TW: เนื้อหามีการบรรยายถึงความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
หลังจากสะสางภารกิจที่ได้รับการไหว้วานจากเซน มาร์ตินก็รีบเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในเครือลูซโซ่ทันที และเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับคนของราฟาเอล จึงมาพักที่เซฟเฮาส์ใกล้เมืองหลวงระหว่างที่รอกลับฮ่องกง
ระหว่างนี้จึงมีเวลาไปดูไนต์คลับชื่อดัง ที่เจ้าของเสนอให้เขาเข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนด้วยถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ โดยไม่ต้องออกแรงบริหาร เพียงแค่จ่ายเงินและดูแลเรื่องส่วยให้ก็พอ
ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องให้จัดการส่วย เขานึกเพียงว่าเป็นเรื่องปกติของสถานบันเทิงที่อาจมีการปล่อยให้ผู้เยาว์เข้าสถานที่ หรือปิดเลยเวลาที่กำหนด
แต่จากการได้เห็นอะไรดีๆ วันนี้ กอปรกับการที่คีย์รายงานเรื่องชั้นใต้ดิน
ก็คงต้องมองเสี่ยวิฑูรย์เจ้าของไนต์คลับเสียใหม่
ให้มันรู้ว่าคนอย่างมัน ไม่ควรมายุ่งกับเขาเสียแต่แรก!!
ร่างหนาของเจ้าของไนต์คลับถูกมัดโยงกับขื่อในโกดังเก็บของหลังเซฟเฮาส์จอย่าไร้เรี่ยวแรง สภาพบอบช้ำทั่วร่างกาย และเด่นชัดที่ใบหน้าบ่งบอกว่าลูกน้องเขาไม่ได้ยั้งมือให้กับคนที่คิดขัดขืน
"คะ คุณมาร์ติน ปะ ปล่อยผมเถอะ" พยายามเงยหน้าพูดคุยกึ่งขอความเห็นใจ "ขะ ขอโทษ อึก!"
ตาข้างหนึ่งปิดสนิท เนื่องจากเลือดจากศีรษะไหลเข้าตา ฟันด้านหน้าที่หายระหว่างทาง ทำให้พูดออกมาอย่างไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำนัก
"มึงหลอกกูให้ช่วยกันตำรวจ เพื่อจะให้มึงทำเรื่องสารเลวแบบนั้นเหรอ!!" ตวัดเสียงถามห้วนและดุดันด้วยความโกรธ
ร่างใหญ่ของเสี่ยวิฑูรย์สะดุ้งโหยง สั่นเกร็งจนได้ยินเสียงต้นขากระทบกัน หากไม่ติดที่ถูดมัดมือห้อยโตงเตงคงกราบขอชีวิตจากคนตรงหน้าไปแล้ว
"ขะ ขอโทษ!! ผมขอโทษ! ปล่อยผมเถอะ" เสี่ยใหญ่ร้องขอชีวิตอย่างไร้ศักดิ์ศรี "วะ วันนี้วันเกิดลูกสาวผม แอนนาเพิ่งจะเจ็ดขวบ..."
"พล่ามอะไร!!"
"ฮึก...คะ แค่อยากให้เห็นแก่เด็ก"
รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้า มาร์ตินแค่นหัวเราะออกมาให้กับคุณพ่อดีเด่น
"แล้วเด็กที่อยู่ชั้นใต้ดินไม่ดีไม่เท่าลูกมึงยังไง!!" ภาพที่เขาได้รับผ่านทางมือถือ เห็นการกระทำที่เจ้าขั้นเดนมนุษย์กระทำต่อกัน
ถึงจะฆ่าคนมาจนนับไม่ไหว แต่ไม่เคยเห็นการกระทำระยำตำบอนแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
งานกาสิโนที่เขาทำ คือการเล่นกับกิเลสตัณหาของมนุษย์ก็ถูก แต่เขาเอาเงินที่เป็นวัตถุเข้าแลก
ไม่ใช่ชีวิตของมนุษย์ที่ควรจะเท่าเทียมกัน!!
มีทั้งเด็กชายและหญิงต่ำกว่าสิบห้าอยู่ในนั้น...
ผู้หญิงที่ยังต้องการมีอนาคตที่ดีอีกจำนวนหนึ่ง ที่ต้องถูกกักขังเอาความเป็นคนเข้าแลกให้ตนเองมีชีวิตรอด!!
