ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูห้องปลุกคนที่นอนหลับให้ตื่นขึ้นพร้อมอาการปวดหัวตุบ เขานอนมึนอยู่กับที่ไม่ขยับ ทว่าเสียงร้องเรียกจากด้านนอกห้องทำให้เขาต้องขานรับ
“ครับ ตื่นแล้วครับ”
คุณนายงามตาและสาวใช้คนสนิทสบตากัน ก่อนจะหันไปมองประตูอีกครั้ง
“แปดโมงกว่าแล้วนะลูก ลุกขึ้นมากินข้าวปลาได้แล้วนะ เพื่อนๆ ของลูกเขาตื่นกันหมดแล้ว” คุณนายงามตายั้งปากเรื่องชัชและเพื่อนผู้หญิงของเขาเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะหันไปสบตาคนสนิทที่ยิ้มให้ท่าน
“ครับ เดี๋ยวผมลงไปนะครับ”
เสียงเดินผ่านหน้าห้องไปแล้ว แต่ชายหนุ่มยังนอนนิ่ง ผ่อนลมหายใจยาว แล้วค่อยๆ รำลึกถึงเหตุการณ์คืนที่ผ่านมา แล้วเขาก็หันไปมองข้างกาย ทว่าบนเตียงกว้างของเขาว่างเปล่า ต่างจากสภาพเตียงนอนที่ยับย่น ยุ่งเหยิงราวกับผ่านมรสุมมาอย่างหนัก เขาก้มมองตัวเองแล้วใจหายวาบ รีบผุดนั่งแม้จะยังมึนงง ก่อนจะตลบผ้าห่มออก แล้วเขาก็ต้องใจหล่นวูบไปอยู่ที่ปลายเท้าเมื่อเห็นร่องรอยบางอย่างที่ทำเขาใจหาย นั่นคือหยดเลือดสีเข้มหลายหยดที่แห้งกรังติดผ้าปูที่นอนสีเทา คนที่เขาคิดถึงเป็นคนแรกไม่ใช่ใคร แต่เป็นเด็กสาว
กอหญ้า...
ภพธรยกมือขึ้นกุมขมับ ใบหน้าเผือดซีดลง เหตุการณ์นั้นผ่านเข้ามาในความทรงจำเป็นฉากๆ มือเรียวใหญ่ลดลงเขาผลิกฝ่ามือทั้งสองข้าง มองจ้องมันราวกับเป็นสิ่งพิเศษ ก่อนจะกัดฟันแน่นพร้อมกำมือเข้าหากัน
จากนั้นเขาก้าวลงจากเตียง เดินเซหน่อยๆ ตรงเข้าห้องน้ำ จัดการทำธุระของตนเองอย่างรวดเร็วแล้วออกจากห้องด้วยสีหน้าถมึงทึง!!
ภายในครัว นางเรียมและแสงกำลังช่วยกันตักขนมหวานเพื่อออกไปเสิร์ฟให้กับเพื่อนๆ ของภพธร ทว่าร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาทำให้คนทั้งสองเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มแย้มแจ่มใส
“อ้าวคุณหนึ่ง ต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ”
นางเรียมเอ่ยถาม สีหน้าแจ่มใสไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เขามองหน้านางอย่างไม่เต็มตานัก เพราะรู้ดีว่าทำอะไรเอาไว้กับหลานสาวของนาง แต่ดูเหมือนนางจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาหรี่ตาแล้วหลุบลงอย่างครุ่นคิด ก่อนจะมองไปรอบห้อง
“กอหญ้าล่ะครับ”
นางเรียมและแสงมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ เพราะปกติแล้วชายหนุ่มจะไม่เคยถามหาเด็กสาวอย่างเฉพาะเจาะจงแบบนี้
“เจ้าหญ้ามันไปโรงเรียนแล้วค่ะคุณ วันนี้วันพฤหัสฯ” นางเรียมย้ำให้เขาเข้าใจ เพราะอีกฝ่ายคงลืมไปว่ากอหญ้านั้นยังต้องไปเรียน
