Share

บทที่13

Author: ชุนกวงห่าว
อีกฝั่งเงียบไปครู่หนึ่ง เสียงที่เย็นชาของเหลียงหยวนโจวก็ดังมา “สืออวี๋ ก่อนหน้านี้คนที่บอกว่าจะเลิกกันหลังจากหนึ่งเดือนนี้ก็คือคุณ แต่ตอนนี้อยู่ๆ คนที่โทรมาบอกเลิกก็คือคุณเหมือนกัน คุณจะบ้าก็ช่วยมีขอบเขตหน่อยได้ไหม? ตอนนี้ผมไม่มีเวลามาพูดไร้สาระกับคุณ รอผมกลับไปแล้วค่อยว่ากัน”

พูดจบ เขาก็ตัดสายไปอย่างเด็ดขาด

สืออวี๋วางโทรศัพท์ลง แล้วส่งไฟล์บันทึกการสนทนาระหว่างเธอกับเสินหลีในก่อนหน้านี้ไปให้เขา

แน่นอนว่าก็ส่งไปให้เซี่ยงชินเฟินด้วยเหมือนกัน

หลังจากส่งเสร็จ เธอก็กดโทรหาบริษัทจัดหาสถานที่แต่งงาน

“สวัสดีค่ะ ฉันคือสืออวี๋ เคยจองสถานที่จัดงานแต่งกับทางบริษัทของพวกคุณ ช่วยยกเลิกให้ฉันด้วยค่ะ”

ฝั่งตรงข้ามเงียบไปครู่หนึ่ง จึงค่อยมีเสียงของพนักงานตอบกลับมา “คุณหนูสือ คุณแน่ใจแล้วหรือคะว่าจะยกเลิกสถานที่จัดงานแต่งที่จองไว้?”

ปลายนิ้วที่จับโทรศัพท์ของสืออวี๋กำแน่นขึ้นเล็กน้อย แต่เสียงกลับเรียบเฉยไร้อารมณ์ใดๆ “อืม แน่ใจแล้วค่ะ”

“ได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว งั้นทางเราจะดำเนินการยกเลิกให้คุณนะคะ”

“ขอบคุณค่ะ”

วางสายแล้ว สืออวี๋ก็ถอดแหวนแต่งงานบนนิ้วนางออกวางลงบนโต๊ะ จากนั้นเตรียมจะลุกไปเก็บข้าวของ แต่สายของเซี่ยงชินเฟินก็โทรมา

“สืออวี๋ ป้าขอโทษหนูนะ เป็นป้าเองที่สั่นสอนเขามาไม่ดี”

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด หากรู้แต่แรกว่าเหลียงหยวนโจวจะเลวถึงเพียงนี้ เธอก็คงไม่หน้าด้านไปขอร้องให้สืออวี๋ให้โอกาสเขาอีกครั้ง

คำขอโทษนี้ สืออวี๋สมควรได้รับ

เพราะสิ่งที่เธอสูญเสียไป ไม่ใช่แค่ความรัก แต่ยังเป็นเวลาแปดปีที่ดีที่สุดในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งด้วย

คนที่สมควรพูดสองคำนี้ให้กับเธอ คือเหลียงหยวนโจว

แต่ทั้งสองเดินมาถึงจุดนี้แล้ว เรื่องถูกหรือผิด ก็ไม่จำเป็นต้องถือสาอีกต่อไปล้ว

“ป้าเซี่ยง การบันทึกเสียงป้าก็ได้ยินแล้ว หนูคิดว่าไม่จำเป็นต้องรอให้ครบหนึ่งเดือนแล้วค่ะ”

เซี่ยงชินเฟินถอนหายใจ “อืม สิ่งที่ป้าเคยพูดไป หนูก็ทำเหมือนไม่เคยได้ยินมาก่อน ผู้หญิงที่ดีอย่างหนู ต่อไปต้องได้เจอคนที่ดีกว่านี้แน่ เป็นหยวนโจวที่ไม่มีบุญเอง……”

