"เป็นเช่นไรเล่าเถียนชี นางอยู่ที่นี่นานกว่าสองชั่วยาม เจ้าแพ้แล้ว" เถียนหยาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดิมพันกับเถียนชีแล้วเป็นฝ่ายชนะ คาดไม่ถึงว่าสตรีนางนี้สามารถอยู่กับจอมมารฮวาเทียนจิ้งนานกว่าสตรีนางอื่น เดิมทีหากเจ้าสาวบรรณาการใดถูกส่งเข้ามา แทบไม่ถึงหนึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ พวกนางก็ถูกส่งตัวกลับ เถียนหยาเกรงว่าคุณหนูลี่เหยาเหยาผู้นี้คงมีสิ่งน่าสนใจไม่มากก็น้อยเป็นแน่
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นว่าผู้เป็นนายเก็บสตรีนางใดไว้ข้างกายสักราย"แพ้ก็แพ้สิ เอาไปผลึกแก้วห้วงเวลาสามชิ้น"
เถียนหยาเอื้อมมือเข้ารับของวิเศษจากสหายด้วยท่าทีกระหยิ่มยิ้มย่อง "ขอบใจ"
เถียนชี "นายท่านให้เจ้าเป็นฝ่ายส่งนาง อีกเดี๋ยวข้าจะตามนายท่านไปยังหอฝึกปราณ นางฟื้นแล้วก็เร่งพานางออกไปเล่า"
เถียนหยา "ข้ารู้แล้วนา เดี๋ยวนี้เจ้าช่างขี้บ่นอย่างกับมารดาของข้า"
"ชิ เจ้ามารปากดี" เถียนชีจึงหมุนกายพลันหายวับออกจากหอนอนชั่วพริบตา
"อื้อ...ปวดหัวจัง" เสียงเล็กเอ่ยกระท่อนกระแท่นดังเบาหวิว
เถียนหยาที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้ามานานจึงสาวเท้าเข้ามาด้านใน "คุณหนูฟื้นแล้วหรือขอรับ"
ลี่เหยาเหยาพยายามปรับรูม่านตาของตนให้เป็นปกติ พลางกะพริบถี่ ๆ เพื่อขับไล่ม่านหมอกให้สามารถมองชัดยิ่งขึ้น "เจ้าเป็นใครอีกเล่า"
"ข้าคือองครักษ์มือซ้ายของท่านจอมมาร หากท่านฟื้นแล้วนายท่านให้ส่งคุณหนูกลับโดยเร็ว"
"เขาล่ะ"
"หมายถึงนายท่านหรือขอรับ"
"อืม..." ลี่เหยาเหยาพยักหน้าหงึกหงัก นางพยายามพยุงร่างของตนขึ้นอย่างทุลักทุเล
"นายท่านมีราชกิจล้นพ้น ไม่สะดวกส่งคุณหนูขอรับ"
"แล้วใครอยากให้เขาไปส่งกันเล่า คนเผด็จการ โอ๊ะ!" ลี่เหยาเหยาก่นด่าสาปแช่งด้วยสีหน้าหม่นทะมึน ทว่าบริเวณลำคอของนางกลับเกิดอาการเจ็บหน่วงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ฝ่ามือนุ่มจึงเอื้อมสัมผัสช่วงลำคอที่ยังทิ้งร่องรอยเขี้ยวแหลมคมเอาไว้
เถียนหยามองการกระทำของลี่เหยาเหยาตาปริบ ๆ เขาสังเกตเห็นรอยแดงบนต้นคอเด่นชัด และพบว่าร่างของสตรีสวมเพียงอาภรณ์ผืนบางปกปิดเอาไว้เท่านั้น ใบหน้าชายหนุ่มจึงรู้สึกร้อนซ่านขึ้นทันควัน เมื่อฉุกนึกได้เช่นนั้นเถียนหยาจึงเร่งหันหลังให้กับหญิงสาวเป็นพัลวัน