มือหนาสวมถุงมือหนังอย่างดี ในขณะที่คนถูกพามามองเห็นและดิ้นทุรนทุราย
"ผะ ผมผิดไปแล้ว ปล่อยผมเถอะ ฮืออออ"
เสี่ยใหญ่ร้องไห้ออกมาท้ายที่สุด เหงื่อกาฬแตกพลั่กไม่ต่างจากของเสียอื่นๆ ที่ไหลออกมาจากร่างกายจนเปรอะเปื้อนกางเกง
มือที่สวมถุงมือหนังรับเข็มขัดเส้นเดียวกับที่ตกอยู่ในห้องนั้นมาถือในมือ หลังจากที่สั่งให้คนจัดการเรื่องในห้องให้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คีย์ก็ถือสิ่งนี้มามอบให้เขา พร้อมกับสันนิษฐานว่ารอยรอบคอเด็กคนนั้นมาจากเข็มขัดเส้นนี้
ตึก ตึก ตึก
เสียงรองเท้าหนังย่ำบนพื้นซีเมนต์สร้างความตื่นตระหนกให้เสี่ยวิฑูรย์จนสติแตก ร้องไห้ฟูมฟายออกมาไม่ต่างจากคนบ้า
"อย่าฆ่ากู ฮือออ อย่าทำกู..." ไม่อยากตายวันเกิดลูกสาวคนเดียว เสี่ยใหญ่ได้แต่คิดในใจ
แต่ไม่เคยคิดได้ ว่าการลิดรอนเสรีภาพของคนอื่นตลอดระยะเวลาหลายเดือนหลายปี มันคือความผิด
"คนอย่างมึงคุกมันขังไม่ได้หรอก"
เดินอ้อมไปเบื้องหลัง ก่อนจะใช้เส้นหนังในมือรัดคอด้วยแรงทั้งหมด
เสี่ยวิฑูรย์ดิ้นรนขัดขืนสุดแรง แต่เพราะมือถูกพันธนาการจึงเป็นการออกแรงที่ไร้ค่า
ยิ่งดิ้น...เขายิ่งรัด
เอียงใบหน้าหล่อเหลาดูรอยรอบคอที่เริ่มขึ้นมาเป็นริ้วๆ
เป็นเขา...ยังต้องออกแรงมากขนาดนี้ จึงจะเกิดรอย
แล้วเด็กคนนั้นต้องโดนกระทำขนาดไหน จึงจะเกิดรอยม่วงช้ำได้ขนาดนั้น
"อึก! ฮือออ" คนถูกรัดดวงตาเริ่มเหลือกลอย ลิ้นจุกปากไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์ทั่วไป
เส้นเลือดรอบดวงตาปรากฏชัดเป็นเส้น พร้อมกับใบหน้าแดงก่ำที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ
แสยะยิ้มมุมปากออกมาเมื่อการขัดขืนสิ้นสุดลง มาเฟียหนุ่มปล่อยมือออกจากเข็มขัดหนัง และเดินกลับไปหาลูกน้องที่ถ่ายคลิปวิดีโอโอไว้ตามคำสั่ง
เขาจะให้เป็นของขวัญเด็กคนนั้น หากเธอรอดตายในคืนนี้
"ให้ตำรวจเข้าไปจัดการในไนต์คลับ อย่าให้ใครรู้เรื่องในห้องนั้น"
จะไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องนอนชั้นสามอีกยกเว้นเขา คีย์ และเด็กคนนั้น
อาชญากรรมที่ก่อด้วยเด็กสาว ที่เป็นเหยื่อของความรุนแรง...
