สตรีใบหน้าหวานสวมเครื่องแต่งกายของเจ้าสาว
แดนมาร กลิ่นกายหอมกรุ่นล่องลอยเข้ามาแตะโพรงจมูกผู้ที่นั่งเคร่งขรึมอยู่มุมห้อง เขาจึงแหงนเงยใบหน้าของตนขึ้นเชื่องช้า เพียงแวบเดียวที่ความรู้สึกภายในใจราวเต้นกระหน่ำ ทว่าครู่ถัดมาอาการเช่นนั้นพลันมลายหายไป ร่างสูงสาวเท้าเข้ามาเบื้องหน้าเชื่องช้า ดวงตาดุดันเพ่งมองหญิงสาวด้วยความเกรี้ยวกราด"แต่งกายเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เจ้าคงไม่คิดว่า
ข้าจะรับเป็นชายาจริง ๆ ใช่หรือไม่" เสียงทุ้มกล่าวลอดไรฟัน ฝ่ามือกว้างคว้าหมับไปยังลำคอระหงลี่เหยาเหยากระอักไอออกมาเสียจนใบหน้าแดงก่ำ
ร่างบอบบางถูกอีกฝ่ายยกขึ้นเหนือพื้น หญิงสาวพยายามดีดแข้งดีดขาของตนเพื่อเอาตัวรอด สีหน้าของนางตอนนี้เริ่มไม่สู้ดีนัก ฝ่ามือน้อย ๆ ยกขึ้นตบตี ตะปบแกะให้อีกฝ่ายผ่อนปรนแรงลงราว ลูกแมวขาดอากาศหายใจ"ปะ...ปล่อยนะ"
ประมุขแดนมารเห็นว่าลี่เหยาเหยาเริ่มไม่ไหว
เขาจึงเหวี่ยงกายคนตัวเล็กในชุดเจ้าสาวลงบนเตียงนอน อย่างไม่สนใจไยดี พลางจ้องอีกฝ่ายเขม็ง "เจ้ากล้าดีอย่างไร จึงหยิบชุดนี้ขึ้นมาใส่""ฉัน...เอ่อ...ข้าเปล่านะ!"
ลี่เหยาเหยาพยายามควบคุมสติและการสนทนาเพื่อให้ชายแปลกหน้าผู้นี้เข้าใจตนมากที่สุด จากที่เธอได้พูดคุยกับคุณหนูอวี่หนานเมื่อสักครู่ นางบอกว่าพี่ชายของนางชอบสตรีนอบน้อม ซ้ำยังชอบผู้ที่กลิ่นกายหอม แต่งตัวงดงาม นางจึงหยิบชุดนี้ให้กับตน คาดไม่ถึงลี่เหยาเหยาเดินเข้ามายังไม่ทันได้ปริปากกล่าวสิ่งใดด้วยซ้ำกลับถูกอีกฝ่ายต่อว่า ทั้งยังทำร้ายร่างกายเสียจนหน้าชา คุณหนูอวี่หนานผู้นี้ไว้ใจไม่ได้เสียจริง
"เปล่าหรือ เจ้าจงใจยั่วยุข้าใช่หรือไม่ ข้าให้เจ้าเดินร่อน
ไปมาใช่ว่าข้าจะใจดีด้วย ถอดออก!""ห้ะ! นายจะบ้าเหรอ" ลี่เหยาเหยาตื่นตกใจเบิกดวงตากว้าง ฝ่ามือทั้งสองยกขึ้นป้องเรือนร่างของตนด้วยความหวาดหวั่น
หมอนี่จะทำมิดีมิร้ายเราอย่างนั้นเหรอ พ่อคะแม่คะช่วยเหยาเหยาด้วย
นัยน์ตาคู่งามสั่นระริก ลี่เหยาเหยาพยายามรวบรวมสติและหาทางออก ทว่าอีกฝ่ายช่างดูน่าเกรงกลัวเสียจนต้องเบือนหน้าหนี ลี่เหยาเหยากลืนน้ำลายลงคอดังอึก อยู่ ๆ ร่างที่นั่ง
สั่นเทาอยู่บนเตียงนอนพลันลอยหวือเข้าไปในฝ่ามือแกร่ง"ข้าบอกให้เจ้าถอดออก หรืออยากให้ข้าเป็นฝ่ายถอดให้เจ้า!" ในดวงตาคมเข้มคล้ายมีเปลวไฟลุกโชนบ่งบอกว่าชายหนุ่มเริ่มขุ่นมัวแล้ว
"...อื้อ ถอดค่ะถอด"
ลี่เหยาเหยาพยายามเปล่งเสียงทั้งที่ลำคอของเธอยังคงถูกบีบรัดอยู่เช่นนั้น เมื่อชายหนุ่มได้ยินลี่เหยาเหยาตกปากรับคำ เขาจึงคลายฝ่ามือออกเชื่องช้า ร่างของสตรีทรุดฮวบลงทันใด
คนเผด็จการ ป่าเถื่อน
ช่างเถอะเหยาเหยา ถึงชุดด้านในมันจะบางไปหน่อย แต่ก็คงไม่น่าเกลียดจนเกินไป
ลี่เหยาเหยาพยายามหยัดกายยืนขึ้น คนร่างสูงหาได้
ถอยห่างออกไป เขายังจับจ้องทุกอิริยาบถของนางเขม็ง"นี่นาย!"
