ร่างสูงใหญ่นั่งพิงหัวเตียงตรวจงานของกาสิโนผ่านแลปท็อปในระหว่างที่ร่างกายยังไม่รู้สึกง่วงไปด้วย วันนี้เขาตั้งใจจะไม่เข้าไปดูวีนัส เพราะต้องการให้เธอเรียนรู้การอยู่โดยไม่มีเขา
มาเฟียหนุ่มนั่งคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ในคืนวันเกิดเหตุ สายตาหวาดระแวงที่เขาสบตาในครั้งแรก มองดูราวกับลูกกวางที่หลงทางมาเจอกับเขา
บาดเจ็บ เจ็บปวด พยายามดิ้นรนต่อสู้จนสุดหนทางแล้ว แต่ไม่เพียงพอที่จะทำให้ตนเองมีชีวิตต่อในวันพรุ่งนี้
แม้ประเทศนี้จะไม่มีบทลงโทษที่รุนแรงกับผู้เยาว์ อีกทั้งการกระทำของเธอก็เป็นการป้องกันตัว แต่การมีประวัติอาชญกรรมติดตัว ย่อมไม่เป็นผลดีกับคนไร้ที่พึ่งเช่นนั้น
เธอจะโตมาอย่างยากลำบากกว่าเดิม ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย มาร์ตินแค่กลัวว่าหากเขาปล่อยเธอไปลำพัง เธอจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่ออีกไม่ไหวก็เท่านั้น
นั่นเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เขาตัดสินใจช่วยเหลือเด็กคนนี้ ทั้งที่ปกติเขาจะไม่เอาตัวเข้าไปสอดเรื่องของใครหากไม่จำเป็น
ก๊อกๆๆ
"นายครับ วีนัสไม่ยอมนอน" เสียงรายงานจากลูกน้องทำเอาเขาเบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างเหนื่อยใจ
"ทำไมมึงไม่สนิทกับวีนัส" เผื่อเธอจะเลิกตามติดเขา แล้วเปลี่ยนไปติดคีย์แทน
"ผมพยายามแล้วครับ แต่วีนัสไม่คุยกับคนอื่นนอกจากนาย"
เป็นจริงอย่างที่ลูกน้องกล่าว แม้ตอนเย็นจะได้ยินเสียงหัวเราะตอนอยู่กับพริมโรส แต่วีนัสไม่ได้พูดคุยกับแฟนของเพื่อนแม้แต่ประโยคเดียวให้เห็น
ใบหน้าหล่อเหลาจำต้องพยักหน้ารับคำของลูกน้อง พับหน้าจอ
แลปท็อปลงวางบนเตียง จากนั้นจึงเดินไปยังห้องที่อยู่อีกฟากของชั้นสองมาร์ตินเปิดประตูเจ้าไปในห้อง ก็พบว่าห้องนอนของเด็กสาวปิดไฟมืด มีเพียงแสงจากไอแพดบนเตียงเท่านั้นที่ส่องสว่าง
"วีนัส นอนได้แล้ว" ออกคำสั่งออกไป พร้อมกับนั่งลงบนโซฟาปลายเตียงอย่างเคยชิน
เด็กสาววัยสิบเจ็ดลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ถือไอแพดแนบอกเดินมาทรุดตัวนั่งลงที่ปลายเท้าเขาเช่นทุกครั้ง
แต่คราวนี้แตกต่างออกไป ตรงที่วางจอไอแพดตั้งกับโต๊ะหน้ากระจก เปิดการ์ตูนเรื่องที่ดูกับพริมโรสก่อนจะซบหน้าลงที่ตักเขา โดยหันหน้ามองที่จอไปด้วย
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังออกมาจากริมฝีปากเล็ก หลุบตามองต่ำไปที่เธอก็เห็นว่ากำลังเคี้ยวอะไรบางอย่างในปากไปด้วย
