ลี่เหยาเหยาสะดุ้งโหยง พยายามกล่อมใจตัวเองต้องไม่มีอะไรเป็นแน่ อาจเป็นกองถ่ายละครแห่งใดแห่งหนึ่ง ทว่าภายในใจของนางกลับร้องตะโกนเสียงดังระงม
ลี่เหยาเหยาเธอตายไปนานแล้ว ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่เธอควรอยู่
ลี่เหยาเหยาพยายามสลัดความคิดสับสนมึนงงนั้นทิ้งไป พลางแหงนหน้ามองคนร่างสูงที่ยืนขึงดวงตาสีแดงฉานมองมาที่ตน
น้ำเสียงที่พยายามเอ่ยออกมาจึงดูกระท่อนกระแท่นอยู่ไม่น้อย "ฉันอยากอาบน้ำ ที่นี่มีห้องน้ำหรือเปล่า"
"หืม…"
"อะ…เอ่อ คือว่าตอนนี้ฉันตัวเหม็นจริง ๆ นั่นแหละ ดูเหมือนจะหมดสตินอนไม่รู้สึกตัวหลายวัน แค่ขออาบน้ำแป๊บเดียว หลังจากนั้นนายจะสอบสวน หรือจะฆ่าจะแกงก็ตามใจ" ลี่เหยาเหยาพยายามอธิบาย และกดข่มความขลาดกลัวพลางกล่าววาจาละมุนละม่อม
แท้จริงแล้วลี่เหยาเหยาอยากรู้ยิ่งนักว่าที่แห่งนี้คือที่ใด อย่างน้อย ๆ หากได้ออกไปสำรวจด้านนอกอาจจะพอหาหนทางหลบหนีออกไปได้
คงไม่ใช่พวกขบวนการค้ามนุษย์หรอกนะ
"มากความเสียจริง แค่นำโลหิตเจ้ามาแล้วไสหัวออกจากเมืองของข้าก็พอ"
ลี่เหยาเหยาพ่นลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย "แล้วจะกลับยังไง ยังไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน"
นัยน์ตาคมกริบกวาดมองคนบนเตียงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "น่ารำคาญ"
ฝ่ามือกว้างดีดนิ้วหนึ่งเปาะ ประตูบานหนาถูกเปิดออก สตรีสองนางสวมอาภรณ์สีเข้ม ใบหน้าปกคลุมด้วยผ้าแพรสีเดียวกันสาวเท้าเข้ามาด้านในอย่างนอบน้อม ลี่เหยาเหยากะพริบดวงตามองด้วยความฉงน 'หมอนี่เล่นกลเก่งจริง ๆ'
"พานางไปอาบน้ำ"
"เจ้าค่ะนายท่าน"
สตรีทั้งสองนางยอบกายลง พลันสาวเท้าเข้ามาเพื่อช่วยพยุงกายของลี่เหยาเหยาขึ้น นางลอบมองหญิงสาวนงคราญทั้งซ้ายขวาพลางส่งยิ้มแหย "พี่สาวทั้งสอง เดี๋ยวฉันเดินเองก็ได้ค่ะ"
"เจ้าค่ะ"
ขาเรียวเล็กหย่อนลงจากเตียงนอนช้า ๆ นัยน์ตากลมช้อนมองคนตัวสูงที่ยืนสงบนิ่งราวรูปปั้น เมื่อดวงตาสบประสานเข้าด้วยกันอีกหน ลี่เหยาเหยาจึงหลุบเปลือกตาลงทันควัน 'คนประสาท เดี๋ยวแม่จะหนีให้ดู อยู่ ๆ ก็มาร้องเอาเลือดคนอื่นเนี่ยนะ เป็นปีศาจหรือไงกัน'
"เดี๋ยว!"