"นาย?" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
"เอ่อ...นี่นายท่าน ช่วยหันหลังหน่อยได้ไหม ยืนจ้องแบบนี้ข้าไม่กล้าถอด"
"มากเรื่อง หากเจ้าไม่กล้า ข้าจะถอดให้เจ้าเอง"
ฝ่ามือกว้างยื่นมาเบื้องหน้าอย่างนึกรำคาญ ลี่เหยาเหยาตื่นตกใจ ไม่คิดว่าบุรุษผู้นี้จะเอาจริง เธอจึงรีบควานหาที่ปลดเข็มขัดทองออกจากเอวคอดด้วยท่าทีละล้าละลัง
"ไม่ต้อง ไม่ต้อง ข้าถอดเองก็ได้"
ลี่เหยาเหยาถอดชุดคลุมเนื้อดี สีดำแถบแดงแซมด้วยเครื่องประดับทอง โยนลงไปบนที่นอนเบื้องหลัง ยามนี้บนกายของหญิงสาวมีเพียงอาภรณ์สีขาวบางปกปิดเรือนร่างเอาไว้เท่านั้น
"พอใจหรือยัง!" ลี่เหยาเหยากล่าวหน้าคว่ำ
"..."
ไม่มีเสียงตอบรับจากบุรุษตรงหน้า ทว่านัยน์ตาคม
กลับมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พลันขว้างบางอย่างลงบนที่นอน ลี่เหยาเหยาจึงเหลียวหน้ามองตามด้วยความงุนงง"อะไร"
"..."
ฝ่ามือเรียวเอื้อมคว้าสิ่งนั้นขึ้นมา เมื่อเธอลองดึงด้าม
เล็ก ๆ ออกจากฝัก ลี่เหยาเหยาพลันทำตาโตด้วยความหวาดเกรง"นะ...นี่ท่านจะฆ่าข้าหรือ"
"เหลวไหล แต่หากช้ากว่านี้ ข้าจะฆ่าเจ้าจริง ๆ แน่"
"แล้วที่โยนมาหมายความว่าอย่างไร"
"กรีดโลหิตเจ้าออกมา แล้วจากนั้นก็ไสหัวออกไปซะ"
"ห้ะ...เพื่อ!" ลี่เหยาเหยาทำหน้างุนงง
"กล่าวมากความ จะให้ข้าทำให้หรือเจ้าจะจัดการตัวเอง เพียงกรีดลงบนข้อมือของเจ้าแล้วเค้นโลหิตให้เต็มถ้วยใบนี้เป็นพอ อย่าทำให้ข้าหมดความอดทน"
ลี่เหยาเหยาพยายามควบคุมสติ เหตุใดตนจึงต้องมาทำเรื่องเช่นนี้ การกรีดเลือดออกจากกายนั่นช่างน่ากลัวยิ่งนัก หยาดเหงื่อเม็ดละเอียดผุดพรายขึ้นบนกรอบหน้างาม ฝ่ามือซึ่งถือของ
มีคมเอาไว้สั่นระริก ลี่เหยาเหยาจรดปลายแหลมคมลงบนท้องแขนเชื่องช้า นางพ่นลมหายใจออกมาเพื่อระงับความหวาดหวั่นเอาน่าเหยาเหยา แค่นี้ไม่ตายหรอกกรีดเบา ๆ
"เอ่อ...ข้าขอถามท่านก่อนได้หรือไม่"
"เจ้านี่ช่างข้อต่อรองมากมายเสียจริง" ชายหนุ่มกล่าวอย่างนึกรำคาญ
"ท่านมีนามว่าอะไรหรือ" ลี่เหยาเหยาพยายามประวิงเวลา อย่างน้อย ๆ ก็ยืดความเจ็บปวดที่กำลังจะมีถึงได้ชั่วคราว
"รู้ไปเจ้าจะได้ประโยชน์อันใด นามของข้าไม่เคยมีผู้ใดกล่าวถึงมานานมากแล้ว"
"ก็...ข้ามาอยู่กับท่านเกือบหนึ่งวันแล้วนี่นา ขอถามชื่อแซ่ไม่ได้หรืออย่างไร อย่างน้อย ๆ รู้ชื่อกันไว้ก็หาได้เสียหาย"
ชายหนุ่มหรี่ดวงตาลงด้วยความคลางแคลง "เจ้าคงไม่ได้กำลังคิดทำสิ่งใดอยู่กระมัง"
"ข้าเปล่า" ลี่เหยาเหยาส่งยิ้มเหือดแห้ง แต่เมื่อนึกว่า
การถามชื่อผู้อื่นโดยไม่บอกชื่อตัวเองก่อนช่างดูเสียมารยาทอยู่ ไม่น้อย นางจึงโพล่งออกมาอีกหน "ข้าชื่อลี่เหยาเหยา""ข้ารู้แล้ว" ชายหนุ่มตอบหน้าตาย
"อะ...อ้าว รู้ได้ไง เป็นสตอล์กเกอร์เหรอ" ลี่เหยาเหยากะพริบดวงตาถี่
"สะ...สะ อะไรของเจ้า พูดจาไม่รู้ความ น่ารำคาญยิ่งนัก" จอมมารพ่นลมหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เขาไม่เคยสนทนากับเจ้าสาวบรรณาการคนใดมาก่อน นี่ช่างดูเป็นเรื่องแปลกใหม่และน่าหงุดหงิดของตนยิ่งนัก เขาจึงตอบหญิงสาวกลับเพื่อตัดรำคาญ
"ฮวาเทียนจิ้ง"
"อะ...อ้อ นายท่านฮวา ข้าว่า...ท่านพอมีวิธีอื่นหรือไม่คะ...เอ๊ย...เจ้าคะ" ลี่เหยาเหยาส่งยิ้มฝืดเฝื่อน
ภาษาอะไรยากเย็นแสนเข็ญ
"วิธีใด?"
