“ขออีกรอบนะครับ คุณน่าเอาสุดๆ”
“เด็กบ้า ดูพูดจาเข้า ลามก”
“เดี๋ยวคนลามกคนนี้จะเอาให้ร้องเลย”
เขาจับขาเธอข้างหนึ่งยกขึ้นแล้ววางบนขอบอ่างอาบน้ำ เพื่อเปิดทางให้รุกล้ำง่ายขึ้น จับตัวตนมาจ่อและหมุนวนที่โพรงดอกไม้ ชโลมน้ำหวานเคลือบจนทั่วแล้วจึงดันท่อนลำเสยเข้าไปจนมิด
“ยังเจ็บอยู่ไหมครับ”
“เจ็บ แต่เสียวมากกว่า” หญิงสาวตอบตรงๆ
“งั้นไปต่อนะ” เขาบอกเหมือนจะขออนุญาตก่อนจะขยับสะโพกช้าๆ แขนแกร่งโอบกระชับรอบเอวคอด ส่วนอีกข้างหนึ่งเลื่อนมาด้านหน้า ใช้นิ้วสากไล้วนที่ปุ่มกระสัน
“อื้อ...” คะนึงรักเสียวจนตาพร่า
เสียวทั้งติ่งเนื้อที่โดนขยี้ เสียวทั้งร่องหลืบที่ถูกฝากฝังรุนแรง
และเมื่อชายหนุ่มตอกตรึงด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น เธอก็ครางไม่ได้ศัพท์ สอดประสานกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่รัวเร็วและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ใคร่
เพียงพริบตา หญิงสาวก็เสร็จสมพร้อมๆ กับชายหนุ่มที่โอบกอดเธอไว้ทางด้านหลัง
“ดีจังเลย เป็นเช้าที่ดีมากๆ คุณว่าไหม”
“อืม”
“ถ้าไม่ติดงาน อยากจะจัดอีกสักสองสามรอบ” เขาบ่นพึมพำ
คะนึงรักเงยหน้ามองเพดานตาลอย สติสัมปชัญญะยังไม่สมบูรณ์ รู้สึกเหมือนวิญญาณของตัวเองยังไม่กลับเข้าร่าง ต้องปล่อยให้คนตรงหน้าช่วยล้างตัวและหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวมให้
น่ารัก...นุบนิบ... ใสซื่อ...
นี่คือผู้ชายคนเดียวกันกับหนุ่มน้อยในบาร์แน่หรือ
หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำมาแต่งตัวแต่งหน้า พลางเหลือบมองร่างสูงแกร่งที่กำลังสวมกางเกงด้วยความชื่นชม
ฟัดกับเด็กนี่มันดีอย่างนี้นี่เอง เพิ่งโรมรันกันทั้งคืน ก็ยังตื่นมาต่อรอบเช้าได้ มิน่าเล่า ใครๆ ถึงชอบพูดกันว่า กินเด็กแล้วเป็นอมตะ
เธอใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีก็พร้อมลงไปสัมมนา ตอนนี้แปดโมงห้าสิบนาทีแล้ว สัมมนาจะเริ่มตอนเก้าโมงเช้า เธอจึงต้องรีบไป แต่จะให้ทิ้งผู้ชายสุดฮอตที่มีรอยยิ้มใสซื่อไว้ไม่เหลียวแลก็ดูจะแล้งน้ำใจไปสักหน่อย เดี๋ยวเขาจะหาว่าเธอเป็นผู้ใหญ่ที่ได้แล้วทิ้ง จึงได้แต่ละล้าละลัง
ชายหนุ่มซึ่งตอนนี้แต่งตัวเสร็จแล้วก้าวมาหา เขาสวมแว่นสายตาแบบเมื่อคืนแล้ว
“กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนไหมครับ”
“ไม่ทันแล้ว พี่ขอโทษด้วย พี่มีสัมมนาตอนเก้าโมงตรง กินไม่ทัน”
“จะกลัวอะไร ถ้าสายนักก็ย่องเข้าทางด้านหลังห้องสิ คนบรรยายเขาไม่ถือหรอก”
“มันเสียมารยาทและไม่มีความเป็นมืออาชีพ แถมยังดูไม่ให้เกียรติผู้บรรยายด้วย” เธอพูดพร้อมหยิบแฟ้มหนาหนักสำหรับการสัมมนาขึ้นมาถือ
ชายหนุ่มยิ้มจนตายิบหยี “เชื่อสิ ผมว่าเช้านี้ ผู้บรรยายเองก็คงมาสายนิดหน่อยเหมือนกัน ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก”
“รู้ได้ยังไงกัน”
“ใช้สัญชาตญาณ”
“จะให้พี่หวังลมๆ แล้งๆ แบบนั้นได้ยังไงล่ะ”
“เชื่อผมเถอะน่า”
“ไม่เอา ไม่เชื่อ”
หนุ่มน้อยหน้าใสยักไหล่ ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะก้าวออกมาจากห้องของเธอ บอกง่ายๆ “งั้นผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ แล้วเจอกันนะ”
“แล้วเจอกันนะ?” หญิงสาวทวนประโยคขำๆ “นี่คือคำพูดบอกลาของน้องเหรอ เราสองคนคงไม่ได้เจอกันอีกต่างหาก แต่ยังไงก็ขอบคุณนะที่มาใช้เวลาด้วยกันเมื่อคืน เมื่อเช้าด้วย บอกเลยว่าโคตรดี”
“ผมไม่ได้บอกลาซักหน่อย ผมหมายความตามนั้นจริงๆ”
คะนึงรักหลุดขำ ใจเต้นนิดหน่อยตอนที่เห็นรอยยิ้มใสซื่อแต่งแต้มบนดวงหน้าขาวใส ก็รอยยิ้มแบบนี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้เธอเผลอหลวมตัวจูงเขาเข้ามาในห้องนอนเมื่อคืนนี้ หญิงสาวยิ้มตอบ ก่อนจะนึกได้ว่านี่มันเก้าโมงเช้าแล้ว จึงรีบตัดบท
“เอาเป็นว่าพี่ต้องไปจริงๆ แล้ว ถ้าเราสองคนได้เจอกันอีกครั้ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องของพรหมลิขิตละกัน โชคดีนะ”
ถือว่าเป็นเรื่องของพรหมลิขิตอย่างนั้นหรือ...
คะนึงรักมองชายหนุ่มร่างสูงคุ้นตาที่ก้าวขึ้นไปยืนบนโพเดียมด้านหน้าห้องสัมมนาด้วยความตกตะลึง
ใบหน้าหล่อเหลาดูอ่อนเยาว์แบบนี้ สวมแว่นตากรอบสีเงินรับกับดั้งจมูกโด่งสวยแบบนี้ แถมยังมีรอยยิ้มใสซื่อดุจน้ำค้างกลางหาวแบบนี้ จะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่ผู้ชายที่ร่วมเปิดประสบการณ์กับเธอเมื่อคืนนี้ เธอยังจำร่างสูงเพรียวทว่าแกร่งกระชับ หน้าท้องเป็นลอน และสะโพกสอบทรงพลังนั้นได้ขึ้นใจ
โอ...พ่อหนุ่มน้อยสุดเร่าร้อนของเจ้...
เดี๋ยวนะ...หนุ่มน้อยอย่างนั้นหรือ...
คะนึงรักหันไปหาปราณีซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ที่สนิทสนมแล้วถาม “พี่แป้นคะ เมื่อกี้ผู้บรรยายเขาแนะนำตัวว่ายังไงนะคะ เป็นนักจิตวิทยาใช่มั้ยคะ”
“ไม่ใช่นะ หมอวินทร์เป็นจิตแพทย์จ้ะ ไม่ใช่นักจิตวิทยา”
“หมอเหรอคะ”
“ใช่จ้า ห ม อ อ่านว่าหมอ ไม่มี ย ตามและไม่ใช่ ห ม า แน่นอน”
ปกติที่เล่นมุกแบบนี้ เธอจะหัวเราะคิกคัก แต่ในเช้านี้หญิงสาวสติแตกเกินกว่าจะขำไปกับมุกของเพื่อนรุ่นพี่ได้ คะนึงรักหยิบมือถือขึ้นมาเสิร์ชหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตทันที
เรียนแพทย์จะใช้เวลาหกปี ใช้ทุนอีกสักสองหรือสามปี แล้วก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทางอีกใช่ไหม ไหนจะเรียนวิชาต่อยอดของเฉพาะทางโน่นนี่นั่น เฉพาะแล้วเฉพาะอีก ไม่รู้อีกกี่ปี แถมเขายังบอกว่าทำงานที่โรงพยาบาลมาสามปีแล้ว นั่นหมายความว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีทางอายุน้อยกว่าเธอแน่นอน เผลอๆ จะแตะเลขสามกลางๆ แล้วด้วยซ้ำ
เวรแล้วไง...แล้วอะไรดลใจให้เธอมั่นหน้ามั่นโหนกไปเรียกเขาว่าน้องอย่างงั้น น้องอย่างงี้ แถมยังจงใจจะล่อลวงมาให้เป็นคู่ซ้อมในการเปิดโลกแสนสวยงาม แล้วเป็นไงล่ะ โดนเขาสอนมวยไปสามรอบ เมื่อคืนสอง เมื่อเช้าอีกหนึ่ง เดินลงจากห้องยังขาสั่น เรียกว่าเปิดโลกจนแทบจะหลุดออกไปนอกจักรวาลกันเลยทีเดียว
ประตูห้องรักษาเปิดออก พร้อมกับร่างสูงกำยำของวิณทร์วายุที่ก้าวเข้าไปนั่งสบายๆ บนเก้าอี้โซฟาเดี่ยว ส่วนที่โต๊ะทำงานซึ่งห่างออกไป มีหญิงสาวผมสั้นท่าทางทะมัดทะแมงกำลังจัดแฟ้มงานบนโต๊ะอยู่พินทุอรเป็นนักศึกษาแพทย์รุ่นเดียวกับเขา ไปเป็นอินเทิร์นหรือแพทย์ใช้ทุนที่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่เธอเลือกเรียนต่อเฉพาะทางเลย จึงเข้าเป็นเรสซิเดนท์ก่อน ต่างกับเขาซึ่งทำงานอยู่ระยะหนึ่งก่อนเพื่อค้นหาตัวตนให้แน่ใจแล้วค่อยต่อเฉพาะทาง ทำให้หญิงสาวกลายเป็นจิตแพทย์รุ่นพี่“ขอปรึกษาหมออิงหน่อย เรื่องด่วน”เมื่อจิตแพทย์สาวเห็นว่าเป็นใครก็ถามเสียงเนือย “นัดล่วงหน้ามาหรือเปล่าคะ ไม่รู้หรือคะว่าจิตแพทย์ที่นี่ไม่รับนัดวอล์กอินนะ”“กำลังจะทำนัดอยู่นี่ไง นัดกับหมอนี่แหละ นัดเลย คุยเลย อย่าลีลา” ชายหนุ่มหยิบหมอนอิงบนเก้าอี้มากอด เอนหลังในท่าที่สบายขึ้น“ไปหาหมอคนอื่น ฉันไม่รับ”“เดี๋ยวเลี้ยงข้าวที่แคนทีน”“ไม่ว่าง แกไปหาหมอน็อตสิ” พินทุอรหมายถึงจิตแพทย์รุ่งน้องอีกคนซึ่งจะมาตรวจที่โรงพยาบาลสัปดาห์ละครั้ง“ไม่เอา อายไอ้น็อตมัน”“แล้วกับฉันไม่อายเหรอไอ้วิณทร์ ฉันเป็นหมอสาวแสนสวยนะ”“ไม่อาย แกนิสัยเหมือนผู้ชายมากกว่าไอ้น็อตอีก
