“ถ้าแพงปล่อยมือจากเพื่อนไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร เพื่อนจะไม่ให้อภัยแพงเลย” พิมพ์ภัสสรพูดราวผู้ใหญ่ น้ำเสียงของเธอหนักแน่นแม้อ่อนแรงก่อนที่เธอจะรู้สึกหนักอึ้งหูอื้อตาลายและขาเล็กๆ นั้นเริ่มจะตีน้ำไม่ไหวมันทั้งหนักอึ้ง ทั้งปวดแปลบราวใครเอาเข็มนับพันเล่มมาทิ่มแทงลงขาทั้งสองข้างของเธอ...
“เพื่อน เพื่อนเป็นอะไร เพื่อน ไม่นะกรี๊ดดด” เด็กหญิงตัวเล็กกรีดร้องอย่างตกใจเมื่อพี่สาวของตนจมดิ่งลงไปในน้ำทำให้เธอต้องตะเกียกตะกายอย่างไร้ที่ยึดเหนี่ยวทั้งสำลักน้ำเข้าไปหลายอึก แขนเล็กๆ วาดตีน้ำอย่างตกใจจนน้ำแตกกระจายรอบกายเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจกลัวของเธอกลับไม่มีใครได้ยิน เด็กหญิงตาเหลือกลานเริ่มหายใจไม่ออก ความมืดค่อยๆ เข้าปกคลุมในหน่วยตาก่อนสติสุดท้ายจะดับวูบลงไปในความเย็นยะเยือกของสายน้ำ
พวกเธอไม่สามารถไปถึงฝั่งทั้งที่มันอยู่แค่เอื้อมหรือไร ไยสวรรค์ช่างโหดร้ายกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เช่นพวกเธอเช่นนี้หนอ
18 ปีผ่านไป...
ร่างระหงปราดเปรียวในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีส้มทองก้าวเดินฉับๆ เข้าไปยังสำนักงานเล็กๆ ทว่าสะอาดเอี่ยมแวดล้อมด้วยต้นไม้ดอกไม้บานสะพรั่งงดงามและยังเป็นสำนักงานต้นสังกัดของ พริตตี้ชั้นแนวหน้าของเมืองไทยด้วย พิมพ์ภัสสร เร่งฝีเท้ายิ่งขึ้นเมื่อมองเวลาจากนาฬิกาเรือนเล็กบนข้อมือบางพบว่ามันเลยเวลานัดของตนมาร่วมชั่วโมงแล้ว
จากเด็กหญิงที่เกือบจะจมน้ำหายไปจากโลกนี้เมื่อสิบแปดปีก่อน บัดนี้เธอคือหญิงสาววัยยี่สิบห้าเจ้าของใบหน้าพริ้มเพราประกอบด้วยรูปหน้าเรียวไข่ประดับด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลสกาวสุกใสพราวระยับเป็นประกายเหมือนเจ้าของดวงตากำลังเชื้อเชิญให้เข้ามาหา อย่างที่เรียวกว่าตาหวานเซ็กซี่ จมูกโด่งเรียวเล็กน่ารักโดยไม่ได้ผ่านมีดหมอและริมฝีปากอวบอิ่มเต็มตึงแดงระเรื่อด้วยวัยสาว เมื่อยามยิ้มแย้มจะเผยให้เห็นไรฟันขาวสะอาดราวไข่มุกและรอยยิ้มของเธอก็เป็นที่ประทับใจของผู้พบเห็นเสมอ แม้ว่าเธอจะอายุมากกว่าบรรดาพริตตี้ทุกคนในบริษัทแต่ความสวยความแซบเซ็กซี่ของเธอก็ทำให้พิมพ์ภัสสรยังเป็น พริตตี้ สวยเซ็กซี่ที่สุด มีงานอีเวนต์และมีผู้ต้องการจ้างเธอมากที่สุดในสังกัดของ เจ๊หวาน อดีตหนุ่มใหญ่ใจสาวซึ่งบัดนี้ก็เป็นหญิงทั้งร่างกายและจิตใจและตอนนี้กำลังยืนเท้าสะเอวจ้องลูกรักในสังกัดตาเขียวปัด...