"คือว่า ข้า ข้า กลัวมีด หากกรีดลงไปต้องเจ็บมากแน่ ๆ ว่าแต่ท่านจะเอาเลือดไปทำอะไรเหรอ บริจาคโลหิตทำนองนี้หรือเปล่าเจ้าคะ"
ความอดทนของฮวาเทียนจิ้งขาดผึง เหตุใดสตรีนางนี้จึงกล่าวมากความ วาจาราวหญิงวิปลาส ซ้ำยังดูไม่เกรงกลัวเขาเช่นหญิงอื่น ๆ ที่ถูกส่งเข้ามา ร่างสูงสาวเท้าไปเบื้องหน้า คว้าร่างหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอด
"อ๊ะ...ไร้มารยาท ท่านกำลังทำอะไร"
"วิธีอื่นอย่างไรเล่า การที่เจ้ากล้าต่อว่าสามีไร้มารยาทดูจะขัดแย้งไปเสียหน่อย ถึงข้าไม่อยากยอมรับการเป็นเจ้าสาวบรรณาการของเจ้าก็ตาม"
"แต่..."
ลี่เหยาเหยาแหงนเงยใบหน้ามองคนตัวสูงที่กอดรัดเอวของนางไว้แน่น ทว่ายังไม่ทันจบประโยค เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพลันโน้มลง และฝังเขี้ยวแหลมคมบนลำคอขาวผ่องโดยไม่ทันตั้งตัว
ลี่เหยาเหยาสะดุ้งเฮือก พลางดิ้นรนขลุกขลัก กริชเล่มเล็กในมือร่วงลงสู่พื้น
เคร้ง!!
ดวงตากลมเบิกค้าง ใบหน้างามเหยเกด้วยความเจ็บปวด โลหิตในกายของนางกำลังถูกสูบออกไปเรื่อย ๆ ดั่งสายธารากำลังหลั่งริน
อึ้ก!
"อื้อ...จะเจ็บ"
เนิ่นนานเท่าใดไม่รู้ที่ริมฝีปากอุ่นร้อนและเขี้ยวแหลมคมฝังลงบนลำคอของลี่เหยาเหยา ดวงตากลมเริ่มปริ่มปรือลงเชื่องช้า
ไม่ไหวแล้ว
กายนุ่มนิ่มอ่อนปวกเปียกภายใต้อ้อมแขนแกร่ง
ฮวาเทียนจิ้งจึงปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ ลี่เหยาเหยาทรุดฮวบ ราชามารจึงรวบกายบอบบางนั้นขึ้น พลางสาวเท้าไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าว ฮวาเทียนจิ้งวางร่างสตรีลงบนที่นอนหนานุ่มส่ง ๆ ชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดบริเวณริมฝีปากของตนโดยไม่แยแส พลันหมุนกายไปทางเบื้องหน้าธรณีทางเข้า"เถียนหยา หลังจากนางฟื้นแล้ว เจ้าก็พาตัวนางออกไป"
"ขอรับนายท่าน"
"เป็นเช่นไรเล่าเถียนชี นางอยู่ที่นี่นานกว่าสองชั่วยาม เจ้าแพ้แล้ว" เถียนหยาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มกริ่มนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดิมพันกับเถียนชีแล้วเป็นฝ่ายชนะ คาดไม่ถึงว่าสตรีนางนี้สามารถอยู่กับจอมมารฮวาเทียนจิ้งนานกว่าสตรีนางอื่น เดิมทีหากเจ้าสาวบรรณาการใดถูกส่งเข้ามา แทบไม่ถึงหนึ่งชั่วยามด้วยซ้ำพวกนางก็ถูกส่งตัวกลับ เถียนหยาเกรงว่าคุณหนูลี่เหยาเหยาผู้นี้คงมีสิ่งน่าสนใจไม่มากก็น้อยเป็นแน่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นว่าผู้เป็นนายเก็บสตรีนางใดไว้ข้างกายสักราย"แพ้ก็แพ้สิ เอาไปผลึกแก้วห้วงเวลาสามชิ้น"เถียนหยาเอื้อมมือเข้ารับของวิเศษจากสหายด้วยท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง "ขอบใจ"เถียนชี "นายท่านให้เจ้าเป็นฝ่ายส่งนาง อีกเดี๋ยวข้าจะตามนายท่านไปยังหอฝึกปราณ นางฟื้นแล้วก็เร่งพานางออกไปเล่า"เถียนหยา "ข้ารู้แล้วนา เดี๋ยวนี้เจ้าช่างขี้บ่นอย่างกับมารดาของข้า""ชิ เจ้ามารปากดี"เถียนชีจึงหมุนกายพลันหายวับออกจากหอนอนชั่วพริบตา"อื้อ...ปวดหัวจัง" เสียงเล็กเอ่ยกระท่อนกระแท่นดังเบาหวิว&n
"อ้าว เถียนชีนี่เจ้าจะไปที่ใดเล่า" เถียนหยาเพิ่งกลับมาถึงเห็นว่าเถียนชีเร่งร้อนเดินดุ่ม ๆ ออกจากหอฝึกปราณจึงเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง"มาก็ดี เจ้าเอาคุณหนูลี่เหยาเหยาคนนั้นไปส่งไว้ที่ใดกันเล่า""ข้าก็ส่งนางไว้ที่เดิมนั่นแหละ เจ้าจะโวยวายเพื่อสิ่งใด""นายท่านเผลอไปทำพันธผูกจิตกับนางตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ ยามนี้นางคงได้รับบาดเจ็บ รีบออกไปตามหานางเร็วเข้า!""