“อึ้งไปเลยละสิน้องลี่ พี่ได้ยินมาว่าหมอวิณทร์คนนี้น่ะ เขาฮ็อตมากที่โรงพยาบาล คิวคนไข้สาวๆ งี้แน่นเชียว แถมพยาบาลยังแวะเวียนมาชื่นชมความหล่อของหมอวิณทร์แบบไม่ขาดสาย เรียกว่าตั้งแต่หมอวิณทร์มาประจำที่แผนกจิตเวชของโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์เนี่ย คนแน่นตลอดเลย”
“เดี๋ยวนี้คนเป็นโรคซึมเศร้ามากกว่าปกติด้วยหรือเปล่าคะ คนเลยแน่น” คะนึงรักตั้งข้อสังเกตก่อนจะพูดต่อ “ว่าแต่...เมื่อกี้พี่แป้นบอกว่าโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์ใช่มั้ยคะ”
“ใช่จ้ะ”
“ทำไมชื่อโรงพยาบาลเหมือนนามสกุลหมอล่ะคะ” ถามจบ หญิงสาวก็ชี้ที่ชื่อผู้บรรยายในแฟ้ม
“ก็เจ้าของโรงพยาบาลคืออาจารย์หมอที่เป็นปู่ของคุณหมอวิณทร์ไง มีลูกมีหลานออกมา ก็เป็นหมอกันทั้งตระกูล เรียนเฉพาะทางกันไปตามที่ตัวเองถนัด เรียกว่าแทบจะครองทุกโรงพยาบาลเลยละ ลูกหลานก็มีหุ้นส่วนอยู่ในโรงพยาบาลของพ่อแม่และเครือญาติ มากน้อยต่างกันตามสายของตระกูล”
จู่ๆ ปราณีก็หยุดอธิบายต่อ หันมามองที่เธอแล้วบอก
“นี่พี่ตาฝาดหรือเปล่านะ เมื่อกี้พี่เห็นหมอวินทร์เขาเหมือนจะยิ้มให้ลี่แน่ะ”
คะนึงรักสะดุ้งก่อนจะเลื่อนตัวลงต่ำจนใบหน้าแทบจะติดโต๊ะสัมมนา ยกแฟ้มขึ้นมาตั้งเพื่อไม่ให้คนที่ยืนอยู่บนโพเดียมมองเห็น “พี่แป้นคงตาฝาดค่ะ ลี่ไม่รู้จักกับเขา จะมาส่งยิ้มให้ลี่ทำไม”
“จริงสินะ จะยิ้มให้คนไม่รู้จักทำไม หรือเขาจะปิ๊งลี่ตั้งแต่แรกพบ”
“ไม่หรอกค่ะ ไม่ใช่เหตุผลนั้นแน่ๆ”
“จริงเหรอ”
“จริงค่ะ” เธอยืนยัน
“คงงั้นมั้ง พี่คงคิดไปเอง เพราะตอนนี้คุณหมอเขาหันไปทางอื่นแล้ว”
“งั้นเหรอคะ”
คะนึงรักรู้สึกปลอดภัยขึ้น จึงค่อยๆ เอาแฟ้มลงแล้วเงยหน้ามองคนที่เพิ่งแนะนำตัวว่าชื่อ ‘วิณทร์วายุ’ แต่เหมือนชายหนุ่มจะรู้ตัว เขาเบนหน้ามาสบตากับเธอตรงๆ ก่อนจะยิ้มสดใสไม่ต่างอะไรกับเด็กหนุ่มแสนนุบนิบคนนั้นเลยสักนิด
เสียงวี้ดว้ายดังขึ้นเบาๆ จากสาวน้อยสาวใหญ่รอบตัวเมื่อได้เห็นรอยยิ้มสุดเจิดจ้า โดยเฉพาะสาวใหญ่ข้างตัวเธอที่เอื้อมมือมาเขย่าแขนเธอไม่เบานัก
“ชัดเลยลี่ หมอเขายิ้มให้ลี่ชัดๆ มองมาตรงๆ เลย คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้ว เขาปิ๊งลี่แน่นอน”
“เชื่อเถอะค่ะพี่แป้น ไม่ใช่แบบนั้นหรอก”
“ใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้แหละ แต่ผู้ชายอะไร ยิ้มได้น่ารักเป็นบ้า เป็นยิ้มแบบที่ชวนให้เข้าไปปู้ยี่ปู้ยำ ยิ้มแบบชวนให้จับกด ยิ้มแบบน่าทำมิดีมิร้ายอะ นึกถึงกระต่ายสีขาวนุ่มฟูที่มักตกเป็นเหยื่อของสัตว์ผู้ล่าออกใช่มั้ยลี่ หมอวิณทร์คนนี้ชวนให้นึกถึงแบบนั้นเลย ตายจริง นี่พี่กำลังคุกคามคุณหมอด้วยคำพูดอยู่รึเปล่านะ ยุคนี้เขายิ่งรณรงค์ไม่ให้มีการคุกคามทางเพศไม่ว่ากับเพศไหนอยู่ด้วย”
คะนึงรักพูดไม่ออก เธอเข้าใจความรู้สึกของปราณีได้อย่างถ่องแท้ แต่อยากจะบอกเหลือเกินว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่กระต่ายขาวนุ่มฟูแบบที่กำลังแสดงออกแน่ๆ แต่เป็นเสือที่สวมขนกระต่ายปกปิดตัวตนเอาไว้ต่างหาก
หญิงสาวปล่อยให้เพื่อนรุ่นพี่พร่ำเพ้อถึงรอยยิ้มใสซื่อนั้นต่อไป พยายามก้มหน้ามองแฟ้มบนโต๊ะ ไม่เงยหน้าขึ้นไปสบตากับคนที่เอาแต่จ้องมองมาเหมือนจะแกล้งอีกเลย
เธอคิดว่าตอนนี้เธออาจจำเป็นต้องพบจิตแพทย์
หลังเสร็จการบรรยาย วิณทร์วายุก็ก้าวออกจากห้องประชุมหรูเพื่อไปยังมุมของว่าง ทักทายและพูดคุยตามมารยาทกับพนักงานจากบริษัทเลิฟ เลิฟ การ์เดนที่เข้ามารุมล้อม
จะมีก็แต่ผู้หญิงที่ร่วมแชร์ประสบการณ์ข้ามคืนด้วยกันคนนั้น ที่พยายามอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด
เขาไม่ใช่เสือ แต่ก็ไม่ใช่แมวซื่อๆ ด้วยเหมือนกัน การที่เธอเอาแต่เรียกเขาว่าน้อง มองเขาเหมือนเด็กน้อย กระตุ้นเร้าให้เขาอยากฝากฝีไม้ลายมือเอาไว้กับเธอ และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ฝากฝังไว้เพียงครั้งเดียวแน่ๆ
นึกถึงตอนแรกที่หญิงสาวเห็นเขาในฐานะจิตแพทย์ผู้มาบรรยายแล้วขำไม่หาย เธอเบิกตากว้าง สบตากับเขาเหมือนเห็นผี ก่อนจะจิตหลุดนั่งอึ้งอยู่พักใหญ่ จนเขาจงใจยิ้มให้นั่นแหละ เธอจึงตอบสนองด้วยการก้มหน้างุดและไม่เงยหน้ามองมามองโพเดียมผู้บรรยายอีกเลยตลอดสองชั่วโมง
วิณทร์วายุตอบคำถามเรื่องจิตวิทยาความรักกับพนักงานสาวหลายคน ไล่ไปจนถึงเรื่องอาการซึมเศร้า ดูก็รู้ว่าจงใจชวนคุย ถามโน่นนี่นั่นเพื่อจะได้คุยกับเขานานๆ แต่ชายหนุ่มไม่ได้นึกรำคาญเพราะถือว่าได้แชร์ความรู้ ใครจะไปรู้ว่าอีกหน่อยความรู้ที่ได้อย่างไม่ตั้งใจในวันนี้ อาจจะมีประโยชน์กับพวกเธอเข้าสักวัน