พูดไปเซี่ยงชินเฟินก็เริ่มสะอื้น

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความทุ่มเทที่สืออวี๋มีต่อเหลียงหยวนโจว เธอล้วนเห็นอยู่ในสายตา และปฏิบัติต่อสืออวี๋เหมือนลูกสาวแท้ๆ จริง

แต่ตอนนี้ เธอเองก็ไม่มีหน้าไปพบสืออวี๋อีกแล้ว

สืออวี๋เผลอกำโทรศัพท์แน่น ความอัดอั้นถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นทะเลที่โถมเข้ามาจนท่วมเธอทั้งร่าง

เธอทำตัวเข้มแข็งได้ แต่เมื่อมีใครสักคนพูดปลอบใจ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าโศกขึ้นมา

เธอกะพริบตาไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แล้วเอ่ยเสียงเบา “ป้าเซี่ยง หนูยังมีธุระ วางสายก่อนะคะ”

หลังจากตัดสายไป สืออวี๋ก็นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาสักพัก แล้วลบการติดต่อทั้งหมดของเหลียงหยวนโจวออกทีละอย่าง

สิ่งสุดท้ายที่ลบคือไลน์

ตอนพวกเขาสมัครไลน์ใหม่ ๆ คนแรกที่เพิ่มเป็นเพื่อนก็คือซึ่งกันและกัน

ตอนนั้นสืออวี๋ไม่เคยคิดเลยว่า สักวันหนึ่งเธอจะต้องลบเขาทิ้ง

การลบเพื่อนในไลน์ต้องเริ่มจากกดเข้าไปที่หน้าต่างแชทของทั้งสองคนก่อน จากนั้นกดที่รูปโปรไฟล์ของอีกฝ่าย จะมีหน้าข้อมูลส่วนตัวและหน้าโมเมนต์ของอีกฝ่ายเด้งขึ้นมา แล้วค่อยกดที่จุดสามจุดด้านขวาบน ถึงจะมีตัวหนังสือสีแดงลบผู้ติดต่อปรากฏขึ้นมา

สืออวี๋เห็นกล่องข้อความเต็มหน้าจอที่เป็นฟองสีเขียว ก่อนจะเห็นรูปวิวทะเลมัลดีฟส์ที่เหลียงหยวนโจวปักหมุดไว้ในหน้าโมเมนต์ สุดท้ายก็มาถึงหน้าลบผู้ติดต่อ

เมื่อกดลบผู้ติดต่อ จากนั้นที่ด้านล่างของหน้าจอก็จะเด้งหน้าต่างแจ้งเตือนสีขาวขึ้นมา ด้านบนมีตัวอักษรสีเทาหนึ่งบรรทัด

【ลบผู้ติดต่อ “เหลียงหยวนโจว” ออก พร้อมทั้งลบประวัติแชททั้งหมด】

ข้างล่างมีปุ่มตัวเลือกลบผู้ติดต่อกับยกเลิกอยู่สองปุ่ม

สืออวี๋จ้องข้อความสีเทานั้นอยู่หลายรอบ ก่อนจะกดลบลงไปในที่สุด

หลังจากนั้นลบไลน์แล้ว เธอก็ล้างรูปในอัลบั้มจนหมด แล้วลุกขึ้นเริ่มเก็บข้าวของของเหลียงหยวนโจว

บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความทรงจำของเธอกับเหลียงหยวนโจว ตอนเก็บข้าวของ ความทรงจำเหล่านั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

ตุ๊กตาหมีเล็กๆ บนหัวเตียงคือของฝากตอนที่เหลียงหยวนโจวเดินทางไปทำงานต่างประเทศ แปรงสีฟันไฟฟ้าคู่รักในห้องน้ำคือสิ่งที่พวกเขาไปซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ต แก้วคู่รูปแมวน่ารักบนโต๊ะคือผลงานที่พวกเขาไปทำที่ร้านเครื่องปั้นดินเผา……