ห้ะ!! มิน่าเล่า ปกติข้าไม่เคยเห็นนายท่านสัมผัสร่างกายผู้ใดเลย แต่เมื่อสักครู่ข้าเห็น เอ่อ..." เถียนหยากล่าวกระอักกระอ่วน"เห็นอะไรเล่า ไยมัวอมพะนำ" เถียนชีเอ่ยด้วยความหงุดหงิด"ก็รอยที่คอของนาง...""อย่างนี้นี่เอง แต่โดยปกติหากไม่มีอาคมร่วมด้วย หากเพียงแค่สัมผัสต้นคอเท่านั้นไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน คุณหนูผู้นี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันเล่า"บุรุษทั้งสองสนทนากันอย่างพะว้าพะวัง พลันหายวับออกจากคฤหาสน์วิหคทองด้วยความเร่งร้อนลี่เหยาเหยาถูกแบกขึ้นบ่า ภาพเบื้องหน้าของนางกลับด้านเสียจนน่าเวียนศีรษะ จาก
นัยน์ตาคู่งามเปิดปรือขึ้นท่ามกลางความสลัว ลี่เหยาเหยารู้สึกว่ากายของตนปวดหนึบไปเสียหมดที่ไหนนะ เราตายอีกรอบแล้วหรือเปล่า"ฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ"ลี่เหยาเหยาพยายามกวาดสายตามองไปยังต้นเสียงที่เอ่ยขึ้น นางกะพริบดวงตาถี่เอ๋...หมอนี่อีกแล้วเหรอ"ฟื้นแล้วก็ลุกขึ้นมา อย่ามัวนอนกินบ้านกินเมือง""นะ...น้ำ" เสียงเล็กพยายามร้องขอ ลี่เหยาเหยารู้สึกว่าตอนนี้ลำคอช่างแห้งผากเหลือเกินฮวาเทียนจิ้งจึงลุกขึ้น และหยิบป้านชาลายวิจิตรพลางรินน้ำชาอุ่น ๆ ลงไปอย่างไม่เร่งร้อน "ข้าจะถามเจ้าเพียงหนึ่งคำถาม"เอาอีกแล้ว เจอหน้าทีไรเป็นต้องมีเรื่องโน่นนี่ลี่เหยาเหยาเอื้อมมือเพื่อรับจอกน้ำชาด้วยอาการสั่นเทา เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่านางไร้เรี่ยวแรงเช่นนั้น จึงยอบกายลงเชื่องช้า และพยุงร่างของสตรีด้วยความจำใจ ถึงอย่างไรนางก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าสาวของเขา แม้จะแตะเนื้อต้องตัวกัน หรืออยู่ในห้องเพียงลำพังคงไม่เกิดความเสียหายใดแก่นางมากไปกว่านี้หรอกกระมัง
ลี่เหยาเหยาถูกนำตัวมาพบฮวาเทียนจิ้งยังหอฝึกปราณ นัยน์ตาคมกวาดมองร่างสตรีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า อาภรณ์ที่นางสวมใส่ช่างดูเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ซ้ำปลายนิ้วมือทั้งสิบกลับเต็มไปด้วยบาดแผล ท่อนแขนซึ่งโผล่พ้นใยผ้าล้วนปรากฏร่องรอยฟกช้ำเป็นจ้ำเต็มไปหมด มิน่าเล่าหลายวันมานี้ฮวาเทียนจิ้งรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวยิ่งนัก แท้จริงนางถูกข่มเหงถึงเพียงนี้ ทว่ากลับไม่ยอมปริปากหรือโต้กลับคนเหล่านั้นแม้แต่น้อยลี่เหยาเหยาไม่ได้กริ่งเกรงสายตาดุดันเบื้องหน้าเพียงรู้สึกวางท่าไม่ถูกก็เท่านั้นนางยืนตัวตรงแน่วพลางจ้องไปยังบัลลังก์ยกสูงท่วมหัวของตน บรรยากาศด้านในเริ่มแดดันอึดอัด"เถียนชี เถียนหยา พวกเจ้าออกไปก่อน""ขอรับ"องครักษ์ทั้งสองจึงหายวับจากไปในพริบตาพวกเขาดูจะประหลาดใจไม่น้อย คราก่อนเหตุสุดวิสัยจากที่นางได้รับบาดเจ็บยังพอเข้าใจได้ ทว่ามาหนนี้จอมมารต้องการพบหญิงสาวผู้หนึ่ง กลับให้นางเข้าพบในหอฝึกปราณ ซึ่งไม่เคยมีสตรีนางใดได้รับอนุญาตให้เข้าด้านในมาก่อน แม้กระทั่งคุณหนูอวี่หนาน ผู้เป็นน้องสาวบุญธรรมของฮวาเทียนจิ้งเองก็ตาม
ลี่เหยาเหยาไม่ได้กลับไปยังหอซักล้างแล้ว ฮวาเทียนจิ้งให้นางอาศัยอยู่ที่ห้องของตน และให้เถียนหยาคอยจับตาดูนางอยู่ไม่ห่าง จอมมารไม่ได้กลับห้องเลยตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาขลุกตัวอยู่ภายในหอตำราและหอฝึกปราณเท่านั้น ส่วนห้องนอนถูกยกให้ลี่เหยาเหยาไปโดยปริยายฮวาเทียนจิ้งพยายามค้นหาตำราที่สามารถถอนพันธผูกจิต แต่ดูเหมือนเขาค้นหาจนแทบหมดทุกเล่มกลับไม่พบวิธีแก้ไขแต่อย่างใด ผู้ใดมันช่างกล้าเล่นตุกติกกับเขาเช่นนี้กัน"นายท่านขอรับ เจอแล้วขอรับ" เถียนชีกล่าวสีหน้าตื่นเต้น"ขอข้าดูหน่อย"เถียนชีจึงยื่นตำราไปเบื้องหน้านายของตน พลางกล่าวว่า"ทว่าดูเหมือนสามารถสยบความเจ็บปวดจากอีกฝ่ายแต่ไม่อาจสยบความตายได้ หากวิธีตัดขาดเลยยังหาไม่พบขอรับ""อืม...ชั่วคราวก็ยังดี"ฮวาเทียนจิ้งกวาดสายตามองตัวอักษรทีละตัว "กำไลสยบสัมพันธ์อย่างนั้นหรือ"เถียนชีพยักหน้าหงึกหงัก "เช่นนั้นจะเริ่มเมื่อใดหรือขอรับ""เริ่มตอนนี้เลย""ฮือ…เถียนหยานายจะทำอะไร" ลี่เหยาเหยาวิ่งให้วุ่นไปทั่วท
