LOGINพอเห็นคุณย่าสือลุกขึ้นจะเดินจากไป โจวฉินก็รีบลุกขึ้นหวังจะพูดคุยเจรจากับท่านต่อ แต่กลับถูกป้าอู๋ขวางไว้“คุณนายคะ กลับไปเถอะค่ะ คุณท่านจะพักผ่อนแล้ว”สีหน้าของโจวฉินเคร่งเครียดลง แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรกับป้าอู๋อย่างไรเสียป้าอู๋ก็รับใช้คุณย่าสือมาสามสิบสี่สิบปีแล้ว คำพูดของเธอย่อมมีน้ำหนักต่อหน้าคุณย่าสือ การสร้างศัตรูกับป้าอู๋ไม่มีประโยชน์อะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อยเธอหันไปมองสือม่าน “ม่านม่าน เรากลับกันเถอะ!”สือม่านพยักหน้า แล้วเดินตามหลังโจวฉินออกไปพอขึ้นรถ โจวฉินก็พูดอย่างหัวเสีย: “ก็แค่มีเหอเยวี่ยนไม่ใช่หรือไง?! มันจะวิเศษวิโสอะไรนักหนา?! ทุกครั้งที่มาหาต้องคอยก้มหัวอ่อนข้อให้ ฉันทนชีวิตแบบนี้ไม่ไหวแล้วจริง ๆ!”แววตาของสือม่านสั่นไหวเล็กน้อย เธอหลุบตาลงพูดว่า: “แม่คะ หนูขอโทษ ถ้าไม่ใช่เพราะหนู วันนี้แม่ก็คงไม่ต้องมาที่บ้านตระกูลมารองรับอารมณ์ของคุณย่าแบบนี้”เมื่อเห็นความรู้สึกผิดและความเสียใจบนใบหน้าของสือม่าน โจวฉินก็รู้สึกสงสารจับใจตั้งแต่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของตระกูลสือ สือม่านก็ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังตัวมาตลอด ความสดใสร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนหายไปจนหมดสิ้น“
“คุณโจว ตราบใดที่คุณไม่มาหาเรื่องฉัน ฉันก็ไม่มีอะไรไม่พอใจหรือมีความเห็นอะไรกับคุณค่ะ”โจวฉินแค่นหัวเราะ สีหน้าฉายแววรังเกียจและรำคาญใจ“ความไม่พอใจที่แกมีต่อฉันในใจ ต่อให้พูดสามวันสามคืนก็คงไม่หมด แล้วอีกอย่าง เมื่อกี้ม่านม่านก็พูดไม่ผิด ตอนนั้นที่แกออกจากบ้านตระกูลสือไป ก็เป็นแกที่เลือกเอง อย่ามาทำท่าทำทางเหมือนกับว่าใคร ๆ ก็ผิดต่อแกไปซะหมด!”สืออวี๋สบตากับเธอตรง ๆ รู้สึกว่ามันช่างน่าขันสิ้นดีโจวฉินยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เหมือนกับเมื่อหลายปีก่อน ชอบยัดเยียดข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลให้เธอโดยไม่สนผิดถูก“คุณโจว ฉันไม่เคยเสียใจที่ออกจากบ้านตระกูลสือ และไม่เคยรู้สึกว่ามีใครทำผิดต่อฉัน หวังว่าคุณจะไม่ทึกทักเอาเองว่าฉันคิดอะไร”ที่เธอเลือกตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขาในตอนนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหลียงหยวนโจว และอีกส่วนก็เพราะเธอผิดหวังกับคนตระกูลสืออย่างสิ้นเชิง“ดี! ฉันอยากจะเห็นนัก ว่าแกจะปากแข็งไปได้ถึงเมื่อไหร่!”สืออวี๋ไม่คิดจะทะเลาะกับเธอต่อ เธอหันไปมองคุณย่าสือ “คุณย่าคะ หนูออกไปข้างนอกนะคะ”เธอไม่ชายตามองโจวฉินและสือม่านอีก ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันทีโจวฉินโกรธจนหน้าซี