“ต๊าย นี่กี่โมงแล้วยะน้องเพื่อนขา แม่หวานรอจนเหงือกแห้งจนจะกรอบแล้วค่ะ ตอนนี้ลูกค้าเราก็หงุดหงิดมาก” เจ๊หวานหวานแผดเสียงใส่คนที่เรียกได้ว่าเป็นลูกรักอย่างอารมณ์ร้อนจัด
“เพื่อนขอโทษค่ะแม่หวาน วันนี้เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะเลยมาสาย...”
“ไหนเป็นอะไร หล่อนก็ปกติดีนี่ยะ”
“รถเพื่อนถูกชนค่ะ ตอนนี้อยู่ที่อู่แต่เพื่อนไม่เป็นอะไรมาก แต่หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัยอาจจะเป็นวิญญาณเพื่อนนะคะที่มายืนคุยกับแม่หวานอยู่ตอนนี้ แต่ก็ถูกกระจกบาดนิดหน่อยค่ะที่ต้นแขนนี่ไงคะ” พิมพ์ภัสสรหันข้างที่แขนถูกกระจกบาดเป็นรอยแดงมีเลือดซึมน้อยๆ ให้เจ๊หวานดูซึ่งเมื่อเจ๊หวานเห็นต้นแขนเรียวมีตำหนิก็หน้าซีดตกใจ
“ต๊าย ตายแล้ว ไปๆ ทำแผลก่อนเดี๋ยวเป็นแผลเป็นขายไม่ออกกันล่ะงานนี้ ว่าแต่ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ หึ” แล้วคำถามมากมายก็ตามมา แต่พิมพ์ภัสสรก็ได้แต่ยิ้มให้ผู้เป็นเสมือนมารดาคนที่สองของเธอด้วยความซาบซึ้ง เจ๊หวาน หรือที่เธอมักเรียกว่า แม่หวาน นั้นแม้เป็นคนปากร้ายและค่อนข้างออกตัวแรงในทุกเรื่องแต่ความจริงแล้วเจ๊หวานนั้นเป็นคนจิตใจดีมาก และแม่หวานคนนี้ก็ดีกับเธอมาตลอดยี่สิบปีที่เธออยู่กับเจ๊หวานมาในฐานะ ลูกบุญธรรม...
พิมพ์ภัสสรเดินตามเจ๊หวานไปโดยไม่อิดออดเพราะรู้ดีว่าตนเองนั้นมาสายกว่าเวลานัดเป็นชั่วโมงแต่แล้วร่างบางสมส่วนหยุดกึกแทบจะหัวคะมำเมื่อเจ๊หวานหยุดเดินกะทันหันโดยไม่บอกไม่กล่าว...
“มีอะไรคะแม่หวาน”
“ที่แม่หวานจะพูดนี่ แม่อยากให้เพื่อนคิดดีๆ และตัดสินใจเองในทุกๆ เรื่อง”
“เรื่องอะไรคะ...”
“ตอนนี้น้องแพงอาการไม่ดี หมอบอกว่าน้องแพงอาจจะอยู่กับเราได้อีกไม่นาน... แม่หวานกลัวว่าเพื่อนจะคิดสั้นๆ ยอมเป็นเมียเก็บไอ้เสี่ยนั่น” ใบหน้าที่มีรอยยิ้มยู่เสมอหมองลงไป
“ค่ะเพื่อนเข้าใจ เพื่อนจะทำทุกอย่างเพื่อรักษาแพงค่ะ แต่ไม่ยอมเป็นเมียน้อยหรือเด็กเสี่ยคนไหนแน่นอน” พิมพ์ภัสสรกล่าวออกมาอย่างหนักแน่นเมื่อนึกถึงน้องสาวฝาแฝดที่กำลังป่วยหนักอยู่ตอนนี้ น้องแพง น้องสาวฝาแฝดผู้อาภัพไม่แตกต่างจากเธอ เพียงแต่เธอโชคดีกว่านิดเดียวที่รอดพ้นเหตุร้ายๆ นั้นมาได้อย่างเฉียดฉิวเท่านั้นเอง พิมพ์ภัสสรสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเดินต่อไปด้วยฝีเท้าที่มั่นคง
ร่างสูงสง่าในชุดนักแข่งรถสีดำคาดเทาก้าวยาวๆ เข้าไปในห้องโถงของคฤหาสน์หลังงามของตนอย่างไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่วันนี้เขาไม่อาจจะลงแข่งขันได้เพราะมารดากับน้องสาวตัวดีเข้าไปขัดขวางและอาละวาดจนงานแข่งขันรถยนต์สนามล่าสุดที่เขากับเพื่อนสนิทจัดขึ้นล้มไม่เป็นท่า
“นี่ตาธาม หยุดนะอย่าเดินหนีแม่แบบนี้ ธามแม่บอกให้หยุด...”