ทั้งสามชะงักฝีเท้าลง ลี่เหยาเหยาตัวสั่นระริก 'หมอนี่
เล่นกลได้ ซ้ำยังอ่านใจคนได้ด้วยเหรอ ตายแน่เหยาเหยา'"ข้าให้เวลาไม่เกินหนึ่งก้านธูป" เสียงเย็นชาตอบกลับ
ลี่เหยาเหยาเผลอพ่นลมหายใจราวกับโล่งอกออกมาระลอกหนึ่ง ทว่าเมื่อสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่ล้วนดูแปลกพิกล
ลี่เหยาเหยาจึงกล่าวน้ำเสียงเบาหวิว "อะ…อะไรนะ หนึ่งก้านธูป""เจ้าค่ะท่านจอมมาร"
สติของลี่เหยาเหยาขาดผึงลงอีกครั้งเมื่อสตรีสองนางเรียกชายตรงหน้าว่าเช่นไร 'จอมมารอย่างนั้นเหรอ! เหยาเหยานี่แกตายแล้ววิญญาณเร่ร่อนมาที่ไหนกันเนี่ย หรือที่นี่คือกองถ่ายจริง ๆ'
ลี่เหยาเหยายืนตัวแข็งทื่อ ดวงตาของนางแทบไม่กะพริบ
"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ"
เสียงเล็กดังสะท้อนเข้ามาทำให้สติของลี่เหยาเหยา
หวนกลับ "อะ...อ้อ ว่าไงคะ"สตรีสองนางมองหน้ากันหลุกหลิก "ไปกันได้แล้วเจ้าค่ะ ท่านจอมมารหาชอบผู้ที่ไม่ตรงเวลา"
เพียงแวบเดียวที่ลี่เหยาเหยาลอบมอง จึงทันได้เห็นแววตาดุดันนั้น เท้าเรียวจึงรีบบึ่งออกจากห้องราวไม่คิดชีวิต
ลี่เหยาเหยาพยายามสับเท้าไว ๆ ทว่าบริเวณรอบข้างกลับประดับตกแต่งไปด้วยหินหยกหลากสีละลานตา ซ้ำยังมีชายร่างสูงใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากปีกนกสีทองเต็มไปหมด นัยน์ตาคู่งามเหลือบซ้ายแลขวาเสียจนวิงเวียนศีรษะที่นี่ที่ไหน ทำไมถึงแปลกตาแบบนี้
"คุณหนูเดินระวังด้วยเจ้าค่ะ"
ลี่เหยาเหยาหูดับไปเสียแล้ว ในสมองตอนนี้เพียงคิดหาทางออกเท่านั้น เมื่อเห็นหน้าต่างบานหนึ่งซึ่งมีแสงสว่างลอดผ่านเข้ามา เรียวปากกลีบกุหลาบพลันคลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีอกดีใจ เท้าเรียวจึงรีบสับไว ๆ แทบเกิดเป็นสะเก็ดไฟ นางหวังพบหนทางสว่าง ทว่าเมื่อลี่เหยาเหยาลองชะโงกหน้าออกไปกลับต้องพบกับความสิ้นหวัง
ท้องฟ้า เป็นไปได้ยังไง นี่บ้านคนหรือเครื่องบิน
ลี่เหยาเหยายืนแข็งค้าง พยายามรวบรวมสติไม่ให้กระเจิดกระเจิงไปมากกว่านี้
"คุณหนูเจ้าคะ หอสรงน้ำไปทางนี้ หาใช่ทางนี้"
ลี่เหยาเหยาเหลียวหน้ามองหญิงสาวตรงข้ามด้วยจิตใจเต้นระรัว "พี่สาวทั้งสอง ฉันขอถามอะไรบางอย่างได้หรือเปล่าคะ"
"หากเป็นเรื่องที่พวกหม่อมฉันตอบได้ก็ยินดีตอบเจ้าค่ะ"
"ที่นี่คือที่ไหนเหรอคะ?"
สตรีสองนางค้อมศีรษะพลางลอบมองหน้ากันหลุกหลิก เหตุใดหญิงสาวผู้นี้จึงกล่าววาจาดูแปลกพิกลนัก ทว่ายังไม่ทันได้คลายข้อสงสัยให้อีกฝ่าย กลับมีเสียงใสกังวานตัดบทพวกนางขึ้น "คฤหาสน์จอมมารวิหคทอง…ทำไมเล่า ก่อนมาที่แห่งนี้ไม่รู้เรื่องใดมาก่อนเลยหรือ"
หญิงสาวร่างอรชรสาวเท้าเข้ามาใกล้ เรียวมือที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับละลานตาลูบไล้บริเวณกรอบหน้างามเบื้องหน้าด้วยความสนอกสนใจ
"คุณหนู!"