จนกระทั่งหมดเวลาพักเบรกแล้วนั่นละ สาวๆ ที่รุมล้อมเขาจึงทยอยกันเข้าไปในห้องประชุมเพื่อฟังการบรรยายจากนักขายมืออาชีพคนหนึ่งซึ่งเป็นวิทยากรรับเชิญต่อจากเขา
ชายหนุ่มรินชาร้อนมานั่งจิบ แล้วก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ จากปลายสายตา เงานั้นค่อยๆ คืบคลานไปทางด้านหลังเขาอย่างช้าๆ แถมเจ้าของเงานั้นคงจะย่องให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เขารู้ว่ามีคนเดินผ่าน
แหม...เงานั้นช่างเหมือนใครบางคนที่เพิ่งเปิดศึกแดงเดือดกันมาเมื่อคืนเสียจริงๆ
“จะเข้าไปฟังบรรยายแล้วเหรอครับ ผมเห็นคุณยังไม่ได้กินของว่างเลย น้ำสักแก้วก็ไม่ดื่ม” วิณทร์วายุทักขึ้นลอยๆ โดยไม่หันกลับไปมอง
“ไม่ค่ะ ไม่หิว” เงาลึกลับตอบมาเบาๆ ทว่าเสียงแหบห้าวเหมือนกำลังดัดเสียง
“จะไม่หิวได้ยังไง ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน มากินก่อนเถอะน่า เดี๋ยวเข้าไปพร้อมผมก็ได้ บอสคุณไม่ว่าหรอก” เขากลั้นขำ
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบพร้อมทำท่าจะวิ่ง
ชายหนุ่มลุกขึ้น ก้าวยาวๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอ เขาใช้มือวางทาบบนผนัง กันเธอไม่ให้วิ่งหนี แล้วใช้อีกมือหนึ่งกำข้อมือเธอไว้หลวมๆ
ประตูห้องรักษาเปิดออก พร้อมกับร่างสูงกำยำของวิณทร์วายุที่ก้าวเข้าไปนั่งสบายๆ บนเก้าอี้โซฟาเดี่ยว ส่วนที่โต๊ะทำงานซึ่งห่างออกไป มีหญิงสาวผมสั้นท่าทางทะมัดทะแมงกำลังจัดแฟ้มงานบนโต๊ะอยู่พินทุอรเป็นนักศึกษาแพทย์รุ่นเดียวกับเขา ไปเป็นอินเทิร์นหรือแพทย์ใช้ทุนที่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่เธอเลือกเรียนต่อเฉพาะทางเลย จึงเข้าเป็นเรสซิเดนท์ก่อน ต่างกับเขาซึ่งทำงานอยู่ระยะหนึ่งก่อนเพื่อค้นหาตัวตนให้แน่ใจแล้วค่อยต่อเฉพาะทาง ทำให้หญิงสาวกลายเป็นจิตแพทย์รุ่นพี่“ขอปรึกษาหมออิงหน่อย เรื่องด่วน”เมื่อจิตแพทย์สาวเห็นว่าเป็นใครก็ถามเสียงเนือย “นัดล่วงหน้ามาหรือเปล่าคะ ไม่รู้หรือคะว่าจิตแพทย์ที่นี่ไม่รับนัดวอล์กอินนะ”“กำลังจะทำนัดอยู่นี่ไง นัดกับหมอนี่แหละ นัดเลย คุยเลย อย่าลีลา” ชายหนุ่มหยิบหมอนอิงบนเก้าอี้มากอด เอนหลังในท่าที่สบายขึ้น“ไปหาหมอคนอื่น ฉันไม่รับ”“เดี๋ยวเลี้ยงข้าวที่แคนทีน”“ไม่ว่าง แกไปหาหมอน็อตสิ” พินทุอรหมายถึงจิตแพทย์รุ่งน้องอีกคนซึ่งจะมาตรวจที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละครั้ง“ไม่เอา อายไอ้น็อตมัน”“แล้วกับฉันไม่อายเหรอไอ้วิณทร์ ฉันเป็นหมอสาวแสนสวยนะ”“ไม่อาย แกนิสัยเหมือนผู้ชายมากกว่าไอ้น็อตอีก