คุณธิติมา ร้องเรียกบุตรชายคนโตอย่างฉุนเฉียว ร่างอวบอิ่มในวัยห้าสิบปลายเดินมาขวางหน้าร่างสูงใหญ่ของ ธาม สุวลักษณ์ ธอมป์สันชายหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดปีเลือดผสมไทย จีน อังกฤษ ไว้ก่อนที่เขาจะเดินหนีหน้าไป ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วหันมามองมารดาด้วยแววตาเรียบเฉย
ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้ายาวได้เหลี่ยมได้รูปนั้นคมเข้มประกอบด้วยดวงตาใหญ่สีดำสนิทแววหวานชวนฝันภายใต้คิ้วยาวหนา จมูกโด่งเป็นสันตรงรับกับริมฝีปากหยักสวยสีชมพูเข้ม กรามแกร่งมีไรเคราเขียวครึ้มเสริมให้ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาตรึงใจ ยิ่งยามที่เขายิ้มให้สาวๆ ดวงตาคมจะพราวด้วยประกายฉ่ำหวานจนคนมองแทบละลายไปกับแววตาของเขาเลยทีเดียว ฟันขาวสะอาดเรียงตัวสวยส่งให้เขาดูน่าหลงใหลมากขึ้นซึ่งมันทำให้สาวน้อยสาวใหญ่พร้อมจะทอดกายให้เขาเชยชมและขอให้ได้เป็นคู่ควงของเขาสักวันหรือสักคืนพวกเธอก็แสนจะยินดี เพราะมันจะทำให้พวกเธอเป็นที่สนใจของบรรดาเหยี่ยวข่าวและอาจจะเป็นบันได้ไปสู่การเป็นนักแสดงหากมีคนสนใจพวกเจ้าหล่อนเยอะๆ แต่ที่สำคัญ ธามจ่ายงามมากเมื่อพวกเธอพ้นจากเตียงของเขา แต่ทว่าตอนนี้ดวงตาพราวหวานของธามไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย
“คุณแม่ต้องการอะไรอีกครับ...”