"กินอะไร บอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่ากินอาหารในห้องนอน" เขาดุอย่างไม่จริงจังนัก เพียงแค่อยากให้เธอโตขึ้นอย่างมีระเบียบวินัย
มาร์ตินยามนี้ รู้สึกไม่ต่างจากการเป็นพ่อของวีนัส
"กินไหมคะ" มือเล็กยื่นเยลลี่รูปหมีสีแดงมาให้เขา
มืออีกข้างมีซองขนมสีน้ำตาลทองในมือ คนอายุมากกว่าคลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นเธอถือมันตั้งแต่มื้อเย็น
คงได้จากแฟนของเพื่อน
"กินเสร็จก็รีบไปแปรงฟัน"
"อร่อยมากเลย หนูกินอีกได้ไหมคะ" มือเล็กชูเยลลี่ขึ้นท่ามกลางไฟสลัวจากหน้าจอ ก่อนจะเอามันเข้าปาก "ไม่เคยกินเลย เห็นแต่ในทีวี"
"เรียนจบชั้นไหน" เขาหยั่งเชิงถามเธอขึ้นมา
แม้จะรู้อยู่แล้วจากการให้คนไปสืบ แต่ก็อยากฟังจากปาก อยากมั่นใจว่าวีนัสไว้ใจเขามากขนาดไหน
"มอสามค่ะ" เธอพูดโดยที่ตายังมองจออยู่ "ถ้าโรงเรียนฝรั่งคงเรียกว่าเกรดสิบมั้งคะ"
"อยากเรียนต่อไหม"
"หนูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว"
"ไปอยู่อังกฤษ เรียนให้จบไฮสกูล"
สองปีไม่ได้นานนักสำหรับเขา แต่คงไม่ใช่สำหรับเด็กคนนี้
"คุณไปด้วยไหมคะ"
"ฉันจะไปส่ง และไปรับเธอกลับทันทีที่เรียนจบ"
จากที่ตั้งใจจะให้ลูกน้องไปส่ง แต่ได้ยินเสียงสั่นเครือจากเด็กที่นอนซบตักเขามองจอการ์ตูนที่จบแล้วอยู่ก็เข้าใจได้ว่าวีนัสกำลังเสียใจ
เธอเด็กเกินไปที่จะอยู่กับเขา มีเรื่องมากมายที่เขาและเธอต้องแยกย้ายกันไปสะสางให้เสร็จสิ้น
"หนูต้องอยู่คนเดียวเหรอคะ"
"ครอบครัวใหม่ของเธออยู่ที่นั่น วิลเลียมกับเจสสิก้าเขาดีใจที่เธอจะไปอยู่ด้วย"
ทักษะการโน้มน้าวใจถูกงัดออกมาใช้จนหมด ยกฝ่ามือแนบกับศีรษะเล็กเมื่อรับรู้แรงสั่นเบาๆ จากร่างกายของคนที่นอนซบหน้าขาตนเองอยู่
"ร้องไห้ทำไม"
"ไม่อยากไป ฮึก...หนูกลัว"
มาร์ตินลอบถอนหายใจออกมา หยิบถุงเยลลี่ออกจากมือเล็กมาวางบนโต๊ะ จากนั้นจึงช้อนร่างเล็กขึ้นในอ้อมแขน
"ตัวเบาจัง สองปีที่ไม่เจอกันเพิ่มน้ำหนักขึ้นอีกสักห้ากิโลได้ไหม"
แขนเล็กที่แทบจะมีแต่หนังหุ้มกระดูก ทำเอาคนมองเห็นถึงกับไม่สบายใจ
เขาวางเธอลงที่เตียง แล้วจัดการห่มผ้าให้เสร็จสรรพ ฟันผุก็ช่างแม่ง ไม่มีอารมณ์จะบังคับให้ทำนั่นทำนี่แล้วเหมือนกัน
ร่างสูงล้มตัวลงนอนข้างเธอ โดยไม่ได้สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน เท้าศีรษะมองเด็กสาวที่นอนมองเขาตาแป๋วอย่างเสียอกเสียใจ
"สองปี ฉันจะไปรับ" นิ้วชี้เรียวตีปลายจมูกรั้นเบาๆ "อยู่ที่นั่นเป็นเด็กดี อยากได้อะไรฉันจะส่งไปให้"
