LOGINประตูห้องนอนใหญ่ถูกเคาะเสิ่นชิงซูเพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำ ชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาว แขนยาวขายาว ซ่อนเร้นรูปร่างที่ผ่ายผอมในตอนนี้ไว้ไม่มิดเธอเดินไปเปิดประตูฟู่ซือเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังสระผมอีก?”“คืนนี้กินบาร์บีคิว ผมมีแต่กลิ่นพวกนั้นเต็มไปหมด”“ตอนนี้คุณโดนความเย็นไม่ได้” สีหน้าของฟู่ซือเหยียนจริงจัง “ผมเป่าผมให้”เสิ่นชิงซูชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปฏิเสธ “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ฉันทำเองได้ค่ะ”“คุณต้องกินยาก่อน” ฟู่ซือเหยียนยื่นให้เธอ “วางใจเถอะ เป่าผมเสร็จผมจะออกไปทันที”เสิ่นชิงซูเม้มปาก ลังเลอยู่แวบหนึ่ง สุดท้ายก็ยอมทำตามเขา......หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เสิ่นชิงซูนั่งลงฟู่ซือเหยียนยื่นยาจีนในมือให้เธอเสิ่นชิงซูรับมา อุณหภูมิกำลังพอดี เธอก้มหน้าลง ดื่มรวดเดียวจนหมดขมมาก แต่เธอก็เกือบจะชินแล้วในตอนนั้นเอง ลูกอมรสนมตรากระต่ายเม็ดหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรงหน้าเธอเสียงทุ้มนุ่มของชายหนุ่มดังมาจากเหนือศีรษะ “ของในสต็อกของเสี่ยวอันหนิงน่ะ”ขนตาของเสิ่นชิงซูสั่นไหวเบา ๆ ยื่นมือไปรับมากำมันไว้ในฝ่ามือเบา ๆฟู่ซือเหยียนเปิดลมร้อนของไดร์เป่าผมแขนข้างห
เด็กทั้งสองคนเพิ่งถูกฟู่ซือเหยียนพาไปอาบน้ำ ตอนนี้น่าจะหลับกันหมดแล้วเสิ่นชิงซูไม่ได้ไปรบกวนพวกเขา ตรงกลับเข้าห้องนอนใหญ่ไปเลย......เวินจิ่งซีกลับมาตอนเที่ยงคืนครึ่งริมฝีปากของเขาแตก บนใบหน้ายังมีรอยฝ่ามืออยู่หนึ่งข้างหลังจากที่ฟู่ซือเหยียนกล่อมลูก ๆ ทั้งสองคนจนหลับแล้ว ก็ลงไปต้มยาที่ชั้นล่างตอนที่เขาถือยาจีนที่เพิ่งต้มเสร็จออกมาจากห้องครัว ก็บังเอิญเจอกับเวินจิ่งซีพอดีพอเห็นใบหน้าของเวินจิ่งซี ฟู่ซือเหยียนก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยระหว่างผู้ชายด้วยกัน บางครั้งแค่สบตาก็เข้าใจทุกอย่างแล้วเห็นได้ชัดว่า เวินจิ่งซีกับซ่งหลานอินมีอะไรบางอย่างอาจเป็นเพราะแววตาที่สมน้ำหน้าของฟู่ซือเหยียนมันชัดเจนเกินไป เวินจิ่งซีเลยโกรธกลบเกลื่อน “มองอะไรมองนักหนา ไม่เคยเห็นหนุ่มหล่อถูกนักเลงหญิงรังแกหรือไง!”พูดจบ เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากด้านหลังนักเลงหญิงซ่งหลานอินเดินเข้ามาเมื่อเทียบกับเวินจิ่งซี นอกจากลิปสติกที่หายไปแล้ว ซ่งหลานอินก็ไม่มีอะไรผิดปกติในส่วนอื่นเลย“เวินจิ่งซี อย่ามาทำลายชื่อเสียงของฉันนะ เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเป็นคนโผเข้ามาเอง!”“ซ่งหลานอิน!” เวินจิ่งซีคำราม “คุณมันกลับผิดเป็
