พอฟู่ซือเหยียนรับตัวฟู่ซืออวี่ไป หลินหลานอี๋ก็หิ้วกระเป๋าไปโรงพยาบาลห้องพักผู้ป่วยวีไอพีหลินหลานอี๋ผลักประตูห้องพักผู้ป่วยโจวอวี๋ชูกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงแสงแดดส่องทะลุม่านบางตกอยู่ข้างเตียง สะท้อนใบหน้าสะอาดไร้ตำหนิของโจวอวี๋ชูเสี่ยวจางผู้ช่วยส่วนตัวถือโทรศัพท์มือถือยืนอยู่ด้านข้าง กำลังถ่ายรูปโจวอวี๋ชูรัว ๆหลินหลานอี๋นิ่งไป ก่อนจะเดินเข้ามาและปิดประตู ยืนอยู่ตรงประตูเงียบ ๆ ไม่ได้เข้ามารบกวนพอเสี่ยวจางถ่ายรูปเสร็จก็ยื่นมือถือให้โจวอวี๋ชู “พี่ชูชู พี่ลองดูสิคะว่ารูปใครใช้ได้บ้าง?”โจวอวี๋ชูวางหนังสือลงและรับมือถือมาปลายนิ้วที่ราวกับก้านหอมหยกปัดรูปทีละรูป ก่อนจะเลือกรูปจำนวนหนึ่ง “พวกนี้แหละ โพสต์เป็นรูปตารางเก้าช่อง เขียนคำบรรยายภาพว่า... ‘ช่วงเวลาอันแสนสงบสุข รอคอยบุปผาเบ่งบาน’ อย่าลืมปิดโซนคอมเมนต์ล่ะ”เสี่ยวจางรับมือถือมาพร้อมกับพยักหน้า “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”โจวอวี๋ชูมองหญิงสาวที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยตรงหน้า เป็นหญิงสาวที่เรียบง่ายแสนจะธรรมดา จิตใจบริสุทธิ์ทั้งยังเชื่อฟังเป็นพิเศษเธอพอใจมาก ยิ้มตาหยีกับเสี่ยวจาง “เสี่ยวจาง เหนื่อยเธอแล้วนะ”เสี่ยวจา
จากนั้นเขาโทรศัพท์หาเส้าชิง “ให้คนลบข่าวทั้งหมดที่เกี่ยวกับเจียงเยว่หลานในอินเทอร์เน็ต พร้อมสืบแอคปล่อยข่าวพวกนั้นที่กุเรื่องเจียงเยว่หลาน”“ครับ”ประมาณครึ่งชั่วโมง เส้าชิงโทรศัพท์มา“คุณชายฟู่ จัดการข่าวทั้งหมดของเจียงเยว่หลานแล้วครับ แอคปล่อยข่าวพวกนั้นก็สืบแล้ว คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนเดียวกันหมด ก็คือเฟิงอวิ๋นเฉียนครับ”“ฉันรู้แล้ว” ฟู่ซือเหยียนพูด “ช่วงนี้นายจับตาดูความเคลื่อนไหวในอินเทอร์เน็ต มีความเคลื่อนไหวอะไรก็รายงานฉันทันที”เส้าชิง “รับทราบ”หลังจากจบการสนทนา ฟู่ซือเหยียนยืนอยู่ตรงหน้ากระจกทรงสูงด้านข้างเขาคือภาพวาดน้ำหมึกรูปคนที่เสิ่นชิงซูยังวาดไม่เสร็จราตรีเงียบสงัด เขาหลุบตามองคนในภาพ แม้จะมีแค่เค้าโครงไม่ชัดเจน แต่เขายังรู้ได้ในปราดเดียวว่าคนในภาพนั้นก็คือเขาเขายิ้ม น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นเยียบหลอมรวมอยู่ในสีสันแห่งราตรี“เสิ่นชิงซู เพื่อเป็นการตอบแทน ผมจะเตรียมเซอร์ไพรส์ให้คุณ ผมว่าคุณน่าจะชอบมาก”……เมื่อคืนเสิ่นชิงซูหลับไม่สนิท เช้านี้ตื่นมาหัวเลยหนัก ๆโทรศัพท์แจ้งเตือนว่ามีสายไม่ได้รับหลายสายคือเบอร์ของเวินจิ่งซีทั้งหมดเธอเม้มริมฝีปากแล้วโทรกลับไป