"อะ...แฮ่ม คุณหนูหากท่านแต่งกายเรียบร้อยแล้วก็ตามข้าออกมานะขอรับ ข้าจะไปส่ง"
ลี่เหยาเหยามองท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของบุรุษเบื้องหน้าด้วยความฉงน ใบหน้างามเหยเกจากอาการเจ็บแปลบ
"เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะ"
เถียนหยาจึงสาวเท้าเดินออกไปเบื้องหน้า คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยอย่างงุนงง ร่องรอยบนลำคอเช่นนั้น ไม่คิดว่านายของเขาจะกล้าลงมือด้วยตนเองจริง ๆ เดิมทีจอมมารแทบไม่แตะต้องเรือนร่างของสตรีนางใดด้วยซ้ำ
"เรียบร้อยแล้ว"
ลี่เหยาเหยามาหยุดยืนเบื้องหลังของเถียนหยาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ พลางค้อมศีรษะให้อีกฝ่ายเล็กน้อย แม้จะเรียกว่าสตรีที่เข้ามาคือเจ้าสาวบรรณาการ หากแต่การเป็นเจ้าสาวจึงต้องนับว่าไม่ต่างจากการแต่งงานและร่วมเป็นภรรยาของท่านจอมมาร เพียงแต่สตรีทุกนางยังไม่เคยถูกแตะต้อง เว้นเพียงการกรีดโลหิตของตนเพื่อส่งมอบให้แก่ฮวาเทียนจิ้งก็เพียงเท่านั้น หลังจากเรียบร้อยแล้ว จอมมารจะให้เถียนหยา หรือไม่ก็เถียนชี เป็นฝ่ายส่งพวกนางเหล่านั้นกลับไปยังถิ่นที่ตนจากมา
ทว่าหลายปีมานี้เถียนหยาได้ยินเรื่องราวหนาหู แต่เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ใส่ใจความเป็นมาของสตรีเหล่านั้น นัก จึงไม่รู้ความกระจ่างชัดว่าแท้จริงแล้วพวกนางไปถึงบ้านของตนหรือไม่ ทุกคนล้วนร่ำลือว่านายของเขาช่างมีจิตอำมหิต หญิงสาวทุกรายที่ถูกส่งเข้ามายังหุบเขาลึกลับของจอมมารวิหคทองล้วนถูกฆ่าตายทั้งหมด ทั้งที่ตนและเถียนชีมาส่งหญิงสาวออกไปทุกครา ที่น่าแปลกกว่านั้น ฮวาเทียนจิ้งกลับไม่เคยเดือดเนื้อร้อนใจต่อคำครหา เพียงปล่อยให้ข่าวโคมลอยดังกระฉ่อนไปทั่วโดยไม่คิดแยแสหรือแก้ต่างแต่อย่างใด
เถียนหยาส่งลี่เหยาเหยาไว้บริเวณท้ายหุบเขาเช่นที่เคยทำ แล้วจึงกล่าวลา หนทางข้างนอกล้วนต้องเป็นนางที่บากบั่นไปด้วยตนเองแล้ว เขาไม่สะดวกย่างกรายออกจากหุบเขาลึกลับ เพราะอาจเผลอข้ามแดนไปรบกวนจอมมารวิหคเงินเอาได้ พวกเขาทั้งสองเผ่าล้วนไม่มีความบาดหมางให้ต้องรบรากันมาเนิ่นนานแล้วหากไม่มีฝ่ายใดล้ำเส้น ซ้ำยังร่วมทำพันธสัญญาสงบสงครามนับหลายพันปี