เมื่อก่อนเห็นสิ่งเหล่านี้ ใจของเธอก็เต็มไปด้วยความสุข

ตอนนี้ กลับรู้สึกว่าสรรพสิ่งยังเหมือนเดิม แต่คนเปลี่ยนไป

เมื่อเก็บมาถึงตอนท้าย เธอหยิบแหวนจากกล่องเครื่องประดับขึ้นมา

มองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเก็บใส่กระเป๋าเดินทาง

เครื่องประดับชิ้นอื่นเธอทิ้งไปหมด เหลือเพียงแหวนวงนี้ เป็นของที่เขามอบให้เธอในช่วงเวลาที่เขารักเธอมากที่สุด มันบรรจุความรักในตอนนั้นของเขา

ตอนนี้คืนให้เขา ก็ถือเป็นการปิดฉากความรักแปดปีนี้ลงเรียบร้อยแล้ว

เก็บไปได้ครึ่งหนึ่ง เหลียงหยวนโจวก็กลับมา

เห็นของใช้ตัวเองถูกเก็บใส่ถุงอันหนึ่งไว้ เขามองเธอด้วยสายตาเยาะเย้ย

“คราวนี้เล่นละครได้สมจริงทีเดียว คุณทนเสินหลีไม่ไหวขนาดนั้นเลยเหรอ ต้องก่อเรื่องก่อราวบีบบังคับให้ผมตัดสินใจเลือกระหว่างคุณกับเธอใช่ไหม?”

“อาอวี คุณควรรู้ดีว่า ผมไม่มีทางเลือกคุณ ทำไมต้องหาให้ตนเองขายหน้าด้วย?”

ปลายนิ้วของสืออวี๋ที่จับกรอบรูปแน่นซีดขาว ผ่านไปหลายวินาที ถึงเงยหน้ามองเขา “คุณไม่ต้องเลือก ฉันเลือกแทนคุณแล้ว เราเลิกกัน คุณอยู่ไปกับเธอ”

จ้องใบหน้าซีดเซียวของสืออวี๋อยู่พักหนึ่ง ใจของเหลียงหยวนโจวก็มีความโกรธผุดขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ ก่อนหัวเราะเยาะ

“โอเค งั้นคุณก็เสแสร้งต่อเลย ผมจะดูว่าคุณจะเสแสร้งถึงไหนกันแน่!”

พูดจบ เขาก็ปิดประตูแล้วเดินออกไป

สืออวี๋ก้มหน้าลง กดทับความรู้สึกปั่นป่วนในอก แล้วก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อไป

เช้าวันรุ่งขึ้น เธอนัดให้บริษัทขนส่งมารับของ

ไม่นานพนักงานส่งของก็มาถึง ตอนเขายกของลงไป สืออวี๋ก็ทิ้งชุดแต่งงานลงไปด้วย

มองดูรถสามล้อที่ค่อยๆ หายไปจากสายตาตัวเอง สืออวี๋ก็รู้สึกเจ็บจี๊ดในอก แปดปีที่ผ่านมาก็ค่อยๆ จางหายไปเช่นกัน

โชคดีที่ไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่คิดไว้ และไม่ได้เสียดายอะไรขนาดนั้น

ตอนเช้า10โมง เหลียงหยวนโจวประชุมเสร็จกลับเข้าห้องทำงาน เลขาจงชู่เคาะประตูแล้วเข้ามา

“ประธานเหลียง คุณหนูสือส่งพัสดุมา ดูเหมือนจะเป็นของใช้ส่วนตัวของคุณ ตอนนี้อยู่ที่ชั้นหนึ่ง จะให้ส่งไปที่อวี่ถิงหรือจะจัดการยังไงดี?”

มือที่จะไปหยิบแฟ้มเอกสารของเหลียงหยวนโจวชะงักเล็กน้อย ดึงเนกไทแน่นขึ้น สีหน้าเย็นชาโดยไม่พูดอะไร

ก็แค่เสินหลีโทรไปยั่วยุเธอ เธอเลยโทรหาให้แม่เหลียง แล้วยังจะบอกเลิก แถมยังเก็บข้าวของของเขาแล้วส่งมาอีก

คิดหรือว่าทำแบบนี้ เขาจะยอมอ่อนข้อ?