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เสิ่นชิงซูก็วางมือถือแล้วไปอาบน้ำสิบกว่านาทีให้หลัง เสิ่นชิงซูสวมชุดนอนออกมาจากห้องน้ำโทรศัพท์มือถือสั่นอยู่บนเตียงเวินจิ่งซีโทรศัพท์มาเสิ่นชิงซูรับสาย “เรียบร้อยแล้วเหรอคะ?”“เรื่องมันแปลก ๆ นะ”ปลายสาย น้ำเสียงเวินจิ่งซีเคร่งเครียด “ผมหาสื่อหลายที่แล้ว แอคปล่อยข่าวก็ถามมาแล้ว แต่พอพวกเขาได้ยินชื่อฟู่ซือเหยียนก็ปฏิเสธทันที”เสิ่นชิงซูขมวดคิ้ว “ให้เงินเพิ่มก็ไม่ได้เหรอคะ?”“พวกเขาไม่ถามราคาด้วยซ้ำ เห็นชัดว่าฟู่ซือเหยียนเตรียมตัวล่วงหน้าแล้ว”เสิ่นชิงซูคิดอยู่แล้วว่าการแฉทางอินเทอร์เน็ตจะไม่ค่อยราบรื่น แต่เธอคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้เธอนึกว่าอย่างมากก็เหมือนคราวก่อน หลังจากเธอแฉ ฟู่ซือเหยียนก็ใช้เงินกดกระแสเอาไว้ ลบร่องรอยทั้งหมดในอินเทอร์เน็ตและสิ่งที่เธอพนันก็คือเวลาก่อนที่ฟู่ซือเหยียนจะกดกระแสไม่เคยคิดว่าฟู่ซือเหยียนจะป้องกันก่อนแล้วเขาไม่เหลือโอกาสให้เธอแม้แต่นิดเดียว!“ยังมีอีกเรื่อง” เวินจิ่งซีพูด “ตอนนี้ในเน็ตกำลังแพร่ข่าวเกี่ยวกับน้าเจียงอยู่”“ฮะ?” เสิ่นชิงซูหัวใจเต้น ‘ตึกตัก’ ทีหนึ่ง เกิดลางสังหรณ์ร้ายทันใด “ข่าวอะไรคะ?”“แอคปล่อยข่
“เหอะ” เฉียวซิงเจียโกรธจนหัวเราะ “พวกคุณแต่ละคนนี่รักเด็กบ้านั่นจังเลยนะ!”“เขาคือขีดจำกัดสุดท้ายของฟู่ซือเหยียน” ฉินเยี่ยนเฉิงเน้นเฉียวซิงเจียเงียบงันผ่านไปนานจึงถาม “ฉินเยี่ยนเฉิง ฉันจะเชื่อคุณได้ไหม?”“คุณเชื่อผมสักครั้งเถอะ” ฉินเยี่ยนเฉิงน้ำเสียงจริงจัง “สบายใจได้ ถ้าคุณเกลี้ยกล่อมให้เสิ่นชิงซูรับปากเงื่อนไขของฟู่ซือเหยียนสำเร็จ ผมจะจับตาดูทางฟู่ซือเหยียนเอง”เฉียวซิงเจียเม้มริมฝีปาก เงียบไปสองสามวินาทีจึงถาม “งั้นคุณรู้ไหมว่าทำไมฟู่ซือเหยียนต้องไปกานาให้ได้?”อันที่จริงฉินเยี่ยนเฉิงพอเดาจุดประสงค์ของฟู่ซือเหยียนออกแต่เขารู้ว่าจะพูดก่อนไปไม่ได้เด็ดขาดถ้าเขาพูด เสิ่นชิงซูต้องไม่ไปแน่!“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉินเยี่ยนเฉิงได้แต่พูดแบบผิดต่อมโนธรรม “ไว้ผมจะช่วยถามให้นะ?”“คุณถามเขา เขาจะบอกคุณเหรอ?”“งั้นผมก็ไม่รู้แล้ว เป็นไปได้มากว่า...ไม่”เฉียวซิงเจียถอนหายใจ “อาซูอาภัพจริง ๆ เจอกับคนเฮงซวยแถมยังเก่งอีก เห็นเธอแล้วทำเอาฉันขยาดการแต่งงานเลย!”ฉินเยี่ยนเฉิงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเบา ๆ “ไม่ต้องกลัวไปครับ โลกนี้ยังมีผู้ชายดี ๆ อีกเยอะ”“ช่างเถอะ เป็นโส