“คุณเปิดไฟทำไม”“ผมปลอมตัวเป็นหิ่งห้อย เปล่งแสงหาคู่ไง”คะนึงรักหลุดขำออกมานิดหนึ่ง แสงนวลจากดวงไฟดวงเล็กส่งให้ใบหน้าสวยหวานดูผุดผ่องเรืองรอง รอยยิ้มน้อยๆ จากริมฝีปากอิ่มทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบการที่เขาใจเต้นเมื่อตอนบ่ายวันก่อนที่ได้จูบคะนึงรักนั้น วิณทร์วายุไม่แปลกใจหรือเอะใจเลยสักนิด เขาคิดว่ามันคือความตื่นเต้น เพราะใจคิดไปถึงเรื่องหวานๆ หื่นๆ ครั้งก่อนและกำลังดีใจที่มันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งก็เหมือนตอนที่เขากำลังจะลากผู้หญิงฮ็อตๆ สักคนขึ้นเตียงนั่นแหละ ทั้งหวั่นไหวและคาดหวังถึงเซ็กซ์ที่เผ็ดร้อน หัวใจเขาจึงเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่แต่การที่เขากำลังใจเต้นอยู่ตอนนี้นี่สิ...แปลก เพราะเขายังไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดหญิงสาวแม้แต่น้อย“ผู้ชายอย่างคุณหมอวิณทร์ ไม่ต้องเปล่งแสงหรอก แค่มองแล้วยิ้ม ก็เรียกผู้หญิงเข้าไปหาได้นับสิบๆ คนแล้วมั้ง แทบจะไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ”“คุณก็พูดเกินไป”“ลี่พูดในสิ่งที่คุณเองรู้อยู่แล้วนั่นแหละ”คะนึงรักกดปิดไฟฉาย จากนั้นยื่นผ้าห่มผืนบางขนาดย่อมมาให้ “อากาศไม่หนาว แต่ก็มีลม มีน้ำค้าง แม่ลี่บอกว่าคนกรุงเทพฯ อย่างคุณน่าจะกระหม่อมบาง เดี๋ยวจะไม่สบาย”“คุณห่มเถอะ
เพชรพร้อมมองชายหนุ่มหน้าขาวใสประหนึ่งโบกบีบีครีมครึ่งหลอดบนใบหน้า กำลังมองตามร่างบางของคะนึงรักไป ริมฝีปากอมชมพูคลี่ยิ้มน้อยๆ ดวงตาเรียวรีทอประกายเจิดจ้า“คุณมีอะไรในใจกับน้องผมหรือเปล่า”“มีอะไรนะครับ...”“มีอะไรในใจ” เพชรพร้อมย้ำ“ผม...” อีกฝ่ายกะพริบตาช้าๆ สามสี่ที ดูดน้ำมะพร้าวอีกอึกใหญ่ ก่อนจะบอกตรง “ไม่แน่ใจ ไม่รู้สิครับ”“ถ้าไม่รู้ ยังไม่แน่ใจ ก็อย่ามองแบบนั้น”“เรื่องความรู้สึกมันห้ามกันได้ด้วยเหรอครับ ตอนนี้ผมไม่รู้ ไม่แน่ใจ ผมก็ตอบตามตรงเท่านั้นเอง”“ผมมีน้องสาวคนเดียว ทั้งรักทั้งหวง