ทุกคนรู้จักการสาวมั้ย สาวที่หมายถึงสาวเอาของมาไว้กับตัวเองน่ะ ตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์นั้นอยู่ แน่นอนว่าการรับของนั่นของนี่แบบไม่ปฏิเสธเลยมันผิดวิสัยของซ่งเซียนอวี่ คุณหนูแห่งตระกูลซ่ง แต่แล้วอย่างไรล่ะ เธอไม่สนหน้าตาแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าใครจะหยิบยื่นอะไรมาให้ เซียนอวี่ก็รับเอาไว้หมดทุกอย่างแต่โดยดี สร้างความแปลกใจให้คนในบ้านไม่น้อยเลย
“พี่คะ วันนี้ฉันมีเรียนมารยาท พี่จะออกไปข้างนอกหรอคะ งืม...อดไปด้วยเลยค่ะ” หลังจากกลับเข้าตระกูลซ่งมาได้หลายวัน ซ่งหนิงหนิงก็กล้าพูดกล้าจามากขึ้น แถมเซียนอวี่ยังไม่ได้ทำตัวห่างเหินหรือจองหองใส่เหมือนชีวิตก่อน สาวน้อยเลยกล้าที่จะตีสนิทกับพี่สาวต่างสายเลือดคนนี้เร็วขึ้นจนน่าตกใจ
“ใช่ วันนี้เพื่อน ๆ ชวนออกไปเดินเที่ยวในเมืองน่ะ เธอก็ตั้งใจเรียนให้จบแล้วกันนะ จะได้ออกไปไหนมาไหนได้เร็ว ๆ” แม้ในใจเธอจะชิงชังคนตรงหน้าแค่ไหน แต่ฉากหน้าเธอก็ต้องแสร้งพูดดีด้วย เพื่อความสงบสุขและความสุขสบายในอนาคตอันใกล้นี้
“นั่นสินะคะ ถ้าฉันไม่ถูกเอาตัวไปตั้งแต่คลอดก็คงดี คงไม่ต้องมาฝึกมารยาททั้งที่โตขนาดนี้แล้ว พี่โชคดีมากจริง ๆ ที่ได้การเรียนการสอนดี ๆ แบบนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก ฉันคงเก่งแต่งานใช้แรงงานเท่านั้นจริง ๆ ฮะ ๆ เรียนมาตั้งหลายวันแล้ว แต่ยังไม่พัฒนาไปถึงไหนเลย พี่นี่น่าอิจฉาจริง ๆ ” หนิงหนิงพูดออกมายิ้ม ๆ
เซียนอวี่เองก็ยิ้มรับไม่พูดอะไร ทั้งที่ในใจของเธอกำลังกัดข่มความหงุดหงิดเอาไว้อย่างเต็มที่ ไอ้คำพูดแบบนี้ของซ่งหนิงหนิงนี่แหละที่เธอเกลียดนักเกลียดหนา เป็นคนที่ปลุกเร้าอารมณ์ความหงุดหงิดของเธอได้ดีเสียจริง
ความหมายเมื่อครู่ จะบอกว่าเธอโชคดีที่ได้อยู่อย่างสุขสบาย ทั้งที่ลูกสาวตัวจริงอย่างตัวเองต้องทำงานงก ๆ ลำบากอยู่ข้างนอกน่ะหรือ ช่างพูดช่างจาเสียจริงนะซ่งหนิงหนิง
เธอกัดฟันข่มความโมโห ก่อนจะยิ้มแล้วรีบออกจากบ้าน วันนี้เธออ้างว่าเพื่อนชวนไปเที่ยวเล่น ดังนั้นจะมาทำแผนพังไม่ได้ พอบอกว่าเป็นงานที่ต้องเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ คุณหญิงคุณชายซ่งก็แทบจะประเคนเงินมาให้เธอออกไปใช้จ่ายสร้างหน้าสร้างตากับเพื่อน ๆ คุณหนูทั้งหลาย
แน่นอนว่าเพื่อนพวกนั้นเซียนอวี่ไม่ได้คิดจะรักหรือผูกพันอะไรมากมาย ชาติก่อนเธอพยายามขอให้เพื่อนพวกนั้นช่วย แต่ก็ไม่มีสักคนที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเลยสักคน แถมบางคนยังหัวเราะเยาะที่เธอถูกส่งให้ไปอยู่บ้านนอกอีกต่างหาก
แต่เพื่อรีดเอาเงินจากบ้านซ่งมาให้ได้มากที่สุด สุดท้ายเธอก็ต้องยอมรับคำเชิญของพวกเพื่อนจอมปลอมพวกนั้นไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ก็เงินมันหอม...ใครจะไปอดใจไหว จริงไหมล่ะ
วันนี้เซียนอวี่ก็ยังคงทำเช่นเคย เธอใช้เงินที่คุณแม่ซ่งให้มาไปซื้อทองคำแท่ง แม้จะซื้อได้ไม่มากเท่าตอนมากับคุณนายซ่ง แต่เธอก็มีความคิดว่า จะเล็กน้อยแค่ไหน สุดท้ายทองก็คือทอง มัน ขาย กิน ได้!
