"เอ๋…นี่มันที่ไหนนะ" ลี่เหยาเหยาลืมตาขึ้นท่ามกลางความสลัว ใบหูของเธอคล้ายได้ยินเสียงคลื่นกำลังซัดสาด ร่างกายแข็งทื่อเสียจนไม่อาจขยับ
"เราตายแล้วอย่างนั้นเหรอ หรือว่านี่คือโรงพยาบาล" ดวงตากลมโตกะพริบถี่ ทว่ากลับยังคงมองไม่เห็นสิ่งใด เพียงรู้สึกคล้ายใบหน้าของตนมีบางสิ่งมาบดบังเสียจนน่าอึดอัด
"อะไรเนี่ย? เสี่ยวผิง"
"…"
"เสี่ยวผิง"
"…"
มีเพียงเสียงเงียบสงัดตอบรับกลับมา ลี่เหยาเหยาจึงถอดใจ พลางพ่นลมหายใจออกเชื่องช้า หลับดวงตาลงอีกหน
"สงสัยเรากำลังฝันแหง ปวดหัวจัง นอนต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวตื่นขึ้นอีกทีก็เช้าแล้ว ช่างเถอะ" ด้วยความเหนื่อยล้าและรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ลี่เหยาเหยาจึงผล็อยหลับลงในที่สุด เรือลำเล็กเคลื่อนตัวอย่างเชื่องช้าไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางความอนธการโดยรอบ ร่างหญิงสาวนอนทอดกายอยู่ด้านใน ลมหายใจของนางเข้าออกสม่ำเสมอ ห่างออกไปไม่กี่ลี้[1] มีสายตาสองคู่กำลังกวาดมองมายังตัวเรือที่ลอยแล่นอยู่บนผิวน้ำด้วยความสนอกสนใจ
"เถียนชีเจ้าเห็นแล้วหรือไม่" เสียงทุ้มเอ่ยพลางเพ่งสายตามองไปยังเบื้องหน้าท้องน้ำอันไกลโพ้น
"ข้าเห็นแล้ว สายตาของเจ้าช่างไม่ได้เรื่องยิ่งนัก เราไปรับพระชายาท่านจอมมารกันเถิด" บุรุษร่างกำยำเหลียวหน้าตอบกลับ พลางสั่นศีรษะไปมาราวเอือมระอา
"ประเดี๋ยว!"
"อะไรอีกเล่า" ร่างกำยำเหลียวมองผู้ที่ร่างสูงระดับใกล้เคียงกับตน พลางนิ่วหน้าด้วยความฉงน
“มาเดิมพันกันหรือไม่ ว่าสตรีนางนี้จะรอดได้กี่วัน” คิ้วเข้มเลิกขึ้น ริมฝีปากยกโค้งหนึ่งฝั่งอย่างนึกสนุก
“เถียนหยาเดิมพันคราใดเจ้าก็แพ้ข้าเสมอ เหตุใดไม่เคยหลาบจำ”
“ครานี้ข้าไม่แพ้เจ้าแน่นอน”
เถียนชีเหลียวมองท่าทีมั่นอกมั่นใจของสหายพลางยิ้มเยาะ “เหอะ เอาก็เอา เจ้าจะเดิมพันด้วยสิ่งใด”
“ผลึกแก้วห้วงเวลาสามชิ้น”
“ได้! อย่างเก่งนางก็ทนได้เพียงสองชั่วยามเท่านั้น”