"ไปหาหนูปีละครั้งได้ไหมคะ"
"ฉันมีงานที่ต้องทำ แต่เธอโทรหาฉันได้ตลอด แบบนี้โอเคไหม"
เขากลัวว่าหากเธอรู้ว่าจะได้เจอเขาทุกปี จะเป็นการตั้งกำแพงกับครอบครัวใหม่
สองปีที่ไม่เจอกัน อยากให้เธอพึ่งพาฝั่งนั้นให้เต็มที่ จะได้สนิทกันอย่างรวดเร็ว
"สัญญานะว่าจะไม่เอาหนูไปทิ้งที่นั่น"
"สัญญาๆ นอนได้แล้ว พรุ่งนี้จะพาออกไปข้างนอก" ยกมือตีผ้าห่มเบาๆ เป็นการกล่อมให้เธอนอนกลายๆ
"ไปไหนคะ หนูไม่อยากไปเลย"
"ไปซื้อเสื้อผ้าสำหรับเดินทาง แล้วก็นัดช่างทำผมไว้"
"คุณไปกันหนูนะคะ"
สายตาออดอ้อนในความมืด ทำเอาเขาใจอ่อน ทั้งที่ทีแรกตั้งใจว่าจะให้คีย์เป็นคนพาไป
"ได้ นอนได้แล้ว ฉันก็จะกลับไปนอน"
"ฝันดีค่ะ"
"ฝันดี"
คนตัวโตนอนเท้าศีรษะมองวีนัสที่นอนหลับตานิ่ง เขานอนตบผ้าห่มกล่อมเธอนอนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
เท้าหนาจึงก้าวลงจากเตียง เดินไปหยิบสายชาร์จไอแพดมาเสียบกับตัวเครื่องไว้สำหรับให้เธอใช้วันพรุ่งนี้ จากนั้นจึงปิดประตูกลับไปนอนที่ห้องตนเอง
เช้าวันต่อมา มาร์ตินเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา หลายวันมานี้เขาขลุกอยู่แต่ในเซฟเฮาส์จนผิวกายเริ่มออกซีดจากที่ขาวจัดอยู่แล้ว
คนตัวสูงนั่งลง โดยมีเด็กสาวในชุดเดรสลวดลายดอกไม้สีสันสดใสนั่งจิบนมสดรองท้องรอเขาอยู่ด้วยใบหน้าสดชื่น
คีย์เลือกเสื้อผ้าเด็กได้ดี ไม่ซื้อสีอึมครึมที่ทำให้เด็กรู้สึกหม่นหมองมาให้
แต่โบผูกสีชมพูดอ่อนลายกระต่ายนั่นมันอะไรกัน ลูกน้องเขามีรสนิยมแบบนี้ด้วยหรือ
"โบผูกผมอันนั้นมึงเลือก?" หันไปกระซิบคุยกับลูกน้องให้ได้ยินกันเพียงสองคน
"ให้แม่ค้าหยิบให้ครับ นายเห็นผมเป็นคนยังไง?" เขาส่ายหัวตอบให้กับความคิดของเจ้านาย
"มีอะไรหรือเปล่าคะ" เห็นเขาพูดคุยกันกระซิบกระซาบ ก็กลัวว่าจะมีเรื่องสำคัญ เธอจะได้ออกไปรอข้างนอกก่อน
"ไม่มีอะไร กินข้าวสิ"
อาหารมื้อเช้าวันนี้เป็นสไตล์อเมริกัน แฮม ไส้กรอก ไข่ดาว และขนมปังปิ้งถูกจัดบนจานที่ใหญ่กว่าปกติ
และดูเหมือนวีนัสจะตื่นเต้นกับอาหารวันนี้ไม่น้อย เธอใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกคอกเทลขนาดจิ๋ว จิ้มกับซอสมะเขือเทศเอาเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
หลายวันมานี้เขาบังคับเธอทานอาหารให้ครบห้าหมู่ และมีข้าวเป็นคาร์โบไฮเดรตหลัก เด็กคนนี้จะออกอาการเบื่ออาหารก็ไม่แปลก
"อร่อยไหม" คนกินของพวกนี้จนเบื่อถามขึ้น
"อร่อยมากค่ะ ไม่เคยกินไส้กรอกแท้มาก่อนเลย"
"ไส้กรอกแท้?"
