สตรีใบหน้าหวานสวมเครื่องแต่งกายของเจ้าสาว
แดนมาร กลิ่นกายหอมกรุ่นล่องลอยเข้ามาแตะโพรงจมูกผู้ที่นั่งเคร่งขรึมอยู่มุมห้อง เขาจึงแหงนเงยใบหน้าของตนขึ้นเชื่องช้า เพียงแวบเดียวที่ความรู้สึกภายในใจราวเต้นกระหน่ำ ทว่าครู่ถัดมาอาการเช่นนั้นพลันมลายหายไป ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาเบื้องหน้าเชื่องช้า ดวงตาดุดันเพ่งมองหญิงสาวด้วยความเกรี้ยวกราด"แต่งกายเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เจ้าคงไม่คิดว่า
ข้าจะรับเป็นชายาจริง ๆ ใช่หรือไม่" เสียงทุ้มกล่าวลอดไรฟัน ฝ่ามือกว้างคว้าหมับไปยังลำคอระหงลี่เหยาเหยากระอักไอออกมาเสียจนใบหน้าแดงก่ำ
ร่างบอบบางถูกอีกฝ่ายยกขึ้นเหนือพื้น หญิงสาวพยายามดีดแข้งดีดขาของตนเพื่อเอาตัวรอด สีหน้าของนางตอนนี้เริ่มไม่สู้ดีนัก ฝ่ามือน้อย ๆ ยกขึ้นตบตี ตะปบแกะให้อีกฝ่ายผ่อนปรนแรงลงราว ลูกแมวขาดอากาศหายใจ"ปะ...ปล่อยนะ"
ประมุขแดนมารเห็นว่าลี่เหยาเหยาเริ่มไม่ไหว
เขาจึงเหวี่ยงกายคนตัวเล็กในชุดเจ้าสาวลงบนเตียงนอน อย่างไม่สนใจไยดี พลางจ้องอีกฝ่ายเขม็ง "เจ้ากล้าดีอย่างไร จึงหยิบชุดนี้ขึ้นมาใส่""ฉัน...เอ่อ...ข้าเปล่านะ!"
ลี่เหยาเหยาพยายามควบคุมสติและการสนทนาเพื่อให้ชายแปลกหน้าผู้นี้เข้าใจตนมากที่สุด จากที่เธอได้พูดคุยกับคุณหนูอวี่หนานเมื่อสักครู่ นางบอกว่าพี่ชายของนางชอบสตรีนอบน้อม ซ้ำยังชอบผู้ที่กลิ่นกายหอม แต่งตัวงดงาม นางจึงหยิบชุดนี้ให้กับตน คาดไม่ถึงลี่เหยาเหยาเดินเข้ามายังไม่ทันได้ปริปากกล่าวสิ่งใดด้วยซ้ำกลับถูกอีกฝ่ายต่อว่า ทั้งยังทำร้ายร่างกายเสียจนหน้าชา คุณหนูอวี่หนานผู้นี้ไว้ใจไม่ได้เสียจริง
"เปล่าหรือ เจ้าจงใจยั่วยุข้าใช่หรือไม่ ข้าให้เจ้าเดินร่อน
ไปมาใช่ว่าข้าจะใจดีด้วย ถอดออก!""ห้ะ! นายจะบ้าเหรอ" ลี่เหยาเหยาตื่นตกใจเบิกดวงตากว้าง ฝ่ามือทั้งสองยกขึ้นป้องเรือนร่างของตนด้วยความหวาดหวั่น
หมอนี่จะทำมิดีมิร้ายเราอย่างนั้นเหรอ พ่อคะแม่คะช่วยเหยาเหยาด้วย
นัยน์ตาคู่งามสั่นระริก ลี่เหยาเหยาพยายามรวบรวมสติและหาทางออก ทว่าอีกฝ่ายช่างดูน่าเกรงกลัวเสียจนต้องเบือนหน้าหนี ลี่เหยาเหยากลืนน้ำลายลงคอดังอึก อยู่ ๆ ร่างที่นั่ง
สั่นเทาอยู่บนเตียงนอนพลันลอยหวือเข้าไปในฝ่ามือแกร่ง"ข้าบอกให้เจ้าถอดออก หรืออยากให้ข้าเป็นฝ่ายถอดให้เจ้า!" ในดวงตาคมเข้มคล้ายมีเปลวไฟลุกโชนบ่งบอกว่าชายหนุ่มเริ่มขุ่นมัวแล้ว
"...อื้อ ถอดค่ะถอด"
ลี่เหยาเหยาพยายามเปล่งเสียงทั้งที่ลำคอของเธอยังคงถูกบีบรัดอยู่เช่นนั้น เมื่อชายหนุ่มได้ยินลี่เหยาเหยาตกปากรับคำ เขาจึงคลายฝ่ามือออกเชื่องช้า ร่างของสตรีทรุดฮวบลงทันใด
คนเผด็จการ ป่าเถื่อน
ช่างเถอะเหยาเหยา ถึงชุดด้านในมันจะบางไปหน่อย แต่ก็คงไม่น่าเกลียดจนเกินไป
ลี่เหยาเหยาพยายามหยัดกายยืนขึ้น คนร่างสูงหาได้
ถอยห่างออกไป เขายังจับจ้องทุกอิริยาบถของนางเขม็ง"นี่นาย!"