ถ้าคุณมาหลอกน้องสาวผม รับรองว่าผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่ ผมจะอัดคุณให้จมดินเลย” หนุ่มร่างยักษ์พูดพลางหยิบท่อนไม้ขนาดเกือบเท่าแขนเด็กมาหักเล่นชายหนุ่มหน้าขาวยิ้มอ่อนโยน ส่งให้ใบหน้านั้นยิ่งดูอ่อนเยาว์ “คุณจะต่อยผมก็ได้ แต่ก่อนจะมีวันนั้น ผมต้องบอกคุณเสียก่อนว่าตอนเด็กๆ ผมเคยได้เหรียญเงินเทควันโดในกีฬาเยาวชนแห่งชาติมาก่อน ส่วนปัจจุบันนี้ ผมฝึกยูโดจนได้สายดำ และกีฬาที่โปรดปรานอีกอย่างก็คือมวยไทย”“ฝึกไปทำไมเยอะแยะ” เพชรพร้อมขมวดคิ้ว“เพราะผมหน้าอ่อนไงคุณ แถมยังผิวขาว ดูยังไงก็ไม่พ้นไอ้ไก่อ่อน แต่ผมดันหล
เช้าวันรุ่งขึ้น เจ็ดโมงเช้าไม่ขาดไม่เกิน วิณทร์วายุก็ลงมาที่โต๊ะอาหารซึ่งครอบครัวสาลี่โฮมสเตย์อยู่พร้อมหน้า อาหารเช้าในวันนี้เป็นโจ๊กหมูใส่ตับ ฝีมือของคุณนายรำพึง ส่วนปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้นั้น พฤกษ์ซื้อมาจากตลาดเช้าของหมู่บ้านหลังจากกินอาหารเช้าและพักผ่อนเล็กน้อยแล้ว คะนึงรักก็นำจิตแพทย์หนุ่มไปยังท่าน้ำเพื่อเดินทางไปสวนมะพร้าว“ลี่จะพายเรือไปเองเหรอ”“พี่เพชรจะมารับเราตอนเก้าโมง” หญิงสาวตอบ“พี่เพชร?”“ลูกพี่ลูกน้องของลี่เอง พี่เพชรเป็นลูกชายลุง พี่ชายแท้ๆ ของแม่ค่ะ นั่นไง พี่เพชรมารอแล้ว” ประโยคสุดท้ายเธอพูดพร้อมชี้ไปทางท่าน้ำซึ่งมีเรือลำเล็กลอยลำรออยู่ภายในเรือลำน้อยมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่น ผิวสีแทนค่อนไปทางคล้ำ ผมยาวระต้นคอ แถมยังไม่ค่อยชอบโกนหนวดโกนเครา ทำให้ชายหนุ่มยิ่งดูเหมือนพวกโจรป่าที่ชอบมาดักปล้นพรหมจรรย์นางเอก“สวัสดีพี่เพชรย้อม” คะนึงรักทักทายด้วยชื่อแปร่งหูที่มีแต่เธอเท่านั้นเป็นคนเรียก แม้กล้ามแขนที่โผล่พ้นเสื้อยืดย้วยๆ สีเทาของเพชรพร้อมน่าจะหักคอเธอได้ด้วยมือเปล่า แต่หญิงสาวไม่เคยนึกกลัวเพชรพร้อมลุกขึ้นยืนเท้าเอว เอียงคอมองเหมือนพร้อมมีเรื่อง“มาถึง
เสียงเคาะประตูหน้าห้องของคะนึงรักดังขึ้นราวสามทุ่ม หญิงสาวสวมชุดนอนตัวเก่งเดินมาเปิดประตู แล้วก็เห็นพ่อกับแม่แต่งตัวเต็มยศเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก คืนนี้คุณนายรำพึงยิ่งสวยกว่าปกติ เพราะนางม้วนผมเป็นลอนสวย แถมยังตีโป่งตั้งกระบังแบบมองเห็นได้จากหน้าเวทีลิเกเลยทีเดียว“แม่กับพ่อจะออกไปดูลิเก