"ค่ะ ที่เคยกินเป็นแป้งล้วน ใส่กลิ่นหมูไก่" พูดพลางใช้มีดหั่น
เบค่อนแผ่นอย่างเงอะงะไปด้วย จนคนถามสงสารจึงหยิบช้อนให้อีกคันใช้ช้อนกับส้อมคงถนัดกว่า
"ทำไมต้องกินอะไรแบบนั้น"
"มันถูกค่ะ ทำงานได้วันละสี่ร้อยต้องเอาไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟด้วย"
เธอตอบยิ้มแย้มออกมา "ถ้าหนูเรียนจบไฮกูลตามที่บอก คุณจะจ้างหนูทำงานไหมคะ"ไม่รู้ว่างานของเขาทำอะไร ต้องใช้วุฒิสูงไหม?
"ได้ ฉันจะจ้างชั่วโมงละร้อยดอลลาร์ฮ่องกง"
"โอ๊ะ คุณคีย์จดไว้นะคะ เจ้านายคุณจ้างงานฉันแล้ว"
วีนัสพูดจบก็หัวเราะออกมา แล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ ส่วนมาเฟียกับลูกน้องก็มองหน้ากันอย่างใจชื้น
เมื่อกี้วีนัสคุยกับคีย์...เป็นครั้งแรกที่เธอคุยกับคนอื่นนอกจากเขาและหมอ
วีนัสเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านกับสถาบันสอนศิลปะอยู่ร่วมสองสัปดาห์ และแล้ววันเปิดเรียนชั้นเกรด 12 ก็มาถึง โรงเรียนที่พ่อกับแม่ให้เธอไปเรียนอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก หากเดินเท้าก็ใช้เวลาไม่เกินยี่สิบนาที ในวันแรกของการเปิดเรียน เจสสิก้ากับวิลเลียมขับรถไปส่งเธอด้วยตนเองถึงหน้าประตู ด้วยสีผมที่แสนสะดุดตา กับรูปร่างที่ดูตัวเล็กกว่าใครเพื่อน อีกทั้งชุดที่ใส่ไปเรียนยังเป็นสไตล์น่ารักคล้ายตุ๊กตาโลลิต้า ทำให้เมื่อเดินเข้าไปในรั้วโรงเรียน เธอจึงกลายเป็นจุดสนใจของนักเรียนคนอื่นได้ไม่ยาก "วี!!" เสียงเรียกที่คุ้นหู ทำให้วีนัสรีบหันไปมองตามต้นเสียง เจย์เดนนั่งอยู่ที่ม้านั่งตัวยาวกับเพื่อนของเขาอีกสามคนโบกมือเรียกให้เธอเดินเข้าไปหา เพื่อนของเจย์เดนเป็นหนุ่มยุโรป และสองสาวที่ดูสวยป็อบ ดูจากการแต่งตัวตามแฟชั่นค่อนไปทางเซ็กซี่นิดๆ นั้น "จะเข้าห้องเรียนเลยไหม" เขาถามเมื่อคนตัวเล็กเดินเข้ามาหา "อื้อ อยากเห็นห้องเรียนก่อน" เธอต้องการเวลาในการเตรียมใจเรียนในสภาพแวดล้อมใหม่ "เจย์ นายไม่คิดจะแนะนำให้พวกเรารู้จักหน่อยเหรอ" เส
Martin: ผู้หญิงหรือผู้ชาย? คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเขาถามทำไม อาจจะเป็นห่วง กลัวว่าเธอจะเจอผู้ชายประเภทคุกคามเธออีก Venus: ผู้ชายค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เขาน่ารักมาก คุยเก่ง ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับวี เธอรีบพิมพ์ตอบเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด แต่ข้อความที่ส่งไปกลับถูกอ่านเพียงอย่างเดียว มาร์ตินไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับมา Rrrrr "...!" เสียงเรียกเข้าที่แผดลั่น ทำเอามือถือแทบหล่นออกจากมือ ตั้งสติได้ก็รีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว เมื่อหน้าจอแสดงผลว่าใครกำลังโทรเข้ามา "ค่ะ คุณมาร์ติน" กรอกเสียงรับสายออกไปอย่างติดประหม่า (เปิดกล้อง ปุ่มรูปวิดีโอ) เขาออกคำสั่งเสร็จสรรพ ทำเอาคนที่นอนหัวยุ่งอยู่บนเตียงต้องกระเด้งตัวขึ้นนั่ง หันมองซ้ายมองขวาว่าไม่ได้ทำห้องรก จึงกดปุ่มตามที่เขาบอก เธอเปิดกล้องก่อน เขาจึงเปิดตาม และนั่นทำให้วีนัสตกใจจนรีบเอามือตะครุบปากตัวเองไว้ เขาเปลือยท่อนบนอยู่ พื้นหลังเป็นห้องอะไรสักอย่างที่มีแต่ตู้เสื้อผ้ายาวเหยียด (เป็นอะไร อ้อ...)