กำไลหยกถูกสร้างขึ้นจนเรียบร้อยแล้ว ฮวาเทียนจิ้งจึงให้เถียนหยานำไปมอบแด่ลี่เหยาเหยา"คุณหนูขอรับ นายท่านฝากสิ่งนี้มาให้ขอรับ"ลี่เหยาเหยาแหงนมองกำไลข้อมือลายวิจิตรที่อีกฝ่ายยื่นให้ด้วยประกายตาลุกวาว ทว่ากลับแสร้งชักสีหน้ากลับเพื่อสงวนท่าที "เหตุใดเขาจึงให้ข้ากันเล่า นี่นายของท่านตบหัวแล้วลูบหลังเช่นนั้นหรือ""เอ่อ..." เถียนหยารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ไม่น้อย เขาได้รับคำสั่งห้ามบอกเรื่องนี้ให้นางรับทราบ เถียนหยาจึงเล่นไปตามน้ำ หากฮวาเทียนจิ้งรู้สิ่งที่เขากำลังจะกล่าว มีหวังได้ถูกลงโทษอย่างหนักเป็นแน่"เอ่อ...อะไรเล่า หากเหตุผลไม่เพียงพอ ข้าไม่รับ เอากลับไปคืนนายของท่านเสีย""นายท่านอยากขอโทษคุณหนูก็เพียงเท่านั้น หาได้คิดเป็นอื่น รบกวนคุณหนูรับไว้อย่าได้ทำให้ข้าต้องลำบากใจเลยขอรับ" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าซีดเผือดเถียนหยา หากนายท่านทราบแกตายแน่"จริงหรือ" ลี่เหยาเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจเถียนหยาพยักหน้าหงึกหงักสตรีได้ของสวยงามดีใจเพียงนี้เชียวหรือ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายปวดห
ลี่เหยาเหยาย่างกรายเข้าไปยังหอซักล้างนางกวาดสายตามองไปเบื้องหน้า สตรีเหล่านั้นต่างหลุบดวงตาลงแทบไม่กล้ามองตอบผู้มาเยือน เหตุเพราะเรื่องที่พวกนางได้ก่อเอาไว้นั้นช่างดูโหดร้ายนัก วันนี้ลี่เหยาเหยาจะเข้ามาแก้แค้นพวกนางหรือไม่ เท้าเรียวเข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าของสตรีร่างท้วม ผู้เป็นหัวหน้าหอซักล้าง หญิงผู้นั้นก้มศีรษะลง นางหวาดหวั่นจนต้องหลบดวงตาของลี่เหยาเหยา ความหวาดกลัวแทบจะทำให้นางกลายเป็นคนติดอ่าง"เอ่อ...คะ…คุณหนูมีสิ่งใดหรือเจ้าคะ" เหงื่อเย็นผุดซึมขึ้นบนฝ่ามืออวบอ้วนลี่เหยาเหยานึกสนุกอยากกลั่นแกล้งอีกฝ่ายดูเสียหน่อย จึงกล่าวออกมาเสียงดัง "คุณแม่บ้านคะ!..."ลี่เหยาเหยายังไม่ทันกล่าวประโยคถัดไป สตรีร่างท้วมพลันทรุดฮวบลง ขอโทษขอโพยนางเสียยกใหญ่ "ฮือ...คุณหนูเจ้าคะ อภัยให้ข้าด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ"เมื่อผู้เป็นหัวหน้าคร่ำครวญเช่นนั้น หญิงสาวผู้ร่วมขบวนการเมื่อคราก่อน จึงรวมใจกันทรุดกายลงโขกศีรษะบนพื้นให้จ้าละหวั่น"คุณหนูโปรดอภัยข้าน้อยด้วย"เสียงคร่ำครวญร้องดังระงม หลังจากวันที่จอมมารรับตัวของลี่เหยาเหยาไปจา
"อวี่หนานเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ฮือ...ท่านพี่ ข้าเห็นว่าพวกบ่าวหอซักล้างเหล่านั้นบอกว่า ลี่เหยาเหยาทำเครื่องประทินผิวมอบให้ แล้วผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม ข้าเพียงต้องการมีใบหน้างดงามให้ท่านเชยชม แต่พอตื่นมาอีกครา ใบหน้าข้าก็เป็นเช่นนี้แล้วเจ้าค่ะ" อวี่หนานกล่าวพลางร้องไห้โยเยราวเด็กถูกขัดใจฮวาเทียนจิ้งพยายามปลอบประโลมผู้เป็นน้องสาว พลางลูบศีรษะและโอบประคองเรือนร่างด้วยความแผ่วเบา ส่วนแขนเล็กเรียวก็กอดร่างกำยำของฮวาเทียนจิ้งเอาไว้อย่างเหนียวแน่นเถียนชีก้าวเข้ามาด้านใน พลางค้อมศีรษะเล็กน้อย "นายท่าน คุณหนูเหยาเหยามาแล้วขอรับ""ให้นางเข้ามา"ลี่เหยาเหยาสับฝีเท้าเดินรี่เข้ามาด้วยท่าทีตื่นตระหนก เดิมทีส่วนผสมของนางล้วนสกัดมาจากบุปผาธรรมชาติไร้พิษเจือปนอย่างแน่นอน แล้วคุณหนูอวี่หนานจะเกิดอาการแพ้ได้อย่างไร"ลี่เหยาเหยาเจ้ากำลังทำอะไร เจ้าเห็นข้าใจดีด้วยก็คิดเหิมเกริมไม่เกรงกลัวเช่นนั้นหรือ" ฮวาเทียนจิ้งมองลี่เหยาเหยาอย่างนึกคาดโทษ"ข้ายังไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ส่วนผสมที่ข้าปรุ
