนจ่าฝูงของเหล่านักล่าในป่า ที่กำลังขมขู่เพื่อปกป้องสิ่งหวงแหนกัทมองอีกฝ่ายอย่างอึ้ง ๆ ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะออกมารอรับเจ้าเพื่อนรักของเขา จากนั้นคนในอ้อมแขนก็โดนแย่งไป อีกฝ่ายอุ้มเจ้าเพื่อ
อคิราขับรถฝ่าการจราจรในกรุงเทพฯช่วงฝนตกอย่างเหนื่อยใจ สองกิโลสามชั่วโมง ไม่มีอะไรจะน่าเบื่อขนาดนี้มาก่อน วันนี้เกรงว่าเขาจะกลับไปไม่ทันทานข้าวกับคุณเดชเสียแล้วไหน ๆ กลับไม่ทันเขาก็ควรบอกกล่าวก่อน อีกฝ่ายจะได้ไม่รอเขาจนเลยเวลาทานอาหารเขาควักมือถือไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดจากคุณเดชออกมาส่งข้อความหาอีกฝ่ายคุณเดช : คุณพ่อ ฝนตก รถติดมาก คินคงกลับถึงไม่ทันเวลากินข้าว ทานก่อนเลยนะครับสักครู่ก็มีข้อความตอบกลับคุณเดช : อืม ขับรถระวัง ๆ ล่ะ ฝนตกอันตรายคินคิน : ครับเขากลับมาตั้งใจขับรถก่อนจะเอายูทูปมาเปิดดูคลิปหมาแมวน่ารัก คลิปทำอาหาร คลิป asmr คั่นเวลารอรถขยับ คาดว่าคงมีอุบัติเหตุด้านหน้า รถเลยเคลื่อนช้าขนาดนี้ระหว่างนี้ก็ไถทวิตเตอร์เล่นไปด้วยตึ๊งตึงเสียงแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊คซึ่งเป็นข้อความจากกลุ่มคนที่ทำงานบริษัทเดียวกัน ทำไว้เพื่อเม้ามอยหรือกระจายข่าวสาร (ซุบซิบ) ดังขึ้นเขากดเข้าไปดูตามปกติเพื่อเช็กเรื่องเม้าล่าสุดหนูนาบ้านอีสานพวกเธอเข้ามาส่องคู่ควงคนใหม่ของท่านประธานกันเร๊ว ก่อนจะถูกท่านแอดมินกลุ่มกำจัด(แปะรูป)(แปะรูป)(แปะรูป)มีคนกดไลค์ คอมเม้นหลักร้อยและยัง
" คุณพ่อ ผมไปทำงานก่อนนะครับ "" อืม กลับมาทานข้าวเย็นเป็นเพื่อนพ่อด้วยล่ะ "" ครับ "บทสนทนาประจำวันแบบเดิม ๆ ที่มักจะได้ยินทุกวันมาเป็นเวลาสามปีเขาชื่อ อคิรา อายุ 26 ปี ทำงานเป็นผู้บริหาร กรรมการบริษัท DX มีธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ความงามแบบใช้ตำรับสมุนไพรเป็นส่วนผสม บริษัทนี้เป็นบริษัทของคุณพ่อของภรรยา ที่ได้สูตรที่ตกทอดกันมาจากบรรพบุรุษที่อดิตเคยเป็นถึงสนมขั้นเฟยในวังหลังภายหลังการปฏิรูประบอบการปกครอง ตระกูลตกต่ำจนต้องย้ายประเทศมาอยู่ที่นี่ พร้อมทั้งหอบหิ้วสมบัติมาตั้งตัวและหนึ่งในนั้นคือสูตรบำรุงความงามต่าง ๆ ที่ว่าบริษัทมีจุดเริ่มต้นจากร้านยาจีนเล็ก ๆ เนื่องจากหนึ่งในบรรพบุรุษที่มาตั้งรกรากที่นี่เป็นแพทย์แผนจีนอีกทั้งยังเป็นหัวหน้าตระกูล ภรรยาของท่านหัวหน้าตระกูลให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวบุตรชายเอาดีทางด้านการบริหาร ก่อร่างสร้างเนื้อสร้างตัวจากร้านยาเล็ก ๆ จนกลายเป็นธุรกิจใหญ่โต ส่วนบุตรสาวร่ำเรียนสืบทอดวิชาแพทย์ต่อจากผู้เป็นพ่อทุกวันนี้จากร้านยาจีนเล็ก ๆ กลายเป็นเครือบริษัทใหญ่โตที่ครอบคลุมกิจการร้านยาจีนหลายสาขา มีโรงงานผลิตอาหารเสริมแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม เวชสำอ
คำเตือนคำหยาบ , โรลเพลย์ช่วงนี้น้องสาวของเจกำลังตั้งครรรภ์ได้สองเดือน ชายหนุ่มทั้งสามในบ้านต่างประคมประหงมหญิงสาวเพียงผู้เดียวนี้ดีมาก จนบางทีรู้สึกได้ว่าเจ้าตัวรำคาญสุด ๆ ฮิมที่เห็นน้องสาวของเขาท้องก็เกิดเฟติชแบบแปลก ๆ ขึ้นมา ตอนที่อยู่ในห้องกันสองคนจึงได้ชวนเขาเล่นอะไรบางอย่าง" เจ ลองเล่นโรลเพลย์กันไหม "ปกติพวกเขาก็เล่นอะไรพวกนี้เป็นปกติอยู่แล้วแต่การชวนครั้งนี้ดูกระตือรือล้นจนเจอดที่จะแปลกใจไม่ได้" อยากเล่นบทอะไร "เขาถามออกไป" โจรชั่วข่มขืนหม้ายท้องแก่จอมร่าน "" ห๊ะ!? "เป็นเขาที่ฟังแล้วทำหน้าเหวอ ตั้งแต่แต่งงานกันมา พึ่งรู้ว่าสามีของเขาโรคจิตขนาดนี้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่ารังเกียจแต่กำลังคิดว่าทำไมอีกคนถึงอยากเล่นบทบาทนี้ต่างหาก" ทำไมถึงอยากเล่นบทนี้ล่ะ "เจถามด้วยหน้าสงสัยสุดขีด" ก็แบบเห็นจูนท้องแล้วพอคิดว่าเป็นมึงท้องแล้วกูจัดมึงตอนท้องแก่แค่คิดก็น้ำจะแตกแล้ว "ไม่พูดเปล่า เจ้าหมาหื่นจับมือเขาลงไปที่เป้ากางเกงที่ตอนนี้แข็งตุงเป็นลำ แท่งเนื้อดันเป้าแทบปริออกมาเจหมั่นไส้สามีจนขยำลงไปแรง ๆ แต่แทนที่เจ้าตัวจะสำนึกกลับเด้าใส่มือ หัวเราะชอบใจไม่หยุดแทนเสียนี่เขาล่ะหน่ายใจ นอกจ