"อ้าว เถียนชีนี่เจ้าจะไปที่ใดเล่า" เถียนหยาเพิ่งกลับมาถึงเห็นว่าเถียนชีเร่งร้อนเดินดุ่ม ๆ ออกจากหอฝึกปราณจึงเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง
"มาก็ดี เจ้าเอาคุณหนูลี่เหยาเหยาคนนั้นไปส่งไว้ที่ใดกันเล่า"
"ข้าก็ส่งนางไว้ที่เดิมนั่นแหละ เจ้าจะโวยวายเพื่อสิ่งใด"
"นายท่านเผลอไปทำพันธผูกจิตกับนางตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ ยามนี้นางคงได้รับบาดเจ็บ รีบออกไปตามหานางเร็วเข้า!"
"ห้ะ!! มิน่าเล่า ปกติข้าไม่เคยเห็นนายท่านสัมผัสร่างกายผู้ใดเลย แต่เมื่อสักครู่ข้าเห็น เอ่อ..." เถียนหยากล่าวกระอักกระอ่วน
"เห็นอะไรเล่า ไยมัวอมพะนำ" เถียนชีเอ่ยด้วยความหงุดหงิด
"ก็รอยที่คอของนาง..."
"อย่างนี้นี่เอง แต่โดยปกติหากไม่มีอาคมร่วมด้วย หากเพียงแค่สัมผัสต้นคอเท่านั้นไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน คุณหนูผู้นี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันเล่า"
บุรุษทั้งสองสนทนากันอย่างพะว้าพะวัง พลันหายวับออกจากคฤหาสน์วิหคทองด้วยความเร่งร้อน
ลี่เหยาเหยาถูกแบกขึ้นบ่า ภาพเบื้องหน้าของนางกลับด้านเสียจนน่าเวียนศีรษะ จากเดิมทีที่หมดสติลงไปแล้วกลับฟื้นขึ้นมาอีกหน ร่างบางถูกโยนลงกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ เรือนกายของนางตอนนี้บอบช้ำไม่เหลือชิ้นดี
บ้าเอ๊ย ขยับไม่ได้
ลี่เหยาเหยากัดฟันกรอด ดวงตาของนางหนักอึ้ง อกด้านซ้ายเต้นดังโครมคราม นี่ตัวนางกำลังจะโดนปู้ยี่ปู้ยำอย่างนั้นหรือ เพียงแค่คิดก็ไม่อาจรับได้ ลี่เหยาเหยายอมตายดีกว่าที่ตนจะต้องแปดเปื้อน
"พวกเจ้าเร่งมือหน่อยเล่า ประเดี๋ยวข้าจะไปดูต้นทาง"
"เออน่า สตรีก็ตัวเท่านี้ เจ้าจะเกรงกลัวไปไย อีกอย่าง จอมมารก็ไม่เคยใส่ใจพวกนางอยู่แล้ว เร่งร้อนไปจะไม่สนุกเอาได้"
พ่อจ๋าแม่จ๋า เสี่ยวผิง ช่วยเหยาเหยาด้วย
"พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใด!"
เสียงเข้มตวาดลั่น บุรุษทั้งหมดต่างแตกตื่นถอยกรูดวิ่งไปคนละทิศละทาง
"ใครใช้พวกเจ้ามา!"
"มือขวามือซ้ายของจอมมารมา หลบเร็ว"
ชายฉกรรจ์เหล่านั้นไม่คิดประมือกับพวกเขาทั้งสอง ทว่าเถียนชีหาได้ปล่อยโอกาสให้พวกมารชั่วช้าหนีโดยง่ายดาย ฝ่ามือกว้างซัดลมปราณออกไปขุมหนึ่ง ชายทั้งห้าล้มระเนระนาด บ้างกระอักโลหิตออกมาจนแทบหมดตัว บ้างล้มลุกคลุกคลานหนีให้จ้าละหวั่น
"จะหนีไปที่ใด บอกข้ามาว่าผู้ใดส่งเจ้ามากันแน่!" เถียนชีกัดฟันกรอด ฝ่ามือเปี่ยมพละกำลังส่งกระแสเพลิงสายหนึ่งยกร่างของชายฉกรรจ์ที่ไม่อาจหนีรอดลอยเคว้งกลางอากาศ
"เป็น...ปะ เป็น..."
ยังไม่ทันที่ชายผู้นั้นได้เอ่ยสิ่งใดออกมา ริมฝีปากพลันกระอักโลหิตหลั่งรินเป็นสาย และสิ้นใจลงในที่สุด
"บัดซบ!"