"นาย?" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
"เอ่อ...นี่นายท่าน ช่วยหันหลังหน่อยได้ไหม ยืนจ้องแบบนี้ข้าไม่กล้าถอด"
"มากเรื่อง หากเจ้าไม่กล้า ข้าจะถอดให้เจ้าเอง"
ฝ่ามือกว้างยื่นมาเบื้องหน้าอย่างนึกรำคาญ ลี่เหยาเหยาตื่นตกใจ ไม่คิดว่าบุรุษผู้นี้จะเอาจริง เธอจึงรีบควานหาที่ปลดเข็มขัดทองออกจากเอวคอดด้วยท่าทีละล้าละลัง
"ไม่ต้อง ไม่ต้อง ข้าถอดเองก็ได้"
ลี่เหยาเหยาถอดชุดคลุมเนื้อดี สีดำแถบแดงแซมด้วยเครื่องประดับทอง โยนลงไปบนที่นอนเบื้องหลัง ยามนี้บนกายของหญิงสาวมีเพียงอาภรณ์สีขาวบางปกปิดเรือนร่างเอาไว้เท่านั้น
"พอใจหรือยัง!" ลี่เหยาเหยากล่าวหน้าคว่ำ
"..."
ไม่มีเสียงตอบรับจากบุรุษตรงหน้า ทว่านัยน์ตาคม
กลับมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พลันขว้างบางอย่างลงบนที่นอน ลี่เหยาเหยาจึงเหลียวหน้ามองตามด้วยความงุนงง"อะไร"
"..."
ฝ่ามือเรียวเอื้อมคว้าสิ่งนั้นขึ้นมา เมื่อเธอลองดึงด้าม
เล็ก ๆ ออกจากฝัก ลี่เหยาเหยาพลันทำตาโตด้วยความหวาดเกรง"นะ...นี่ท่านจะฆ่าข้าหรือ"
"เหลวไหล แต่หากช้ากว่านี้ ข้าจะฆ่าเจ้าจริง ๆ แน่"
"แล้วที่โยนมาหมายความว่าอย่างไร"
"กรีดโลหิตเจ้าออกมา แล้วจากนั้นก็ไสหัวออกไปซะ"
"ห้ะ...เพื่อ!" ลี่เหยาเหยาทำหน้างุนงง
"กล่าวมากความ จะให้ข้าทำให้หรือเจ้าจะจัดการตัวเอง เพียงกรีดลงบนข้อมือของเจ้าแล้วเค้นโลหิตให้เต็มถ้วยใบนี้เป็นพอ อย่าทำให้ข้าหมดความอดทน"
ลี่เหยาเหยาพยายามควบคุมสติ เหตุใดตนจึงต้องมาทำเรื่องเช่นนี้ การกรีดเลือดออกจากกายนั่นช่างน่ากลัวยิ่งนัก หยาดเหงื่อเม็ดละเอียดผุดพรายขึ้นบนกรอบหน้างาม ฝ่ามือซึ่งถือของ
มีคมเอาไว้สั่นระริก ลี่เหยาเหยาจรดปลายแหลมคมลงบนท้องแขนเชื่องช้า นางพ่นลมหายใจออกมาเพื่อระงับความหวาดหวั่นเอาน่าเหยาเหยา แค่นี้ไม่ตายหรอกกรีดเบา ๆ
"เอ่อ...ข้าขอถามท่านก่อนได้หรือไม่"
"เจ้านี่ช่างข้อต่อรองมากมายเสียจริง" ชายหนุ่มกล่าวอย่างนึกรำคาญ
"ท่านมีนามว่าอะไรหรือ" ลี่เหยาเหยาพยายามประวิงเวลา อย่างน้อย ๆ ก็ยืดความเจ็บปวดที่กำลังจะมีถึงได้ชั่วคราว