“วันนี้เซียนอวี่ไม่ถูกใจเสื้อผ้าหรอ ทำไมซื้อน้อยจังล่ะ ปกติเธอชอบซื้อเยอะกว่าเพื่อนเลยนี่นา”
“นั่นสิ หรือจะมีปัญหาอะไร ถ้าเป็นเรื่องเงิน...ยืมพวกเราก่อนก็ได้นะ คิกคิกคิก มีเมื่อไหร่ค่อยมาใช้คืน”
เพื่อนสาวที่มีสถานะเป็นเพื่อนในโรงเรียนของเซียนอวี่อดจะเอ่ยปากไม่ได้ ปกติพวกเราสาว ๆ ในห้องเรียนจะนัดกันไปซื้อเสื้อผ้าพร้อมกัน ซ่งเซียนอวี่มักจะเป็นคนที่ซื้อเยอะกว่าใครเพื่อน ด้วยรูปร่างและหน้าตาที่ค่อนข้างได้เปรียบคนอื่น ไม่ว่าใส่อะไรก็สวย เลยทำให้ใส่ชุดไหนก็ดูดีไปเสียหมด เพราะอย่างนั้นเวลามาเที่ยวเล่นด้วยกัน เซียนอวี่จึงเป็นคนที่ใช้จ่ายเยอะมากกว่าเพื่อน
แต่ไม่รู้วันนี้เพื่อนสาวคนสวยคนนี้เป็นอะไรไป เห็นหยิบเสื้อผ้าแค่ไม่กี่ชุดเท่านั้น แถมแต่ละชุดก็ดูเชย ๆ เหมือนพวกที่มาจากบ้านนอกอย่างไรอย่างนั้น หรือตระกูลซ่งกำลังจะตกอับกัน
“หืม ให้ยืมหรอ พวกเธอมีเท่าไหร่ล่ะ ฉันเอาเงินไปซื้อเครื่องประดับทางนั้นหมดแล้ว แต่ยังมีบางอย่างที่อยากได้อยู่ ถ้างั้นเอามาให้ฉันยืมหน่อยได้หรือเปล่าล่ะ” เธอไม่รังเกียจที่จะยืมเงินเพื่อนจอมปลอมพวกนี้แล้วหนีไปใช้ชีวิตอยู่บ้านนอกหรอกนะ ชีวิตนี้จะมีโอกาสวนกลับมาเจอกันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ในเมื่อยื่นโอกาสมาให้ขนาดนี้แล้วแท้ ๆ ทำไมเธอจะไม่รับล่ะ อีกไม่นานจดหมายก็จะส่งมาถึงบ้านแล้ว
ตอนนี้ในสังคมก็เริ่มมีคนพูดเรื่องส่งตัวลูกหลานไปชนบทครอบครัวละหนึ่งคนแล้วเหมือนกัน แม้ว่าทางรัฐจะยังไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธเรื่องข่าวที่หลุดออกมา แต่เหล่าตระกูลที่มีอันจะกินทั้งหลายก็เริ่มตื่นตัวกันแล้ว
“บะ บ้าน่า เธอเนี่ยนะจะยืมเงิน พูดเล่นแล้ว ฮะฮะฮะฮะ” เด็กสาวคนที่ออกปากเองว่าจะให้ยืมเงินแสร้งหัวเราะแล้วเดินหนีห่างออกไปทันที เรื่องอะไรเธอจะเอาเงินค่าขนมของตัวเองมาให้คนอื่นยืม สนิทกันหรือก็ไม่
เซียนอวี่ได้แต่มองตามหลังขำ ๆ คนพวกนี้ชอบที่จะเหน็บแนมคนอื่น การกดคนอื่นให้ต่ำแล้วยกยอตัวเองให้สูงนั้นเป็นเรื่องที่คนกลุ่มนี้ชอบทำ โดยเฉพาะยัยคนเมื่อครู่
แต่ไม่เป็นไร เธอจะให้อภัย เพราะหลายคนที่อยู่ตรงนี้ มีหลายคนที่ถูกส่งตัวไปยังชนบทเหมือนกันกับเธอ แต่ไม่ใช่ที่เดียวกันหรอกนะ แต่ละคนจะถูกสุ่มสถานที่ที่จะส่งตัวไป ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าชีวิตในวันข้างหน้าของเธอจะมีคนรู้จักมาเห็น หรือถ้ามาเห็นแล้วอย่างไร ในเมื่อคนอื่นก็ลำบากเหมือนกัน
การเก็บเล็กผสมน้อยของเซียนอวี่เป็นไปอย่างช้า ๆ แต่อย่างน้อยเธอก็มีรายรับเข้ามาทุกวัน จากพ่อซ่งบ้าง จากแม่ซ่งบ้าง ไหนจะเงินค่าขนมอีก ยิ่งเธอทำตัวดีกับหนิงหนิงมากเท่าไหร่ เงินที่เธอได้รับก็มากเท่านั้น ถึงคำพูดของอีกคนจะกวนระบบประสาทเธอแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็จะอดทนเอาไว้