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อสืออวี๋ตื่นนอนและจัดการธุระส่วนตัวเสร็จ เธอก็เดินมายังห้องนั่งเล่น และเห็นสือม่านกับโจวฉินกำลังนั่งคุยอยู่กับคุณย่าสือบนโซฟานับตั้งแต่ออกจากบ้านตระกูลสือไป สืออวี๋ก็ไม่เคยได้พบหน้าสือม่านอีกเลยไม่ได้เจอกันหลายปี สือม่านดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก เธอสวมชุดสูทสไตล์แบรนด์ดัง แต่งหน้าอย่างประณีต รอยยิ้มบนใบหน้าดูดีอย่างพอเหมาะ ทั้งสง่างามและสวยงามเมื่อตระหนักได้ถึงสายตาของสืออวี๋ สือม่านก็หันมามองเธอ“พี่คะ ตื่นแล้วเหรอคะ? คุณย่าเพิ่งกำลังจะให้คนไปปลุกพี่อยู่เลยค่ะ”สือม่านกล่าวด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่สนิทสนม หากใครไม่รู้เรื่องคงคิดว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาทั้งสองยังคงติดต่อกันอยู่เสมอสืออวี๋มีสีหน้าเย็นชา เธอไม่ตอบคำพูดของสือม่าน แต่หันไปมองคุณย่าสือแทน“คุณย่า เช้านี้หนูมีธุระข้างนอก ไม่ทานมื้อเช้าที่บ้านนะคะ”คุณย่าสือพยักหน้า ขณะที่ท่านกำลังจะเอ่ยปาก โจวฉินก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนด้วยสีหน้าไม่พอใจ “สืออวี๋ เมื่อกี้แกไม่ได้ยินที่ม่านม่านทักทายแกเหรอ? การตอบรับคำพูดของคนอื่นถือเป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่สุด แม้แต่เรื่องแค่นี้แกก็ไม่เข้าใจหรือไง?!”สิ้นเสียงของโจวฉิน สือม
สืออวี๋ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “สัปดาห์หน้าฉันค่อนข้างยุ่งค่ะ คงต้องรอให้ฉันย้ายไปอยู่เซิ่งซื่อหาวถิงก่อนแล้วค่อยนัดกันใหม่นะคะ”“ได้ครับ งั้นคุณเดินทางกลับดี ๆ นะครับ”หลังจากบอกลาซือเยี่ยน สืออวี๋ก็ขับรถออกไปพอกลับมาถึงบ้านตระกูลสือ ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนั่งเล่น ก็เห็นคุณย่าสือนั่งอยู่บนโซฟา แววตาของสืออวี๋ฉายแววประหลาดใจ“คุณย่า ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่นอนอีกล่ะคะ?”เมื่อเห็นเธอ คุณย่าสือก็ตบลงบนที่ว่างข้าง ๆ “อาอวี๋ มานั่งนี่สิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”“เรื่องอะไรเหรอคะ?”สืออวี๋นั่งลงข้าง ๆ คุณย่าสือ พลางมองท่านด้วยความสงสัย“อาอวี๋ เรื่องงานเลี้ยงวันอาทิตย์นี้ แกมีสไตล์ที่ชอบเป็นพิเศษไหม ฉันจะได้ให้ป้าอู๋จัดตามแบบที่แกชอบ”สืออวี๋ส่ายหน้า “คุณย่า ตามใจท่านเลยค่ะ หนูไม่มีที่ชอบเป็นพิเศษ”เมื่อได้ยินดังนั้น แววตาของคุณย่าสือก็ฉายแววผิดหวัง “อาอวี๋ วันนี้ที่บ้านตระกูลสือ แม่ของแกถามคำถามเดียวกันนี้กับสือม่าน แกรู้ไหมว่าสือม่านตอบว่ายังไง?”สืออวี๋ขมวดคิ้ว “คุณย่า เธอจะตอบว่ายังไง หนูไม่สนใจหรอกค่ะ”อันที่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณย่าสือยืนกรานให้เธ