“แต่ข้าว่าคุณหนูเหยาเหยาคนนี้ดูน่าสนใจไม่น้อย ที่นางถูกชาวบ้านรวมตัวลอยแพมาเป็นเจ้าสาวสังเวยให้ท่านจอมมารเพราะนางได้สมญานามว่า สตรีผู้น่ากลัวที่สุดในใต้หล้า แม้ใบหน้าจะงดงามแต่ทว่านางสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้” เถียนหยากล่าวเป็นตุเป็นตะ นัยน์ตายังคงมองตรงไปเบื้องหน้า
เถียนชีหลุดหัวเราะลั่น พลางส่ายศีรษะไปมา “เหลวไหล สตรีนางใดจะน่าเกรงขามไปกว่าท่านจอมมารกัน”
“ข้าให้เกินสองชั่วยามที่เจ้าว่ามา” เถียนหยาเอ่ยขึ้นทันควัน
“ตกลงตามนั้น”
สหายทั้งสองจึงกำหมัดกระทบกัน ร่างของบุรุษพลันร่อนกายเข้าใกล้เรือลำเล็ก อีกคนยกหัวเรือ อีกคนยกท้ายเรือ นำตัวเจ้าสาวซึ่งนอนด้านในหายวับเข้าไปยังหุบเขาหม่นทะมึน
เอ๊ะ…หืม
ลี่เหยาเหยาลืมตาตื่นขึ้นท่ามกลางความสลัว ภาพที่ปรากฏสู่สายตาคือเพดานสีทึมทึบ ซ้ำผ้าม่านเหนือศีรษะยังเป็นสีดำทมิฬ ลี่เหยาเหยาสะดุ้งเล็กน้อยพลันดีดกายขึ้นนั่งด้วยความรวดเร็ว จึงส่งผลให้ศีรษะเกิดอาการชาหนึบ
"ปวดหัวจัง นี่มันที่ไหนกัน"
"ตื่นแล้วหรือ"
"ใครน่ะ!"
ลี่เหยาเหยาสะบัดใบหน้ามองไปยังต้นเสียง
"เจ้ามันช่างเป็นสตรีขี้เซาโดยแท้ หญิงสาวอื่นที่ถูกส่งตัวเข้ามาล้วนแล้วแต่ร้องห่มร้องไห้จนน่ารำคาญไปหมด ส่วนเจ้ากลับนอนหลับสบายใจ ไม่เกรงกลัวข้าบ้างเลยอย่างนั้นหรือ"
ลี่เหยาเหยาหรี่ดวงตามองด้วยความฉงน เงาตะคุ่มสูงใหญ่ย่างกรายออกจากความมืดมิด ใบหน้าบุรุษผู้นี้ดูหล่อเหลาทว่ากลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความเหี้ยมเกรียมจนน่าขนลุกพิกล
"นายเป็นใคร!?" ลี่เหยาเหยาเอ่ยถามเสียงแข็ง นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนเองเป็นลมหมดสติระหว่างกำลังแสดงละครเวที แล้วเหตุใดจึงมาโผล่ที่เช่นนี้ได้ ซ้ำยังอยู่ร่วมกับชายแปลกหน้า ลี่เหยาเหยากระถดถอยกายของตนซึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงขนาดกว้างเชื่องช้า นัยน์ตากวาดมองซ้ายขวาพลางหอบหายใจถี่กระชั้น
'ที่ไหน นี่มันคือที่ไหน โต๊ะโบราณ ห้องสีดำ แจกันทรงประหลาด' ดวงตาของลี่เหยาเหยากวาดมองไปรอบทิศ เหงื่อเย็นเริ่มผุดขึ้นบนกรอบหน้างาม หญิงสาวจึงยกมือขึ้นและฟาดไปยังใบหน้าของตนเต็มแรง
เพียะ!