"เดี๋ยว!" ลี่เหยาเหยาร้องทัดทานขึ้น เมื่อเห็นว่าเถียนหยาตั้งท่าจากตนไป
"คุณหนูมีสิ่งใดหรือขอรับ" เถียนหยาหมุนกายกลับ พลันเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง
ปกติแล้วหากเขามาส่งสตรีเหล่านั้น ล้วนวิ่งหนีตนให้จ้าละหวั่น รีบถอยห่างจากเขาเสียจนหัวซุกหัวซุน สตรีนางนี้แปลกโดยแท้ นอกจากจะไม่หวั่นเกรง ยังกล้าเอ่ยรั้งตนเอาไว้เสียด้วย
"คือว่า...ฉัน เอ่อ...ข้าไม่มีบ้านให้กลับ"
"ไม่มีบ้านให้กลับหรือ" เถียนหยาเลิกคิ้ว
"อือ อือ" ลี่เหยาเหยาพยักหน้าหงึกหงัก
หลังจากนางได้ออกมาจากคฤหาสน์จอมมาร นั่นจึงทำให้ลี่เหยาเหยานั้นเข้าใจถึงสถานการณ์อย่างแจ่มชัด เธอได้หลุดเข้ามายังโลกอีกใบโดยไม่ทันรู้ตัว ร่างที่เธอเข้ามาอยู่ก็ไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หรืออาจเป็นสตรีนางใดที่ตายไปแล้วยังโลกใบนี้หรือไม่ ลี่เหยาเหยาทราบเพียงยามนี้ความกลัวเริ่มกัดกร่อนจิตใจของนางแล้ว มองไปทางใดก็พบแต่ผืนป่า อย่างน้อย ๆ ชายผู้นี้ควรไปส่งตนให้ถึงหมู่บ้าน หรือพื้นที่ที่มีผู้คนสักแห่งหรือไม่
"คุณหนูข้าต้องขออภัย ข้าส่งท่านได้เพียงเท่านี้ เส้นทางข้างหน้าต้องลำบากท่านแล้ว เช่นนั้นเห็นแก่ท่านช่างดูแตกต่างและน่าเวทนายิ่ง ท่านรับสิ่งนี้ไปเถิด"
เถียนหยายื่นของประหลาดบางสิ่งให้แก่นาง ลี่เหยาเหยาเพ่งมองของสิ่งนั้นด้วยความฉงน "นี่คืออะไรหรือ"
"นี่คือปีกวิหคทอง หากท่านพบเจอกับอันตรายก็ใช้สิ่งนี้ขับไล่เสีย ข้าคงช่วยท่านได้เพียงเท่านี้จริง ๆ"
กล่าวจบเถียนหยาจึงหายวับจากไปโดยไม่ทันให้อีกฝ่ายเอ่ยถามสิ่งใดอีก
"อะ...อ้าว ไปแล้วเหรอ" ลี่เหยาเหยาเศร้าสลดลง พลางเหลียวมองซ้ายขวา
"ที่นี่มีแต่ป่า แล้วจะออกไปยังไง น่ากลัวชะมัด ฮวาเทียนจิ้งคนใจแคบ" ลี่เหยาเหยาต่อว่าอีกฝ่ายกระปอดกระแปด แล้วจึงตัดสินใจมุ่งหน้าเดินไปทางทิศตะวันออก ถึงอย่างไรการเดินป่าที่ดีที่สุดก็ควรเดินไปในทางทิศนี้ เพื่อป้องกันการหลงทาง
เดินมาได้สักระยะลี่เหยาเหยารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง ในป่าช่างเงียบสงัดและน่าหวาดหวั่น
"ฮือ จะใช่ผีป่าหรือเปล่าเนี่ย"