"รู้ไปเจ้าจะได้ประโยชน์อันใด นามของข้าไม่เคยมีผู้ใดกล่าวถึงมานานมากแล้ว"
"ก็...ข้ามาอยู่กับท่านเกือบหนึ่งวันแล้วนี่นา ขอถามชื่อแซ่ไม่ได้หรืออย่างไร อย่างน้อย ๆ รู้ชื่อกันไว้ก็หาได้เสียหาย"
ชายหนุ่มหรี่ดวงตาลงด้วยความคลางแคลง "เจ้าคงไม่ได้กำลังคิดทำสิ่งใดอยู่กระมัง"
"ข้าเปล่า" ลี่เหยาเหยาส่งยิ้มเหือดแห้ง แต่เมื่อนึกว่า
การถามชื่อผู้อื่นโดยไม่บอกชื่อตัวเองก่อนช่างดูเสียมารยาทอยู่ ไม่น้อย นางจึงโพล่งออกมาอีกหน "ข้าชื่อลี่เหยาเหยา""ข้ารู้แล้ว" ชายหนุ่มตอบหน้าตาย
"อะ...อ้าว รู้ได้ไง เป็นสตอล์กเกอร์เหรอ" ลี่เหยาเหยากะพริบดวงตาถี่
"สะ...สะ อะไรของเจ้า พูดจาไม่รู้ความ น่ารำคาญยิ่งนัก" จอมมารพ่นลมหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เขาไม่เคยสนทนากับเจ้าสาวบรรณาการคนใดมาก่อน นี่ช่างดูเป็นเรื่องแปลกใหม่และน่าหงุดหงิดของตนยิ่งนัก เขาจึงตอบหญิงสาวกลับเพื่อตัดรำคาญ
"ฮวาเทียนจิ้ง"
"อะ...อ้อ นายท่านฮวา ข้าว่า...ท่านพอมีวิธีอื่นหรือไม่คะ...เอ๊ย...เจ้าคะ" ลี่เหยาเหยาส่งยิ้มฝืดเฝื่อน
ภาษาอะไรยากเย็นแสนเข็ญ
"วิธีใด?"
"คือว่า ข้า ข้า กลัวมีด หากกรีดลงไปต้องเจ็บมากแน่ ๆ ว่าแต่ท่านจะเอาเลือดไปทำอะไรเหรอ บริจาคโลหิตทำนองนี้หรือเปล่าเจ้าคะ"
ความอดทนของฮวาเทียนจิ้งขาดผึง เหตุใดสตรีนางนี้จึงกล่าวมากความ วาจาราวหญิงวิปลาส ซ้ำยังดูไม่เกรงกลัวเขาเช่นหญิงอื่น ๆ ที่ถูกส่งเข้ามา ร่างสูงสาวเท้าไปเบื้องหน้า คว้าร่างหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอด
"อ๊ะ...ไร้มารยาท ท่านกำลังทำอะไร"
"วิธีอื่นอย่างไรเล่า การที่เจ้ากล้าต่อว่าสามีไร้มารยาทดูจะขัดแย้งไปเสียหน่อย ถึงข้าไม่อยากยอมรับการเป็นเจ้าสาวบรรณาการของเจ้าก็ตาม"
"แต่..."
ลี่เหยาเหยาแหงนเงยใบหน้ามองคนตัวสูงที่กอดรัดเอวของนางไว้แน่น ทว่ายังไม่ทันจบประโยค เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพลันโน้มลง และฝังเขี้ยวแหลมคมบนลำคอขาวผ่องโดยไม่ทันตั้งตัว
ลี่เหยาเหยาสะดุ้งเฮือก พลางดิ้นรนขลุกขลัก กริชเล่มเล็กในมือร่วงลงสู่พื้น
เคร้ง!!