ถ้ายังไม่แต่งงานก็ถูกเธอคุมควบ แต่งงานแล้วจะวุ่นวายถึงไหนกันก็ยังไม่รู้เลย

ในเมื่อเธออยากก่อความวุ่นวาย งั้นก็รอให้เธอใจเย็นลงก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องแต่งงานกัน

ยังไงเสียทุกครั้งที่ทะเลาะกัน สุดท้ายทุกครั้งเธอก็ต้องเป็นคนมาอ้อนขอคืนดีไม่ใช่เหรอ?

เมื่อเห็นเขาเงียบ จงชู่ก็ไม่รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง และไม่กล้าพูดอะไรต่อ

เหลียงหยวนโจวเปิดแฟ้มงาน และพูดอย่างเฉยชาว่า “รู้แล้ว เอาไปทิ้งซะ”

“ครับ ประธานเหลียง”

ครึ่งชั่วโมงต่อมา จงชู่เคาะประตูเข้ามาในห้องทำงานอีกครั้ง ยื่นกล่องในมือให้เขา

“ประทานเหลียง เจ้าหน้าที่เก็บของเห็นสิ่งนี้อยู่ในของส่วนตัวของคุณ เนื่องจากมันมีมูลค่าสูงเกินไป จึงไม่กล้าเอาไปจัดการเอง จึงนำกลับมาให้คุณ อันนี้ก็ต้องทิ้งเหรอครับ?”

เหลียงหยวนโจวเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นแหวนวงนั้นก็ชะงักไป รู้ทันทีว่านั่นเป็นแหวนเพชรที่เขาทำให้สืออวี๋กับมือเองตอนอยู่สมัยเรียนมหาลัย

แต่เพียงครู่เดียว สีหน้าก็กลับมาเย็นชาเช่นเดิม

“อืม”

“ครับ”

ออกจากห้องทำงาน จงชู่ถ่ายรูปแหวนส่งไปถามเพื่อนที่เปิดร้านรับซื้อเครื่องประดับว่าแหวนวงนี้สามารถขายได้ราคาเท่าไหร่

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าอีกฝ่ายถึงจะตอบเขา

【50】

จงชู่……

ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จงชู่ก็โยนแหวนพร้อมกล่องทิ้งลงถังขยะ

บ่ายวันนั้น สืออวี๋ก็ลางานหนึ่งสัปดาห์กับเจ้านายแห่งสำนักงานกฎหมาย แล้วจองตั๋วเครื่องบินไปมัลดีฟส์ไฟลต์รอบดึก

หลังจากบินแปดชั่วโมงเต็ม เครื่องบินก็ค่อยๆ ลงจอดที่สนามบินมาเล่

เวลามัลดีฟส์ช้ากว่าในประเทศสามชั่วโมง ตอนที่สืออวี๋ถึงมัลดีฟส์ก็หกโมงกว่าแล้ว

รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว หน้าทางออกสนามบินก็มีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมถือป้ายรอรับเพื่อพาไปโรงแรม

สืออวี๋เดินไปแสดงใบสั่งจองโรงแรม รออยู่สักพัก พอทุกคนครบแล้วก็เดินตามเจ้าหน้าที่ออกไป ขึ้นเรือสปีดโบ๊ทไปยังเกาะ

เช็กอินเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ช่วยเธอยกกระเป๋าไปยังห้องพัก

สืออวี๋ถ่ายรูปวิวทะเลลงโมเมนต์พร้อมแคปชัน

【สถานที่ที่เฝ้ารอมานานแปดปี ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงอย่างราบรื่น! ❤️❤️❤️】

พึ่งลงลงโมเมนต์ได้ไม่นาน ซ่งจื่ออินก็โทรเข้ามา

“ในที่สุดเหลียงหยวนโจวก็มีเวลาว่างให้แกแล้วเหรอ?”
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 221