ประเทศนี้บูชาคนมีเงิน ขังได้แค่ชื่อ แต่ขังบาปในจิตใจที่มืดบอดไม่ได้ ติดคุกไม่นานก็ออกมาทำชั่วใหม่ วนลูปไม่จบไม่สิ้นชั่วกัปชั่วกัลป์
อาการของเด็กสาวน่ากังวลกว่าที่คิด แม้จะผ่านคืนวิกฤติรอดชีวิตมาได้ แต่ผ่านไปสองวันแล้วเด็กคนนี้ก็ยังไม่ฟื้น
มาร์ตินไม่ได้เข้ามาในห้องพักของเธอเลย เขาฟังรายงานจากลูกน้องเท่านั้น แต่ก็พอรับรู้ได้ว่าเด็กคนนั้นอาจจะอยู่ในภาวะช็อคจนหมดสติ ประกอบกับร่างกายที่เหนื่อยล้า ขาดสารอาหาร และเจอความเครียดมาอย่างหนักหน่วง สมองจึงสั่งปิดสวิตช์ร่างกายตอนเองเพื่อรักษาชีวิตให้อยู่รอด
มาเฟียหนุ่มจ้างพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลเธอ มีหมอมาตรวจทุกวันเช้าเย็น
ส่วนลุงกับป้าสารเลวที่จับหลานตัวเองมาขายซ่อง เขาจะไม่จัดการเอง เขาจะรอเธอฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยถามว่าจะให้ทำอย่างไรกับญาติชั่วๆ แบบนี้
ก๊อกๆ
ประตูห้องนอนถูกเปิดออก พร้อมกับคีย์ที่เดินเข้ามารายงานอย่างเร่งรีบ
"นายครับ เด็กคนนั้นตื่นแล้วครับ"
มาเฟียหนุ่มดับบุหรี่ลงกับที่เขี่ยบุหรี่โลหะบนโต๊ะ หยัดกายสูงกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบสองเซนติเมตรลุกขึ้น รุดหน้าไปยังห้องพักของเธอทันที
ในระหว่างที่เดินไปยังห้องพักเด็ก คีย์ก็ยังคงกล่าวรายงานสถานการณ์ไปด้วย
"ตื่นมาก็โวยวาย แล้วก็หนีเข้าไปขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำเลยครับ"
"เรียกจิตแพทย์มาประเมินอาการ"
"ครับ!"
ประตูห้องนอนขนาดย่อมถูกเปิดออกด้วยฝีมือเจ้าของเซฟเฮาส์ เดินตรงเข้าไปยังห้องนอน ก็พบว่ามีเลือดหยดตามพื้นไหลเป็นทางจนถึงห้องน้ำ
สาเหตุคงมาจากการกระชากเข็มน้ำเกลือ
ร่างสูงเดินมาหยุดหน้าห้องน้ำ ซึ่งมีพยาบาลพิเศษกำลังเคาะประตูเรียกให้เธอออกมาจากห้องน้ำนั้น
"ออกไป"
สิ้นคำสั่ง พยาบาลคนนั้นก็โค้งรับก่อนเดินอ้อมด้านหลังออกจากห้องนอนไป
"เปิด" เขาออกคำสั่งกับคนในห้องน้ำด้วยน้ำเสียงปกติ มั่นใจว่าเธอได้ยินสิ่งที่เขากำลังพูด
"ฮึก ฮือออ..."
เสียงร้องไห้สะอื้นจากด้านใน ทำให้เขาถอนหายใจออกมา
"หิวข้าวหรือเปล่า" เขาถามหยั่งเชิงคนด้านใน ก่อนจะเดินกลับไปนั่งบนเตียง "วันนี้มื้อเที่ยงเป็นข้าวผัดสับปะรด เอาอะไรเพิ่มไหม"
"ฮึก! ฮึก! ฮือออ..."
"ถ้าเธอออกมาไม่ทันมื้อเที่ยง ต้องรอกินข้าวอีกทีสองทุ่มนะ" ว่าแล้วก็ยกนาฬิกาข้อมือตนเองขึ้นมาดูประกอบ "อีกสองนาทีจะเที่ยง หิวก็กินน้ำรอไปก่อน ฉันไปละ"
เขาไปจริงๆ
มาร์ตินลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มั่นใจว่าเธอได้ยินเสียงฝีเท้าเขาที่กำลังจะจากไปแน่นอน
แกร๊ก~
เสียงเปิดประตูห้องน้ำทำให้เขาหยุดเดินพร้อมกับยกยิ้มกึ่งหนึ่ง ไม่ได้เดินกลับเข้าไปหา เพราะรู้ว่าเด็กอาจจะหนีกลับเข้าไปในนั้นอีก
ชายหนุ่มจงใจเปิดประตูห้องนอนทิ้งไว้ ไม่ลืมที่จะบอกพยาบาลให้เตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลไปรอที่ห้องอาหาร
วันนี้เขาเดินช้ากว่าทุกวัน เพราะรอให้เด็กสาวค่อยๆ พยุงตัวเล็กๆ ของตนเองเดินตามมาห่างๆ ส่งสายตาให้กับเหล่าบอดี้การ์ดให้เปลี่ยนไปคุ้มกันด้านนอกให้หมด
ตอนนี้ห้องอาหารจึงมีแค่เขากับพยาบาล ส่วนคนที่แอบเดินตามหลังมายังไม่ยอมเข้ามาด้านใน
เขารับประทานมื้อเที่ยงอย่างไม่รอช้า กินยั่วคนไม่ได้กินข้าวมาสองวันแบบไม่สะทกสะท้าน นอกจากจะมีข้าวผัดสับปะรด ยังมีกุ้งผัดพริกเกลือ กับยำปลากระพงทอดน้ำปลา
อาหารไทยอร่อย แต่เพื่อนเขาที่ลงหลักปักฐานที่นี่กลับไม่ชอบ จะกินข้าวด้วยแต่ละทีก็เรื่องเยอะ
"หิวก็มานั่ง" เหลือบมองหน้าประตูห้องอาหาร เห็นเด็กยืนหิ้วท้องตัวเองยืนมองอยู่ไม่ไกล
"ขะ ขอเอาไปกินในห้อง..."