“คุณเปิดไฟทำไม”“ผมปลอมตัวเป็นหิ่งห้อย เปล่งแสงหาคู่ไง”คะนึงรักหลุดขำออกมานิดหนึ่ง แสงนวลจากดวงไฟดวงเล็กส่งให้ใบหน้าสวยหวานดูผุดผ่องเรืองรอง รอยยิ้มน้อยๆ จากริมฝีปากอิ่มทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบการที่เขาใจเต้นเมื่อตอนบ่ายวันก่อนที่ได้จูบคะนึงรักนั้น วิณทร์วายุไม่แปลกใจหรือเอะใจเลยสักนิด เขาคิดว่ามันคือความตื่นเต้น เพราะใจคิดไปถึงเรื่องหวานๆ หื่นๆ ครั้งก่อนและกำลังดีใจที่มันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งก็เหมือนตอนที่เขากำลังจะลากผู้หญิงฮ็อตๆ สักคนขึ้นเตียงนั่นแหละ ทั้งหวั่นไหวและคาดหวังถึงเซ็กซ์ที่เผ็ดร้อน หัวใจเขาจึงเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่แต่การที่เขากำลังใจเต้นอยู่ตอนนี้นี่สิ...แปลก เพราะเขายังไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดหญิงสาวแม้แต่น้อย“ผู้ชายอย่างคุณหมอวิณทร์ ไม่ต้องเปล่งแสงหรอก แค่มองแล้วยิ้ม ก็เรียกผู้หญิงเข้าไปหาได้นับสิบๆ คนแล้วมั้ง แทบจะไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ”“คุณก็พูดเกินไป”“ลี่พูดในสิ่งที่คุณเองรู้อยู่แล้วนั่นแหละ”คะนึงรักกดปิดไฟฉาย จากนั้นยื่นผ้าห่มผืนบางขนาดย่อมมาให้ “อากาศไม่หนาว แต่ก็มีลม มีน้ำค้าง แม่ลี่บอกว่าคนกรุงเทพฯ อย่างคุณน่าจะกระหม่อมบาง เดี๋ยวจะไม่สบาย”“คุณห่มเถอะ
เพชรพร้อมมองชายหนุ่มหน้าขาวใสประหนึ่งโบกบีบีครีมครึ่งหลอดบนใบหน้า กำลังมองตามร่างบางของคะนึงรักไป ริมฝีปากอมชมพูคลี่ยิ้มน้อยๆ ดวงตาเรียวรีทอประกายเจิดจ้า“คุณมีอะไรในใจกับน้องผมหรือเปล่า”“มีอะไรนะครับ...”