คลาสวาดภาพเป็นเรื่องน่าสนุกกว่าที่วีนัสคิดเอาไว้มาก เธอกับเจย์เดนช่วยกันวาดรูปแล้วออกไปนำเสนอหน้าชั้นอย่างสนุกสนาน แม้แต่ปีเตอร์เองก็ชมว่าดอดไม้บนอวกาศของเธอเป็นความหมายที่ดีมาก ดิ้นรนให้เติบโต แม้สถานที่จะไม่เหมาะสม แต่ก็เบ่งบานได้ในที่สุด “วี เธอมีธุระต่อหรือเปล่า” เจย์เดนที่เดินลงลิฟท์มาด้วยกันถามขึ้น คนตัวเล็กส่ายหน้า วีนัสคิดว่าจะกลับไปรอพ่อกับแม่ที่บ้าน เพราะเจสสิก้าทิ้งกุญแจบ้านไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว “ไปกินข้าวเที่ยงกันไหม เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้าน” “ไปกินข้าวได้นะ แต่ไม่ต้องไปส่งวีหรอก บ้านวีอยู่ในหมู่บ้านนี่เอง” เธอบอกเพื่อนใหม่ยิ้มๆ “เจ๋งเลย ฉันก็อยู่หมู่บ้านนี้เหมือนกัน ฉันอยู่ตรอก 12 เธอล่ะ” เขาเดินนำไปที่รถเวสป้าสีส้มที่จอดอยู่หน้าสถาบัน คนตัวเล็กเงียบลงเมื่อถูกถามถึงตรอกทางเข้าบ้านตนเอง เธอเพิ่งมาอยู่ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ แล้วตอนที่ออกมาก็ไม่ได้ดูด้วยว่าอยู่ตรอกหมายเลขอะไร รู้เพียงว่ามีร้านไอศกรีมอยู่ทางเข้าแค่นั้น “อยู่ในตรอกร้านไอศกรีมน่ะ” “อ้อ! โอเค ฉันจะไปส่ง” เขารวบรัด จ
[Venus Talks] เช้าวันแรกของการอาศัยอยู่กับครอบครัวใหม่ที่เบอร์มิงแฮม ฉันตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อลงมาช่วยงานแม่ใหม่ ท่านจะได้ไม่หาว่าฉันนอนกินบ้านกินเมือง ถ้าถามว่าเช้าขนาดไหน ขอบอกว่าตีห้า - -; แล้วฉันก็ได้ความรู้เรื่องแรกในการใช้ชีวิต ว่าที่นี่เขาไม่ตื่นเช้าขนาดนั้น เจสสิก้ากับวิลเลียมทำงานที่โรงพยาบาลห่างจากบ้านยี่สิบนาที พวกเขาเลยไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าเหมือนคนกรุงเทพ ที่ต้องออกบ้านแต่เช้ามืดทุกวัน ตอนฉันเปิดประตูออกมาห้องมา ไฟด้านนอกดับสนิท ไม่มีใครตื่นเลยด้วยซ้ำ กระทั่งเจสสิก้าน่าจะได้ยินเสียงฉันเปิดประตู เธอ...แม่เลยถามฉันว่า ‘ตื่นขึ้นมาทำไม อยากได้อะไรหรือเปล่า’ พอฉันบอกว่าฉันตื่นมาช่วยงานตอนเช้า แม่เลยหัวเราะแล้วดันฉันกลับเข้าไปในห้อง ก่อนจะบอกให้ฉันตื่นลงไปข้างล่างตอนแปดโมง ตื่นฟรีเลย - -; ฉันเปิดประตูลงไปด้านล่างอีกครั้งตอนแปดโมงเป๊ะ พอแม่เห็นหน้าฉันก็หันไปเล่าเรื่องเมื่อเช้ามืดให้พ่อฟัง จนท่านหัวเราะจนไข่ดาวแทบติดคอ “อยู่ที่นี่ทำตัวตามสบายนะ คิดซะว่ามาพักผ่อน” พ่อพูดกับฉันพร้อมก