    เมื่อเห็นเขายิ้มมุมปาก ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเรื่องงานของตัวเองเลยสักนิด สืออวี๋ก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจเขาคงแกล้งทำเป็นสบาย ๆ ก็เพราะไม่อยากให้เธอโทษตัวเองสินะเธอสูดหายใจเข้าลึก แกล้งทำเป็นประหลาดใจแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันก็นึกไม่ถึงเหมือนกันค่ะ ดูท่าต่อไปคุณก็จะเป็นหมอซือที่ค่าตัวหลายสิบล้านแล้วสินะคะ”“อืม เพราะงั้นคุณไม่ต้องห่วงผมหรอก หมอที่ค่าตัวหลายสิบล้านแบบนี้ โรงพยาบาลไหนบ้างจะไม่แย่งกันเอา”สืออวี๋พยักหน้า “พูดถูก โรงพยาบาลไหนได้ตัวคุณไปก็ถือว่ากำไรมหาศาลแล้ว”พอดีกับที่ลิฟต์มาถึง ทั้งสองจึงเดินเข้าไปด้วยกันเมื่อออกจากลิฟต์ ทั้งสองก็แยกย้ายกันตรงหน้าประตูพอกลับถึงบ้าน สืออวี๋ก็วางเสื้อผ้าที่ซื้อเมื่อตอนบ่ายไว้ตรงโถงทางเข้าบ้าน เปลี่ยนรองเท้า แล้วไปหยิบน้ำขวดหนึ่งจากตู้เย็น ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเธอหยิบมือถือออกจากกระเป๋า ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจโทรออกไปยังเบอร์ของเหลียงหยวนโจว“อาอวี๋... ผมนึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะยังติดต่อผมมา...”น้ำเสียงของเหลียงหยวนโจวเจือความดีใจและความรู้สึกแบบทำตัวไม่ถูก ราวกับย้อนกลับไปในช่วงที่เขากำลังจีบสืออวี๋ ที่

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 220

    “อืม ผู้ชายเฮงซวยแบบนั้น ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายจริง ๆ นั่นแหละ เราไปกันเถอะ”อีกด้านหนึ่ง หลังจากเหลียงหยวนโจวอุ้มเสินหลีไปส่งที่รถ เขาก็ยืนอยู่ข้างรถและพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า: “ผมยังมีธุระที่บริษัท เดี๋ยวให้คนขับรถส่งคุณไปโรงพยาบาล”พูดจบ ก็ทำท่าจะปิดประตูสีหน้าของเสินหลีเปลี่ยนไป เธอยื่นมือไปคว้าแขนเสื้อของเขาไว้ทันที “หยวนโจว คุณไม่ไปกับฉันเหรอคะ? ถ้าเผื่อลูกเป็นอะไรขึ้นมา…”เหลียงหยวนโจวพูดแทรกขึ้นมาอย่างหมดความอดทน “ผมไม่ใช่หมอ อีกอย่าง ต่อไปนี้ถ้าคุณเจอสืออวี๋ก็หลีกเลี่ยงเธอซะ พยายามอย่าไปปรากฏตัวต่อหน้าเธอ”“ว่าไงนะคะ?”เสินหลีมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “คุณไม่แม้แต่จะถามสักคำว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ฉันถูกรังแกหรือเปล่า แต่กลับบอกให้ฉันเห็นสืออวี๋แล้วต้องเป็นฝ่ายหลีกเลี่ยง?”เรากำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว เขาไปเข้าข้างสืออวี๋ได้ยังไง!“จำเป็นต้องถามด้วยเหรอ ด้วยนิสัยของสืออวี๋ ถ้าคุณไม่ไปหาเรื่องเธอก่อน เธอก็ไม่แม้แต่จะชายตามองคุณด้วยซ้ำ”“งั้นคุณก็หมายความว่าทั้งหมดเป็นความผิดของฉันงั้นสิ”เหลียงหยวนโจวหมดความอดทน เขามองเธออย่างเย็นชา แววตาหนาวเยียบ“รู้ตัวก็ดีแล้ว ที่ผม