ตอนแรกเห็นว่ามีแขกวีไอพีมาพัก เลยตัดใจแล้ว โชคดีที่ลี่กลับมาพอดี ช่างเป็นอภิชาตบุตรของแม่เหลือเกิน”คะนึงรักมองบิดา “พระเอกคนนี้ที่แม่ตามคล้องพวงมาลัยใช่ไหมพ่อ”“ใช่ พ่อเลยต้องตามไปด้วย กลัวกลับดึกแล้วจะอันตราย” คนเป็นพ่อตอบ“ไม่ใช่ตามไปคุมเหรอ ขี้หึง” คุณนายรำพึงหลิ่วตาพฤกษ์นิ่วหน้า “ใครหึง ไม่มี้”หญิงสาวอมยิ้ม เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี พ่อเธอก็ยังรักยังหลงแม่เธอไม่เคยเปลี่ยน “ไปเถอะค่ะ เที่ยวให้สนุกนะ ไม่ต้องกังวล ลี่ดูแลแขกให้เอง แต่คิดว่าคุณวิณทร์เขาคงนอนแล้วแหละ”“ส่วนพรุ่งนี้เช้า ตามโปรแกรมของสาลี่โฮมสเตย์ หลังกินข้าวเช้าแล้ว แขกจะได้นั่งเรือเที่ยวสวนมะพร้าวตอนเก้าโมง แวะกินข้าวเที่ยงที่ตลาด แล้วกลับมาพักผ่อนตามอัธยาศัยที่บ้านตอนบ่าย” มารดาสาธยาย“บ้านเรามีสวนมะพร้าวที่ไหนกัน เห็นมีแต่พวกผลไม
“กลับมาแล้วเหรอลี่” เสียงของคุณนายรำพึงดังมาก่อนตัวคะนึงรักลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าว วิ่งเข้าไปสวมกอดมารดาโดยมีบิดาตามเข้ามาห่างๆ เมื่อกอดมารดาเสร็จก็โผไปกอดบิดาต่อสายตาของคุณนายรำพึงมองเลยไปเห็นคนตัวสูงนั่งหน้าแป้นอยู่ที่โต๊ะกินข้าวก็ตกใจ “ตายจริง มัวแต่ดีใจ ลืมไปเลยว่าวันนี้บ้านเรามีแขกวีไอพี”“เขาลงมาจากห้องแล้วเหรอ” พฤกษ์ถามแล้วหันไปมองตาม“ลงมาตั้งนานแล้วแม่ เปี๊ยกไม่ได้บอกเหรอ”“ไม่ได้บอกน่ะสิ บอกแค่ลี่ให้มาตาม ไอ้เด็กคนนี้ ใช้ไม่ได้เลย” บิดาบ่นคุณนายรำพึงกุลีกุจอเข้าไปหาแขกคนสำคัญ “ขอโทษทีนะพ่อคุณ เบื่อแย่เลย”“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมนั่งคุยเล่นกับคุณลี่เพลินๆ ชวนกันทำโน่นทำนี่ ไม่เบื่อครับ”เห็นสายตาที่มีคำถามของมารดาแล้ว คะนึงรักจึงรีบอธิบาย “โลกกลมมากแม่ คุณวิณทร์เป็นเพื่อนสนิทของบอสลี่เอง เราสองคนรู้จักกันมาก่อน”“สนิทกันด้วยครับ” วิณทร์วายุเสริม“จริงเหรอ” คุณนายรำพึงถาม“จริงครับแม่”คะนึงรักส่งสายตาดุๆ ไปให้ ‘ลูก’ ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้น อยากจะถามเขาเหลือเกินว่าเธอไปสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ใจไม่กล้าพอเพราะกลัวคำตอบของจิตแพทย์หนุ่ม ก็ถ้าเกิดเขาโพล่งออกไปว่าเธอกับเขาสนิทกัน