นับจากวันที่พันธผูกจิตสลายไป โลหิตในกายของลี่เหยาเหยาก็แปรผัน จากเดิมที่นางเป็นมนุษย์ยามนี้ได้เปลี่ยนเป็นเผ่ามารเต็มตัว ซ้ำตอนนี้ลี่เหยาเหยายังตั้งครรภ์จอมมารน้อยอยู่ในท้อง ทว่าการตั้งครรภ์ช่างยืดเยื้อยาวนาน เพราะทารกในกายของนางไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไปในแต่ละวันเถียนชีและเถียนหยาต้องวิ่งวุ่นปวดหัวกับนายหญิงอยู่ไม่น้อย เดี๋ยวอยากกินโน้นกินนี่ไปเรื่อย และสิ่งที่ลี่เหยาเหยาต้องการแต่ละอย่างล้วนเป็นอาหารหน้าตาประหลาดทั้งสิ้น"ท่านพี่ ข้าอยากกินหม้อไฟเจ้าค่ะ""เจ้าว่าอย่างไรนะ ชะ...ชาอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าบูที่ว่าหน้าตาเฉกเช่นชาที่ดื่มหรือไม่" จอมมารขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิด"หม้อไฟ ไม่เหมือนกันกับน้ำชาเจ้าค่ะ" ลี่เหยาเหยาส่ายศีรษะไปมา"แล้วมันเป็นอย่างไรเล่า"ลี่เหยาเหยาคลี่ยิ้ม พลันเหลียวหน้ามองไปยังเถียนชีและเถียนหยา ทั้งสองสะดุ้งโหยงพลางระบายรอยยิ้มแหย ดูเหมือนนายหญิงของพวกเขากำลังจะทำเรื่องให้มังกรทั้งสองปวดหัวอีกเสียแล้ว"เถียนหยาท่านมานี่" ลี่เหยาเหยากวักมือเรียก"ขะ…ขอรับ" เถียนหยาเ
ทั้งเมืองมารล้วนถูกควบรวมเป็นดินแดนเดียวกัน เมื่อหลายพันปีก่อนสองเผ่าได้ร่วมผูกพันธสัญญาสงบศึก ทว่าจอมมารวิหคเงินเยี่ยนหมิงกลับคิดคดต้องการก่อกบฏยึดครองสองเผ่า เมื่อผู้เป็นนายพ่ายศึก เผ่าวิหคเงินจึงล่มสลาย และแปรพักตร์มาเป็นเผ่ามารวิหคทองลี่เหยาเหยานอนหมดสติมาหลายเดือน ในดินแดนวิหคทองจึงมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมาก สวนบุปผาที่นางชอบเที่ยวเล่น ฮวาเทียนจิ้งได้ทำการขุดลอกให้มีธารน้ำตกและสระน้ำเพื่อบ่มเพาะเหลียนฮวา[1]วิเศษ เขาแทบลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง บางคราจอมมารผู้ดูดุดันแทบไม่เหมาะกับสิ่งสวยงามเหล่านี้กลับยืนทอดมองสวนบุปผาทุกเช้าค่ำ"นายท่าน นายท่านขอรับ"ฮวาเทียนจิ้งเหลียวกายกลับ "ว่าอย่างไรเถียนหยา วิ่งหน้าตื่นมาเชียว""นายหญิงฟื้นแล้วขอรับ แต่ว่ายามนี้นายหญิงนาง...""จริงรึ!" ฮวาเทียนจิ้งดีใจแทบไม่อาจเก็บอาการ เนิ่นนานเหลือเกินที่เขาไม่ได้ยิ้มมันออกมา จอมมารหายวับออกจากสวนบุปผาด้วยความรวดเร็ว"อะ...อ้าว นายท่านไยเร่งร้อนนักเล่า" เถียนหยางุนงง เขากล่าวยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ
"ฮวาเทียนจิ้ง ดูเหมือนนางจะมีความสำคัญกับท่านจริง ๆ สินะ ไม่พบกันหลายพันปีท่านตัดใจจากซินอี๋ได้แล้วหรือ" บุรุษร่างสูงสวมหน้ากากปีกนกสีเงินลอยเคว้งกลางอากาศระหว่างเส้นแบ่งเขตแดนของเมืองมารทั้งสองฝั่ง ขนาบกายของเขายังมีร่างหญิงสาวไร้สติลอยตัวอยู่ภายในม่านอาคม"เหยาเหยา" นัยน์ตาคมเพ่งมองสตรีในม่านโปร่งแสงด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางเหลียวมองผู้ควบคุมร่างเล็กไว้ ประกายดวงตาสะท้อนเปลวเพลิงแฝงความโหดเหี้ยม แผ่กำจายความกดดันเสียจนบรรยากาศรอบด้านดูอึมครึม"เยี่ยนหมิง ท่านกำลังทำสิ่งใด ตัดใจได้หรือไม่ ย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน ปล่อยนาง!มิใช่ว่าทั้งสองเผ่าได้ทำพันธะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เหตุใดวันนี้จึงตระบัดสัตย์!""อ่า...นั่นสินะ แต่ทว่า ผู้ผูกพันธะได้จากไปนานแล้วไม่ใช่หรือ""ซินอี๋คือน้องสาวของท่าน หรือว่าที่นางจากไปล้วนเป็นฝีมือท่าน!""นางร่างกายอ่อนแอเอง พี่ชายเช่นข้าจะทำร้ายน้องของตนได้อย่างไร อีกอย่างท่านไม่คิดบ้างหรือ สองฝั่งไม่ก้าวก่ายกันมาช้านาน น่าเบื่อยิ่งนัก ไม่สู้มารวมดินแดนให้เป็นหนึ่งน่าสนุกกว่าเป็นไหน ๆ" ภายใต้น้