"โอ๊ยเจ็บ"
ชายร่างสูงยืนกอดอกขมวดคิ้วเพ่งมองการกระทำประหลาดด้วยความหงุดหงิด
"นั่นเจ้ากำลังทำสิ่งใดกัน"
ลี่เหยาเหยาไม่ได้สนใจคำถามเมื่อสักครู่ ทว่านางยังคงพยายามตบตีและหยิกกายตนจนร้องโอดโอย แต่ดูเหมือนลี่เหยาเหยายังไม่พอใจ เรียวนิ้วจึงหยิกลงบนต้นแขนขาวเนียนด้วยความรุนแรงอีกหน
"โอ๊ย เจ็บ เจ็บ เจ็บ ไม่ได้ฝันเหรอเนี่ย!" ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง
จู่ ๆ บุรุษร่างสูงที่ยืนห่างออกไปก็ปรากฏกายเบื้องหน้าลี่เหยาเหยาในพริบตา เธอตื่นตระหนกพลันถอยกรูดเสียจนแผ่นหลังติดกำแพง ฝ่ามือหยาบระคายคว้าหมับเข้าไปยังลำคอระหง เพิ่มแรงบีบเสียจนหญิงสาวกระอักไอหน้าดำหน้าแดง
แค่ก แค่ก
"ปะ…ปล่อยนะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยเหยาเหยาด้วย"
ลี่เหยาเหยาพยายามกู่ก้องร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ทว่ากลับถูกฝ่ามือที่แข็งราวคีมเหล็กเพิ่มแรงบีบรัดเข้ามามากขึ้น
"เจ้าเมินข้าหรือ สตรีงามเมืองข้าถามไฉนไม่ตอบเล่า" เสียงทุ้มเอ่ยลอดไรฟัน ดวงตาสีแดงฉานจ้องใบหน้าเหยเกของลี่เหยาเหยาเขม็ง
ลี่เหยาเหยาพยายามดีดขาไปมา ภายในศีรษะประมวลความคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า 'นี่มันที่ไหนกัน หรือเรากำลังถูกโจรจับตัวมาเรียกค่าไถ่'
ต้นคอขาวผ่องถูกบีบรัดเสียจนเกิดรอยนิ้วทั้งห้า ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแหงนองศาเชิดขึ้นตามฝ่ามือใหญ่โตของบุรุษ เรียวมือเล็กพยายามแกะและทุบตีอีกฝ่าย ทว่าแรงมดหรือจะสู้แรงช้าง
"ปล่อยนะ ปะ…" อากาศในปอดเริ่มหมดลงแล้ว ลี่เหยาเหยาไม่อาจเปล่งเสียงได้ถนัด เปลือกตาบางจึงหลับลงช้า ๆ ก่อนลมหายใจขาดสะบั้นลง ฝ่ามือกว้างจึงผลักกายเธอออกเสียจนกระแทกติดผนังด้านหลังจนเกิดอาการจุกอก
อึ้ก!
ลี่เหยาเหยากระอักไอออกมาหลายหน นัยน์ตาคู่งามช้อนมองบุรุษเบื้องหน้า พลางกัดฟันกรอด "นายเป็นบ้าอะไรกัน! หน้าไม่อาย ทำร้ายแม้กระทั่งผู้หญิง"
"เจ้าเป็นเจ้าสาวบรรณาการของข้า เป็นคนของข้า ข้าสั่งให้เจ้าพูดก็ต้องพูด ข้าสั่งให้เจ้าตายก็ต้องตาย!"
"ไร้สาระ เผด็จการ!"
ลี่เหยาเหยาพยายามรวบรวมสติ และดูเหมือนว่าเธอพอเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น ที่แห่งนี้ไม่ใช่ฝัน เพียงแต่อยู่ ๆ เธอมาปรากฏกายในห้องผู้ชายบ้าดีเดือดคนนี้ได้อย่างไรกัน
"หนวกหู! รีบส่งโลหิตของเจ้ามา แล้วไสหัวกลับบ้านเจ้าไปซะ!" เสียงทุ้มตะเบ็งดุดัน
"โลหิตเหรอ นายพูดจาเพ้อเจ้ออะไร"
"อย่ามาทำหน้าไขสือได้หรือไม่ สตรีกลิ่นเหม็นเช่นพวกเจ้า ต่อให้ส่งมานับร้อยคนข้าก็ไม่มีวันแตะต้อง"
"พูดบ้าอะไร ใครกลิ่นเหม็น" ลี่เหยาเหยานิ่วหน้า นัยน์ตาสวยลดลงมองกายของตน เวลานี้ลี่เหยาเหยามองเห็นว่าบนกายของตนสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงสด "ชุดแต่งงาน คนละชุดกันนี่" ลี่เหยาเหยาตื่นตระหนก แต่มิวายยกแขนขึ้นดมกายซ้ายขวาอย่างเร่งร้อน 'อึ๊ย! เหม็นจริงแฮะ'
"ทำท่าทีประหลาดใดของเจ้า" คิ้วเข้มขมวดมุ่น นัยน์ตาคมปลาบมองอีกฝ่ายเขม็ง
"เอ่อ…"
ท่าทีหยิ่งผยองสงบลง ลี่เหยาเหยาแหงนเงยใบหน้าขึ้นเชื่องช้า กล่าววาจากระอักกระอ่วน "ขอถามได้ไหม?" เสียงใส่เอ่ยตะล่อมด้วยอาการประหม่า
บุรุษร่างสูงยืนกอดอกพลางหลุบดวงตามองสตรีร่างบางบนเตียงด้วยสีหน้าเย็นชา
"ถามสิ่งใด หากถามเรื่องไม่เกิดประโยชน์ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!"