“อ้อ” เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วมองนางเรียมด้วยสายตาที่นางไม่เข้าใจนัก เพราะมันเต็มไปด้วยความละอายใจอย่างไม่น่าจะเป็น
“คุณหนึ่งมีอะไรให้เจ้าหญ้ามันทำหรือเปล่าคะ บอกกับน้าเอาไว้ก็ได้นะคะ พอมันกลับมาจากโรงเรียนน้าจะบอกมันให้ค่ะ”
“ไม่มีอะไรครับ แต่ถ้าหญ้ากลับมาช่วยให้ไปพบผมที่ห้องทำงานด้วยนะครับ” จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องครัว ทำให้นางเรียมและแสงสบตากันอย่างแปลกใจอีกครั้ง
“สงสัยคงจะวานให้ไอ้หญ้ามันช่วยงานกระมัง”
นางเรียมย่นคิ้วเข้าหากัน ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียกหา
“ฮัดชิ้ว!” นางเรียมจามออกมา
“อ้าว กินยาหรือยัง” แสงเอ่ยถาม ขณะยกถาดขนมหวานขึ้น
“กินแล้ว เจ้าหญ้ามันหาให้ก่อนไปโรงเรียน ไม่รู้ติดหวัดข้าหรือเปล่า เช้านี้ดูหน้ามันซีดๆ บอกให้หยุดเรียนสักวันก็ไม่ยอมท่าเดียว” นางเรียมบ่นอุบ ส่วนแสงยิ้มจางๆ นึกเอ็นดูสาวน้อย
“ไอ้หญ้ามันขยัน มันเคยบอกกับฉันว่าโตขึ้นมันจะทำงานเก็บเงินแล้วซื้อบ้านสักหลัง ให้แม่ใหญ่เลิกทำงานไปอยู่กับมันที่บ้านหลังใหม่ มันจะเลี้ยงแม่ใหญ่เอง เด็กมันรักดีน่ะเนอะ ฉันเห็นมันแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้จริงๆ”
แสงพูดพลางยกถาดออกจากห้องครัว ทิ้งให้นางเรียมยิ้มด้วยความภาคภูมิใจอยู่บนเก้าอี้นั่นเอง
บริเวณระเบียงกว้าง มีหลังคาให้ร่มเงา เพื่อนๆ ของภพธรกำลังนั่งรับประทานอาหารพร้อมพูดคุยอย่างอารมณ์ดี แต่ทันทีที่ร่างสูงใหญ่ของเพื่อนรักผู้เป็นเจ้าของบ้านก้าวเข้ามา เสียงพูดคุยอย่างเซ็งแซ่ก็พลันหยุดชะงัก ทั้งหมดมองมายังเขาเป็นสายตาเดียวกัน ภพธรรับรู้ถึงความผิดปกตินั้นทันทีก่อนจะกวาดตามองหาใครบางคนแล้วหยุดลงที่ชัช ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วสูงพร้อมพยักหน้าเรียก
ชายหนุ่มเดินตรงไปหาเพื่อนพลางเอ่ยถามทันที
“ใครเห็นธิสาบ้าง” สิ้นเสียงถามทุกคนเงียบกริบ ก่อนจะมีเสียงของเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่เป็นแฟนของเพื่อนในกลุ่มเดียวกันตอบขึ้นมา
“กลับไปแล้ว พอแต่งตัวเสร็จนางก็รีบแจ้นกลับไปเลย ทำเหมือนกับหนีอะไรอย่างนั้น” คนพูดพูดยิ้มๆ อย่างรู้ทัน ก่อนจะหันไปมองชัช อีกฝ่ายทำหน้าเซ็งนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยถามคนหน้าบึ้งตรงหน้า
“มึงเป็นไงมั่ง” ถามอย่างรู้กัน เมื่อคืนนี้มีคนรู้เพียงไม่กี่คน แต่เช้านี้คงรู้กันหมดแล้วว่าธิสาพยายามทำอะไรกับภพธรเอาไว้ และเจ้าหล่อนคงจะอยู่สู้หน้าคนอื่นไม่ได้ จึงหนีกลับไปก่อนที่เขาจะชำระความ