ลี่เหยาเหยาพยายามรวบรวมสติ ภายในมือกำปีกวิหคทองของเถียนหยาเอาไว้แน่น เมื่อนางรู้สึกคล้ายมีสายตาจับจ้องมาที่ตน แม้ไม่ทราบวิธีใช้งานที่แท้จริงก็ตาม
อยู่ ๆ กลับมีชายฉกรรจ์ราวห้าคนวิ่งกรูเข้ามาปิดล้อมลี่เหยาเหยาเอาไว้ เท้าเรียวชะงักงัน ร่างกายของนางเริ่มสั่นเทา "พวกคุณเป็นใคร"
"นายหญิงบอกว่าให้ฆ่านางซะ" เสียงทุ้มดังขึ้น
ลี่เหยาเหยาเบิกดวงตากว้าง โพล่งออกมาอย่างนึกขลาดกลัว "จะบ้าหรือยังไง ข้ายังไม่เคยมีความบาดหมางใจกับใครที่นี่เลย"
ชายเหล่านั้นไม่ได้สนใจต่อคำพูดของลี่เหยาเหยาแม้
แต่น้อย กลับยังคงเอ่ยปรึกษากันอย่างออกรสออกชาติ"เจ้าดูร่างนุ่มนิ่มนี่สิ หากฆ่านางเลยไม่น่าเสียดายหรอกหรือ เล่นสนุกกับนางก่อนสักสองสามชั่วยามนายหญิงไม่มีทางจับได้อย่างแน่นอน"
"ห้ะ...คิดทำอะไร หยาบช้าที่สุด ถอยออกไปนะ!"
ลี่เหยาเหยาเอ่ยด้วยความตื่นตระหนก เท้าเรียวพยายามถอยหลัง ทว่าด้านหลังก็ถูกล้อมเอาไว้ ด้านหน้าล้วนไม่ต่าง ชายร่างกำยำย่างกรายเข้ามาหานางเชื่องช้า วงล้อมเริ่มแคบลงเรื่อย ๆ
ทำไงดีเหยาเหยา ปีกนกไร้สาระนี่ช่วยอะไรได้บ้างนะ
ลี่เหยาเหยากำสิ่งที่เถียนหยาให้มาอย่างเหนียวแน่น ความหวาดกลัวทำให้แรงในการบีบมากขึ้นเสียจนเลือดซิบ
"คุณหนูคนสวย อย่าได้คิดหนีหรือต่อต้านให้เปลืองแรงเลย หากท่านไม่อยากเจ็บตัวก็อยู่นิ่ง ๆ ให้พวกข้าจับเสียดี ๆ"
"ไร้สาระ!"
"ตัวแค่นี้เก่งเสียจริง"
จู่ ๆ บุรุษสองด้านซ้ายขวาพลันวิ่งกรูเข้ามาจับแขนของลี่เหยาเหยาเอาไว้
"ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ"
เพียะ!
"หุบปาก"
ลี่เหยาเหยาถูกฝ่ามือกว้างฟาดลงมายังใบหน้าขาวผ่องเสียจนโลหิตไหลซึมลงขอบปาก ซ้ำยังถูกชายผู้นั้นบีบบี้ปลายคางด้วยฝ่ามือหยาบกร้าน บังคับให้นางต้องแหงนเงยใบหน้าขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงประดุจผู้วิกลจริต
"เก่งนักหรือ"
ลี่เหยาเหยาถ่มถุยน้ำลายเข้าหน้าอีกฝ่าย
"หน้าตัวเมีย"
หมัดของบุรุษจึงชกเข้ายังบริเวณท้องของเธอด้วยความรุนแรง ลี่เหยาเหยารู้สึกทั้งเจ็บและจุก ไม่มีแล้วหนทางรอดชีวิต หากต้องแบกรับความอัปยศ ลี่เหยาเหยาขอตายอีกครั้งแล้วอย่าได้ล่องลอยไปที่แห่งใดอีกเลย
อึ้ก!
ฮวาเทียนจิ้งกระอักโลหิตออกมา พลางยกมือขึ้นลูบใบหน้าและบริเวณท้องของตน
"นายท่านเกิดสิ่งใดขึ้น!"