เชิงอรรถ
^ ลี้ คือเป็นหน่วยวัดของจีนมีความยาวเท่ากับ 500 เมตร
นับจากวันที่พันธผูกจิตสลายไป โลหิตในกายของลี่เหยาเหยาก็แปรผัน จากเดิมที่นางเป็นมนุษย์ยามนี้ได้เปลี่ยนเป็นเผ่ามารเต็มตัว ซ้ำตอนนี้ลี่เหยาเหยายังตั้งครรภ์จอมมารน้อยอยู่ในท้อง ทว่าการตั้งครรภ์ช่างยืดเยื้อยาวนาน เพราะทารกในกายของนางไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไปในแต่ละวันเถียนชีและเถียนหยาต้องวิ่งวุ่นปวดหัวกับนายหญิงอยู่ไม่น้อย เดี๋ยวอยากกินโน้นกินนี่ไปเรื่อย และสิ่งที่ลี่เหยาเหยาต้องการแต่ละอย่างล้วนเป็นอาหารหน้าตาประหลาดทั้งสิ้น"ท่านพี่ ข้าอยากกินหม้อไฟเจ้าค่ะ""เจ้าว่าอย่างไรนะ ชะ...ชาอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าบูที่ว่าหน้าตาเฉกเช่นชาที่ดื่มหรือไม่" จอมมารขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิด"หม้อไฟ ไม่เหมือนกันกับน้ำชาเจ้าค่ะ" ลี่เหยาเหยาส่ายศีรษะไปมา"แล้วมันเป็นอย่างไรเล่า"ลี่เหยาเหยาคลี่ยิ้ม พลันเหลียวหน้ามองไปยังเถียนชีและเถียนหยา ทั้งสองสะดุ้งโหยงพลางระบายรอยยิ้มแหย ดูเหมือนนายหญิงของพวกเขากำลังจะทำเรื่องให้มังกรทั้งสองปวดหัวอีกเสียแล้ว"เถียนหยาท่านมานี่" ลี่เหยาเหยากวักมือเรียก"ขะ…ขอรับ" เถียนหยาเ
ทั้งเมืองมารล้วนถูกควบรวมเป็นดินแดนเดียวกัน เมื่อหลายพันปีก่อนสองเผ่าได้ร่วมผูกพันธสัญญาสงบศึก ทว่าจอมมารวิหคเงินเยี่ยนหมิงกลับคิดคดต้องการก่อกบฏยึดครองสองเผ่า เมื่อผู้เป็นนายพ่ายศึก เผ่าวิหคเงินจึงล่มสลาย และแปรพักตร์มาเป็นเผ่ามารวิหคทองลี่เหยาเหยานอนหมดสติมาหลายเดือน ในดินแดนวิหคทองจึงมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมาก สวนบุปผาที่นางชอบเที่ยวเล่น ฮวาเทียนจิ้งได้ทำการขุดลอกให้มีธารน้ำตกและสระน้ำเพื่อบ่มเพาะเหลียนฮวา[1]วิเศษ เขาแทบลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง บางคราจอมมารผู้ดูดุดันแทบไม่เหมาะกับสิ่งสวยงามเหล่านี้กลับยืนทอดมองสวนบุปผาทุกเช้าค่ำ"นายท่าน นายท่านขอรับ"ฮวาเทียนจิ้งเหลียวกายกลับ "ว่าอย่างไรเถียนหยา วิ่งหน้าตื่นมาเชียว""นายหญิงฟื้นแล้วขอรับ แต่ว่ายามนี้นายหญิงนาง...""จริงรึ!" ฮวาเทียนจิ้งดีใจแทบไม่อาจเก็บอาการ เนิ่นนานเหลือเกินที่เขาไม่ได้ยิ้มมันออกมา จอมมารหายวับออกจากสวนบุปผาด้วยความรวดเร็ว"อะ...อ้าว นายท่านไยเร่งร้อนนักเล่า" เถียนหยางุนงง เขากล่าวยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ
"ฮวาเทียนจิ้ง ดูเหมือนนางจะมีความสำคัญกับท่านจริง ๆ สินะ ไม่พบกันหลายพันปีท่านตัดใจจากซินอี๋ได้แล้วหรือ" บุรุษร่างสูงสวมหน้ากากปีกนกสีเงินลอยเคว้งกลางอากาศระหว่างเส้นแบ่งเขตแดนของเมืองมารทั้งสองฝั่ง ขนาบกายของเขายังมีร่างหญิงสาวไร้สติลอยตัวอยู่ภายในม่านอาคม"เหยาเหยา" นัยน์ตาคมเพ่งมองสตรีในม่านโปร่งแสงด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางเหลียวมองผู้ควบคุมร่างเล็กไว้ ประกายดวงตาสะท้อนเปลวเพลิงแฝงความโหดเหี้ยม แผ่กำจายความกดดันเสียจนบรรยากาศรอบด้านดูอึมครึม"เยี่ยนหมิง ท่านกำลังทำสิ่งใด ตัดใจได้หรือไม่ ย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน ปล่อยนาง!มิใช่ว่าทั้งสองเผ่าได้ทำพันธะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เหตุใดวันนี้จึงตระบัดสัตย์!""อ่า...นั่นสินะ แต่ทว่า ผู้ผูกพันธะได้จากไปนานแล้วไม่ใช่หรือ""ซินอี๋คือน้องสาวของท่าน หรือว่าที่นางจากไปล้วนเป็นฝีมือท่าน!""นางร่างกายอ่อนแอเอง พี่ชายเช่นข้าจะทำร้ายน้องของตนได้อย่างไร อีกอย่างท่านไม่คิดบ้างหรือ สองฝั่งไม่ก้าวก่ายกันมาช้านาน น่าเบื่อยิ่งนัก ไม่สู้มารวมดินแดนให้เป็นหนึ่งน่าสนุกกว่าเป็นไหน ๆ" ภายใต้น้
"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อคืนนายท่าน นอนร่วมห้องกับคุณหนูเหยาเหยาเจ้าค่ะ ซ้ำยังให้บ่าวทุกคนเรียกนางว่านายหญิง""ห้ะ!! เจ้าว่าอย่างไรนะ" อวี่หนานตะเบ็งเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินเรื่องบอกเล่าจากบ่าวคนสนิท"คือว่า...""ไม่ต้องพูดแล้ว!" อวี่หนานกัดฟันกรอดพลันกระทืบเท้าเร้า ๆ นางกรีดร้องอาละวาดเสียจนข้าวของล้มระเนระนาด"คุณหนูใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ""ใจเย็นหรือ เจ้าเห็นหรือไม่ มันแย่งท่านพี่ไปจากข้าแล้ว เจี้ยนกั๋ว!""เจ้าคะ""ไป!""ไปไหนเจ้าคะ" เจี้ยนกั๋วกล่าวด้วยสีหน้างุนงง"พานางไปที่ที่ควรไปอย่างไรเล่า" ริมฝีปากสีชาดแสยะยิ้ม"ปวดหัวจัง"ลี่เหยาเหยาพยุงกายขึ้น ร่างกายตอนนี้รู้สึกร้าวระบมเสียเหลือเกิน ทว่าเมื่อฉุกนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาพลอยทำให้ใบหน้างามขึ้นสีชมพูระเรื่อลี่เหยาเหยายกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้า พลางกรีดร้องอยู่ในใจลี่เหยาเหยา นี่แกทำอะไรลงไป ใจง่ายเหลือเกิน เพียงประโยคหว่านล้อมไม่กี่คำก็โอนอ่อนผ่อนตามตาทึ่มนั่นเฉยเลย