"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อคืนนายท่าน นอนร่วมห้องกับคุณหนูเหยาเหยาเจ้าค่ะ ซ้ำยังให้บ่าวทุกคนเรียกนางว่านายหญิง""ห้ะ!! เจ้าว่าอย่างไรนะ" อวี่หนานตะเบ็งเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินเรื่องบอกเล่าจากบ่าวคนสนิท"คือว่า...""ไม่ต้องพูดแล้ว!" อวี่หนานกัดฟันกรอดพลันกระทืบเท้าเร้า ๆ นางกรีดร้องอาละวาดเสียจนข้าวของล้มระเนระนาด"คุณหนูใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ""ใจเย็นหรือ เจ้าเห็นหรือไม่ มันแย่งท่านพี่ไปจากข้าแล้ว เจี้ยนกั๋ว!""เจ้าคะ""ไป!""ไปไหนเจ้าคะ" เจี้ยนกั๋วกล่าวด้วยสีหน้างุนงง"พานางไปที่ที่ควรไปอย่างไรเล่า" ริมฝีปากสีชาดแสยะยิ้ม"ปวดหัวจัง"ลี่เหยาเหยาพยุงกายขึ้น ร่างกายตอนนี้รู้สึกร้าวระบมเสียเหลือเกิน ทว่าเมื่อฉุกนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาพลอยทำให้ใบหน้างามขึ้นสีชมพูระเรื่อลี่เหยาเหยายกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้า พลางกรีดร้องอยู่ในใจลี่เหยาเหยา นี่แกทำอะไรลงไป ใจง่ายเหลือเกิน เพียงประโยคหว่านล้อมไม่กี่คำก็โอนอ่อนผ่อนตามตาทึ่มนั่นเฉยเลย
เสียงฝีเท้าดังเชื่องช้าเป็นจังหวะ ลี่เหยาเหยานอนขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยจิตใจไหวระริก คืนนี้จอมมารบอกนางว่าจะเข้ามาพักผ่อน ดังนั้นห้องนี้สมควรคืนเจ้าของแล้วสินะ ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากเชิงเทียนที่ยังส่องสว่าง ลี่เหยาเหยาแสร้งหลับตา ทว่าลมหายใจของนางกลับไม่เป็นจังหวะเช่นคนนอนหลับเอาเสียเลยดูเหมือนผู้มาเยือนจะรู้ทันกลหมากกระดานนี้ของนาง เจ้าของร่างสูงยอบกายลง พลางเอ่ยขึ้น "เหตุใดลงไปนอนตรงนั้น ไม่เย็นหรือ""...""หึ!""..."เสียงหัวใจของนางดังตึกตักตามช่วงจังหวะการก้าวย่างของบุรุษ ลี่เหยาเหยายังแสร้งว่าตนหลับต่อไป จู่ ๆ ร่างของนางก็ลอยหวือขึ้น ดวงตากลมโตพลอยเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก"ทะ...ทำอะไรคะ""ชู่ว...พื้นมันเย็น อีกอย่างข้าบอกจะมาพักผ่อน หาได้ต้องให้เจ้าไปนอนที่อื่น""แต่ว่าชายหญิงไม่ควรนอนเตียงเดียวกัน"ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มขบขัน เสียงหัวเราะในลำคอดังลอดออกมาเสียจนคนตัวเล็กบนอ้อมแขนงุนงง"ท่านหัวเราะหมายความว่าเช่นไร" ลี่เหยาเหยาหน้างอ
"นายท่านคุณหนูเหยาเหยาขอเข้าพบขอรับ" เถียนชีเอ่ยฮวาเทียนจิ้งกำลังง่วนอยู่กับกองตำราล้นมือพลอยชะงักท่าทีลง ตั้งแต่ลี่เหยาเหยาฟื้นจากอาการป่วย เขาไม่ได้ออกไปพบหน้านางอีกเลย เพียงรอฟังการรายงานความเคลื่อนไหวจากเถียนหยาเท่านั้น"ให้นางเข้ามา"สตรีร่างบางสาวเท้าเข้ามาในหอตำราพร้อมถาดอาหารหอมกรุ่น ฮวาเทียนจิ้งแสร้งลดดวงตามองไปยังตำราดังเดิม ทว่าภายในใจของเขากลับเต้นดังโครมครามอย่างไม่รักดีเถียนหยาที่เดินขนาบข้างลี่เหยาเหยาพลันขยิบดวงตาให้เถียนชีหนึ่งหน พวกเขาจึงค้อมศีรษะและลอบเดินออกจากห้องอย่างแนบเนียน"เป็นอย่างไรแผนการของข้า ใช้ได้ผลหรือไม่เล่า" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ"ดีมาก ว่าแต่เจ้าโน้มน้าวคุณหนูเช่นไรเล่า" เถียนชีเอ่ยถามเมื่อนึกถึงวิธีการแล้ว เถียนหยาพลอยกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ก็เอาเถิด ถึงแม้เขาจะโดนแซ่โบยจนหลังขาดก็นับว่าทำเพื่อความสุขเจ้านายของตน"ข้าเล่าเรื่องนั้นให้นางฟัง" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนลง"หา...ปั๊ดโธ่ เจ้าบื