"จะพานางไปอาบน้ำหรือ" เสียงใสเอ่ยถามพลางเหลียวมองด้วยหางตา
"เจ้าค่ะ นายท่านกำชับไว้ว่าไม่เกินหนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ"
"ออกไป ข้าจัดการเอง"
"แต่ว่า..."
"จะไปดี ๆ หรือจะให้ข้าส่งไป"
"ทราบแล้วเจ้าค่ะ" สตรีสองนางจึงค้อมศีรษะเดินจากไปด้วยความเร่งร้อน
"งดงามดีนี่ วันนี้ข้ากำลังเบื่อหน่ายพอดี ข้าจะช่วยเจ้าอาบน้ำเอง" ริมฝีปากบางกล่าวกระซิบแนบใบหูลี่เหยาเหยา ลมหายใจของนางเป่ารดเข้ามาเสียจนขนอ่อนในกายของลี่เหยาเหยาลุกซู่
"เอ่อ...ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง ฉันอาบน้ำเองได้" ลี่เหยาเหยาพยายามโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน พลางคลี่ยิ้มเหือดแห้ง
"ไม่ได้! เจ้าสาวบรรณาการของท่านพี่ ข้าจะปล่อยปละละเลยได้อย่างไรเล่า" ริมฝีปากสีชาดฉีกยิ้มอย่างนึกสนุก พลางดึงกายของลี่เหยาเหยาลอยหวือติดมือของตนไปอย่างรวดเร็ว
"เหวอ..." ลี่เหยาเหยาสาวเท้าตามอีกฝ่ายราวกำลังเดินผ่านทางมรสุม ข้อมือถูกฉุดกระชากลากถูไปตามเส้นทาง เธอกวาดสายตามองหาทางออกซ้ายขวากลับได้มาเพียงความว่างเปล่า ที่แห่งนี้ช่างมิดชิดราวตั้งอยู่ท่ามกลางดินแดนพิศวง
หญิงคนนี้เดินเร็วนัก นางเป็นใคร หรือว่าเป็นแฟนตาทึ่มนั่นเหรอ
บุรุษร่างสูงย่างกรายเข้ามายังโถงขนาดกว้าง พวกเขาทันได้เห็นแผ่นหลังของหญิงสาวทั้งคู่เข้าพอดี พลันเอ่ยขึ้น
"เอ๋...เถียนชี เมื่อสักครู่เจ้าเห็นเหมือนข้าหรือไม่" เถียนหยาเหลียวมองสหายด้วยความฉงน
เถียนชีเหลียวหน้าตอบกลับ พยักหน้าหงึกหงัก
"นะ...นางออกจากห้องนายท่านได้เชียวหรือ แล้วคนที่จูงมือนางคือใคร คุณหนูอวี่หนานหรอกรึ"
ทั้งสองเหลียวหน้ามองกันพลันกะพริบดวงตาถี่ "เป็นไปได้อย่างไร!!"
"เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ" เสียงใสเอ่ยถามทว่าดูแฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่าง เรียวนิ้วเนียนนุ่มลูบไล้ผิวกายขาวผ่องของคน
ในอ่างด้วยความแผ่วเบา"เอ่อ...ฉันชื่อ ลี่เหยาเหยาค่ะ"
"ลี่เหยาเหยา วาจาของเจ้าประหลาดดีแท้ ใบหน้าก็
ชวนมอง น่าเสียดายที่อายุสั้นนัก""หา..." ลี่เหยาเหยากะพริบดวงตาถี่
อยู่ ๆ ก็มาสาปแช่งกันเนี่ยนะ!
