เด็กสาวกรีดร้องจนแทบสิ้นสติ วิ่งไปตบประตูหน้าห้องให้เปิดออก หวังว่าใครสักคนจะเดินผ่านมาแล้วได้ยิน
ปึงๆๆ
"ชะ ช่วยด้วย!! ช่วยหนูด้วย!!" ฝ่ามือเล็กตบทุบประตูใหญ่จนแดงเถือก ออกแรงใช้เล็บตะกุยร้องขอความช่วยเหลืออย่างเสียสติ
ปึงๆๆๆ
"ช่วยหนูด้วย! เปิดประตูที!! ฮือออ"
เธอไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกี้เขากำลังจะฆ่าเธอ
เธอไม่ผิด...เธอไม่ได้ตั้งใจ
ดานิกาสะกดจิตตัวเองก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างกำแพง เด็กสาวร้องไห้จนน้ำตาท่วมมองไม่เห็นทาง
ปึงๆๆ
"Hey! What happened? (เกิดอะไรขึ้น)"
เสียงอีกฟากฝั่งตบเข้าที่บานประตูจนเรียกสติเธอขึ้นมาได้ พร้อมกับถามเป็นภาษาอังกฤษ
ดานิกาหันไปจับประตูอย่างมีความหวัง เธออยากออกไปจากห้องนี้ ต่อให้ต้องกลับไปใต้ดินก็ยอม
"ฮึก! H Help Me...help me please (ชะ ช่วยด้วย ช่วยหนูด้วย)"
"Back away from the door! (ถอยไป!)"
ปัง!
สิ้นเสียงคำสั่งจากด้านนอก เสียงปืนหนึ่งนัดก็ดังขึ้น กระสุนลูกหนึ่งทะลุเข้ามาด้านในและหล่นลงห่างจากเด็กสาวไปช่วงแขนหนึ่ง
ปัง!
ดานิกายกมือปิดหูด้วยความตกใจ จากที่แตกตื่นเพราะทำคนตายอยู่แล้ว ได้ยินเสียงดังจากข้างนอกยิ่งทำเธอสติแตก
ปัง!
"กรี๊ดดดด!!!"
เด็กสาวคลานเข้าไปหลบที่มุมห้องใกล้เตียงนอน กรีดร้องโหยหวนสุดชีวิต เด็กสาววัยสิบเจ็ดสะอึกสะอื้นตัวสั่น สติสัมปชัญญะเธอเข้าใกล้ความบ้าขึ้นทุกที
ผลัวะ!
ประตูห้องถูกถีบออกด้วยฝีมือบอดี้การ์ดของมาเฟียหนุ่ม มือขวาของเขาหันมามองดานิกาที่หลับตาสะอื้นอยู่มุมห้องเพียงนิด ก่อนจะเดินไปที่เสี่ยวิตถารตรวจสอบชีพจร
"ตายแล้วครับนาย"
นาย...
ดานิกาได้ยินคำว่า 'เจ้านาย' ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู ม่านน้ำตาทำให้มองใบหน้าของเขาไม่ชัด แต่แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ในสิ่งที่ตนเองทำ
"นะ หนู...หนูไม่ได้ตั้งใจ" เธอบอกเขาด้วยภาษาอังกฤษกระท่อนกระแท่น
เพราะไม่ได้เรียนต่อตั้งแต่จบมัธยมต้น ที่ได้ภาษาอังกฤษก็เพราะไปทำงานที่ร้านขายอาหารที่มีคนจีนอยู่พลุกพล่าน จึงครูพักลักจำผู้จัดการร้านกับพนักงานคนอื่นๆ ในร้านมา
รองเท้าหนังเงาขลับค่อยๆ เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ ดานิกาไม่กล้าเงยหน้ามองหน้าเขา ทั้งหวาดกลัว ทั้งตื่นตระหนก
เขามีปืน เขาจะฆ่าเธอไหม
เขาเป็นใคร พวกเดียวกับมันหรือเปล่า
หมอบราบลงกับพื้นอย่างไม่คิดสู้ มองเห็นเพียงรองเท้าคู่นั้นลางๆ
แม้แต่รองเท้าที่อยู่เสมอตัวเธอ ยังมีค่ายิ่งกว่าชีวิตเธอในตอนนี้
"ละ ลุงกับป้าขายหนู ฮือออ ปล่อยหนูไปได้ไหม หนูไม่อยากทำ" เธอพร่ำบอกทั้งที่ยังก้มหน้าหน้าผากชิดพื้น
"รีบไป..." เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆ
"...!"