“พี่คะ วันนี้ก็จะออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ๆ อีกแล้วหรอคะ” ในทุก ๆ วันก่อนออกจากบ้าน ซ่งหนิงหนิงเหมือนคนที่ดวงสมพงษ์กับเธอยิ่งกว่าชายหนุ่มท่านไหนในโลกใบนี้
ในทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน เธอจะต้องได้เจอกับหนิงหนิงที่เตรียมตัวเข้าเรียนกับอาจารย์ที่จะมาสอนถึงที่บ้าน และอีกคนก็จะถามเธอแบบนี้ทุกเช้า ว่าออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนอีกแล้วหรอ สำหรับคนไม่ชอบ ความห่วงหรือหวังดีก็เป็นเรื่องน่ารำคาญเหมือนกัน
“ใช่ ฉันไม่ต้องเรียนแบบเธอนี่ แล้วนี่เธอไม่รีบเข้าเรียนหรอ ถามจริง ๆ นะหนิงหนิง ทำไมเธอถึงมารอเจอฉันทุกเช้าเลยล่ะ” แต่ทนแล้วยังไง ความอดทนของคนมันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน เธอต้องปั้นหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
ทั้งที่เก็บอารมณ์มาได้ดีตลอด แต่วันนี้เซียนอวี่กลับเลือกจะตอบกลับบ้าง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงมากมายอะไร แค่เป็นการถามทั่ว ๆ ที่ทำเอาคนฟังเม้มปาก
หากถามว่าเซียนอวี่เกลียดคนแบบไหนมากที่สุด ก็ต้องเป็นคนที่เอาแต่ร้องไห้เอาแต่อ่อนแอ เหมือนตอนนี้ที่หนิงหนิงกำลังน้ำตาซึมเพราะเธอถามว่าไม่ต้องไปเรียนหรอ แล้วทำไมเราสองคนถึงได้เจอกันทุกเช้า คำถามทั่ว ๆ ไปแบบนี้ อีกคนยังร้องไห้ คิดว่าถ้าเจอเธอด่าจริง ๆ จะขนาดไหนกันล่ะ
ชีวิตก่อนเธอตกหลุมอารมณ์ของตัวเอง เธอด่ากราดใส่อีกคนจนคนในบ้านตำหนิเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ชีวิตใหม่นี้เธอจะไม่ทำอย่างนั้น ที่ผ่านมาเธอได้เรียนรู้แล้วว่า ซ่งหนิงหนิงเป็นคนเสแสร้งมากแค่ไหน
“มีเรื่องอะไรกัน อาหนิง ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะลูก เซียนอวี่ ลูกว่าอะไรน้อง” บุญบาป คุณแม่ของพวกเราที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนเข้ามาเห็นฉากนั้นเข้าพอดีกระมัง แต่จากคำพูดแล้ว น่าจะไม่ได้มาเห็นตั้งแต่ต้น
“ไม่นะคะแม่ หนูกำลังจะออกไปหาเพื่อน ๆ แต่หนิงหนิงเดินมาทักทายเหมือนทุกเช้า หนูแค่ถามไปว่าทำเรามีวาสนาต่อกันขนาดนี้นะ เจอกันทุกเช้าเลย แม่ก็รู้นี่คะ หนิงหนิงต้องไปเรียนกับอาจารย์ ส่วนหนูก็ออกไปหาเพื่อน ๆ ก็แค่นึกขำว่าวาสนาเราตรงกันจนได้มีโอกาสเจอกันทุกเช้าเท่านั้นเอง ที่หนิงหนิงทำหน้าแบบนั้น แม่ต้องถามเองแล้วล่ะค่ะ หนูไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคะ” นี่แน่ะ ก่อนจะปล่อยให้นังดอกบัวนี่เปิดปากเล่าความเท็จเอนเอียงไปฝั่งตัวเอง เธอชิงพูดก่อนจะดีกว่า ถ้าปล่อยให้ซ่งหนิงหนิงพูด บางทีคำพูดง่าย ๆ ว่าเจอกันทุกเช้าเลยของเธอ อาจจะกลายเป็นว่าเธอไปพูดจาส่อเสียดเหน็บแนมอีกคนก็ได้ ไว้ใจไม่ได้หรอกนะคนแบบนั้นน่ะ