“บ้าเอ๊ย” ภพธรทิ้งตัวลงนั่งด้วยความหงุดหงิด ในใจคิดสั่งสอนผู้หญิงที่บังอาจทำเรื่องสกปรก ทำให้เขาไปก่อเรื่องเอากับเด็กสาวบริสุทธิ์คนนั้น ป่านนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง พอคิดถึง ภพธรใจไหววูบลงอย่างละอายแก่ใจ
“เช้านี้มึงโอเคนะ” ชัชเอ่ยถามเสียงเบาๆ ขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ เริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง แต่ก็ยังเงี่ยหูฟังเจ้าของบ้านพูด
“อือ” เขาตอบแค่นั้น ไม่อยากพูดอะไรให้ใครได้ยิน เพราะคนที่เสียหายที่สุดไม่ใช่เขา แต่เป็นกอหญ้า เด็กสาวน่าสงสารคนนั้น
“แล้วมึงล่ะ เป็นไง” ภพธรสบตาชัช ฝ่ายนั้นยกยิ้มอย่างสบายอุรา พลางคิดถึงคนที่หนีกลับไปก่อนแล้วหัวเราะเบาๆ อย่างขบขัน ไม่ได้มีความเสียใจในแววตาของเขาแม้สักนิดเดียว
“หนักเลยว่ะ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน” ชัชเอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเบา แต่แววตาพราวระยับ ดูก็รู้ว่าสบายตัวสบายใจไม่น้อย แต่ภพธรกลับรู้สึกตรงกันข้ามเลยทีเดียว
“อย่าให้เจอ กูจะเอาเรื่องให้หนัก นิสัย!”
ชายหนุ่มคำรามเบาๆ ในลำคอ ทำให้ชัชหัวเราะออกมาพลางบอก
“กูว่าคงไม่กล้ามาเจอหน้ามึงอีกนาน แต่มึงไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วนี่ ถือว่าทำประโยชน์ให้เพื่อนก็แล้วกัน” พูดจบชัชก็หัวเราะขึ้นมาอีก แต่กลับทำให้ภพธรนัยน์ตาขุ่นขวางหนักหน่วง เสียงหัวเราะของชัชจึงค่อยๆ เบาลงและเริ่มมองคนตรงหน้าอย่างสังเกตมากยิ่งขึ้น
“มึงมีอะไรจะบอกกูหรือเปล่าวะ เกิดอะไรขึ้น”
เพราะแทนที่ภพธรจะเบาใจลงที่มีเขาไปรองรับอารมณ์ผู้หญิงบ้ากามคนนั้นแทนที่ อีกฝ่ายกลับดูยิ่งโกรธเจ้าหล่อนอย่างมหาศาลจนเป็นที่สังเกต
ภพธรเม้มปากแน่น ข้าวปลาไม่แตะสักเม็ด เพราะโกรธจนกินอะไรไม่ลงเสียแล้ว
“เปล่า ไม่มี”
น้ำเสียงแหบต่ำ ยิ่งทำให้ชัชไม่เชื่อในคำพูด แต่เวลานี้ตรงนี้คนเยอะเกินไป เขาจึงยังไม่ซักไซ้ไล่เลียง เพราะเกรงว่าอาจมีบางคนนำเอาเรื่องที่เขาคุยกันไปโพนทะนาจนบานปลายไปกันใหญ่
“เอาไว้คุยเรื่องนี้กันใหม่ ตอนนี้กูว่ามึงกินข้าวก่อน นั่นขนมมาพอดี ต้องต่อด้วยของหวานสักหน่อย กินคาวแล้วต้องกินหวานโว้ย ไม่งั้นจะสันดานไพร่ ฮ่าๆ”
พูดจบชัชก็ลุกจากเก้าอี้ตรงไปยังโต๊ะกลาง แล้วตักบัวลอยไข่เต่าใส่ถ้วย ภพธรมีรอยยิ้มวาบเข้ามาในแววตาของเขาแวบหนึ่งก่อนจางลงเมื่อคิดถึงเงาบางๆ ของเด็กสาวขึ้นมาอีกครั้ง เป็นความรู้สึกผิดบาปที่เกาะกินใจของเขาไม่คลาย
หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นโอบกอดรอบลำตัวหนาของสามี เผยอรับปากจุมพิตอ่อนหวานของเขาอย่างเต็มใจ นานแล้วที่หล่อนและเขาไม่ได้ทำอะไรกันท่ามกลางแสงเดือนและแสงจันทร์สว่างจ้า ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง แล้วหันไปปิดตะเกียงโซลาร์เซลล์ ใช้ความสว่างของดวงดาวนำทางแทน ลมหายใจพร่าลง เมื่อร่างกำยำของสามีเปลือยเปล่าท่ามกลางหมู่ดาวที่เกลื่อนฟ้า ขณะที่หล่อนเองก็ไม่ได้น้อยหน้าเขาสักนิด เพราะถูกเขาเปลื้องออกเช่นเดียวกัน ร่างใหญ่ทาบทับลงมาบนร่างนุ่ม มือแกร่งลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างขาวผ่อง ริมฝีปากบดจูบดูดดื่ม ก่อนเคลื่อนต่ำลงไปช้า ๆ แล้วครอบครองยอดทรวงเคร่งครัด “อืม…” เสียงหวานครางแผ่ว สองมือกอดรัดรอบศีรษะ ใบหน้างามสะบัดเริดยามเขาฉกปลายลิ้นลงบนผิวกายเนียนนุ่ม “คุณหนึ่ง” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนที่ครางชื่อเขาออกมา แล้วผลักท่อนขาอวบอิ่มแยกจากกัน กอหญ้าสูดลมหายใจยาวแล้วผ่อนออกมาหนักหน่วงหอบพร่า มือที่กดศีรษะของเขาเอาไว้เปลี่ยนเป็นขยุ้มกองผ้าข้างกายแทน เมื่อเปิดเปลือกตา จึงพบว่าหมู่ดาวที่เกลื่อนฟ้าช่างงดงามเกินบรรยาย เช่นเดียวกับความรู้สึกซาบซ่านที่พลุ่งพล
พิเศษใส่ใจอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ภพธรรู้สึกเหมือนกับตายทั้งเป็น แต่ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาเขาจะพบกับใบหน้าของมารดาที่ยิ้มให้เสมอ เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เขาต่อสู้กับความเจ็บปวดเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป... เมื่อกอหญ้ากลับมา เขาก็ได้รู้อีกว่าเขายังมีสัญญาที่ให้ไว้กับหล่อนและต้องทำให้สำเร็จ เด็กสาวที่ครั้งหนึ่งเขาเผลอไผลย่ำยี นับจากนั้นเขาเฝ้าดูแลหล่อนอยู่ไกลๆ วันเวลาที่ผ่านไปทำให้เขาเกิดความผูกพันกับหล่อนทีละน้อย จนในที่สุดก็รู้ตัวว่าหัวใจของเขาไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป ครั้งแรกที่เขาลืมตาขึ้นมาเจอกอหญ้า ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้ว่ามีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใคร น้ำเสียงที่ไล่ไปตามตัวอักษรบนหนังสือหลายต่อหลายเล่ม ตามเข้าไปอยู่ในฝันของเขาทุกคืนวัน กำลังใจที่จะหายจากอาการที่เป็นอยู่มีเพิ่มขึ้น จนในที่สุด ดวงตาของเขาก็เริ่มจะเห็นรางๆ ในตอนนั้นเขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่นานความดีใจถูกบดบังอีกครั้ง เขายอมปล่อยให้หญิงสาวไปตามทางที่หล่อนตั้งใจเอาไว้แต่แรก ทว่าในค่ำคืนนั้นก่อนจากลา หล่อนทำให้เขาต้องจดจำอย่างไม่มีวันลืม เรือนร่างแน่งน้อยที่เคลื่อนไหวบนร่างของเขา