ตอนที่64. อวสาน“เด็กดื้อต้องโดนลงโทษหนักๆ รู้มั้ย...” ธามหอบกระเส่า“อืม... ก็ไม่รู้สิคะ ก็แล้วแต่ว่าพี่ธามมีแรงแค่ไหน...”หญิงสาวท้าทายสามีที่รักนัยน์ตาปรือปรอยเมื่อเขาก้มลงดูดกลืนยอดอกของตนอย่างเมามันและรุนแรงเร้าร้อนแตกต่างจากที่ลูกสาวน้อยดูดดื่มกินนมจากอก หญิงสาวแต่ครางอย่างยอมแพ้เมื่อทั้งปากและมือเขากำลังโจมตีเธอให้เสียวรัญจวนแทบขาดใจ มือใหญ่แยกเรียวขางามออกกว้างเพื่อแทรกเข้าแนบชิดร่างอิ่มของภรรยาอย่างรนรนเมื่อความร้อนระอุในกระแสเลือดมันเดือดพล่านจนเกินจะทานทนความเย้ายวนแสนหวานของเธอคงจะฆ่าเขาหากเขาไม่ได้เข้าไปอยู่ในกายสาวอุ่นฉ่ำชื้นของภรรยาแสนสวยของตน ธามขยันสะโพกแกร่งเข้าหาร่างนุ่มหยุ่นราวกำมะหยี่เนื้อดีของภรรยาสาวด้วยความเร่าร้อน สร้างความซ่านกระสันรัญจวนให้กับภรรยาจนสุขสมล้นเอ่อพาเธอท่องวิมานสวาทครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หากเจ้าตัวน้อยไม่ส่งเสียงอ้อแอ้ขอน้ำนมอุ่นจากมารดากลางดึกเสียก่อน...“อื้ม พี่ธามพอก่อน น้องธัช หะ หิวแล้ว...” หญิงสาวผลักใบหน้าที่ซุกซบกับอกอวบของตนด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าธามยอมเงยหน้าขึ้นโดยดีแล้วหอมแก้มนวลหนักๆ ก่อนจะเดินไปอุ้มลูกน้อยมาห
ตอนที่63.“สวัสดียามเย็นครับคนสวยของพ่อธาม...”ชายหนุ่มเดินไปกึ่งนั่งกึ่งนอนซ้อนหลังภรรยาที่กำลังให้นมลูกแล้วจูบแก้มนวลแรงๆ อย่างมันเขี้ยว แม้จะเจ็ดเดือนแล้วแต่น้องพริมกับน้องธัชยังติดนมแม่ไม่ยอมดื่มนมจากขวดเสียทีจนคนเป็นพ่ออ่อนใจเพราะอยากจะทวง ของรักของหวง คืนจากลูกๆ ตัวน้อยเต็มที... ตอนนี้น้องธัชซึ่งกินนมแม่พร้อมด้วยนมขวดนั้นหลับปุ๋ยไปแล้วอย่างเป็นสุข จะมีก็เพียงน้องพริมเท่านั้นที่ยังอ้อนคุณแม่อยู่กินไม่อิ่มเสียที “อื้อ พี่ธามไปอาบน้ำสิคะมาเหนื่อยๆ อย่ามากวนค่ะ...” หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบเขินๆ สายตาแพรวพราวของสามี แม้จะใกล้ชิดสนิทสนมกันมากี่ครั้งหรือทำมากกว่าหอมแก้มกัน เธอก็ยังขัดเขินอยู่ดียิ่งมีสายตาแป๋วๆ ของลูกน้อยมองมาอย่างไม่พอใจยิ่งทำให้เธอแทบจะผลักใบหน้าหล่อเหลาให้ห่างออกไปเพราะเธอรู้สึกอายลูกอย่างไรไม่รู้“อ้อแอ้ๆๆ บรือออ...”เสียงอ้อแอ้พร้อมทั้งเสียงพ่นน้ำลายและมืออวบๆ ของเด็กหญิงผลักใบหน้าบิดาออกจากอกอวบของมารดาที่ตนครอบครองอยู่ทำให้ธามอยากจะแกล้งลูกสาว จึงก้มลงงับเต้างามเบาๆ หยอกเย้าน้องพริมแต่กลายเป็นว่าเขาร้อนรุ่มขึ้นมาเสียเองเพียงแค่ได้กลิ่นกายหอมๆ อันเป็นกลิ่นธรรมชาติปรา