เถียนชีซัดปลายนิ้วไปฝั่งต้นไม้ใหญ่ ร่างกำยำลอยพุ่งกระแทกเข้ากับลำต้นอย่างจัง เสียงกระดูกแตกละเอียดดังสนั่นหวั่นไหวอย่างน่าสยดสยอง ฝูงนกบนลำต้นบินแตกฮือ ไปคนละทิศละทาง
เถียนชีเหลียวมองไปที่เถียนหยา เขากำลังปลุกหญิงสาวให้ฟื้นขึ้นมา ทว่าดูเหมือนนางจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกินไป เถียนหยาถอดผ้าคลุมไหล่ของตนออก พลันห่อหุ้มกายของลี่เหยาเหยาเอาไว้ เนื่องจากอาภรณ์ของนางขาดรุ่งริ่งเสียจนผิวกายผุดโผล่
"ดูเหมือนนางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส มิน่านายท่านกระอักโลหิตออกมาเสียใหญ่โต"
เถียนหยากัดฟันกรอด "พวกเลวบัดซบนี่เองหรือ ที่ทำให้นายท่านดูแย่"
เถียนชี "ไป! รีบพานางไปก่อน เรื่องอื่นไว้ปรึกษานายท่านคราวหลัง"
"นางกลับมาได้อย่างไร" อวี่หนานกล่าวลอดไรฟัน นัยน์ตาคู่งามลอบมองร่างบางที่อยู่บนอ้อมแขนของเถียนหยา จิตใจเต็มไปด้วยเพลิงริษยาซึ่งกำลังแผดเผา
เถียนหยาอุ้มลี่เหยาเหยาหายลับเข้าไปยังด้านในหอฝึกปราณแล้ว ยิ่งเป็นเช่นนั้นกลับยิ่งทำให้อวี่หนานโกรธแค้น และไม่พอใจเป็นอย่างมาก
"วางนางไว้ตรงนี้"
"ขอรับ"
ฮวาเทียนจิ้ง เดินย่างกรายเข้าใกล้ร่างซึ่งหมดสติของลี่เหยาเหยา นัยน์ตาคมสำรวจเรือนกายของสตรีที่เต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า "นางทำได้อย่างไร"
"เอ่อ..." ทั้งเถียนหยา และเถียนชี ต่างมองหน้ากันหลุกหลิก พวกเขาทั้งสองไม่ทราบต้นสายปลายเหตุเช่นเดียวกัน คราแรกที่รับตัวนางเข้ามาก็ไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
"ช่างเถิด พวกเจ้าออกไปก่อน"
"ขอรับ"
ทั้งสองจึงกระวีกระวาดออกจากห้องตามความประสงค์ผู้เป็นนาย ปล่อยให้ฮวาเทียนจิ้งอยู่กับลี่เหยาเหยาเพียงลำพัง ดูเหมือนว่าจอมมารวิหคทองกำลังพบกับความลำบากเพราะสตรีเพียงผู้เดียวเข้าเสียแล้ว
ฮวาเทียนจิ้งเอื้อมฝ่ามือไปเบื้องหน้า ริมฝีปากร่ายพลังเวทขมุบขมิบ ดวงตาคมเพ่งมองอีกฝ่ายเขม็ง
"เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงสามารถทำพันธผูกจิตได้"
ลี่เหยาเหยายังคงนอนหลับดวงตาพริ้ม ดูเหมือนว่านางจะได้รับบาดเจ็บมากเสียจนผู้แข็งแกร่งเช่นฮวาเทียนจิ้งยังรู้สึกถึงเพียงนี้ หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ต้องพบเจอสิ่งใดบ้างกันเล่า ฝ่ามือหยาบระคายยังคงพยายามถ่ายปราณวิเศษเข้าไปในกายของอีกฝ่าย บาดแผลภายนอกหายวับจากไปแล้ว ทว่าบาดแผลภายในนั้นยังคงอยู่
ฮวาเทียนจิ้งพ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อน "เถียนชี"
"ขอรับ"
"ไปตามหมอมา"
"ตกลงแล้วท่านให้สิ่งใดแก่ข้ากันแน่ เหตุใดไม่นานมานี้ข้าเห็นท่านพี่นำตัวผู้หญิงคนนั้นกลับมากันเล่า" เสียงสตรีแผดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
ท่ามกลางกำแพงกางกั้นเขตแดนระหว่างเผ่ามารทั้งสอง สตรีร่างบางยืนสนทนากับบุรุษร่างสูง ทั้งสองล้วนปกปิดใบหน้าและร่างกายแทบไม่พบว่ามีสิ่งใดโผล่พ้นออกมาจากใยผ้าแม้แต่น้อย
"คุณหนู ท่านใจร้อนด้วยสิ่งใดกันเล่า การช่วยพี่ชายของท่าน ล้วนต้องมีเงื่อนไขกันบ้าง"
"ท่านกล่าวอย่างนี้หมายความว่าเช่นไร" ริมฝีปากบางขบเม้มคิดหนัก พลางกัดฟันกรอด
"เอาอย่างนี้ท่านทำตามที่ข้าบอก หลังจากนั้น จอมมารวิหคทองล้วนไม่ต้องพึ่งเครื่องบรรณาการพวกนั้นอีกตลอดกาล" เสียงทุ้มกล่าวด้วยท่าทีเรียบเรื่อย
"ทำอย่างไร!?"