"ห้ามกินข้าวในห้องนอน" ปฏิเสธโดยไม่รอให้พูดจบ
กระทั่งได้ยินเสียงขยับตัวของเท้าเปลือยก็ยิ้มขึ้นมาอีกหน เด็กสาวเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้ข้างกันอย่างกล้าๆ กลัวๆ ส่งสัญญาณให้พยาบาลเดินเข้ามาทำแผล
แน่นอนว่าเธอสะดุ้งเมื่อมีคนมานั่งข้าง ทำท่าจะขยับตัวลุกหนี
"จะกินก็ทำแผลก่อน เหม็นกลิ่นเลือด กินข้าวไม่ลง"
"..."
ใบหน้าเล็กจึงก้มหน้างุด ยื่นแขนให้พยาบาลทำแผล ก่อนจะลงมือกินข้าวผัดบนโต๊ะอย่างหิวโหย
มาร์ตินไม่ได้ใส่ใจกับความมูมมามนั้น เขายังนั่งกินข้าวเงียบๆ โดยไม่สนใจเธอ ยกน้ำขึ้นมาดื่ม แล้วลุกขึ้นพร้อมกับวางผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะ
"ฝากกินอีกสองจานด้วย อย่าให้เหลือ"
วีนัสเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านกับสถาบันสอนศิลปะอยู่ร่วมสองสัปดาห์ และแล้ววันเปิดเรียนชั้นเกรด 12 ก็มาถึง โรงเรียนที่พ่อกับแม่ให้เธอไปเรียนอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก หากเดินเท้าก็ใช้เวลาไม่เกินยี่สิบนาที ในวันแรกของการเปิดเรียน เจสสิก้ากับวิลเลียมขับรถไปส่งเธอด้วยตนเองถึงหน้าประตู ด้วยสีผมที่แสนสะดุดตา กับรูปร่างที่ดูตัวเล็กกว่าใครเพื่อน อีกทั้งชุดที่ใส่ไปเรียนยังเป็นสไตล์น่ารักคล้ายตุ๊กตาโลลิต้า ทำให้เมื่อเดินเข้าไปในรั้วโรงเรียน เธอจึงกลายเป็นจุดสนใจของนักเรียนคนอื่นได้ไม่ยาก "วี!!" เสียงเรียกที่คุ้นหู ทำให้วีนัสรีบหันไปมองตามต้นเสียง เจย์เดนนั่งอยู่ที่ม้านั่งตัวยาวกับเพื่อนของเขาอีกสามคนโบกมือเรียกให้เธอเดินเข้าไปหา เพื่อนของเจย์เดนเป็นหนุ่มยุโรป และสองสาวที่ดูสวยป็อบ ดูจากการแต่งตัวตามแฟชั่นค่อนไปทางเซ็กซี่นิดๆ นั้น "จะเข้าห้องเรียนเลยไหม" เขาถามเมื่อคนตัวเล็กเดินเข้ามาหา "อื้อ อยากเห็นห้องเรียนก่อน" เธอต้องการเวลาในการเตรียมใจเรียนในสภาพแวดล้อมใหม่ "เจย์ นายไม่คิดจะแนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยเหรอ" เส
Martin: ผู้หญิงหรือผู้ชาย? คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเขาถามทำไม อาจจะเป็นห่วง กลัวว่าเธอจะเจอผู้ชายประเภทคุกคามเธออีก Venus: ผู้ชายค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เขาน่ารักมาก คุยเก่ง ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับวี เธอรีบพิมพ์ตอบเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด แต่ข้อความที่ส่งไปกลับถูกอ่านเพียงอย่างเดียว มาร์ตินไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับมา Rrrrr "...!" เสียงเรียกเข้าที่แผดลั่น ทำเอามือถือแทบหล่นออกจากมือ ตั้งสติได้ก็รีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว เมื่อหน้าจอแสดงผลว่าใครกำลังโทรเข้ามา "ค่ะ คุณมาร์ติน" กรอกเสียงรับสายออกไปอย่างติดประหม่า (เปิดกล้อง ปุ่มรูปวิดีโอ) เขาออกคำสั่งเสร็จสรรพ ทำเอาคนที่นอนหัวยุ่งอยู่บนเตียงต้องกระเด้งตัวขึ้นนั่ง หันมองซ้ายมองขวาว่าไม่ได้ทำห้องรก จึงกดปุ่มตามที่เขาบอก เธอเปิดกล้องก่อน เขาจึงเปิดตาม และนั่นทำให้วีนัสตกใจจนรีบเอามือตะครุบปากตัวเองไว้ เขาเปลือยท่อนบนอยู่ พื้นหลังเป็นห้องอะไรสักอย่างที่มีแต่ตู้เสื้อผ้ายาวเหยียด (เป็นอะไร อ้อ...)