“มีอะไรในใจ” เพชรพร้อมย้ำ“ผม...” อีกฝ่ายกะพริบตาช้าๆ สามสี่ที ดูดน้ำมะพร้าวอีกอึกใหญ่ ก่อนจะบอกตรง “ไม่แน่ใจ ไม่รู้สิครับ”“ถ้าไม่รู้ ยังไม่แน่ใจ ก็อย่ามองแบบนั้น”“เรื่องความรู้สึกมันห้ามกันได้ด้วยเหรอครับ ตอนนี้ผมไม่รู้ ไม่แน่ใจ ผมก็ตอบตามตรงเท่านั้นเอง”“ผมมีน้องสาวคนเดียว ทั้งรักทั้งหวง ถ้าคุณมาหลอกน้องสาวผม รับรองว่าผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่ ผมจะอัดคุณให้จมดินเลย” หนุ่มร่างยักษ์พูดพลางหยิบท่อนไม้ขนาดเกือบเท่าแขนเด็กมาหักเล่นชายหนุ่มหน้าขาวยิ้มอ่อนโยน ส่งให้ใบหน้านั้นยิ่งดูอ่อนเยาว์ “คุณจะต่อยผมก็ได้ แต่ก่อนจะมีวันนั้น ผมต้องบอกคุณเสียก่อนว่าตอนเด็กๆ ผมเคยได้เหรียญเงินเทควันโดในกีฬาเยาวชนแห่งชาติมาก่อน ส่วนปัจจุบันนี้ ผมฝึกยูโดจนได้สายดำ และกีฬาที่โปรดปรานอีกอย่างก็คือมวยไทย”“ฝึกไปทำไมเยอะแยะ” เพชรพร้อมขมวดคิ้ว“เพราะผมหน้าอ่อนไงคุณ แถมยังผิวขาว ดูยังไงก็ไม่พ้นไอ้ไก่อ่อน แต่ผมดันหล
เช้าวันรุ่งขึ้น เจ็ดโมงเช้าไม่ขาดไม่เกิน วิณทร์วายุก็ลงมาที่โต๊ะอาหารซึ่งครอบครัวสาลี่โฮมสเตย์อยู่พร้อมหน้า อาหารเช้าในวันนี้เป็นโจ๊กหมูใส่ตับ ฝีมือของคุณนายรำพึง ส่วนปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้นั้น พฤกษ์ซื้อมาจากตลาดเช้าของหมู่บ้านหลังจากกินอาหารเช้าและพักผ่อนเล็กน้อยแล้ว คะนึงรักก็นำจิตแพทย์หนุ่มไปยังท่าน้ำเพื่อเดินทางไปสวนมะพร้าว“ลี่จะพายเรือไปเองเหรอ”“พี่เพชรจะมารับเราตอนเก้าโมง” หญิงสาวตอบ“พี่เพชร?”“ลูกพี่ลูกน้องของลี่เอง พี่เพชรเป็นลูกชายลุง พี่ชายแท้ๆ ของแม่ค่ะ นั่นไง พี่เพชรมารอแล้ว” ประโยคสุดท้ายเธอพูดพร้อมชี้ไปทางท่าน้ำซึ่งมีเรือลำเล็กลอยลำรออยู่ภายในเรือลำน้อยมีชายหนุ่มตัวสูงใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่น ผิวสีแทนค่อนไปทางคล้ำ ผมยาวระต้นคอ แถมยังไม่ค่อยชอบโกนหนวดโกนเครา ทำให้ชายหนุ่มยิ่งดูเหมือนพวกโจรป่าที่ชอบมาดักปล้นพรหมจรรย์นางเอก“สวัสดีพี่เพชรย้อม” คะนึงรักทักทายด้วยชื่อแปร่งหูที่มีแต่เธอเท่านั้นเป็นคนเรียก แม้กล้ามแขนที่โผล่พ้นเสื้อยืดย้วยๆ สีเทาของเพชรพร้อมน่าจะหักคอเธอได้ด้วยมือเปล่า แต่หญิงสาวไม่เคยนึกกลัวเพชรพร้อมลุกขึ้นยืนเท้าเอว เอียงคอมองเหมือนพร้อมมีเรื่อง“มาถึง