"ท่านนำตัวสตรีนางนั้นมาให้ข้า ส่วนท่านก็รอดูผลลัพธ์เฉย ๆ ไม่ต้องทำสิ่งใดเลย"
"ตอนนี้นางอยู่ในความดูแลของท่านพี่ ข้าจะก้าวก่ายได้อย่างไร"
"นั่นล้วนเป็นปัญหาของท่าน หากต้องการช่วยเหลือเขา ท่านต้องส่งหญิงสาวผู้นั้นมา"
"เหอะ! ข้าไม่น่าไว้ใจมารต่างเผ่าเช่นท่าน ช่างกล่าววาจาสับปลับโดยแท้" นางยิ้มเยาะ น้ำเสียงดูไม่เป็นมิตรแฝงความดูแคลนอยู่หลายส่วน
"คุณหนู เราทั้งสองล้วนลงเรือลำเดียวกัน ท่านถอนตัวตอนนี้ดูท่าคงไม่ทันเสียแล้วล่ะ"
นับจากวันที่พันธผูกจิตสลายไป โลหิตในกายของลี่เหยาเหยาก็แปรผัน จากเดิมที่นางเป็นมนุษย์ยามนี้ได้เปลี่ยนเป็นเผ่ามารเต็มตัว ซ้ำตอนนี้ลี่เหยาเหยายังตั้งครรภ์จอมมารน้อยอยู่ในท้อง ทว่าการตั้งครรภ์ช่างยืดเยื้อยาวนาน เพราะทารกในกายของนางไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไปในแต่ละวันเถียนชีและเถียนหยาต้องวิ่งวุ่นปวดหัวกับนายหญิงอยู่ไม่น้อย เดี๋ยวอยากกินโน้นกินนี่ไปเรื่อย และสิ่งที่ลี่เหยาเหยาต้องการแต่ละอย่างล้วนเป็นอาหารหน้าตาประหลาดทั้งสิ้น"ท่านพี่ ข้าอยากกินหม้อไฟเจ้าค่ะ""เจ้าว่าอย่างไรนะ ชะ...ชาอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าบูที่ว่าหน้าตาเฉกเช่นชาที่ดื่มหรือไม่" จอมมารขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิด"หม้อไฟ ไม่เหมือนกันกับน้ำชาเจ้าค่ะ" ลี่เหยาเหยาส่ายศีรษะไปมา"แล้วมันเป็นอย่างไรเล่า"ลี่เหยาเหยาคลี่ยิ้ม พลันเหลียวหน้ามองไปยังเถียนชีและเถียนหยา ทั้งสองสะดุ้งโหยงพลางระบายรอยยิ้มแหย ดูเหมือนนายหญิงของพวกเขากำลังจะทำเรื่องให้มังกรทั้งสองปวดหัวอีกเสียแล้ว"เถียนหยาท่านมานี่" ลี่เหยาเหยากวักมือเรียก"ขะ…ขอรับ" เถียนหยาเ
ทั้งเมืองมารล้วนถูกควบรวมเป็นดินแดนเดียวกัน เมื่อหลายพันปีก่อนสองเผ่าได้ร่วมผูกพันธสัญญาสงบศึก ทว่าจอมมารวิหคเงินเยี่ยนหมิงกลับคิดคดต้องการก่อกบฏยึดครองสองเผ่า เมื่อผู้เป็นนายพ่ายศึก เผ่าวิหคเงินจึงล่มสลาย และแปรพักตร์มาเป็นเผ่ามารวิหคทองลี่เหยาเหยานอนหมดสติมาหลายเดือน ในดินแดนวิหคทองจึงมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมาก สวนบุปผาที่นางชอบเที่ยวเล่น ฮวาเทียนจิ้งได้ทำการขุดลอกให้มีธารน้ำตกและสระน้ำเพื่อบ่มเพาะเหลียนฮวา[1]วิเศษ เขาแทบลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง บางคราจอมมารผู้ดูดุดันแทบไม่เหมาะกับสิ่งสวยงามเหล่านี้กลับยืนทอดมองสวนบุปผาทุกเช้าค่ำ"นายท่าน นายท่านขอรับ"ฮวาเทียนจิ้งเหลียวกายกลับ "ว่าอย่างไรเถียนหยา วิ่งหน้าตื่นมาเชียว""นายหญิงฟื้นแล้วขอรับ แต่ว่ายามนี้นายหญิงนาง...""