เพียงเท่านั้นดานิกาก็มีความหวัง พยายามดันตัวเองขึ้นจากพื้น ใช้สองฝ่ามือเล็กยันกำแพงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจนสามารถยืนขึ้นได้
"ขะ ขอบคุณค่ะ!" ยิ้มอย่างอิดโรยทั้งน้ำตา ใช้มือดันกำแพงเดินไปยังหน้าประตู
เธอรอดแล้ว...
พรึ่บ!
เจ้าของดวงตาสีอำพันหันไปมองตามเสียงดังจากด้านหลัง เด็กผู้หญิงคนนั้นล้มลงสลบลงไปกับพื้น
มาร์ตินก้าวเท้าข้ามร่างของเด็กสาว มาหยุดต่อหน้าลูกน้องคนสนิท แววตาเย็นชาออกคำสั่งให้ลูกน้องไปจัดการ
"คีย์ เอาตัวมันไปที่เซฟเฮาส์"
"ครับ"
'มัน' ที่เขาหมายถึงก็คือ คนที่กล้าหลอกเขาให้มาที่นี่ และเกือบจะตกลงร่วมลงทุนกับผับนี้
โชคดีที่ได้ยินเสียงแมวข่วนประตูเรียก จึงมาเจออะไรดีๆ เข้า
มาเฟียหนุ่มหลุบตามองที่เล็บและฝ่ามือที่เต็มไปด้วยแผลของเด็กสาว ผมถักเปียสองข้างลู่ไปอยู่ด้านหลังเผยให้เห็นร่องรอยรอบคอเล็ก
"แล้วเด็กคนนี้ล่ะครับ"
"...เอาไปที่เซฟเฮาส์ ตามหมอด้วย"
ร่างสูงเดินนำไปที่รถโดยไม่รอ นั่งรอในรถไม่นานนัก คีย์ก็อุ้มเด็กสาวออกมาจากหลังไนต์คลับ และวางเธอลงที่เบาะข้างคนขับก่อนจะออกไปสั่งการบอดี้การ์ดคนอื่นนับสิบนาย
ไม่กี่อึดใจก็มีรถตู้สีดำที่คุ้นเคยอีกสองคันก็เข้ามาจอดที่ลานจอดรถ ใบหน้าหล่อเหลายักยิ้มมุมปากเมื่อลูกน้องตนเองทยอยเดินเข้าไปในนั้น
วีนัสเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านกับสถาบันสอนศิลปะอยู่ร่วมสองสัปดาห์ และแล้ววันเปิดเรียนชั้นเกรด 12 ก็มาถึง โรงเรียนที่พ่อกับแม่ให้เธอไปเรียนอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก หากเดินเท้าก็ใช้เวลาไม่เกินยี่สิบนาที ในวันแรกของการเปิดเรียน เจสสิก้ากับวิลเลียมขับรถไปส่งเธอด้วยตนเองถึงหน้าประตู ด้วยสีผมที่แสนสะดุดตา กับรูปร่างที่ดูตัวเล็กกว่าใครเพื่อน อีกทั้งชุดที่ใส่ไปเรียนยังเป็นสไตล์น่ารักคล้ายตุ๊กตาโลลิต้า ทำให้เมื่อเดินเข้าไปในรั้วโรงเรียน เธอจึงกลายเป็นจุดสนใจของนักเรียนคนอื่นได้ไม่ยาก "วี!!" เสียงเรียกที่คุ้นหู ทำให้วีนัสรีบหันไปมองตามต้นเสียง เจย์เดนนั่งอยู่ที่ม้านั่งตัวยาวกับเพื่อนของเขาอีกสามคนโบกมือเรียกให้เธอเดินเข้าไปหา เพื่อนของเจย์เดนเป็นหนุ่มยุโรป และสองสาวที่ดูสวยป็อบ ดูจากการแต่งตัวตามแฟชั่นค่อนไปทางเซ็กซี่นิดๆ นั้น "จะเข้าห้องเรียนเลยไหม" เขาถามเมื่อคนตัวเล็กเดินเข้ามาหา "อื้อ อยากเห็นห้องเรียนก่อน" เธอต้องการเวลาในการเตรียมใจเรียนในสภาพแวดล้อมใหม่ "เจย์ นายไม่คิดจะแนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยเหรอ" เส
Martin: ผู้หญิงหรือผู้ชาย? คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเขาถามทำไม อาจจะเป็นห่วง กลัวว่าเธอจะเจอผู้ชายประเภทคุกคามเธออีก Venus: ผู้ชายค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เขาน่ารักมาก คุยเก่ง ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับวี เธอรีบพิมพ์ตอบเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด แต่ข้อความที่ส่งไปกลับถูกอ่านเพียงอย่างเดียว มาร์ตินไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับมา Rrrrr "...!" เสียงเรียกเข้าที่แผดลั่น ทำเอามือถือแทบหล่นออกจากมือ ตั้งสติได้ก็รีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว เมื่อหน้าจอแสดงผลว่าใครกำลังโทรเข้ามา "ค่ะ คุณมาร์ติน" กรอกเสียงรับสายออกไปอย่างติดประหม่า (เปิดกล้อง ปุ่มรูปวิดีโอ) เขาออกคำสั่งเสร็จสรรพ ทำเอาคนที่นอนหัวยุ่งอยู่บนเตียงต้องกระเด้งตัวขึ้นนั่ง หันมองซ้ายมองขวาว่าไม่ได้ทำห้องรก จึงกดปุ่มตามที่เขาบอก เธอเปิดกล้องก่อน เขาจึงเปิดตาม และนั่นทำให้วีนัสตกใจจนรีบเอามือตะครุบปากตัวเองไว้ เขาเปลือยท่อนบนอยู่ พื้นหลังเป็นห้องอะไรสักอย่างที่มีแต่ตู้เสื้อผ้ายาวเหยียด (เป็นอะไร อ้อ...)