ตอนที่62.“พี่ธามเข้ามาได้ยังไงคะ” ทำทีเป็นถามเสียงแข็งจนธาม หน้าเสีย พิมพ์ภัสสรนึกขันแกมสงสารเขาอยู่ไม่น้อย“เอ่อ พะ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามารบกวนเพื่อน เพียงแต่พี่เป็นห่วงกลัวเพื่อนกับเจ้าตัวเล็กจะหิว เลยถือวิสาสะเข้ามา หากมันทำให้เพื่อนลำบากใจพี่ขอโทษ”“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ ไหนคะ มีอะไรมาให้กินมั่งกำลังหิวพอดีเลย” พิมพ์ภัสสรถามหน้าตายทั้งที่ในใจนั้นอ่อนยวบอยากกอดเขาใจจะขาดเธออยากอยู่ใกล้ๆ เขา อยากอยู่ในอ้อมกอดอุ่นอ่อนโยน ความรู้สึกโหยมันเริ่มมากขึ้นทุกวันๆ แต่พ่อคุณก็ซื่อเหลือเกิน เธอบอกเขาว่าห้ามเข้าใกล้เธอเกินหนึ่งเมตรแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะละเมิดสัญญาไม่ได้นี่นา ตาทึ่ม บทจะทึ่มก็ทึ่มได้ใจจริงๆ สุดท้ายเธอก็นึกค่อนขอดเขาในใจ...“เพื่อนจะนั่งกินบนเตียงหรือไปที่ริมระเบียงดีครับพี่จะยกไปให้” ธามบอกอย่างกระตือรือร้น หญิงสาวก้มหน้าหลบซ่อนแววตาเจ้าเล่ห์ของตนก่อนจะเชิดหน้าตอบเขาเสียงเรียบ“เพื่อนจะนั่งกินตรงนี้ค่ะ รบกวนเอาถาดอาหารมาวางใกล้ๆ เพื่อนหน่อยค่ะ เพื่อนไม่ค่อยมีแรง...” เปิดโอกาสให้ขนาดนี้แล้วดูสิเขาจะทำอย่างไร...“ครับๆ เจ้าหญิง” ธามรีบยกถาดอาหารมาวางใกล้ๆ เธอแล้วก็
ตอนที่61.เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วสภาพจิตใจของพิมพ์ภัสสรดีขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวกลับมาพูดคุยหัวเราะสดใสกับทุกๆ คนเหมือนเคย โดยไม่สนใจเรื่องอดีตหรือข่าวคราวของสองแม่ลูกผู้ที่เป็นเสมือนตราบาปความแค้นในใจเธอ เมื่อเธอค้นพบแล้วว่าการที่ยึดติดกับความแค้นใจนั้นมันเจ็บปวดทรมานมากเพียงใด และตอนนี้เธอมีอย่างอื่นให้สนใจ ใส่ใจมากกว่าอดีตอันแสนเจ็บปวดเป็นไหนๆ ก็เจ้าตัวเล็กในท้องของเธอนี่อย่างไรล่ะ ตอนนี้เจ้าตัวเล็กคงกำลังสนุกสนานมากจนดีดดิ้นถีบยันหน้าท้องของผู้เป็นแม่จนเห็นเป็นรูปร่างมือและเท้าน้อยๆ ส่งผลให้คนมองตื้นตันด้วยความสุขจนล้นใจ“พี่ธามไปห่างๆ เลยค่ะ เพื่อนยังไม่ได้อนุญาตให้พี่ธามเข้าใกล้เพื่อนเกินหนึ่งเมตรนะคะ...” หญิงสาวหันมาตวาดชายหนุ่มที่ทำท่าเหมือนจะโผนเข้ามาลูบไล้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในตัวของเธอเหมือนคนอื่นๆ บ้าง ใบหน้าและท่าทางหงอยๆ ของเขาดูน่าสงสารอยู่หรอกแต่เขานั่นล่ะตัวร้ายที่สุด...“โธ่ เพื่อนน่ะ... ใจร้ายที่สุดเลย นี่แทมมี่อย่ามาวุ่นวายกับเมียพี่ได้มั้ย แล้วไม่ต้องชวนกันไปไหนด้วย รู้บ้างสิว่าผัวเมียเขาอยากอยู่ด้วยกัน” ธามพ้อภรรยาที่เขาได้จับเธอตีทะเบียนแล้วเรียบร้อยด้วยความน้อยใจทั้งย
