โจวอวี๋ชูชะงักงัน“ฉันต้องหวังให้ซืออวี่มีความสุขอยู่แล้วค่ะ” เธอหลุบตา เสียงเบาหวิว “เพียงแต่ฉันความจำเสื่อม นึกหลาย ๆ เรื่องไม่ออก ฉันไม่เข้าใจเลย การเลื่อนการแต่งงานมันเกี่ยวอะไรกับการเติบโตของซืออวี่ด้วยคะ?”ฟู่ซือเหยียนจ้องเธอ ดวงตาดำเย็นยะเยือก“ช่วงนี้เพราะการจากไปของเสิ่นชิงซู ซืออวี่จึงมีปฏิกิริยาทางอารมณ์มาก ยังไงเสิ่นชิงซูก็เลี้ยงเขาจนโต ในความรู้ความเข้าใจของเขา เขาคิดว่าถ้าผมหย่ากับเสิ่นชิงซูแล้ว เขาจะต้องเสียแม่อย่างเสิ่นชิงซูไป ดังนั้นเขาจึงอ่อนไหวกับเรื่องที่ผมจะหย่ากับเสิ่นชิงซูมาก”“แต่... ฉันต่างหากที่เป็นแม่แท้ ๆ ของซืออวี่”โจวอวี๋ชูเงยหน้ามองเขา น้ำตาร่วงเผาะ“ฉันรู้ว่าฉันผิดต่อเขา แต่ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว ก็เพื่อชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปห้าปีไม่ใช่เหรอ? หรือเพราะฉันพลาดห้าปีแรกในชีวิตของเขา ฉันก็เลยต้องเสียลูกชายคนนี้ไปตลอดกาลเหรอคะ?”“ซืออวี่เพิ่งห้าขวบ”ฟู่ซือเหยียนขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึม “ตอนนี้เขายังเด็ก ไม่แน่ว่าเขาจะเข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่อย่างเรา คุณไม่รู้เลยเหรอว่าพอเสิ่นชิงซูไป เขามักจะฝันร้ายบ่อย ๆ?”โจวอวี๋ชูอึ้ง“เสี่ยวชู” ฟู่ซือเหยียนเห็นปฏิกิริยา
“แต่... วันนี้เขาไปถึงสำนักงานเขตแล้ว สุดท้ายก็ยังหย่าไม่สำเร็จ!”“อะไรนะ?” หลินหลานอี๋ตกใจ “ลูกรู้ได้ยังไง?”“หนู...” โจวอวี๋ชูละอายใจเล็กน้อย พูดกึ่งเท็จกึ่งจริง “ความจริงหนูติดใจกับคุณเสิ่นมาก ซือเหยียนโดดเด่นออกอย่างนั้น หนูกลัวว่าคุณเสิ่นจะตอแยไม่เลิก หนูก็เลยส่งคนไปแอบติดตามคุณเสิ่นค่ะ”หลินหลานอี๋กลับนึกไม่ถึง “ลูกยังรู้จักให้คนไปจับตาดูคุณเสิ่น ยังไม่ถือว่าโง่เกินไป!”โจวอวี๋ชูก้มหน้าสูดจมูก เสียงอู้อี้ “ผู้ชายที่ตัวเองรักแต่งงานลับ ๆ กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง อยู่ด้วยกันมาห้าปี เป็นใครก็ต้องกลัวกันทั้งนั้นแหละค่ะ”“ใช่” หลินหลานอี๋พูด “ลูกรู้สึกถึงอันตรายก็ดีแล้ว! สำหรับซือเหยียนกับคุณเสิ่น ลูกสบายใจได้เลย ลูกความจำเสื่อมจำไม่ได้ แต่แม่จำได้ดี เพราะการตายของแม่เธอ เสิ่นชิงซูจึงแค้นซือเหยียนมาตลอด ดังนั้นคิดเผื่อเอาไว้ ต่อให้ซือเหยียนไม่อยากหย่า คุณเสิ่นก็ไม่ยอมเด็ดขาด!”“จริงเหรอคะ?” โจวอวี๋ชูมองหลินหลานอี๋ด้วยใจหน้าบริสุทธิ์หลินหลานอี๋ตบหลังมือเธอเบา ๆ “วางใจเถอะ มีแม่อยู่ แม่ต้องช่วยลูกแน่!”โจวอวี๋ชูซาบซึ้งใจกอดเธอ “แม่คะ ขอบคุณค่ะ แม่ดีกับหนูจริง ๆ!”นอกประตูมีเสียงรถ