เถียนชีตื่นตกใจ วิ่งรี่เข้ามาประคองผู้เป็นนาย ฝ่ามือกว้างยกขึ้นเพื่อปราม ทว่าลำแสงสีแดงสายหนึ่งกลับสาดสะท้อนเข้าดวงตาของเขา
"นะ...นี่มัน พันธผูกจิต"
"หืม..." ฮวาเทียนจิ้ง มองตามสีหน้าตื่นตระหนกของเถียนชี ข้อมือแกร่งมีรอยบากเส้นหนึ่งปรากฏขึ้น
นัยน์ตาสีแดงฉานเบิกกว้าง "สตรีจอมเจ้าเล่ห์ ไปนำตัวนางกลับมา!"
นับจากวันที่พันธผูกจิตสลายไป โลหิตในกายของลี่เหยาเหยาก็แปรผัน จากเดิมที่นางเป็นมนุษย์ยามนี้ได้เปลี่ยนเป็นเผ่ามารเต็มตัว ซ้ำตอนนี้ลี่เหยาเหยายังตั้งครรภ์จอมมารน้อยอยู่ในท้อง ทว่าการตั้งครรภ์ช่างยืดเยื้อยาวนาน เพราะทารกในกายของนางไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไปในแต่ละวันเถียนชีและเถียนหยาต้องวิ่งวุ่นปวดหัวกับนายหญิงอยู่ไม่น้อย เดี๋ยวอยากกินโน้นกินนี่ไปเรื่อย และสิ่งที่ลี่เหยาเหยาต้องการแต่ละอย่างล้วนเป็นอาหารหน้าตาประหลาดทั้งสิ้น"ท่านพี่ ข้าอยากกินหม้อไฟเจ้าค่ะ""เจ้าว่าอย่างไรนะ ชะ...ชาอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าบูที่ว่าหน้าตาเฉกเช่นชาที่ดื่มหรือไม่" จอมมารขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิด"หม้อไฟ ไม่เหมือนกันกับน้ำชาเจ้าค่ะ" ลี่เหยาเหยาส่ายศีรษะไปมา"แล้วมันเป็นอย่างไรเล่า"ลี่เหยาเหยาคลี่ยิ้ม พลันเหลียวหน้ามองไปยังเถียนชีและเถียนหยา ทั้งสองสะดุ้งโหยงพลางระบายรอยยิ้มแหย ดูเหมือนนายหญิงของพวกเขากำลังจะทำเรื่องให้มังกรทั้งสองปวดหัวอีกเสียแล้ว"เถียนหยาท่านมานี่" ลี่เหยาเหยากวักมือเรียก"ขะ…ขอรับ" เถียนหยาเ
ทั้งเมืองมารล้วนถูกควบรวมเป็นดินแดนเดียวกัน เมื่อหลายพันปีก่อนสองเผ่าได้ร่วมผูกพันธสัญญาสงบศึก ทว่าจอมมารวิหคเงินเยี่ยนหมิงกลับคิดคดต้องการก่อกบฏยึดครองสองเผ่า เมื่อผู้เป็นนายพ่ายศึก เผ่าวิหคเงินจึงล่มสลาย และแปรพักตร์มาเป็นเผ่ามารวิหคทองลี่เหยาเหยานอนหมดสติมาหลายเดือน ในดินแดนวิหคทองจึงมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมาก สวนบุปผาที่นางชอบเที่ยวเล่น ฮวาเทียนจิ้งได้ทำการขุดลอกให้มีธารน้ำตกและสระน้ำเพื่อบ่มเพาะเหลียนฮวา[1]วิเศษ เขาแทบลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง บางคราจอมมารผู้ดูดุดันแทบไม่เหมาะกับสิ่งสวยงามเหล่านี้กลับยืนทอดมองสวนบุปผาทุกเช้าค่ำ"นายท่าน นายท่านขอรับ"ฮวาเทียนจิ้งเหลียวกายกลับ "ว่าอย่างไรเถียนหยา วิ่งหน้าตื่นมาเชียว""นายหญิงฟื้นแล้วขอรับ แต่ว่ายามนี้นายหญิงนาง...""จริงรึ!" ฮวาเทียนจิ้งดีใจแทบไม่อาจเก็บอาการ เนิ่นนานเหลือเกินที่เขาไม่ได้ยิ้มมันออกมา จอมมารหายวับออกจากสวนบุปผาด้วยความรวดเร็ว"อะ...อ้าว นายท่านไยเร่งร้อนนักเล่า" เถียนหยางุนงง เขากล่าวยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ
"ฮวาเทียนจิ้ง ดูเหมือนนางจะมีความสำคัญกับท่านจริง ๆ สินะ ไม่พบกันหลายพันปีท่านตัดใจจากซินอี๋ได้แล้วหรือ" บุรุษร่างสูงสวมหน้ากากปีกนกสีเงินลอยเคว้งกลางอากาศระหว่างเส้นแบ่งเขตแดนของเมืองมารทั้งสองฝั่ง ขนาบกายของเขายังมีร่างหญิงสาวไร้สติลอยตัวอยู่ภายในม่านอาคม"เหยาเหยา" นัยน์ตาคมเพ่งมองสตรีในม่านโปร่งแสงด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางเหลียวมองผู้ควบคุมร่างเล็กไว้ ประกายดวงตาสะท้อนเปลวเพลิงแฝงความโหดเหี้ยม แผ่กำจายความกดดันเสียจนบรรยากาศรอบด้านดูอึมครึม"เยี่ยนหมิง ท่านกำลังทำสิ่งใด ตัดใจได้หรือไม่ ย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน ปล่อยนาง!มิใช่ว่าทั้งสองเผ่าได้ทำพันธะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เหตุใดวันนี้จึงตระบัดสัตย์!""อ่า...นั่นสินะ แต่ทว่า ผู้ผูกพันธะได้จากไปนานแล้วไม่ใช่หรือ""ซินอี๋คือน้องสาวของท่าน หรือว่าที่นางจากไปล้วนเป็นฝีมือท่าน!""นางร่างกายอ่อนแอเอง พี่ชายเช่นข้าจะทำร้ายน้องของตนได้อย่างไร อีกอย่างท่านไม่คิดบ้างหรือ สองฝั่งไม่ก้าวก่ายกันมาช้านาน น่าเบื่อยิ่งนัก ไม่สู้มารวมดินแดนให้เป็นหนึ่งน่าสนุกกว่าเป็นไหน ๆ" ภายใต้น้
"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อคืนนายท่าน นอนร่วมห้องกับคุณหนูเหยาเหยาเจ้าค่ะ ซ้ำยังให้บ่าวทุกคนเรียกนางว่านายหญิง""ห้ะ!! เจ้าว่าอย่างไรนะ" อวี่หนานตะเบ็งเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินเรื่องบอกเล่าจากบ่าวคนสนิท"คือว่า...""ไม่ต้องพูดแล้ว!" อวี่หนานกัดฟันกรอดพลันกระทืบเท้าเร้า ๆ นางกรีดร้องอาละวาดเสียจนข้าวของล้มระเนระนาด"คุณหนูใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ""ใจเย็นหรือ เจ้าเห็นหรือไม่ มันแย่งท่านพี่ไปจากข้าแล้ว เจี้ยนกั๋ว!""เจ้าคะ""ไป!""ไปไหนเจ้าคะ" เจี้ยนกั๋วกล่าวด้วยสีหน้างุนงง"พานางไปที่ที่ควรไปอย่างไรเล่า" ริมฝีปากสีชาดแสยะยิ้ม"ปวดหัวจัง"ลี่เหยาเหยาพยุงกายขึ้น ร่างกายตอนนี้รู้สึกร้าวระบมเสียเหลือเกิน ทว่าเมื่อฉุกนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาพลอยทำให้ใบหน้างามขึ้นสีชมพูระเรื่อลี่เหยาเหยายกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้า พลางกรีดร้องอยู่ในใจลี่เหยาเหยา นี่แกทำอะไรลงไป ใจง่ายเหลือเกิน เพียงประโยคหว่านล้อมไม่กี่คำก็โอนอ่อนผ่อนตามตาทึ่มนั่นเฉยเลย