"เอาเถอะ ข้าอยากปรานีบรรดาสตรีของท่านพี่ดูสักหน ไหน ๆ ก็จะไม่ต้องรับหญิงบรรณาการอีกแล้ว ชำระร่างกายของเจ้าให้สะอาดเสียหน่อย จะปล่อยให้ท่านพี่เชยชมแต่สตรี
เน่าเหม็นพวกนั้นได้อย่างไร""เอ่อ...เธอ ไม่สิ คุณหนูหมายความว่าเช่นไรหรือคะ"
ลี่เหยาเหยาพยายามเรียนรู้วาจาของคนที่นี่ ดั่งคำกล่าวที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม"เหตุใดทำหน้าใสซื่อเช่นนั้นเล่า ไม่เข้าใจคำว่าเจ้าสาวบรรณาการของท่านจอมมารหรือ"
ลี่เหยาเหยาสั่นส่ายศีรษะไปมา
"เอาเถอะ เรียบร้อยแล้ว ข้าจะแต่งกายให้เจ้า ลุกขึ้นเสีย"
ลี่เหยาเหยาจึงทำตามที่อีกฝ่ายบอก แม้จะเขินอาย
ไปบ้างแต่คนเบื้องหน้าก็เป็นหญิงเช่นกัน นัยน์ตาเฉี่ยวกวาดมองทั่วเรือนร่างเปลือยเปล่า พลางกระตุกยิ้มเบาบาง"งดงามเพียงนี้ ทว่าเสียดายที่เจ้าคงมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน"
นับจากวันที่พันธผูกจิตสลายไป โลหิตในกายของลี่เหยาเหยาก็แปรผัน จากเดิมที่นางเป็นมนุษย์ยามนี้ได้เปลี่ยนเป็นเผ่ามารเต็มตัว ซ้ำตอนนี้ลี่เหยาเหยายังตั้งครรภ์จอมมารน้อยอยู่ในท้อง ทว่าการตั้งครรภ์ช่างยืดเยื้อยาวนาน เพราะทารกในกายของนางไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไปในแต่ละวันเถียนชีและเถียนหยาต้องวิ่งวุ่นปวดหัวกับนายหญิงอยู่ไม่น้อย เดี๋ยวอยากกินโน้นกินนี่ไปเรื่อย และสิ่งที่ลี่เหยาเหยาต้องการแต่ละอย่างล้วนเป็นอาหารหน้าตาประหลาดทั้งสิ้น"ท่านพี่ ข้าอยากกินหม้อไฟเจ้าค่ะ""เจ้าว่าอย่างไรนะ ชะ...ชาอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าบูที่ว่าหน้าตาเฉกเช่นชาที่ดื่มหรือไม่" จอมมารขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิด"หม้อไฟ ไม่เหมือนกันกับน้ำชาเจ้าค่ะ" ลี่เหยาเหยาส่ายศีรษะไปมา"แล้วมันเป็นอย่างไรเล่า"ลี่เหยาเหยาคลี่ยิ้ม พลันเหลียวหน้ามองไปยังเถียนชีและเถียนหยา ทั้งสองสะดุ้งโหยงพลางระบายรอยยิ้มแหย ดูเหมือนนายหญิงของพวกเขากำลังจะทำเรื่องให้มังกรทั้งสองปวดหัวอีกเสียแล้ว"เถียนหยาท่านมานี่" ลี่เหยาเหยากวักมือเรียก"ขะ…ขอรับ" เถียนหยาเ
ทั้งเมืองมารล้วนถูกควบรวมเป็นดินแดนเดียวกัน เมื่อหลายพันปีก่อนสองเผ่าได้ร่วมผูกพันธสัญญาสงบศึก ทว่าจอมมารวิหคเงินเยี่ยนหมิงกลับคิดคดต้องการก่อกบฏยึดครองสองเผ่า เมื่อผู้เป็นนายพ่ายศึก เผ่าวิหคเงินจึงล่มสลาย และแปรพักตร์มาเป็นเผ่ามารวิหคทองลี่เหยาเหยานอนหมดสติมาหลายเดือน ในดินแดนวิหคทองจึงมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมาก สวนบุปผาที่นางชอบเที่ยวเล่น ฮวาเทียนจิ้งได้ทำการขุดลอกให้มีธารน้ำตกและสระน้ำเพื่อบ่มเพาะเหลียนฮวา[1]วิเศษ เขาแทบลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง บางคราจอมมารผู้ดูดุดันแทบไม่เหมาะกับสิ่งสวยงามเหล่านี้กลับยืนทอดมองสวนบุปผาทุกเช้าค่ำ"นายท่าน นายท่านขอรับ"ฮวาเทียนจิ้งเหลียวกายกลับ "ว่าอย่างไรเถียนหยา วิ่งหน้าตื่นมาเชียว""นายหญิงฟื้นแล้วขอรับ แต่ว่ายามนี้นายหญิงนาง...""