ประตูห้องนอนถูกเปิดออกโดยฝีมือของเจ้าของห้อง ห้องนอน สีขาวฟ้าเต็มไปด้วยตุ๊กตาหมีวางเรียงรายบนเตียง ให้ความรู้สึกห้องนอนของเด็กผู้หญิงจนมาเฟียอย่างเขาเห็นแล้วขนลุก "ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะ" หันมาถามเมื่อเห็นเขายังยืนมองเตียงด้วยใบหน้าเหยเก "ฉันเป็นพวกไม่ถูกกับความน่ารัก" คำตอบของเขาเรียกเสียงหัวเราะของเธอออกมา ร่างบอบบางนั่งลงบนเตียงกว้างของตนเอง ก่อนจะจ้องมองไปที่ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล "เหมือนคุณเลย" เธอหยิบมันขึ้นมาชูใส่หน้าเขา จนคนถูกว่าเหมือนหมีขมวดคิ้ว "เหมือนตรงไหน" หมีขนหยิกสีน้ำตาลตัวนั้นไม่ได้มีส่วนใดเหมือนเขาแม้แต่น้อย คนตัวโตเดินมานั่งข้างเธอ ก่อนจะหยิบตุ๊กตาไปจากมือเล็ก "ไม่เหมือน" "เหมือนสิ ตัวนี้หน้าตาใจดีที่สุดในบรรดาทุกตัวเลย" เธอเถียงเขาหน้าซื่อ มิวายดึงตุ๊กตากลับมากอดตามเดิม "ชอบห้องนี้ไหม" เขาเปลี่ยนคำถามพร้อมกับมองไปรอบๆ "ชอบสิคะ น่ารักมาก ขอบคุณนะคะ" "ขอบคุณเจสสิก้ากับวิลเลียมด้วย" "ค่ะ" ใบหน้าเล็กพยักหน้ารับ หันไปนั่งแกว่งขาเล่นกับตุ๊
เขาให้เวลาเธอจัดการความรู้สึกตนเองสามวันเต็ม ร้องไห้ให้เต็มที่ เสียใจให้พอ ระหว่างนั้นมาร์ตินก็อยู่ด้วยตลอด เธอกับเขานอนเตียงเดียวกัน คนไม่ชอบนอนร่วมเตียงกับคนอื่นก็ลำบากพอตัว แต่การปล่อยให้เธอนอนหลับตา แล้วผวาร้องไห้คนเดียวเป็นเรื่องที่ทนไม่ได้ ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง เครื่องบินส่วนตัวจอดรอที่ท่าอากาศยานตั้งแต่เวลาสองทุ่ม แต่กำหนดการเดินทางคือตีสี่ตรง "ยังง่วงอยู่ไหม" มาร์ตินถามคนตัวเล็กหลังจากเครื่องเทคออฟได้ระยะหนึ่ง "ถ้าง่วงก็เข้าไปนอนข้างใน" ข้างในที่หมายถึง คือส่วนที่ถูกแยกไว้สำหรับทำป็นห้องนอน แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าวีนัสจะนอนได้หรือเปล่า "หนูไม่อยากนอนค่ะ ปวดหัว" เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์ เพราะเป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของเธอ ความกดอากาศบนเครื่องทำให้เธอปวดหัวในที่สุด "คีย์ เอายาแก้ปวดมา" ยาแก้ปวดถูกป้อนเข้าปากเล็ก ตามด้วยยื่นขวดน้ำดื่มให้ยกดื่มเอง มาเฟียหนุ่มอุ้มเด็กสาวย้ายที่นั่งมานั่งริมหน้าต่างอีกด้าน ให้เธอนั่งตักเอียงหน้าซบแผ่นอกแล้วมองออกไปด้านนอก มองทิวทัศน์จากบนเครื่อง เ