เสียงฝีเท้าดังเชื่องช้าเป็นจังหวะ ลี่เหยาเหยานอนขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยจิตใจไหวระริก คืนนี้จอมมารบอกนางว่าจะเข้ามาพักผ่อน ดังนั้นห้องนี้สมควรคืนเจ้าของแล้วสินะ ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากเชิงเทียนที่ยังส่องสว่าง ลี่เหยาเหยาแสร้งหลับตา ทว่าลมหายใจของนางกลับไม่เป็นจังหวะเช่นคนนอนหลับเอาเสียเลยดูเหมือนผู้มาเยือนจะรู้ทันกลหมากกระดานนี้ของนาง เจ้าของร่างสูงยอบกายลง พลางเอ่ยขึ้น "เหตุใดลงไปนอนตรงนั้น ไม่เย็นหรือ""...""หึ!""..."เสียงหัวใจของนางดังตึกตักตามช่วงจังหวะการก้าวย่างของบุรุษ ลี่เหยาเหยายังแสร้งว่าตนหลับต่อไป จู่ ๆ ร่างของนางก็ลอยหวือขึ้น ดวงตากลมโตพลอยเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก"ทะ...ทำอะไรคะ""ชู่ว...พื้นมันเย็น อีกอย่างข้าบอกจะมาพักผ่อน หาได้ต้องให้เจ้าไปนอนที่อื่น""แต่ว่าชายหญิงไม่ควรนอนเตียงเดียวกัน"ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มขบขัน เสียงหัวเราะในลำคอดังลอดออกมาเสียจนคนตัวเล็กบนอ้อมแขนงุนงง"ท่านหัวเราะหมายความว่าเช่นไร" ลี่เหยาเหยาหน้างอ
"นายท่านคุณหนูเหยาเหยาขอเข้าพบขอรับ" เถียนชีเอ่ยฮวาเทียนจิ้งกำลังง่วนอยู่กับกองตำราล้นมือพลอยชะงักท่าทีลง ตั้งแต่ลี่เหยาเหยาฟื้นจากอาการป่วย เขาไม่ได้ออกไปพบหน้านางอีกเลย เพียงรอฟังการรายงานความเคลื่อนไหวจากเถียนหยาเท่านั้น"ให้นางเข้ามา"สตรีร่างบางสาวเท้าเข้ามาในหอตำราพร้อมถาดอาหารหอมกรุ่น ฮวาเทียนจิ้งแสร้งลดดวงตามองไปยังตำราดังเดิม ทว่าภายในใจของเขากลับเต้นดังโครมครามอย่างไม่รักดีเถียนหยาที่เดินขนาบข้างลี่เหยาเหยาพลันขยิบดวงตาให้เถียนชีหนึ่งหน พวกเขาจึงค้อมศีรษะและลอบเดินออกจากห้องอย่างแนบเนียน"เป็นอย่างไรแผนการของข้า ใช้ได้ผลหรือไม่เล่า" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ"ดีมาก ว่าแต่เจ้าโน้มน้าวคุณหนูเช่นไรเล่า" เถียนชีเอ่ยถามเมื่อนึกถึงวิธีการแล้ว เถียนหยาพลอยกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ก็เอาเถิด ถึงแม้เขาจะโดนแซ่โบยจนหลังขาดก็นับว่าทำเพื่อความสุขเจ้านายของตน"ข้าเล่าเรื่องนั้นให้นางฟัง" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนลง"หา...ปั๊ดโธ่ เจ้าบื