เรื่องที่ป่วย เสิ่นชิงซูไม่ได้ตั้งใจปิดบังหานหมิงอวี่เพราะเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่สำคัญ เธอไม่ปิดบังอาการป่วย ก็เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบโปรเจกต์ในภายหลังในตอนนี้ นอกจากบริษัทฮ่วนซิงที่ยังหาผู้บริหารที่เหมาะสมไม่ได้ บริษัทอื่น ๆ อีกหลายแห่งก็มีผู้บริหารที่มั่นคงมาโดยตลอด เสิ่นชิงซูจึงไม่กังวลแม้ว่าฉือกั่วเอ๋อร์จะมีความสามารถไม่เลว แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะรับผิดชอบงานใหญ่ได้ด้วยตัวเอง ช่วงนี้ที่เธอไม่อยู่ ต้องขอบคุณท่านเจ็ดที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ไม่อย่างนั้นฮ่วนซิงคงไม่มั่นคงขนาดนี้แต่ท่านเจ็ดไม่มีใจจะบริหารบริษัท ดังนั้นตัวเลือกที่สองของเสิ่นชิงซูคือหานหมิงอวี่หานหมิงอวี่มีสัญชาตญาณที่เฉียบแหลมและไม่เหมือนใครในด้านการลงทุนภาพยนตร์และโทรทัศน์ หากสามารถเกลี้ยกล่อมให้หานหมิงอวี่เข้ามาถือหุ้นฮ่วนซิง รับช่วงต่อฮ่วนซิงได้ อนาคตของฮ่วนซิงก็ไม่จำเป็นต้องกังวลแล้วเสิ่นชิงซูชื่นชมหานหมิงอวี่มากแต่ความชื่นชมนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับความรักอีกอย่าง ในสภาพของเธอตอนนี้ จะยังมีอารมณ์ไปพูดคุยเรื่องความรักอีกเหรอ?“ประธานหาน รีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ” น้ำเสียงของเธออ่อน
“ได้ครับ”ฉินเยี่ยนเฉิงเจอกระดานซักผ้าในห้องซักรีด ก็ไปเอากุญแจห้องน้ำกับเสิ่นชิงซู แล้วก็เดินขึ้นชั้นบนไปโดยไม่หันกลับมามองฟู่ซือเหยียนลูบจมูกตัวเอง “ที่แท้ก็ทำแบบนี้ได้ด้วย”เสิ่นชิงซูเหลือบมองเขาแวบหนึ่งฟู่ซือเหยียนก็มองเธอทั้งสองคนสบตากัน บรรยากาศก็พลันเงียบสงัดไม่กี่วินาทีต่อมา เสิ่นชิงซูก็เป็นฝ่ายละสายตาก่อน หันหลังเดินออกไปข้างนอกฟู่ซือเหยียนมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ พลางถอนหายใจแผ่วเบา......สวนหลังบ้านครึกครื้นมากหานหมิงอวี่ ฉือกั่วเอ๋อร์ ลู่เสี่ยวหาน และคนอื่น ๆ อีกสองสามคนกำลังเล่นกับเด็ก ๆเสี่ยวอันหนิงกับเสี่ยวเนี่ยนอัน ฝาแฝดชายหญิงคู่นี้หน้าตาดีชวนมองมาก ฉลาดแล้วก็น่ารัก โดยเฉพาะเสี่ยวอันหนิง น้ำเสียงเล็ก ๆ นั่นไม่เพียงแต่หวาน ยังช่างพูดช่างเจรจา แถมยังโดดเด่นเรื่องการสร้างพลังบวกให้คนรอบข้าง ผู้ใหญ่หลายคนถูกเธอออดอ้อนจนเบิกบานใจไปตาม ๆ กันลู่เสี่ยวหานกับฉือกั่วเอ๋อร์ถือมือถือถ่ายรูปเสี่ยวอันหนิงกับเสี่ยวเนี่ยนอันกันรัว ๆ ทุกมุม ทั้งคุกเข่าถ่าย นอนคว่ำถ่าย ถ่ายแนวนอน ถ่ายแนวตั้ง ถ่ายแบบ 360 องศาไร้มุมอับเจียงหมี่รั่วท้องแก่ ขยับตัวลำบาก เธอนั่งเล่นก