คลาสวาดภาพเป็นเรื่องน่าสนุกกว่าที่วีนัสคิดเอาไว้มาก เธอกับเจย์เดนช่วยกันวาดรูปแล้วออกไปนำเสนอหน้าชั้นอย่างสนุกสนาน แม้แต่ปีเตอร์เองก็ชมว่าดอดไม้บนอวกาศของเธอเป็นความหมายที่ดีมาก ดิ้นรนให้เติบโต แม้สถานที่จะไม่เหมาะสม แต่ก็เบ่งบานได้ในที่สุด “วี เธอมีธุระต่อหรือเปล่า” เจย์เดนที่เดินลงลิฟท์มาด้วยกันถามขึ้น คนตัวเล็กส่ายหน้า วีนัสคิดว่าจะกลับไปรอพ่อกับแม่ที่บ้าน เพราะเจสสิก้าทิ้งกุญแจบ้านไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว “ไปกินข้าวเที่ยงกันไหม เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้าน” “ไปกินข้าวได้นะ แต่ไม่ต้องไปส่งวีหรอก บ้านวีอยู่ในหมู่บ้านนี่เอง” เธอบอกเพื่อนใหม่ยิ้มๆ “เจ๋งเลย ฉันก็อยู่หมู่บ้านนี้เหมือนกัน ฉันอยู่ตรอก 12 เธอล่ะ” เขาเดินนำไปที่รถเวสป้าสีส้มที่จอดอยู่หน้าสถาบัน คนตัวเล็กเงียบลงเมื่อถูกถามถึงตรอกทางเข้าบ้านตนเอง เธอเพิ่งมาอยู่ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แล้วตอนที่ออกมาก็ไม่ได้ดูด้วยว่าอยู่ตรอกหมายเลขอะไร รู้เพียงว่ามีร้านไอศกรีมอยู่ทางเข้าแค่นั้น “อยู่ในตรอกร้านไอศกรีมน่ะ” “อ้อ! โอเค ฉันจะไปส่ง” เขารวบรัด จ
[Venus Talks] เช้าวันแรกของการอาศัยอยู่กับครอบครัวใหม่ที่เบอร์มิงแฮม ฉันตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อลงมาช่วยงานแม่ใหม่ ท่านจะได้ไม่หาว่าฉันนอนกินบ้านกินเมือง ถ้าถามว่าเช้าขนาดไหน ขอบอกว่าตีห้า - -; แล้วฉันก็ได้ความรู้เรื่องแรกในการใช้ชีวิต ว่าที่นี่เขาไม่ตื่นเช้าขนาดนั้น เจสสิก้ากับวิลเลียมทำงานที่โรงพยาบาลห่างจากบ้านยี่สิบนาที พวกเขาเลยไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าเหมือนคนกรุงเทพ ที่ต้องออกบ้านแต่เช้ามืดทุกวัน ตอนฉันเปิดประตูออกมาห้องมา ไฟด้านนอกดับสนิท ไม่มีใครตื่นเลยด้วยซ้ำ กระทั่งเจสสิก้าน่าจะได้ยินเสียงฉันเปิดประตู เธอ...แม่เลยถามฉันว่า ‘ตื่นขึ้นมาทำไม อยากได้อะไรหรือเปล่า’ พอฉันบอกว่าฉันตื่นมาช่วยงานตอนเช้า แม่เลยหัวเราะแล้วดันฉันกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะบอกให้ฉันตื่นลงไปข้างล่างตอนแปดโมง ตื่นฟรีเลย - -; ฉันเปิดประตูลงไปด้านล่างอีกครั้งตอนแปดโมงเป๊ะ พอแม่เห็นหน้าฉันก็หันไปเล่าเรื่องเมื่อเช้ามืดให้พ่อฟัง จนท่านหัวเราะจนไข่ดาวแทบติดคอ “อยู่ที่นี่ทำตัวตามสบายนะ คิดซะว่ามาพักผ่อน” พ่อพูดกับฉันพร้อมก