ดวงตากลมเบิกค้าง ใบหน้างามเหยเกด้วยความเจ็บปวด โลหิตในกายของนางกำลังถูกสูบออกไปเรื่อย ๆ ดั่งสายธารากำลังหลั่งริน
อึ้ก!
"อื้อ...จะเจ็บ"
เนิ่นนานเท่าใดไม่รู้ที่ริมฝีปากอุ่นร้อนและเขี้ยวแหลมคมฝังลงบนลำคอของลี่เหยาเหยา ดวงตากลมเริ่มปริ่มปรือลงเชื่องช้า
ไม่ไหวแล้ว
กายนุ่มนิ่มอ่อนปวกเปียกภายใต้อ้อมแขนแกร่ง
ฮวาเทียนจิ้งจึงปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ ลี่เหยาเหยาทรุดฮวบ ราชามารจึงรวบกายบอบบางนั้นขึ้น พลางสาวเท้าไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าว ฮวาเทียนจิ้งวางร่างสตรีลงบนที่นอนหนานุ่มส่ง ๆ ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดบริเวณริมฝีปากของตนโดยไม่แยแส พลันหมุนกายไปทางเบื้องหน้าธรณีทางเข้า"เถียนหยา หลังจากนางฟื้นแล้ว เจ้าก็พาตัวนางออกไป"
"ขอรับนายท่าน"
นับจากวันที่พันธผูกจิตสลายไป โลหิตในกายของลี่เหยาเหยาก็แปรผัน จากเดิมที่นางเป็นมนุษย์ยามนี้ได้เปลี่ยนเป็นเผ่ามารเต็มตัว ซ้ำตอนนี้ลี่เหยาเหยายังตั้งครรภ์จอมมารน้อยอยู่ในท้อง ทว่าการตั้งครรภ์ช่างยืดเยื้อยาวนาน เพราะทารกในกายของนางไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไปในแต่ละวันเถียนชีและเถียนหยาต้องวิ่งวุ่นปวดหัวกับนายหญิงอยู่ไม่น้อย เดี๋ยวอยากกินโน้นกินนี่ไปเรื่อย และสิ่งที่ลี่เหยาเหยาต้องการแต่ละอย่างล้วนเป็นอาหารหน้าตาประหลาดทั้งสิ้น"ท่านพี่ ข้าอยากกินหม้อไฟเจ้าค่ะ""เจ้าว่าอย่างไรนะ ชะ...ชาอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าบูที่ว่าหน้าตาเฉกเช่นชาที่ดื่มหรือไม่" จอมมารขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิด"หม้อไฟ ไม่เหมือนกันกับน้ำชาเจ้าค่ะ" ลี่เหยาเหยาส่ายศีรษะไปมา"แล้วมันเป็นอย่างไรเล่า"ลี่เหยาเหยาคลี่ยิ้ม พลันเหลียวหน้ามองไปยังเถียนชีและเถียนหยา ทั้งสองสะดุ้งโหยงพลางระบายรอยยิ้มแหย ดูเหมือนนายหญิงของพวกเขากำลังจะทำเรื่องให้มังกรทั้งสองปวดหัวอีกเสียแล้ว"เถียนหยาท่านมานี่" ลี่เหยาเหยากวักมือเรียก"ขะ…ขอรับ" เถียนหยาเ
ทั้งเมืองมารล้วนถูกควบรวมเป็นดินแดนเดียวกัน เมื่อหลายพันปีก่อนสองเผ่าได้ร่วมผูกพันธสัญญาสงบศึก ทว่าจอมมารวิหคเงินเยี่ยนหมิงกลับคิดคดต้องการก่อกบฏยึดครองสองเผ่า เมื่อผู้เป็นนายพ่ายศึก เผ่าวิหคเงินจึงล่มสลาย และแปรพักตร์มาเป็นเผ่ามารวิหคทองลี่เหยาเหยานอนหมดสติมาหลายเดือน ในดินแดนวิหคทองจึงมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมาก สวนบุปผาที่นางชอบเที่ยวเล่น ฮวาเทียนจิ้งได้ทำการขุดลอกให้มีธารน้ำตกและสระน้ำเพื่อบ่มเพาะเหลียนฮวา[1]วิเศษ เขาแทบลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง บางคราจอมมารผู้ดูดุดันแทบไม่เหมาะกับสิ่งสวยงามเหล่านี้กลับยืนทอดมองสวนบุปผาทุกเช้าค่ำ"นายท่าน นายท่านขอรับ"ฮวาเทียนจิ้งเหลียวกายกลับ "ว่าอย่างไรเถียนหยา วิ่งหน้าตื่นมาเชียว""นายหญิงฟื้นแล้วขอรับ แต่ว่ายามนี้นายหญิงนาง...""