ฉินเยี่ยนเฉิงชะงักไป“หมอฉินคะ คุณเป็นสามีของซิงซิง เป็นคนที่จะต้องจับมือใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไปด้วยกันกับเธอ พวกคุณสองคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ คุณก็ควรจะใส่ใจความรู้สึกของเธอเป็นอันดับแรก การควบคุมในนามของความรักมันไม่เรียกว่าความรักหรอกนะคะ นั่นมันคือการผูกมัด หรือไม่ก็คือการบีบบังคับทางอารมณ์ ทางฝั่งแม่เฉียวฉันคงพูดอะไรมากไม่ได้ แต่คุณเป็นสามีของซิงซิง ถ้าขนาดคุณยังไม่สามารถยืนอยู่ข้าง ๆ เธอได้ บ้านหลังนี้ก็จะยิ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัด”ฉินเยี่ยนเฉิงฟังเข้าใจแล้วจริง ๆ แล้วเขาก็รู้ว่า แม่เฉียวมีความต้องการที่จะควบคุมเฉียวซิงเจียมากจนเกินไปจริง ๆ“ผมจะลองหาทางพูดเกลี้ยกล่อมแม่ยายดูครับ” ฉินเยี่ยนเฉิงมองเสิ่นชิงซู สีหน้าจริงจัง “ขอบคุณคุณนะครับ คืนนี้ผมวู่วามไปหน่อย ช่วงนี้เธอเอาแต่พูดเรื่องไปต่างประเทศ ผมเลยเผลอคิดไปว่าเธอไม่ห่วงผมกับลูก...”“ระหว่างสามีภรรยา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสื่อสารค่ะ” เสิ่นชิงซูมองฉินเยี่ยนเฉิง “ซิงซิงไม่ใช่คนใจแข็ง แค่คุณค่อย ๆ พูดกับเธอดี ๆ เธอก็จะเข้าใจเองค่ะ”ฉินเยี่ยนเฉิงพยักหน้า หันหลังเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อตามหาเฉียวซิงเจียในห้องนั่งเล่นตก
เขากดเสียงให้ต่ำลง น้ำเสียงจริงจังขึ้นหลายส่วน “แม่ครับ เรื่องพวกนี้มันผ่านไปแล้ว ต่อไปแม่อย่าพูดถึงมันต่อหน้าซิงซิงอีกนะครับ”“แม่จะไปกล้าพูดได้ยังไง? พอแม่พูดเรื่องนี้ทีไร เธอก็ทะเลาะกับแม่ทุกที!”แม่เฉียวสูดจมูก น้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก “สุดท้ายกลายเป็นว่าแม่เป็นคนเลวไปซะงั้น แต่แม่ก็มีลูกสาวคนนี้แค่คนเดียว แม่จะไปทำร้ายเธอได้ลงคอเหรอ? ปีนั้นตอนที่ซิงซิงนอนอยู่ในไอซียูเป็นตายเท่ากัน แม่ไปหาซินแสให้ดูดวงแล้ว ซินแสบอกว่าเป็นเพราะดวงของเสิ่นชิงซูแข็งเกินไป เขาเป็นตัวกาลกิณี ซิงซิงของเราเลยโดนเธอพัวพันไปด้วย แม่ไม่ได้โทษเสิ่นชิงซูนะ แต่แม่กลัวเขา เธอเข้าใจไหม? เยี่ยนเฉิง เธอก็รู้ คนที่สนิทกับเสิ่นชิงซูมีไม่กี่คนที่ลงเอยด้วยดี ปีที่แล้วสามีเก่าของเธอก็เพิ่งมาตายโหงไปไม่ใช่เหรอ...”“แม่ครับ!” ฉินเยี่ยนเฉิงหมดความอดทน ขัดจังหวะคำพูดของแม่เฉียว “ตอนนี้ฟู่ซือเหยียนยังมีชีวิตอยู่ เรื่องก่อนหน้านั้นเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด แต่ไม่ว่าจะยังไง ในฐานะผู้ใหญ่ แม่ก็ไม่ควรพูดแบบนี้ ถ้าให้ซิงซิงได้ยินเข้า เธอได้ทะเลาะกับแม่อีกแน่”แม่เฉียวถึงกับพูดไม่ออกราวกับไม่คิดว่าฉินเยี่ยนเฉิงจะพูดกับเธอแบบนี้