ตอนที่60.“แหม อีแก่นี่ปากมันน่าตบให้ฟันร่วงจริงๆ จะตายอยู่แล้วยังจะปากดี” เจ๊หวานเท้าสะเอวจ้องหน้านางจันอย่างเกลียดชัง“อย่าเสียเวลาเลย คนพวกนี้ยิงปล่อยไว้นานยิ่งเปลือง” คุณนิดาขู่ซ้ำ“แกจะทำอะไรพวกเรา...” คราวนี้สองแม่ลูกกอดกันกลมเมื่อเห็นท่าทางน่ากลัวของชายฉกรรจ์ที่เดินตรงมาหาพวกตนด้วยสีหน้าเย็นชา“รับรองได้ว่าลูกน้องฉันทุกคนไม่มีใครใฝ่ต่ำข่มขืนฆ่าเธอแน่ๆ ของเน่าๆ แบบนี้แบให้เอาฟรีๆ ลูกน้องฉันก็ไม่มีใครอยากหรอกจ้ะ เพราะลูกน้องฉันทุกคนได้กินแต่ของดีๆ และเลือกสรรมาแล้วอย่างดีเสมอ ของคาวของเน่าของเหม็นอย่างพวกเธอน่ะไม่มีอยู่ในสายตาคนของฉันหรอกย่ะ และที่สำคัญถึงแม้ฉันจะเกลียดใครมากแค่ไหนฉันก็ไม่ใช้วิธีสกปรกอย่างที่พวกเธอใช้หรอก ฉันมีความเป็นแม่และมีความเห็นอกเห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกันมากกว่าที่พวกเธอสองคนมีก็แล้วกัน เอาตัวพวกมันไป...”คุณนิดาปรายตามองเหยียดหยันรู้สึกขยะแขยงหญิงทั้งสองคนตรงหน้ายิ่งนัก สองแม่ลูกใจเสียแต่ยังไม่ยอมจำนนเสียทีเดียว เพราะต่างพยายามดิ้นรนออกจากเกาะกุมของชายทั้งสองปากก็ด่าทอต่างๆ นานาอย่างหยาบคายจนเจ๊หวานกับคุณนิดาแทบจะทนฟังไม่ได้“แน่จริงมึงปล่อยกูสิวะนางแก่ อีกะ
ตอนที่59.“แต่ตอนนี้ฉันไม่มีน้องสาวแล้ว” พิมพ์ภัสสรหน้าหม่นลง“แต่เธอมีสิ่งที่มีค่ามากกว่า และฉันก็อยากให้เธอรักษามันไว้ กลับมาเป็นคนเดิมนะเพื่อน หากเธอเป็นแบบนี้หรือหากเธอกับเจ้าตัวเล็กเป็นอะไรไปฉันคงไม่ยกโทษให้ตัวเองไปตลอดชีวิตแน่ๆ เพราะฉันเองก็มีส่วนทำให้เรื่องมันเลวร้าย”แล้วแทนฤทัยก็เล่าเรื่องในคืนวันเกิดเหตุให้พิมพ์ภัสสรฟังซึ่งหากเป็นเมื่อก่อนพิมพ์ภัสสรคงจะต่อว่าแทนฤทัยด้วยความเผ็ดร้อนไปแล้วที่ทำเพิกเฉยกับคำเตือนของราฟาเอล ถึงขนาดว่ามีอันตรายต่อทุกคนแต่แทนฤทัยเลือกที่จะไม่ใส่ใจเพราะอคติที่มีต่อตน แต่ตอนนี้พิมพ์ภัสสรคิดว่าทุกคนก็คงได้รับผลของการกระทำของตนไปแล้ว...“ไม่เป็นไรหรอกแทมมี่ ฉันเองก็คงมีส่วนผิดเหมือนกัน หากว่าจะมีใครผิดก็คงเป็นคนที่คิดทำร้ายเรามากกว่าและฉันก็คิดว่าทุกคนก็คงได้รับผลกรรมของตนไปแล้ว ไม่ว่าฉันหรือเธอ หรือใครๆ”“นั่นแสดงว่าเธอยกโทษให้ฉันแล้ว” แทนฤทัยตาโตแล้วยิ้มกว้าง“ฉันยกโทษให้เธอไม่ได้หรอกแทมมี่” แทนฤทัยหุบยิ้มทันที พิมพ์ภัสสรยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดต่อ“ที่ฉันยกโทษให้เธอไม่ได้ก็เพราะว่าฉันไม่เคยโทษเธอเลยกับทุกเรื่องที่ผ่านมา และฉันก็ไม่ได้โกรธเธอเองก็ไม่ได้ทำอ