จริงรึ!" ฮวาเทียนจิ้งดีใจแทบไม่อาจเก็บอาการ เนิ่นนานเหลือเกินที่เขาไม่ได้ยิ้มมันออกมา จอมมารหายวับออกจากสวนบุปผาด้วยความรวดเร็ว"อะ...อ้าว นายท่านไยเร่งร้อนนักเล่า" เถียนหยางุนงง เขากล่าวยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ
"ฮวาเทียนจิ้ง ดูเหมือนนางจะมีความสำคัญกับท่านจริง ๆ สินะ ไม่พบกันหลายพันปีท่านตัดใจจากซินอี๋ได้แล้วหรือ" บุรุษร่างสูงสวมหน้ากากปีกนกสีเงินลอยเคว้งกลางอากาศระหว่างเส้นแบ่งเขตแดนของเมืองมารทั้งสองฝั่ง ขนาบกายของเขายังมีร่างหญิงสาวไร้สติลอยตัวอยู่ภายในม่านอาคม"เหยาเหยา" นัยน์ตาคมเพ่งมองสตรีในม่านโปร่งแสงด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางเหลียวมองผู้ควบคุมร่างเล็กไว้ ประกายดวงตาสะท้อนเปลวเพลิงแฝงความโหดเหี้ยม แผ่กำจายความกดดันเสียจนบรรยากาศรอบด้านดูอึมครึม"เยี่ยนหมิง ท่านกำลังทำสิ่งใด ตัดใจได้หรือไม่ ย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน ปล่อยนาง!มิใช่ว่าทั้งสองเผ่าได้ทำพันธะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เหตุใดวันนี้จึงตระบัดสัตย์!""อ่า...นั่นสินะ แต่ทว่า ผู้ผูกพันธะได้จากไปนานแล้วไม่ใช่หรือ""ซินอี๋คือน้องสาวของท่าน หรือว่าที่นางจากไปล้วนเป็นฝีมือท่าน!""นางร่างกายอ่อนแอเอง พี่ชายเช่นข้าจะทำร้ายน้องของตนได้อย่างไร อีกอย่างท่านไม่คิดบ้างหรือ สองฝั่งไม่ก้าวก่ายกันมาช้านาน น่าเบื่อยิ่งนัก ไม่สู้มารวมดินแดนให้เป็นหนึ่งน่าสนุกกว่าเป็นไหน ๆ" ภายใต้น้
"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อคืนนายท่าน นอนร่วมห้องกับคุณหนูเหยาเหยาเจ้าค่ะ ซ้ำยังให้บ่าวทุกคนเรียกนางว่านายหญิง""ห้ะ!! เจ้าว่าอย่างไรนะ" อวี่หนานตะเบ็งเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินเรื่องบอกเล่าจากบ่าวคนสนิท"คือว่า...""ไม่ต้องพูดแล้ว!" อวี่หนานกัดฟันกรอดพลันกระทืบเท้าเร้า ๆ นางกรีดร้องอาละวาดเสียจนข้าวของล้มระเนระนาด"คุณหนูใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ""ใจเย็นหรือ เจ้าเห็นหรือไม่ มันแย่งท่านพี่ไปจากข้าแล้ว เจี้ยนกั๋ว!""เจ้าคะ""ไป!""ไปไหนเจ้าคะ" เจี้ยนกั๋วกล่าวด้วยสีหน้างุนงง"พานางไปที่ที่ควรไปอย่างไรเล่า" ริมฝีปากสีชาดแสยะยิ้ม"ปวดหัวจัง"ลี่เหยาเหยาพยุงกายขึ้น ร่างกายตอนนี้รู้สึกร้าวระบมเสียเหลือเกิน ทว่าเมื่อฉุกนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาพลอยทำให้ใบหน้างามขึ้นสีชมพูระเรื่อลี่เหยาเหยายกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้า พลางกรีดร้องอยู่ในใจลี่เหยาเหยา นี่แกทำอะไรลงไป ใจง่ายเหลือเกิน เพียงประโยคหว่านล้อมไม่กี่คำก็โอนอ่อนผ่อนตามตาทึ่มนั่นเฉยเลย