“จริงหรือเปล่าอาหนิง” คุณแม่ซ่งอดไม่ได้ที่จะหันไปถามลูกสาว ถ้าแค่คำพูดแบบที่เซียนอวี่ว่า มันก็ไม่น่าจะเป็นอะไรไม่ใช่หรอ แล้วลูกสาวเธอทำไมถึงได้ทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้แบบนั้นล่ะ แถมน้ำตายังคลอเบ้าจนเห็นได้ชัดอีก
“จะ จริงค่ะ พี่พูดแบบนั้น หนู...หนูแค่-” ซ่งหนิงหนิงไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร คำพูดของเซียนอวี่ไม่ได้รุนแรงจนต้องร้องไห้ แต่เธอกลับรู้สึกเปรี้ยวในใจอย่างไรไม่รู้ สุดท้ายเลยเผลอทำหน้าแบบนั้นออกไปจนคุณแม่มาเห็น ถ้าทุกคนรู้ว่าเธออิจฉาเซียนอวี่ ทุกคนจะมองว่าเธอไม่ดีหรือเปล่า
“เห็นมั้ยล่ะคะคุณแม่ แล้วคุณแม่มาคาดคั้นหนูแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ คุณแม่จะดุหนูหรอคะ ทั้งที่หนูเองก็เป็นลูกของคุณแม่เหมือนกันนะคะ”
เซียนอวี่ตั้งใจพูดให้สองแม่ลูกตั้งสติ คนพวกนี้ยังไม่รู้ว่าเธอรู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดของตัวเองแล้ว ยิ่งช่วงนี้ครอบครัวซ่งยิ่งจะปล่อยให้ข่าวหลุดออกมาถึงหูใครไม่ได้เด็ดขาด เพราะอีกแค่ไม่กี่วัน ทางการจะประกาศเรื่องส่งตัวเยาวชนทั้งหลายไปชนบทแล้ว
“...ไม่เลยลูก แม่จะทำอย่างนั้นได้ยังไงกัน ลูกรัก แม่ก็รักลูกเท่ากันทุกคน เพราะว่าน้องพึ่งจะเข้ามา หลายปีที่น้องถูกคนไม่ดีเอาตัวไป ต้องลำบากกว่าพวกเรามาก แม่เลยเผลอตัวไปหน่อย เซียนอวี่อย่าโกรธแม่กับน้องเลยนะลูก” หญิงวัยกลางคนรีบเอ่ยปลอบใจลูกสาวบุญธรรม
ในตอนแรกเธอตั้งใจจะบอกความจริงให้เด็กคนนี้รู้เสียที ว่าตำแหน่งที่ตนเองอยู่ ตอนนี้เจ้าของเขากลับมาแล้ว เมื่อตัวจริงพร้อม เซียนอวี่ต้องคืนตำแหน่งและทุกอย่างให้หนิงหนิง แต่สามีของเธอกลับห้ามเอาไว้ก่อน ทั้งยังเน้นย้ำว่าต้องทำตัวให้ดีกับเซียนอวี่เข้าไว้ อย่าให้เด็กสาวต้องหมางใจเป็นอันขาด
“ฮึ หนูจะหายโกรธก็ได้ แต่คุณแม่ต้องให้เงินค่าขนมของวันนี้เพิ่ม หนูอยากได้เครื่องประดับ ของเดิมมันเชยแล้ว เพื่อน ๆ เริ่มถามว่าไม่มีเงินซื้ออันใหม่ใส่หรือยังไง หนูไม่ยอมนะคะ”
“เอาสิลูก มา ๆ แม่จะให้พิเศษเลยนะวันนี้ ลูกอยากได้อันไหนก็เลือกเอาได้เลย เอานี่จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ งั้นหนูไปก่อนนะคะ หนิงหนิงด้วย พี่ไปก่อนนะ ตั้งใจเรียนล่ะ” ต่อหน้าทุกคนเธอจะแสร้งทำเป็นแทนตัวเองว่าพี่เพื่อให้คนในบ้านตายใจ แต่อย่าลืมนะ ว่าหนิงหนิงเองก็เอาแต่เรียกเธอว่าพี่ ทั้งที่ความจริงแล้วเจ้าตัวรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองอายุเท่ากันกับเธอ