จริงรึ!" ฮวาเทียนจิ้งดีใจแทบไม่อาจเก็บอาการ เนิ่นนานเหลือเกินที่เขาไม่ได้ยิ้มมันออกมา จอมมารหายวับออกจากสวนบุปผาด้วยความรวดเร็ว"อะ...อ้าว นายท่านไยเร่งร้อนนักเล่า" เถียนหยางุนงง เขากล่าวยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ
"ฮวาเทียนจิ้ง ดูเหมือนนางจะมีความสำคัญกับท่านจริง ๆ สินะ ไม่พบกันหลายพันปีท่านตัดใจจากซินอี๋ได้แล้วหรือ" บุรุษร่างสูงสวมหน้ากากปีกนกสีเงินลอยเคว้งกลางอากาศระหว่างเส้นแบ่งเขตแดนของเมืองมารทั้งสองฝั่ง ขนาบกายของเขายังมีร่างหญิงสาวไร้สติลอยตัวอยู่ภายในม่านอาคม"เหยาเหยา" นัยน์ตาคมเพ่งมองสตรีในม่านโปร่งแสงด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางเหลียวมองผู้ควบคุมร่างเล็กไว้ ประกายดวงตาสะท้อนเปลวเพลิงแฝงความโหดเหี้ยม แผ่กำจายความกดดันเสียจนบรรยากาศรอบด้านดูอึมครึม"เยี่ยนหมิง ท่านกำลังทำสิ่งใด ตัดใจได้หรือไม่ ย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน ปล่อยนาง!มิใช่ว่าทั้งสองเผ่าได้ทำพันธะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เหตุใดวันนี้จึงตระบัดสัตย์!""อ่า...นั่นสินะ แต่ทว่า ผู้ผูกพันธะได้จากไปนานแล้วไม่ใช่หรือ""ซินอี๋คือน้องสาวของท่าน หรือว่าที่นางจากไปล้วนเป็นฝีมือท่าน!""นางร่างกายอ่อนแอเอง พี่ชายเช่นข้าจะทำร้ายน้องของตนได้อย่างไร อีกอย่างท่านไม่คิดบ้างหรือ สองฝั่งไม่ก้าวก่ายกันมาช้านาน น่าเบื่อยิ่งนัก ไม่สู้มารวมดินแดนให้เป็นหนึ่งน่าสนุกกว่าเป็นไหน ๆ" ภายใต้น้
"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อคืนนายท่าน นอนร่วมห้องกับคุณหนูเหยาเหยาเจ้าค่ะ ซ้ำยังให้บ่าวทุกคนเรียกนางว่านายหญิง""ห้ะ!! เจ้าว่าอย่างไรนะ" อวี่หนานตะเบ็งเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินเรื่องบอกเล่าจากบ่าวคนสนิท"คือว่า...""ไม่ต้องพูดแล้ว!" อวี่หนานกัดฟันกรอดพลันกระทืบเท้าเร้า ๆ นางกรีดร้องอาละวาดเสียจนข้าวของล้มระเนระนาด"คุณหนูใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ""ใจเย็นหรือ เจ้าเห็นหรือไม่ มันแย่งท่านพี่ไปจากข้าแล้ว เจี้ยนกั๋ว!""เจ้าคะ""ไป!""ไปไหนเจ้าคะ" เจี้ยนกั๋วกล่าวด้วยสีหน้างุนงง"พานางไปที่ที่ควรไปอย่างไรเล่า" ริมฝีปากสีชาดแสยะยิ้ม"ปวดหัวจัง"ลี่เหยาเหยาพยุงกายขึ้น ร่างกายตอนนี้รู้สึกร้าวระบมเสียเหลือเกิน ทว่าเมื่อฉุกนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาพลอยทำให้ใบหน้างามขึ้นสีชมพูระเรื่อลี่เหยาเหยายกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้า พลางกรีดร้องอยู่ในใจลี่เหยาเหยา นี่แกทำอะไรลงไป ใจง่ายเหลือเกิน เพียงประโยคหว่านล้อมไม่กี่คำก็โอนอ่อนผ่อนตามตาทึ่มนั่นเฉยเลย