เสียงฝีเท้าดังเชื่องช้าเป็นจังหวะ ลี่เหยาเหยานอนขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยจิตใจไหวระริก คืนนี้จอมมารบอกนางว่าจะเข้ามาพักผ่อน ดังนั้นห้องนี้สมควรคืนเจ้าของแล้วสินะ ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากเชิงเทียนที่ยังส่องสว่าง ลี่เหยาเหยาแสร้งหลับตา ทว่าลมหายใจของนางกลับไม่เป็นจังหวะเช่นคนนอนหลับเอาเสียเลยดูเหมือนผู้มาเยือนจะรู้ทันกลหมากกระดานนี้ของนาง เจ้าของร่างสูงยอบกายลง พลางเอ่ยขึ้น "เหตุใดลงไปนอนตรงนั้น ไม่เย็นหรือ""...""หึ!""..."เสียงหัวใจของนางดังตึกตักตามช่วงจังหวะการก้าวย่างของบุรุษ ลี่เหยาเหยายังแสร้งว่าตนหลับต่อไป จู่ ๆ ร่างของนางก็ลอยหวือขึ้น ดวงตากลมโตพลอยเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก"ทะ...ทำอะไรคะ""ชู่ว...พื้นมันเย็น อีกอย่างข้าบอกจะมาพักผ่อน หาได้ต้องให้เจ้าไปนอนที่อื่น""แต่ว่าชายหญิงไม่ควรนอนเตียงเดียวกัน"ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มขบขัน เสียงหัวเราะในลำคอดังลอดออกมาเสียจนคนตัวเล็กบนอ้อมแขนงุนงง"ท่านหัวเราะหมายความว่าเช่นไร" ลี่เหยาเหยาหน้างอ
"นายท่านคุณหนูเหยาเหยาขอเข้าพบขอรับ" เถียนชีเอ่ยฮวาเทียนจิ้งกำลังง่วนอยู่กับกองตำราล้นมือพลอยชะงักท่าทีลง ตั้งแต่ลี่เหยาเหยาฟื้นจากอาการป่วย เขาไม่ได้ออกไปพบหน้านางอีกเลย เพียงรอฟังการรายงานความเคลื่อนไหวจากเถียนหยาเท่านั้น"ให้นางเข้ามา"สตรีร่างบางสาวเท้าเข้ามาในหอตำราพร้อมถาดอาหารหอมกรุ่น ฮวาเทียนจิ้งแสร้งลดดวงตามองไปยังตำราดังเดิม ทว่าภายในใจของเขากลับเต้นดังโครมครามอย่างไม่รักดีเถียนหยาที่เดินขนาบข้างลี่เหยาเหยาพลันขยิบดวงตาให้เถียนชีหนึ่งหน พวกเขาจึงค้อมศีรษะและลอบเดินออกจากห้องอย่างแนบเนียน"เป็นอย่างไรแผนการของข้า ใช้ได้ผลหรือไม่เล่า" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ"ดีมาก ว่าแต่เจ้าโน้มน้าวคุณหนูเช่นไรเล่า" เถียนชีเอ่ยถามเมื่อนึกถึงวิธีการแล้ว เถียนหยาพลอยกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ก็เอาเถิด ถึงแม้เขาจะโดนแซ่โบยจนหลังขาดก็นับว่าทำเพื่อความสุขเจ้านายของตน"ข้าเล่าเรื่องนั้นให้นางฟัง" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนลง"หา...ปั๊ดโธ่ เจ้าบื