เสียงเคาะประตูหน้าห้องของคะนึงรักดังขึ้นราวสามทุ่ม หญิงสาวสวมชุดนอนตัวเก่งเดินมาเปิดประตู แล้วก็เห็นพ่อกับแม่แต่งตัวเต็มยศเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก คืนนี้คุณนายรำพึงยิ่งสวยกว่าปกติ เพราะนางม้วนผมเป็นลอนสวย แถมยังตีโป่งตั้งกระบังแบบมองเห็นได้จากหน้าเวทีลิเกเลยทีเดียว“แม่กับพ่อจะออกไปดูลิเก ตอนแรกเห็นว่ามีแขกวีไอพีมาพัก เลยตัดใจแล้ว โชคดีที่ลี่กลับมาพอดี ช่างเป็นอภิชาตบุตรของแม่เหลือเกิน”คะนึงรักมองบิดา “พระเอกคนนี้ที่แม่ตามคล้องพวงมาลัยใช่ไหมพ่อ”“ใช่ พ่อเลยต้องตามไปด้วย กลัวกลับดึกแล้วจะอันตราย” คนเป็นพ่อตอบ“ไม่ใช่ตามไปคุมเหรอ ขี้หึง” คุณนายรำพึงหลิ่วตาพฤกษ์นิ่วหน้า “ใครหึง ไม่มี้”หญิงสาวอมยิ้ม เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี พ่อเธอก็ยังรักยังหลงแม่เธอไม่เคยเปลี่ยน “ไปเถอะค่ะ เที่ยวให้สนุกนะ ไม่ต้องกังวล ลี่ดูแลแขกให้เอง แต่คิดว่าคุณวิณทร์เขาคงนอนแล้วแหละ”“ส่วนพรุ่งนี้เช้า ตามโปรแกรมของสาลี่โฮมสเตย์ หลังกินข้าวเช้าแล้ว แขกจะได้นั่งเรือเที่ยวสวนมะพร้าวตอนเก้าโมง แวะกินข้าวเที่ยงที่ตลาด แล้วกลับมาพักผ่อนตามอัธยาศัยที่บ้านตอนบ่าย” มารดาสาธยาย“บ้านเรามีสวนมะพร้าวที่ไหนกัน เห็นมีแต่พวกผลไม
“กลับมาแล้วเหรอลี่” เสียงของคุณนายรำพึงดังมาก่อนตัวคะนึงรักลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าว วิ่งเข้าไปสวมกอดมารดาโดยมีบิดาตามเข้ามาห่างๆ เมื่อกอดมารดาเสร็จก็โผไปกอดบิดาต่อสายตาของคุณนายรำพึงมองเลยไปเห็นคนตัวสูงนั่งหน้าแป้นอยู่ที่โต๊ะกินข้าวก็ตกใจ “ตายจริง มัวแต่ดีใจ ลืมไปเลยว่าวันนี้บ้านเรามีแขกวีไอพี”“เขาลงมาจากห้องแล้วเหรอ” พฤกษ์ถามแล้วหันไปมองตาม“ลงมาตั้งนานแล้วแม่ เปี๊ยกไม่ได้บอกเหรอ”“ไม่ได้บอกน่ะสิ บอกแค่ลี่ให้มาตาม ไอ้เด็กคนนี้ ใช้ไม่ได้เลย” บิดาบ่นคุณนายรำพึงกุลีกุจอเข้าไปหาแขกคนสำคัญ “ขอโทษทีนะพ่อคุณ เบื่อแย่เลย”“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมนั่งคุยเล่นกับคุณลี่เพลินๆ ชวนกันทำโน่นทำนี่ ไม่เบื่อครับ”เห็นสายตาที่มีคำถามของมารดาแล้ว คะนึงรักจึงรีบอธิบาย “โลกกลมมากแม่ คุณวิณทร์เป็นเพื่อนสนิทของบอสลี่เอง เราสองคนรู้จักกันมาก่อน”“สนิทกันด้วยครับ” วิณทร์วายุเสริม“จริงเหรอ” คุณนายรำพึงถาม“จริงครับแม่”คะนึงรักส่งสายตาดุๆ ไปให้ ‘ลูก’ ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้น อยากจะถามเขาเหลือเกินว่าเธอไปสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ใจไม่กล้าพอเพราะกลัวคำตอบของจิตแพทย์หนุ่ม ก็ถ้าเกิดเขาโพล่งออกไปว่าเธอกับเขาสนิทกัน