คลาสวาดภาพเป็นเรื่องน่าสนุกกว่าที่วีนัสคิดเอาไว้มาก เธอกับเจย์เดนช่วยกันวาดรูปแล้วออกไปนำเสนอหน้าชั้นอย่างสนุกสนาน แม้แต่ปีเตอร์เองก็ชมว่าดอดไม้บนอวกาศของเธอเป็นความหมายที่ดีมาก ดิ้นรนให้เติบโต แม้สถานที่จะไม่เหมาะสม แต่ก็เบ่งบานได้ในที่สุด “วี เธอมีธุระต่อหรือเปล่า” เจย์เดนที่เดินลงลิฟท์มาด้วยกันถามขึ้น คนตัวเล็กส่ายหน้า วีนัสคิดว่าจะกลับไปรอพ่อกับแม่ที่บ้าน เพราะเจสสิก้าทิ้งกุญแจบ้านไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว “ไปกินข้าวเที่ยงกันไหม เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้าน” “ไปกินข้าวได้นะ แต่ไม่ต้องไปส่งวีหรอก บ้านวีอยู่ในหมู่บ้านนี่เอง” เธอบอกเพื่อนใหม่ยิ้มๆ “เจ๋งเลย ฉันก็อยู่หมู่บ้านนี้เหมือนกัน ฉันอยู่ตรอก 12 เธอล่ะ” เขาเดินนำไปที่รถเวสป้าสีส้มที่จอดอยู่หน้าสถาบัน คนตัวเล็กเงียบลงเมื่อถูกถามถึงตรอกทางเข้าบ้านตนเอง เธอเพิ่งมาอยู่ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แล้วตอนที่ออกมาก็ไม่ได้ดูด้วยว่าอยู่ตรอกหมายเลขอะไร รู้เพียงว่ามีร้านไอศกรีมอยู่ทางเข้าแค่นั้น “อยู่ในตรอกร้านไอศกรีมน่ะ” “อ้อ! โอเค ฉันจะไปส่ง” เขารวบรัด จ
[Venus Talks] เช้าวันแรกของการอาศัยอยู่กับครอบครัวใหม่ที่เบอร์มิงแฮม ฉันตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อลงมาช่วยงานแม่ใหม่ ท่านจะได้ไม่หาว่าฉันนอนกินบ้านกินเมือง ถ้าถามว่าเช้าขนาดไหน ขอบอกว่าตีห้า - -; แล้วฉันก็ได้ความรู้เรื่องแรกในการใช้ชีวิต ว่าที่นี่เขาไม่ตื่นเช้าขนาดนั้น เจสสิก้ากับวิลเลียมทำงานที่โรงพยาบาลห่างจากบ้านยี่สิบนาที พวกเขาเลยไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าเหมือนคนกรุงเทพ ที่ต้องออกบ้านแต่เช้ามืดทุกวัน ตอนฉันเปิดประตูออกมาห้องมา ไฟด้านนอกดับสนิท ไม่มีใครตื่นเลยด้วยซ้ำ กระทั่งเจสสิก้าน่าจะได้ยินเสียงฉันเปิดประตู เธอ...แม่เลยถามฉันว่า ‘ตื่นขึ้นมาทำไม อยากได้อะไรหรือเปล่า’ พอฉันบอกว่าฉันตื่นมาช่วยงานตอนเช้า แม่เลยหัวเราะแล้วดันฉันกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะบอกให้ฉันตื่นลงไปข้างล่างตอนแปดโมง ตื่นฟรีเลย - -; ฉันเปิดประตูลงไปด้านล่างอีกครั้งตอนแปดโมงเป๊ะ พอแม่เห็นหน้าฉันก็หันไปเล่าเรื่องเมื่อเช้ามืดให้พ่อฟัง จนท่านหัวเราะจนไข่ดาวแทบติดคอ “อยู่ที่นี่ทำตัวตามสบายนะ คิดซะว่ามาพักผ่อน” พ่อพูดกับฉันพร้อมก