จริงรึ!" ฮวาเทียนจิ้งดีใจแทบไม่อาจเก็บอาการ เนิ่นนานเหลือเกินที่เขาไม่ได้ยิ้มมันออกมา จอมมารหายวับออกจากสวนบุปผาด้วยความรวดเร็ว"อะ...อ้าว นายท่านไยเร่งร้อนนักเล่า" เถียนหยางุนงง เขากล่าวยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ
"ฮวาเทียนจิ้ง ดูเหมือนนางจะมีความสำคัญกับท่านจริง ๆ สินะ ไม่พบกันหลายพันปีท่านตัดใจจากซินอี๋ได้แล้วหรือ" บุรุษร่างสูงสวมหน้ากากปีกนกสีเงินลอยเคว้งกลางอากาศระหว่างเส้นแบ่งเขตแดนของเมืองมารทั้งสองฝั่ง ขนาบกายของเขายังมีร่างหญิงสาวไร้สติลอยตัวอยู่ภายในม่านอาคม"เหยาเหยา" นัยน์ตาคมเพ่งมองสตรีในม่านโปร่งแสงด้วยสีหน้าเป็นกังวล พลางเหลียวมองผู้ควบคุมร่างเล็กไว้ ประกายดวงตาสะท้อนเปลวเพลิงแฝงความโหดเหี้ยม แผ่กำจายความกดดันเสียจนบรรยากาศรอบด้านดูอึมครึม"เยี่ยนหมิง ท่านกำลังทำสิ่งใด ตัดใจได้หรือไม่ ย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน ปล่อยนาง!มิใช่ว่าทั้งสองเผ่าได้ทำพันธะไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน เหตุใดวันนี้จึงตระบัดสัตย์!""อ่า...นั่นสินะ แต่ทว่า ผู้ผูกพันธะได้จากไปนานแล้วไม่ใช่หรือ""ซินอี๋คือน้องสาวของท่าน หรือว่าที่นางจากไปล้วนเป็นฝีมือท่าน!""นางร่างกายอ่อนแอเอง พี่ชายเช่นข้าจะทำร้ายน้องของตนได้อย่างไร อีกอย่างท่านไม่คิดบ้างหรือ สองฝั่งไม่ก้าวก่ายกันมาช้านาน น่าเบื่อยิ่งนัก ไม่สู้มารวมดินแดนให้เป็นหนึ่งน่าสนุกกว่าเป็นไหน ๆ" ภายใต้น้
"คุณหนูเจ้าคะ เมื่อคืนนายท่าน นอนร่วมห้องกับคุณหนูเหยาเหยาเจ้าค่ะ ซ้ำยังให้บ่าวทุกคนเรียกนางว่านายหญิง""ห้ะ!! เจ้าว่าอย่างไรนะ" อวี่หนานตะเบ็งเสียงดังลั่น เมื่อได้ยินเรื่องบอกเล่าจากบ่าวคนสนิท"คือว่า...""ไม่ต้องพูดแล้ว!" อวี่หนานกัดฟันกรอดพลันกระทืบเท้าเร้า ๆ นางกรีดร้องอาละวาดเสียจนข้าวของล้มระเนระนาด"คุณหนูใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ""ใจเย็นหรือ เจ้าเห็นหรือไม่ มันแย่งท่านพี่ไปจากข้าแล้ว เจี้ยนกั๋ว!""เจ้าคะ""ไป!""ไปไหนเจ้าคะ" เจี้ยนกั๋วกล่าวด้วยสีหน้างุนงง"พานางไปที่ที่ควรไปอย่างไรเล่า" ริมฝีปากสีชาดแสยะยิ้ม"ปวดหัวจัง"ลี่เหยาเหยาพยุงกายขึ้น ร่างกายตอนนี้รู้สึกร้าวระบมเสียเหลือเกิน ทว่าเมื่อฉุกนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาพลอยทำให้ใบหน้างามขึ้นสีชมพูระเรื่อลี่เหยาเหยายกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้า พลางกรีดร้องอยู่ในใจลี่เหยาเหยา นี่แกทำอะไรลงไป ใจง่ายเหลือเกิน เพียงประโยคหว่านล้อมไม่กี่คำก็โอนอ่อนผ่อนตามตาทึ่มนั่นเฉยเลย