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 219

    “ดูภายนอกก็ดูดี ไม่นึกเลยว่าจะทำเรื่องน่าขยะแขยงแบบนี้ได้!”“เหอะ ๆ ของทั้งเนื้อทั้งตัวรวมกันก็เกือบสิบห้าล้านแล้วมั้ง ผู้ชายคนนั้นก็คงรวยน่าดู ไม่อย่างนั้นจะรีบพุ่งเข้าไปจับขนาดนั้นเหรอ?” …เสียงซุบซิบดูแคลนรอบข้าง ยิ่งทำให้เสินหลีรู้สึกรังเกียจชืออวี๋มากขึ้นไปอีก เห็น ๆ อยู่ว่าตัวเองคุมแฟนไม่อยู่ มีสิทธิ์อะไรมาโทษเธอด้วยล่ะ? ถ้าเป็นรักแท้จริง ๆ คบกันปีสองปีก็แต่งงานกันแล้ว นี่เหลียงหยวนโจวคบกับเธอมาห้าปีแล้วยังไม่แต่ง ก็ได้แต่พูดว่าเขาไม่เคยคิดจะแต่งงานกับสืออวี๋เลยต่างหาก เธอแค่ปรากฏตัวได้ถูกจังหวะก็เท่านั้น เธอไม่ได้ผิดอะไรเลยยิ่งคิด เสินหลีก็ยิ่งโมโหขณะที่เธอกำลังจะโต้เถียงสืออวี๋ จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดเกร็งที่ท้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน“อ๊า... ท้องของฉัน...”เธอรีบกุมท้อง ใบหน้าซีดเผือดจนแทบไร้สีเลือดผู้คนที่มุงดูอยู่รอบตัวเธอรีบถอยห่างทันที บนใบหน้าของทุกคนมีแต่ความดูถูกเหยียดหยามและรังเกียจ กลัวว่าเสินหลีจะแกล้งพาลใส่พวกเขาเมื่อเห็นว่าทุกคนมีแต่ท่าทีเย็นชา ไม่มีใครยอมช่วยเรียกรถพยาบาลให้ เสินหลีจึงทำได้เพียงทนความเจ็บปวดที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วกดโทรศัพท์หาเหลียง

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 218

    ปกติถ้าพวกเขาอยากได้อะไรที่เกินเงินค่าขนมของตัวเอง ก็จะไปทำงานพาร์ทไทม์หาเงินซื้อเอง สมัยเรียนมหาวิทยาลัย การแต่งตัวและการกินอยู่ของซ่งจื่ออินก็ไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ เลยมีน้อยคนมากที่จะรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของประธานสือกรุ๊ปแม้ว่าตอนนี้คุณพ่อของเธอจะไม่จำกัดเรื่องเงินแล้ว แต่เสื้อผ้าที่ซ่งจื่ออินใส่ในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นของที่ซื้อตามตลาดนัด“ได้”ซ่งจื่ออินลองเสื้อผ้าเสร็จ ก็เลือกซื้อชุดที่ค่อนข้างพอใจสองสามชุด พอรูดบัตรเสร็จก็ให้ทางร้านจัดส่งไปที่บ้านตระกูลซ่งโดยตรงทั้งสองคนกำลังจะเดินออกจากร้าน ร่างเพรียวบางร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านพอดีพอเห็นว่าเป็นเสินหลี สีหน้าของซ่งจื่ออินก็เคร่งขรึมลงทันทีสืออวี๋เองก็ประหลาดใจไปชั่วครู่ แต่พอนึกถึงเรื่องที่เหลียงหยวนโจวเคยบอกว่าจะแต่งงานกับเสินหลี ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกต่อไปเสินหลีในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ดูเรียบง่ายจืดชืด เธออยู่ในชุดแบรนด์หรูสั่งตัด ผมยาวดัดลอนอ่อน ๆ ในมือหิ้วถุงช้อปปิ้งแบรนด์ไฮเอนด์หลายใบ บนข้อมือสวมนาฬิกาประดับเพชรแวนคลีฟแอนด์อาร์เพลส์ เผยให้เห็นความหรูหราประณีตตั้งแต่หัวจรดเท้าซ่งจื่ออินแค่นเสียงเ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 217