ท่าทีที่ผลักไสคนให้ห่างไกลนับพันลี้ของสืออวี๋ ทำให้ในใจของเหลียงหยวนโจววูบโหวงไปด้วยความผิดหวัง หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ฝืนปั้นรอยยิ้มออกมา“อาอวี๋ ผมได้ยินมาว่าตระกูลสือเตรียมจัดงานเลี้ยงต้อนรับคุณกลับไป”พอเธอกลับไปตระกูลสือแล้ว เขาจะหาโอกาสไปที่นั่นเพื่อจัดการเรื่องแต่งงานของพวกเขาก่อน แล้วค่อย ๆ ตามง้อเธอขอแค่เขาดึงดันต่อไป สืออวี๋จะต้องใจอ่อนเหมือนที่ผ่านมาแน่นอนสืออวี๋เริ่มหมดความอดทน “มันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยเหรอคะ?”เหลียงหยวนโจวขมวดคิ้ว กำลังจะพูด แต่ทันใดนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นหลังจากรับสาย ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป“เข้าใจแล้ว ผมจะไปเดี๋ยวนี้”เขาวางสายแล้วหันไปมองสืออวี๋ “อาอวี๋ พอดีที่บริษัทมีธุระด่วน ไว้รอวันที่คุณกลับตระกูลสือ เราค่อยเจอกันที่นั่น”สืออวี๋ไม่แม้แต่จะปรายตามอง ปล่อยให้คำพูดของเขาผ่านไปเหมือนผายลมเมื่อเห็นว่าเธอไม่สนใจไยดี ความผิดหวังก็แล่นขึ้นมาในใจเหลียงหยวนโจวอีกครั้ง เขาไม่พูดอะไรต่อ หันหลังเดินจากไปตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่แม้แต่จะชายตามองซือเยี่ยนเลยสักนิดในสายตาของเขา ซือเยี่ยนเป็นแค่หมอตัวเล็ก ๆ คน
พอส่งข้อความไป ซือเยี่ยนก็รีบตอบกลับทันทีว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน ไว้เดี๋ยวเจอกันที่หน้าร้านอาหารเลยสืออวี๋ตอบกลับด้วยสติกเกอร์รูปโอเค และบอกเขาว่าจะออกเดินทางไปร้านอาหารเดี๋ยวนี้ คาดว่าจะถึงประมาณหกโมงเย็นเมื่อมาถึงหน้าร้านอาหาร เธอก็เจอซือเยี่ยนพอดี ทั้งสองจึงเดินเข้าไปในร้านด้วยกันขณะเดียวกัน ที่ริมถนนเหลียงหยวนโจวกำลังหลับตาพักผ่อนอยู่ ส่วนจงชู่ที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับก็มองออกไปที่ไม่ไกล จู่ ๆ ก็อุทาน “เอ๊ะ” ออกมาเหลียงหยวนโจวลืมตาขึ้น “มีอะไร?”“มะ...ไม่มีอะไรครับ เมื่อกี้ผมเหมือนจะเห็นคุณหนูสือ แต่คงจะตาฝาดไปมากกว่า”ช่วงนี้ก็ไม่รู้ว่าเหลียงหยวนโจวเป็นอะไรไป เขาโหมงานหนักกว่าเมื่อก่อนมาก และไม่เคยเอ่ยปากถามถึงเรื่องของสืออวี๋อีกเลยจงชู่เดาใจเหลียงหยวนโจวไม่ออก เลยไม่กล้าเอ่ยถึงสืออวี๋ต่อหน้าเขาอีกแต่เรื่องที่เหนือความคาดหมายก็คือ เหลียงหยวนโจวไล่เสินหลีออกเสินหลียังมาโวยวายที่บริษัทอยู่สองครั้ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าถูกเหลียงหยวนโจวเตือนเข้าหรือยังไง ถึงไม่มาอาละวาดอีกเหลียงหยวนโจวขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเย็น: “เห็นที่ไหน?”จงชู่ลังเลอยู่คร