เสียงฝีเท้าดังเชื่องช้าเป็นจังหวะ ลี่เหยาเหยานอนขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยจิตใจไหวระริก คืนนี้จอมมารบอกนางว่าจะเข้ามาพักผ่อน ดังนั้นห้องนี้สมควรคืนเจ้าของแล้วสินะ ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากเชิงเทียนที่ยังส่องสว่าง ลี่เหยาเหยาแสร้งหลับตา ทว่าลมหายใจของนางกลับไม่เป็นจังหวะเช่นคนนอนหลับเอาเสียเลยดูเหมือนผู้มาเยือนจะรู้ทันกลหมากกระดานนี้ของนาง เจ้าของร่างสูงยอบกายลง พลางเอ่ยขึ้น "เหตุใดลงไปนอนตรงนั้น ไม่เย็นหรือ""...""หึ!""..."เสียงหัวใจของนางดังตึกตักตามช่วงจังหวะการก้าวย่างของบุรุษ ลี่เหยาเหยายังแสร้งว่าตนหลับต่อไป จู่ ๆ ร่างของนางก็ลอยหวือขึ้น ดวงตากลมโตพลอยเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก"ทะ...ทำอะไรคะ""ชู่ว...พื้นมันเย็น อีกอย่างข้าบอกจะมาพักผ่อน หาได้ต้องให้เจ้าไปนอนที่อื่น""แต่ว่าชายหญิงไม่ควรนอนเตียงเดียวกัน"ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มขบขัน เสียงหัวเราะในลำคอดังลอดออกมาเสียจนคนตัวเล็กบนอ้อมแขนงุนงง"ท่านหัวเราะหมายความว่าเช่นไร" ลี่เหยาเหยาหน้างอ
"นายท่านคุณหนูเหยาเหยาขอเข้าพบขอรับ" เถียนชีเอ่ยฮวาเทียนจิ้งกำลังง่วนอยู่กับกองตำราล้นมือพลอยชะงักท่าทีลง ตั้งแต่ลี่เหยาเหยาฟื้นจากอาการป่วย เขาไม่ได้ออกไปพบหน้านางอีกเลย เพียงรอฟังการรายงานความเคลื่อนไหวจากเถียนหยาเท่านั้น"ให้นางเข้ามา"สตรีร่างบางสาวเท้าเข้ามาในหอตำราพร้อมถาดอาหารหอมกรุ่น ฮวาเทียนจิ้งแสร้งลดดวงตามองไปยังตำราดังเดิม ทว่าภายในใจของเขากลับเต้นดังโครมครามอย่างไม่รักดีเถียนหยาที่เดินขนาบข้างลี่เหยาเหยาพลันขยิบดวงตาให้เถียนชีหนึ่งหน พวกเขาจึงค้อมศีรษะและลอบเดินออกจากห้องอย่างแนบเนียน"เป็นอย่างไรแผนการของข้า ใช้ได้ผลหรือไม่เล่า" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ"ดีมาก ว่าแต่เจ้าโน้มน้าวคุณหนูเช่นไรเล่า" เถียนชีเอ่ยถามเมื่อนึกถึงวิธีการแล้ว เถียนหยาพลอยกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ก็เอาเถิด ถึงแม้เขาจะโดนแซ่โบยจนหลังขาดก็นับว่าทำเพื่อความสุขเจ้านายของตน"ข้าเล่าเรื่องนั้นให้นางฟัง" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนลง"หา...ปั๊ดโธ่ เจ้าบื