เสิ่นชิงซูรู้สึกว่าที่ตัวเองเข้าตกหลุมพรางของฟู่ซือเหยียนเมื่อห้าปีก่อน เพราะมีแผนการที่ฟู่ซือเหยียนจัดวางไว้อย่างดี กอปรกับความหวั่นไหวอันโง่เขลาของตัวเอง...หลายปัจจัยร่วมกันเรื่องมาถึงขั้นนี้ เธอรู้สึกว่าชีวิตแต่งงานของตัวเองกับฟู่ซือเหยียน ต่อให้เธอเป็นคนที่ถูกทำร้ายและถูกสงสัย แต่อย่างไรก็ยืดอกพูดได้ว่าไม่มีปัญหาจากตัวเองถ้าวันนี้เธอรับปากเงื่อนไขของเฟิงอวิ๋นเฉียนเพื่อหย่ากับฟู่ซือเหยียน โดยรู้เต็มอกว่าเขามีจุดประสงค์ไม่บริสุทธิ์ งั้นเธอก็เลอะเลือนไปแล้วจริง ๆ!เมื่อคิดถึงจุดนี้ เสิ่นชิงซูยิ้มเย็น “เฟิงอวิ๋นเฉียน คุณว่าจะมีความเป็นไปได้อย่างหนึ่งไหมคะ?”เฟิงอวิ๋นเฉียนเลิกคิ้ว ทำท่ามือ ‘เชิญ’ “คุณเสิ่นว่ามาได้เลยครับ”“เทียบกับการเป็นสามีภรรยาแค่ในนามทั้งชาติกับฟู่ซือเหยียน ฉันเกลียดที่จะติดต่อกับคุณมากกว่า”เมื่อพูดจบ เสิ่นชิงซูก็หมุนตัวเดินจากไปแบบหัวก็ไม่หันเฟิงอวิ๋นเฉียนจ้องเงาหลังเพียงบางของเธอผ่านไปนาน เขาจึงยิ้มเย็น “ฟู่ซือเหยียน นายเนี่ย สักวันต้องตกอยู่ในมือเธอแน่”……หลังจากอาการของฟู่ซืออวี่คงที่ ฟู่ซือเหยียนก็พาเขากลับคฤหาสน์หนานซีฟู่ซือเหยียนกล่อมฟู่ซืออ
เห็นชัดว่าจงใจแต่เขากลับไม่โกรธ ทั้งยังยิ้มความรู้สึกสนใจในดวงตาเพิ่มขึ้นอีกบางส่วน……เสิ่นชิงซูยุ่งจนถึงหกโมงครึ่งเมื่อเงยหน้าดูนอกประตูแวบหนึ่งตรงประตูกระจกฝ้า มองออกว่าไม่มีเงาคนอยู่ข้างนอกแล้วเธอถอดแว่นครอบตาออก เก็บข้างของ ถอดชุดทำงาน ตามด้วยหมุนตัวออกห้องบูรณะสตูดิโอกว้างขวางเงียบสงัดเจ้าโกลเด้นน้อยที่นอนหมอบอยู่เห็นเสิ่นชิงซูออกมาจากห้องบูรณะก็ลุกขึ้นยืนกระดิกหางทันที!เสิ่นชิงซูเดินตรงไปยังห้องทำงาน คลุมเสื้อตัวนอก หยิบกระเป๋าและกุญแจรถ แล้วเดินออกจากห้องทำงานเจ้าโกลเด้นน้อยมาหา เธอโน้มตัวลูบเจ้าโกลเด้นน้อย “ฉันกลับบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”เสิ่นชิงซูร้อง ‘หงิง ๆ’ สองที ถึงจะอาลัยอาวรณ์ แต่ก็ไม่ตามตื๊อเสิ่นชิงซู ยืนอยู่ที่เดิมมองเธอออกไปแต่โดยดีเสิ่นชิงซูล็อกประตูใหญ่ของสตูดิโอ กลับถูกเฟิงอวิ๋นเฉียนที่ยืนอยู่ตรงทางเดินตึกทำให้ตกใจเฟิงอวิ๋นเฉียนขบขันกับปฏิกิริยาของเธอ หัวเราะเบา ๆ ปากที่คาบซิการ์ยกขึ้น “ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสิ่นชิงซูหน้าตึงทันที “คุณเฟิง คุณทำแบบนี้มันน่าเบื่อนะคะ”“น่าเบื่อ?” เฟิงอวิ๋นเฉียนดับซิการ์แล้วโยนลงถังขยะที่อยู่ข้าง ๆ