    แต่ตอนนี้คือโอกาสที่จะได้อยู่กับสืออวี๋ และนี่อาจเป็นโอกาสเดียวในชีวิตของเธอ เขาไม่มีทางปล่อยมันไปเด็ดขาดเขากระดกไวน์แดงในแก้วจนหมดรวดเดียว ก่อนจะหันหลังเดินเข้าห้องนอนไปชั่วพริบตาเดียวก็ถึงบ่ายของวันรุ่งขึ้น สืออวี๋เพิ่งตื่นจากงีบหลับกลางวัน ก็ได้รับโทรศัพท์จากซ่งจื่ออิน“อาอวี๋ ฉันถึงหน้าประตูหมู่บ้านแกแล้ว แต่ยามไม่ให้เข้า ฉันรออยู่ข้างนอกนะ”“โอเค รอฉันสิบนาทีนะ”สืออวี๋รีบล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบมือถือกับกระเป๋าแล้วจึงออกจากห้องไปพอเดินมาถึงหน้าหมู่บ้าน เธอก็เห็นซูเปอร์คาร์สีชมพูของซ่งจื่ออินจอดอยู่ไม่ไกลทันทีที่ขึ้นรถ ซ่งจื่ออินก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “เมื่อวานตอนที่ฉันเห็นโลเคชั่นหมู่บ้านที่แกส่งให้ ก็รู้สึกคุ้น ๆ อยู่เหมือนกัน เพิ่งจะนึกออกว่า ตอนที่โครงการนี้สร้าง บริษัทของพี่ชายฉันก็เคยมีดีลด้วยนะ รู้สึกว่าทางผู้พัฒนาโครงการจะแถมบ้านให้เขาสองหลังเลยล่ะ”สืออวี๋ฉายแววประหลาดใจ “บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ”“ก่อนที่บริษัทซ่งซื่อจะเปลี่ยนสายธุรกิจ หลัก ๆ ก็ทำอสังหาริมทรัพย์นี่แหละ เคยร่วมมือกับผู้พัฒนาในเมืองเซินตั้งหลายเจ้า เดี๋ยวคืนนี้กลับไปฉันจะถามเขาดูว่าห้อ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 216

    “ดูท่าว่า นายคงอยากกลับเมืองหลวงแล้วสินะ”ซือห่าวอวี่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “คุณอาเล็กครับ ถ้าผมกลับไปเมืองหลวง ผมก็จะไปกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนคุณปู่คุณย่าทุกวัน ทีนี้พอพูดมากเข้า เกิดผมเผลอหลุดปากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป คุณอาเล็กก็น่าจะเข้าใจผมใช่ไหมครับ?”“ดูเหมือนว่าไม่กี่ปีที่ฉันไม่อยู่บ้าน นายจะเก่งกาจขึ้นเยอะเลยนะ รู้จักข่มขู่คนเป็นแล้วด้วย”สายตาของซือเยี่ยนเย็นชา ทั่วทั้งร่างมีไอความเย็นแผ่ซ่านถ้าเป็นปกติ ซือห่าวอวี่คงกลัวจนตัวสั่นไปแล้วทว่าตอนนี้ทั้งสองคนคือศัตรูหัวใจ เขาจะแสดงความขลาดกลัวออกมาแม้แต่น้อยไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นแล้วจะเอาอะไรไปสู้กับซือเยี่ยนได้ซือห่าวอวี่จ้องมองซือเยี่ยนตรง ๆ มุมปากประดับรอยยิ้ม “คุณอาเล็กครับ ทั้งหมดนี้ก็เพราะคุณอาสอนมาดี”หว่างคิ้วของซือเยี่ยนเต็มไปด้วยความเย็นชา “ถ้างั้นวันนี้ฉันจะสอนนายอีกเรื่องที่มันไม่มีความหวังน่ะ รีบตัดใจซะแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นคนที่จะเจ็บปวดทีหลังก็คือนายเอง”“คุณอาเล็กครับ ในสายตาคุณอา ผมอาจจะไม่มีหวัง แต่ในสายตาผม คุณอาต่างหากคือคนที่ไม่มีหวัง”ด้วยความที่ท่านย่าซือกับท่านผู้เฒ่าซือให้ความสำคัญกับซือ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status