พระอาทิตย์มีขึ้นและลง พระจันทร์ส่องแสงในกลางคืน แล้วลาลับในยามเช้า เช่นเดียวกับชีวิตของผู้คน ที่มีหลับมีตื่น ดำเนินต่อและจากไปในเวลาสมควร... เช่นเดียวกับชีวิตครอบครัวของภพธร เมื่อสิ้นมารดาที่รักยิ่ง จึงทุ่มเทความรักทั้งหมดให้กับภรรยาและลูกๆ เขาตระหนักชัดว่าชีวิตนี้แสนสั้น จึงไม่ยอมให้อะไรมาพรากความสุขของคนที่รักไปง่ายๆ กิจการที่อยู่ตัวดีแล้ว ทำให้เขาหันมาทุ่มเทเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น เพราะในเวลานี้ ทั้งเขาและภรรยาต่างไม่เหลือใครให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ จึงหันมายึดเหนี่ยวดวงใจของกันและกัน มอบความรัก ความอบอุ่นให้กับลูกๆ อย่างเสมอภาคเท่าเทียม ทุกวันหยุดเขาจะพาเด็กๆ ออกไปท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน บางครั้งก็พาบินลัดฟ้า เปิดโลกทัศน์ที่กว้างใหญ่กว่าให้พวกเขารู้ว่าชีวิตของคนเราไม่ได้มีแค่ที่บ้าน แต่ยังมีอะไรอีกมากที่ไม่รู้จัก ไม่เคยพบเจอ ร่างสูงเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ข้างภรรยา หญิงสาวยิ้มหวานพร้อมกับยกแก้วน้ำส่งให้สามี “เหนื่อยไหมคะ” เอ่ยถามพลางลูบบ่าของเขาเบาๆ เพื่อบรรเทาความอ่อนล้า “ไม่เหนื่อย” ตอบพลางวาดวงแขนขึ้นโอบไหล่ภรรยา
บทส่งท้ายตั้งแต่มีเด็กเพิ่มมาหนึ่งคน บ้านที่เคยกว้างก็ดูแคบลง ที่เคยเงียบเหงาก็กลับมาครื้นเครง ทุกอย่างดูสดใสขึ้นทันตา ทุกๆ เช้า กอหญ้าจะต้องพาลูกสาววัยหนึ่งขวบไปให้คุณย่าของแกอุ้มเล่นที่ระเบียงบ้าน ตั้งแต่มีหลานสาวทำให้อาการป่วยของคุณนายงามตาทุเลาลง สุขภาพกายและสุขภาพใจดีขึ้นมาก ทั้งกอหญ้าและ ภพธรต่างยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น “พอน้องพายได้สักสามขวบ เรามีหลานให้คุณย่าอีกสักคนเนอะ” ภพธรบอกกับภรรยาขณะพาแม่หนู ดาราพายออกมาทำบุญให้กับคุณทวดเรียมที่วัดใกล้บ้าน คนตัวบางค้อนสามีก่อนยิ้มให้ ขณะหยุดยืนที่ทางเดินริมแม่น้ำ “ถ้าแม่ใหญ่ยังอยู่ก็คงจะดีนะคะ” หญิงสาวเปรยถึงนางเรียม ชายหนุ่มก้มมองสีหน้าของภรรยา อึดใจต่อมาจึงค่อยยิ้มได้ เพราะดวงหน้างามของกอหญ้าไม่เศร้าหมองอีกต่อไปยามคิดถึงนางเรียม หล่อนทำใจได้แล้วจริงๆ “ใช่ น้องพายคงจะติดคุณทวดเรียมน่าดู” ชายหนุ่มเปรยออกมาอย่างมั่นใจ จากนั้นจึงพาภรรยาและลูกสาวกลับบ้าน ทุกวันที่ผ่านไปยังคงราบรื่น ดาราพายโตวันโตคืน และเป็นเด็กที่สดใสร่าเริงเพราะความรักที่ทุกคนมอบให้ จนกระทั่งอายุได้สาม