“เขาไม่สุขุมพอ ถึงจะมีพรสวรรค์มาก แต่เธอก็รู้ปากเขา ปากไม่มีหูรูด รายการโพรโมตนี้จะโพรโมตไปทั้งประเทศ ฉันคิดว่านิสัยและความสามารถของเธอเหมาะสมกว่าหน่อย”เจี่ยงเหวินจิ่นพูด “แน่นอน นอกจากเธอยังมีรุ่นพี่คนอื่น ๆ อีกสองสามคน พวกเขาเคยถ่ายสารคดีกับรายการอย่างการสัมภาษณ์ของประเทศแล้ว เทียบกันแล้วมีประสบการณ์ เธอเป็นเด็กใหม่ ถ้าเธอเข้าร่วมการถ่าย ฉันจะได้ใช้การถ่ายครั้งนี้แนะนำพวกเธอสักหน่อย”ถ้าสามารถรู้จักรุ่นพี่ได้ จะเป็นโอกาสที่หายากมากของนักบูรณะรุ่นใหม่อย่างพวกเขา! เสิ่นชิงซูตอบตกลงกับการถ่ายครั้งนี้“สถานที่ถ่ายธรรมคือเมืองซิง ต้นเดือนหน้าเป็นอาทิตย์แรก”“ได้ค่ะ หนูรู้แล้ว”หลังจากวางสาย เสิ่นชิงซูอารมณ์ดีขึ้นมากเรื่องที่เธอทำถูกที่สุดในห้าปีมานี้ ก็คือไม่ว่าจะยากเย็นสักแค่ไหน เธอก็ไม่ทิ้งงานของตัวเอง……เมื่อลิฟต์มาถึง ประตูก็เปิดออกเสิ่นชิงซูเดินเข้าลิฟต์เพิ่งจะเข้าประตูใหญ่ของสตูดิโอ ลู่เสี่ยวหานก็วิ่งออกมาทันที“พี่ชิงซู คุณเฟิงท่านนั้นมาแล้วค่ะ”เสิ่นชิงซูได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เขามาทำไม?”“บอกว่ามาหาพี่ ฉันบอกว่าพี่ไม่อยู่ เขาบอกว่าไม่เป็นไร เขารอได้ค่ะ” ลู่
ฟู่ซืออวี่ร้องไห้อย่างนี้ สายตาของทุกคนที่อยู่รอบข้างจึงมองมาทันทีเสิ่นชิงซูหงุดหงิดมาก “ฟู่ซือเหยียน คุณจงใจใช่ไหม?”“ผมเคยบอกแล้ว หลายวันนี้ซืออวี่อาละวาด” ฟู่ซือเหยียนสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ไม่รู้สึกผิดที่พูดปดสักนิด“ฉันไม่ตามใจเขาหรอกนะ” เสิ่นชิงซูพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ฉันไม่ได้ติดค้างเขา”ฟู่ซือเหยียนขมวดคิ้ว “แต่เขาอาละวาด ผมก็ปลอบไม่ได้”“งั้นคุณก็ให้เส้าชิงพาเขาไปรอบนรถ”ฟู่ซือเหยียนมองเส้าชิงเส้าชิงเดินมายื่นแขนสองข้าวกับฟู่ซืออวี่ทันที “คุณชายน้อย ผมจะอุ้มคุณไปรอที่รถดีไหมครับ?”“ไม่เอา!”ฟู่ซืออวี่ปัดมือของเส้าชิง ร้องไห้ปานจะขาดใจเสียงอึกทึกมาก เจ้าหน้าที่จึงมาเตือน“ในเมื่อมีลูกแล้ว งั้นก็คุยกันดี ๆ อีกสักครั้ง คุณดูสิลูกกลัวขนาดนี้ พวกคุณเป็นพ่อแม่จะเห็นแก่ตัวไม่ได้ การหย่า เด็กก็คือผู้เคราะห์ร้ายที่สุด”อย่างไรเสิ่นชิงซูก็ไม่ยอมฟู่ซืออวี่ร้องไห้ไม่หยุด ปากก็ตะโกนอยู่ตลอดว่า ‘พ่อแม่อย่าเลิกกัน’เจ้าหน้าที่เห็นฟู่ซืออวี่น่าสงสารจริง ๆ สายตาที่มองเสิ่นชิงซูเจือแววตำหนิ “คุณเป็นแม่ของเด็ก คุณทำใจให้ลูกคุณร้องไห้แบบนี้ได้เหรอ?”เสิ่นชิงซูรำคาญถึงขีดสุดเธอมอง