ระหว่างทางกลับ เสิ่นชิงซูเล่าเงื่อนไขสามข้อของฟู่ซือเหยียนให้เฉียวซิงเจียฟังเฉียวซิงเจียฟังจบก็ก่นด่า “ประสาท! จะหย่ากันอยู่แล้วยังต้องไปเที่ยวเป็นเพื่อนพวกเขาพ่อลูกอีก?! ถุย! ไอ้โรคจิต! ไอ้หน้าด้าน!”เสิ่นชิงซูเม้มริมฝีปากไม่พูดเฉียวซิงเจียสงบสติอารมณ์และถามเธอ “งั้นเธอคิดยังไง?”“เขาให้เวลาฉันคิดสามวัน ฉันค่อยคิดดูแล้วกัน” ความจริงเสิ่นชิงซูไม่อยากยอมให้อย่างนี้เธอยังอยากเสี่ยงดูเฉียวซิงเจียมองความคิดของเธอไม่ออก จึงได้แต่พูด “ได้ สามวัน เราค่อยหาทางกันเถอะ!”“อื่ม”เฉียวซิงเจียส่งเสิ่นชิงซูกลับดอลฟินวิลล์ก่อนมองเสิ่นชิงซูขึ้นตึก เธอนั่งอยู่ในรถคิดทบทวนไปมา ก่อนจะโทรศัพท์หาฉินเยี่ยนเฉิงทางฉินเยี่ยนเฉิงรับสายเร็วมาก “หมอเฉียว”“หมอฉิน ขอโทษนะคะที่รบกวนคุณดึก ๆ ตอนนี้คุณว่างไหมคะ?”ฉินเยี่ยนเฉิงพูดกึ่งหยอก “ผมที่เป็นหนุ่มโสด หลังเลิกงานว่างมากครับ คุณรบกวนได้เต็มที่”เฉียวซิงเจีย “...”“ที่คุณโทรมาดึกอย่างนี้เพราะเสิ่นชิงซูละสิ?”“คุณรู้ได้ยังไงคะ?” เฉียวซิงเจียถาม “ฟู่ซือเหยียนเคยบอกคุณเหรอ?”“เขาน่ะนะ เป็นคนไม่พูดไม่จา ไม่บอกอะไรผมก่อนหรอก แต่คุณโทรหาผม ผมก็พอเด
ทำไมฟู่ซือเหยียนยังหาเจออีก?แต่นี่ดูเหมือนจะไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรเธอเงยหน้ามองฟู่ซือเหยียน “เงื่อนไขข้อที่สองล่ะ?”ฟู่ซือเหยียนมองเธอ นัยน์ตาดำมืดเสิ่นชิงซูใบหน้าเย็นชา นัยน์ตางามปราศจากริ้วอารมณ์ฟู่ซือเหยียนหมุนตัวเดินไปยังหน้าชั้นข้างกระจกทรงสูงตรงชั้นมีผ้าสีขาวคลุมอยู่ผืนหนึ่งพอฟู่ซือเหยียนฉุดลง...ผ้าขาวร่วงลงมา ภาพบนแท่นวางภาพปรากฏอยู่ตรงหน้าเสิ่นชิงซูชัดเจนนั่นคือภาพวาดน้ำหมึกรูปคนที่ยังวาดไม่เสร็จ แต่ร่างเค้าโครงโดยรวมของผู้ชายเอาไว้แล้วเสิ่นชิงซูเบิกตาโพลงอย่างเหลือเชื่อ!ทำไมภาพนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?“ภาพนี้คือผมสินะ?” ฟู่ซือเหยียนมองเธอและเกี่ยวมุมยิ้มบาง ๆ “ผมชอบมาก ผมหวังว่าคุณจะวาดมันให้เสร็จ ถือเป็นที่ระลึกของผม”เสิ่นชิงซูขมวดคิ้วเดิมเธอเตรียมภาพนี้เป็นของขวัญมอบให้ฟู่ซือเหยียนในวาระครบรอบห้าปีเธอเริ่มวาดภาพนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เพื่อเซอร์ไพรส์ฟู่ซือเหยียนจึงแอบวาดภาพที่ห้องเก็บของตอนฟู่ซือเหยียนไม่อยู่หรือตอนที่ฟู่ซืออวี่นอนหลับแต่ภายหลังพบว่าฟู่ซือเหยียนเลี้ยงคนรักอยู่ข้างนอก เธอจึงไม่ได้วาดต่อเธอทิ้งภาพนี้ไว้ที่ห้องเก็บของมาตลอด