เสียงฝีเท้าดังเชื่องช้าเป็นจังหวะ ลี่เหยาเหยานอนขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยจิตใจไหวระริก คืนนี้จอมมารบอกนางว่าจะเข้ามาพักผ่อน ดังนั้นห้องนี้สมควรคืนเจ้าของแล้วสินะ ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากเชิงเทียนที่ยังส่องสว่าง ลี่เหยาเหยาแสร้งหลับตา ทว่าลมหายใจของนางกลับไม่เป็นจังหวะเช่นคนนอนหลับเอาเสียเลยดูเหมือนผู้มาเยือนจะรู้ทันกลหมากกระดานนี้ของนาง เจ้าของร่างสูงยอบกายลง พลางเอ่ยขึ้น "เหตุใดลงไปนอนตรงนั้น ไม่เย็นหรือ""...""หึ!""..."เสียงหัวใจของนางดังตึกตักตามช่วงจังหวะการก้าวย่างของบุรุษ ลี่เหยาเหยายังแสร้งว่าตนหลับต่อไป จู่ ๆ ร่างของนางก็ลอยหวือขึ้น ดวงตากลมโตพลอยเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก"ทะ...ทำอะไรคะ""ชู่ว...พื้นมันเย็น อีกอย่างข้าบอกจะมาพักผ่อน หาได้ต้องให้เจ้าไปนอนที่อื่น""แต่ว่าชายหญิงไม่ควรนอนเตียงเดียวกัน"ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มขบขัน เสียงหัวเราะในลำคอดังลอดออกมาเสียจนคนตัวเล็กบนอ้อมแขนงุนงง"ท่านหัวเราะหมายความว่าเช่นไร" ลี่เหยาเหยาหน้างอ
"นายท่านคุณหนูเหยาเหยาขอเข้าพบขอรับ" เถียนชีเอ่ยฮวาเทียนจิ้งกำลังง่วนอยู่กับกองตำราล้นมือพลอยชะงักท่าทีลง ตั้งแต่ลี่เหยาเหยาฟื้นจากอาการป่วย เขาไม่ได้ออกไปพบหน้านางอีกเลย เพียงรอฟังการรายงานความเคลื่อนไหวจากเถียนหยาเท่านั้น"ให้นางเข้ามา"สตรีร่างบางสาวเท้าเข้ามาในหอตำราพร้อมถาดอาหารหอมกรุ่น ฮวาเทียนจิ้งแสร้งลดดวงตามองไปยังตำราดังเดิม ทว่าภายในใจของเขากลับเต้นดังโครมครามอย่างไม่รักดีเถียนหยาที่เดินขนาบข้างลี่เหยาเหยาพลันขยิบดวงตาให้เถียนชีหนึ่งหน พวกเขาจึงค้อมศีรษะและลอบเดินออกจากห้องอย่างแนบเนียน"เป็นอย่างไรแผนการของข้า ใช้ได้ผลหรือไม่เล่า" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ"ดีมาก ว่าแต่เจ้าโน้มน้าวคุณหนูเช่นไรเล่า" เถียนชีเอ่ยถามเมื่อนึกถึงวิธีการแล้ว เถียนหยาพลอยกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ก็เอาเถิด ถึงแม้เขาจะโดนแซ่โบยจนหลังขาดก็นับว่าทำเพื่อความสุขเจ้านายของตน"ข้าเล่าเรื่องนั้นให้นางฟัง" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนลง"หา...ปั๊ดโธ่ เจ้าบื