ประตูห้องนอนถูกเปิดออกโดยฝีมือของเจ้าของห้อง ห้องนอน สีขาวฟ้าเต็มไปด้วยตุ๊กตาหมีวางเรียงรายบนเตียง ให้ความรู้สึกห้องนอนของเด็กผู้หญิงจนมาเฟียอย่างเขาเห็นแล้วขนลุก "ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะ" หันมาถามเมื่อเห็นเขายังยืนมองเตียงด้วยใบหน้าเหยเก "ฉันเป็นพวกไม่ถูกกับความน่ารัก" คำตอบของเขาเรียกเสียงหัวเราะของเธอออกมา ร่างบอบบางนั่งลงบนเตียงกว้างของตนเอง ก่อนจะจ้องมองไปที่ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล "เหมือนคุณเลย" เธอหยิบมันขึ้นมาชูใส่หน้าเขา จนคนถูกว่าเหมือนหมีขมวดคิ้ว "เหมือนตรงไหน" หมีขนหยิกสีน้ำตาลตัวนั้นไม่ได้มีส่วนใดเหมือนเขาแม้แต่น้อย คนตัวโตเดินมานั่งข้างเธอ ก่อนจะหยิบตุ๊กตาไปจากมือเล็ก "ไม่เหมือน" "เหมือนสิ ตัวนี้หน้าตาใจดีที่สุดในบรรดาทุกตัวเลย" เธอเถียงเขาหน้าซื่อ มิวายดึงตุ๊กตากลับมากอดตามเดิม "ชอบห้องนี้ไหม" เขาเปลี่ยนคำถามพร้อมกับมองไปรอบๆ "ชอบสิคะ น่ารักมาก ขอบคุณนะคะ" "ขอบคุณเจสสิก้ากับวิลเลียมด้วย" "ค่ะ" ใบหน้าเล็กพยักหน้ารับ หันไปนั่งแกว่งขาเล่นกับตุ๊
เขาให้เวลาเธอจัดการความรู้สึกตนเองสามวันเต็ม ร้องไห้ให้เต็มที่ เสียใจให้พอ ระหว่างนั้นมาร์ตินก็อยู่ด้วยตลอด เธอกับเขานอนเตียงเดียวกัน คนไม่ชอบนอนร่วมเตียงกับคนอื่นก็ลำบากพอตัว แต่การปล่อยให้เธอนอนหลับตา แล้วผวาร้องไห้คนเดียวเป็นเรื่องที่ทนไม่ได้ ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง เครื่องบินส่วนตัวจอดรอที่ท่าอากาศยานตั้งแต่เวลาสองทุ่ม แต่กำหนดการเดินทางคือตีสี่ตรง "ยังง่วงอยู่ไหม" มาร์ตินถามคนตัวเล็กหลังจากเครื่องเทคออฟได้ระยะหนึ่ง "ถ้าง่วงก็เข้าไปนอนข้างใน" ข้างในที่หมายถึง คือส่วนที่ถูกแยกไว้สำหรับทำป็นห้องนอน แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าวีนัสจะนอนได้หรือเปล่า "หนูไม่อยากนอนค่ะ ปวดหัว" เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ เพราะเป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของเธอ ความกดอากาศบนเครื่องทำให้เธอปวดหัวในที่สุด "คีย์ เอายาแก้ปวดมา" ยาแก้ปวดถูกป้อนเข้าปากเล็ก ตามด้วยยื่นขวดน้ำดื่มให้ยกดื่มเอง มาเฟียหนุ่มอุ้มเด็กสาวย้ายที่นั่งมานั่งริมหน้าต่างอีกด้าน ให้เธอนั่งตักเอียงหน้าซบแผ่นอกแล้วมองออกไปด้านนอก มองทิวทัศน์จากบนเครื่อง เ