“แล้วลูกล่ะคะ เป็นอะไรมากไหม” หญิงสาวคิดถึงเด็กน้อยหน้าตาคมคายคนนั้น ที่สามีเคยเอารูปมาให้หล่อนดูตอนแกคลอดใหม่ๆ กับภรรยาสาวสวยคนไทย “บาดเจ็บนิดหน่อยเท่านั้น” “คุณอย่าทำแบบนั้นนะคะ” ภพธรถึงกับเลิ่กลั่กเมื่อถูกภรรยามองอย่างจับผิด “ไม่ทำ” เขาส่ายหน้ารัว ทำให้หญิงสาวค้อนคมพลางบอก “ถ้าคุณคิดจะมีผู้หญิงอื่น บอกหญ้าดีๆ ก็พอ หญ้าจะเปิดทางให้แล้วไปดีๆ เลย” คนฟังนิ่วหน้า พลางคิดว่าเขาไม่น่าเล่าให้หล่อนฟังเลย แต่ถ้าไม่เล่าหญิงสาวก็ยิ่งคิดมาก เดี๋ยวจะหาว่าเขานอกลู่นอกทางเสียอีก “รักหญ้าจะแย่อยู่แล้ว จะมีใครอีกได้ไง” เขาบอก ทั้งกอดและหอมหนักหน่วง หญิงสาวตวัดค้อนก่อนจะยอมยิ้มออกมา “ไม่รู้สิคะ ก็รอดูกันต่อไป ถ้าคุณดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ หญ้าก็จะดีกับคุณเหมือนกัน” คำพูดของหญิงสาวและสายตาที่มองมาทำให้ภพธรรู้ว่าภรรยาไม่ได้พูดเล่น ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะรั้งร่างอวบมากอด “รอดูไปตลอดชีวิตเลยนะ พนันเลยว่าหญ้าไม่ได้เห็นผู้หญิงอื่นแน่นอน” “เพราะคุณหนึ่งจะซ่อนเอาไว้ให้มิดชิด” หญิงสาวโต้ออกมาทันควัน แต่เมื่อสามีทำต
ผ่านไปอีกหนึ่งปีสำหรับการร่วมชีวิตระหว่างภพธรและ กอหญ้า ในที่สุดชายหนุ่มก็สามารถทำให้หญิงสาวตั้งครรภ์ลูกคนแรกของพวกเขาได้สำเร็จ แต่ยิ่งใกล้คลอด ว่าที่คุณแม่ก็ยิ่งรู้สึกเปราะบางเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของความรู้สึกทางอารมณ์หรือว่าร่างกาย เจ้าของร่างอวบอิ่มเดินวนเวียนไปมาภายในห้องนอน เกือบห้าทุ่มแล้วแต่ภพธรยังไม่กลับบ้าน โทรศัพท์ไปก็ไม่ยอมรับสาย ทำให้หญิงสาวนอนไม่หลับเพราะความเป็นห่วง จนกระทั่งห้าทุ่มครึ่ง ชายหนุ่มก็กลับมาถึงบ้าน เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้คนที่เพิ่งดับไฟนอนลุกขึ้นนั่งพร้อมกับโคมไฟข้างเตียงที่สว่างจ้า ชายหนุ่มชะงักเท้าแล้วหันไปมองภรรยาที่กำลังมองมาด้วยสีหน้าค่อนข้างเรียบขรึม เขาจึงยิ้มให้แต่ยังไม่ยอมเดินเข้าไปหา “ทำไมกลับดึกนักล่ะคะ หญ้าโทร.ไปคุณก็ไม่ยอมรับสาย เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” ถามพลางกวาดสายตามองเขาอย่างจับผิด แล้วก็ทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมา “นี่คุณดื่มมาด้วยหรือคะ” สิ้นเสียงถาม คนที่ไม่ยอมเข้าใกล้ก็ถึงกับถอนหายใจ ยิ่งทำให้หญิงสาวหรี่ตามองอย่างคาดโทษ “พอดีเพื่อนแวะไปหาที่ร้าน ก็เลยออกไปดื่มกับมันนิดหน่อ