เสียงฝีเท้าดังเชื่องช้าเป็นจังหวะ ลี่เหยาเหยานอนขดกายอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยจิตใจไหวระริก คืนนี้จอมมารบอกนางว่าจะเข้ามาพักผ่อน ดังนั้นห้องนี้สมควรคืนเจ้าของแล้วสินะ ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากเชิงเทียนที่ยังส่องสว่าง ลี่เหยาเหยาแสร้งหลับตา ทว่าลมหายใจของนางกลับไม่เป็นจังหวะเช่นคนนอนหลับเอาเสียเลยดูเหมือนผู้มาเยือนจะรู้ทันกลหมากกระดานนี้ของนาง เจ้าของร่างสูงยอบกายลง พลางเอ่ยขึ้น "เหตุใดลงไปนอนตรงนั้น ไม่เย็นหรือ""...""หึ!""..."เสียงหัวใจของนางดังตึกตักตามช่วงจังหวะการก้าวย่างของบุรุษ ลี่เหยาเหยายังแสร้งว่าตนหลับต่อไป จู่ ๆ ร่างของนางก็ลอยหวือขึ้น ดวงตากลมโตพลอยเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก"ทะ...ทำอะไรคะ""ชู่ว...พื้นมันเย็น อีกอย่างข้าบอกจะมาพักผ่อน หาได้ต้องให้เจ้าไปนอนที่อื่น""แต่ว่าชายหญิงไม่ควรนอนเตียงเดียวกัน"ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มขบขัน เสียงหัวเราะในลำคอดังลอดออกมาเสียจนคนตัวเล็กบนอ้อมแขนงุนงง"ท่านหัวเราะหมายความว่าเช่นไร" ลี่เหยาเหยาหน้างอ
"นายท่านคุณหนูเหยาเหยาขอเข้าพบขอรับ" เถียนชีเอ่ยฮวาเทียนจิ้งกำลังง่วนอยู่กับกองตำราล้นมือพลอยชะงักท่าทีลง ตั้งแต่ลี่เหยาเหยาฟื้นจากอาการป่วย เขาไม่ได้ออกไปพบหน้านางอีกเลย เพียงรอฟังการรายงานความเคลื่อนไหวจากเถียนหยาเท่านั้น"ให้นางเข้ามา"สตรีร่างบางสาวเท้าเข้ามาในหอตำราพร้อมถาดอาหารหอมกรุ่น ฮวาเทียนจิ้งแสร้งลดดวงตามองไปยังตำราดังเดิม ทว่าภายในใจของเขากลับเต้นดังโครมครามอย่างไม่รักดีเถียนหยาที่เดินขนาบข้างลี่เหยาเหยาพลันขยิบดวงตาให้เถียนชีหนึ่งหน พวกเขาจึงค้อมศีรษะและลอบเดินออกจากห้องอย่างแนบเนียน"เป็นอย่างไรแผนการของข้า ใช้ได้ผลหรือไม่เล่า" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิ"ดีมาก ว่าแต่เจ้าโน้มน้าวคุณหนูเช่นไรเล่า" เถียนชีเอ่ยถามเมื่อนึกถึงวิธีการแล้ว เถียนหยาพลอยกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ก็เอาเถิด ถึงแม้เขาจะโดนแซ่โบยจนหลังขาดก็นับว่าทำเพื่อความสุขเจ้านายของตน"ข้าเล่าเรื่องนั้นให้นางฟัง" เถียนหยากล่าวด้วยสีหน้าเจื่อนลง"หา...ปั๊ดโธ่ เจ้าบื