"คุณหนูดีขึ้นแล้วหรือขอรับ" เถียนหยาเอ่ยถาม เมื่อพบว่าลี่เหยาเหยาฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยไม่นานทว่านางกลับหาเรื่องให้ตนดูวุ่นวายโดยการร้อยโน่นถักนี่มือเป็นระวิงลี่เหยาเหยาแหงนเงยใบหน้าขึ้น พลางส่งยิ้มละไม "ข้าหายดีแล้ว ขอบใจนะเถียนหยา""เอ่อ...คุณหนูที่จริงแล้ว..." เถียนหยารู้สึกว่ามือของตนยามนี้ช่างเก้งก้างเหลือทน พลางเหลือบซ้ายแลขวา นัยน์ตามองออกไปทางธรณีประตูด้วยความระมัดระวัง"เป็นอะไรไปเล่า พูดจาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นั่น" ลี่เหยาเหยาขมวดคิ้วระบายรอยยิ้มเล็กน้อย"ที่จริงแล้ว…นายท่านดูแลคุณหนูด้วยตนเองทุกวันเลยนะขอรับ""หา..." ลี่เหยาเหยาละสายตาจากสิ่งที่ตนกำลังทำ พลางแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองเถียนหยาอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน จากสีหน้าตื่นตะลึงแปรผันเป็นยิ้มเยาะ "เหอะ! เขาคงเป็นห่วงตนเองมากกว่า กลัวข้าตายแล้วตัวเองก็จะตายด้วย""คุณหนูเข้าใจผิดแล้ว" เถียนหยาพยายามอธิบายแต่ดูเหมือนลี่เหยาเหยาไม่ยอมเปิดใจให้นายของตนเอาเสียเลยลี่เหยาเหยากลับไปสนใจงานในมือของนางเช่นเดิม ทว่าหูเล็ก ๆ นั่
เถียนหยาทอดถอนใจเสียงดัง "ข้าไม่เคยเห็นนายท่านเป็นเช่นนี้มาก่อน คุณหนูเหยาเหยาไม่ได้กระทำผิด"เถียนชีเอ่ยตอบ "ข้ารู้…และข้าคิดว่านายท่านเองก็รู้ ทว่านายท่านคงมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น เจ้าก็ทราบดีว่าคุณหนูอวี่หนานเอาแต่ใจเพียงใด หากนายท่านไม่ชิงลงมือก่อน นางคงตามรังควานคุณหนูเหยาเหยาไม่ลดราวาศอกแน่"องครักษ์ทั้งสองจึงเหลียวหน้ากลับ พิศมองภาพนอกหน้าต่างอีกหน ตามจริงนายของพวกเขาสามารถให้ใครคนใดคนหนึ่งเข้าไปรับตัวนางได้ ทว่าฮวาเทียนจิ้งกลับเลือกไปด้วยตนเอง เกรงว่าภายในใจของจอมมารได้เกิดความแปรผันใหญ่หลวงเสียแล้วดวงตาที่เคยสดใสปริ่มปรือลงเชื่องช้า ภาพเบื้องหน้าไม่ชัดเจนนัก เสียงใสกล่าวอู้อี้ ฝ่ามือทุบตีอกแกร่งไร้เรี่ยวแรง "ฮวาเทียนจิ้ง! จอมมารไร้หัวใจ ใจแคบ ข้าบอกว่าข้าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำอย่างไรเล่า เหตุใดไม่เชื่อข้า""ไม่ใช่ข้าไม่เชื่อเพียงแต่..."อยู่ ๆ คนตัวเล็กในอ้อมแขนพลันหมดสติลง ฮวาเทียนจิ้งช้อนร่างลี่เหยาเหยาไว้บนอ้อมแขน ฝ่ามือกว้างร่ายพลังเวทบางเบา ภาพเบื้องหน้าปรากฏหุ่นเชิดลี่เหยาเหยานั่งคุกเข่าขึ้นแทนที่ ฮวาเทียนจิ้งจึงโอบอุ้มผู้ไร้สติหายวับอ
"อวี่หนานเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล"ฮือ...ท่านพี่ ข้าเห็นว่าพวกบ่าวหอซักล้างเหล่านั้นบอกว่า ลี่เหยาเหยาทำเครื่องประทินผิวมอบให้ แล้วผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม ข้าเพียงต้องการมีใบหน้างดงามให้ท่านเชยชม แต่พอตื่นมาอีกครา ใบหน้าข้าก็เป็นเช่นนี้แล้วเจ้าค่ะ" อวี่หนานกล่าวพลางร้องไห้โยเยราวเด็กถูกขัดใจฮวาเทียนจิ้งพยายามปลอบประโลมผู้เป็นน้องสาว พลางลูบศีรษะและโอบประคองเรือนร่างด้วยความแผ่วเบา ส่วนแขนเล็กเรียวก็กอดร่างกำยำของฮวาเทียนจิ้งเอาไว้อย่างเหนียวแน่นเถียนชีก้าวเข้ามาด้านใน พลางค้อมศีรษะเล็กน้อย "นายท่าน คุณหนูเหยาเหยามาแล้วขอรับ""ให้นางเข้ามา"ลี่เหยาเหยาสับฝีเท้าเดินรี่เข้ามาด้วยท่าทีตื่นตระหนก เดิมทีส่วนผสมของนางล้วนสกัดมาจากบุปผาธรรมชาติไร้พิษเจือปนอย่างแน่นอน แล้วคุณหนูอวี่หนานจะเกิดอาการแพ้ได้อย่างไร"ลี่เหยาเหยาเจ้ากำลังทำอะไร เจ้าเห็นข้าใจดีด้วยก็คิดเหิมเกริมไม่เกรงกลัวเช่นนั้นหรือ" ฮวาเทียนจิ้งมองลี่เหยาเหยาอย่างนึกคาดโทษ"ข้ายังไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ส่วนผสมที่ข้าปรุ