ประตูห้องนอนถูกเปิดออกโดยฝีมือของเจ้าของห้อง ห้องนอน สีขาวฟ้าเต็มไปด้วยตุ๊กตาหมีวางเรียงรายบนเตียง ให้ความรู้สึกห้องนอนของเด็กผู้หญิงจนมาเฟียอย่างเขาเห็นแล้วขนลุก "ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะ" หันมาถามเมื่อเห็นเขายังยืนมองเตียงด้วยใบหน้าเหยเก "ฉันเป็นพวกไม่ถูกกับความน่ารัก" คำตอบของเขาเรียกเสียงหัวเราะของเธอออกมา ร่างบอบบางนั่งลงบนเตียงกว้างของตนเอง ก่อนจะจ้องมองไปที่ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล "เหมือนคุณเลย" เธอหยิบมันขึ้นมาชูใส่หน้าเขา จนคนถูกว่าเหมือนหมีขมวดคิ้ว "เหมือนตรงไหน" หมีขนหยิกสีน้ำตาลตัวนั้นไม่ได้มีส่วนใดเหมือนเขาแม้แต่น้อย คนตัวโตเดินมานั่งข้างเธอ ก่อนจะหยิบตุ๊กตาไปจากมือเล็ก "ไม่เหมือน" "เหมือนสิ ตัวนี้หน้าตาใจดีที่สุดในบรรดาทุกตัวเลย" เธอเถียงเขาหน้าซื่อ มิวายดึงตุ๊กตากลับมากอดตามเดิม "ชอบห้องนี้ไหม" เขาเปลี่ยนคำถามพร้อมกับมองไปรอบๆ "ชอบสิคะ น่ารักมาก ขอบคุณนะคะ" "ขอบคุณเจสสิก้ากับวิลเลียมด้วย" "ค่ะ" ใบหน้าเล็กพยักหน้ารับ หันไปนั่งแกว่งขาเล่นกับตุ๊
เขาให้เวลาเธอจัดการความรู้สึกตนเองสามวันเต็ม ร้องไห้ให้เต็มที่ เสียใจให้พอ ระหว่างนั้นมาร์ตินก็อยู่ด้วยตลอด เธอกับเขานอนเตียงเดียวกัน คนไม่ชอบนอนร่วมเตียงกับคนอื่นก็ลำบากพอตัว แต่การปล่อยให้เธอนอนหลับตา แล้วผวาร้องไห้คนเดียวเป็นเรื่องที่ทนไม่ได้ ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง เครื่องบินส่วนตัวจอดรอที่ท่าอากาศยานตั้งแต่เวลาสองทุ่ม แต่กำหนดการเดินทางคือตีสี่ตรง "ยังง่วงอยู่ไหม" มาร์ตินถามคนตัวเล็กหลังจากเครื่องเทคออฟได้ระยะหนึ่ง "ถ้าง่วงก็เข้าไปนอนข้างใน" ข้างในที่หมายถึง คือส่วนที่ถูกแยกไว้สำหรับทำป็นห้องนอน แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าวีนัสจะนอนได้หรือเปล่า "หนูไม่อยากนอนค่ะ ปวดหัว" เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ เพราะเป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของเธอ ความกดอากาศบนเครื่องทำให้เธอปวดหัวในที่สุด "คีย์ เอายาแก้ปวดมา" ยาแก้ปวดถูกป้อนเข้าปากเล็ก ตามด้วยยื่นขวดน้ำดื่มให้ยกดื่มเอง มาเฟียหนุ่มอุ้มเด็กสาวย้ายที่นั่งมานั่งริมหน้าต่างอีกด้าน ให้เธอนั่งตักเอียงหน้าซบแผ่นอกแล้วมองออกไปด้านนอก มองทิวทัศน์จากบนเครื่อง เ